คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 ความทรงจำหลังลืมตา 100%
แพขนตาอันหนักอึ้งค่อยๆ ลืมขึ้นมาอย่างยากลำบาก แสงจากหลอดไฟทำให้ดวงตาพร่ามัวผิดปกติ
ภายในห้องพิเศษของโรงพยาบาล ชายหนุ่มนั่งไขว่ห้างดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาโดยมีหญิงสาวกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้ข้างๆ เขา เครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่ทำให้เขารู้สึกหนาวจนต้องเอาผ้าห่มที่ใช้เมื่อคืนมาห่มแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ห่มก็ต้องเปลี่ยนใจไปห่มให้หญิงสาวข้างๆ แทนเพราะอะไรบางอย่างในตัวชายหนุ่มกำลังบอกว่าเธอต้องหนาวกว่าเขาอย่างแน่นอน
“อืม...”
ริมฝีปากของหญิงสาวส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อยทำให้ตั้งหันไปมองอย่างสนใจ
“รู้สึกตัวแล้วหรอ” ตั้งลุกขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหาหญิงสาว
“นายเป็นใคร แล้วที่นี่ที่ไหนกัน”
“ผมก็คือคนที่ช่วยคุณไง ส่วนที่นี่คือโรงพยาบาล”
“แล้วโรงพยาบาลมันคืออะไรกัน”
หญิงสาวถามเสียงซื่อๆ พลางกลอกตาสีเขียวมรกตมองไปรอบๆ ห้อง
ยัยนี่ถามอะไรแปลกๆ ไปอยู่ที่ดาวเคราะห์ไหนมาเนี่ย ตั้งคิดแล้วแอบหัวเราะเล็กน้อย
“นี่นายว่าฉันหรอ”
แต่ราวกับว่าเธอรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงโพล่งออกมาแทบจะทันที
“เปล่าสักหน่อย”
ตั้งรีบปฏิเสธพัลวัน ทำให้หญิงสาวส่งค้อนให้วงโตแต่มันดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียมากกว่า
“ยิ้มอะไร”
เธอพูดทันทีที่เห็นเขามองเธอแล้วยิ้มออกมา
“เปล่า” ตั้งปฏิเสธเสียงสูง
“ก็ฉันเห็นนายยิ้มอยู่นี่ไง” เธอพูดต่ออย่างไม่เลิกละ ตั้งจึงพูดเปลี่ยนเรื่องทันที
“เออ แล้วตกลงเธอชื่ออะไรเนี่ย”
“ฉันชื่อ...ชื่อ...ชื่อ...ฉันชื่ออะไรอ่ะ”
เธอทำหน้างงเล็กน้อยที่จะตอบคำตอบที่ทำให้ตั้งเบิกตาโต
นี่เธอกำลังอำเขาเล่นใช่มั้ย!
“นี่ ฉันไม่ได้อำนายนะ ฉันจำไม่ได้จริงๆ!”
รู้ได้ไงฟ่ะ! นี่เธออ่านความคิดฉันออกด้วยหรอเนี่ย! ดูท่าเธอจะไม่ได้อำเราจริงๆ!
ในขณะที่ตั้งกำลังยืนคิดอยู่นั้น ผู้ชายวัยกลางคนดูมีอายุในชุดเสื้อกาวน์ก็เดินเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับสาวสวยในชุดทำงานพยาบาลคนหนึ่งกำลังเดินตามหลังมาติดๆ
“หมอขออนุญาตตรวจเช็คคนไข้หน่อยนะครับ”
ไม่นานนักคุณหมอก็ตรวจอาการของหญิงสาวเสร็จเรียบร้อย ตั้งจึงรีบถามอาการของเธอแทบจะทันทีด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก
“คือสรุปเธอเป็นอะไรหรอครับหมอ”
“เนื่องจากสมองของผู้ป่วยเกิดการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้เธอสูญเสียความทรงจำที่เธอมีไปครับ”
"แล้วเธอจะมีโอกาสกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหมครับหมอ..."
"เรื่องนี้หมอคงจะให้คำตอบไม่ได้นะครับ ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้ และกำลังใจจากญาติพี่น้อง บางคนใช้เวลา2-3เดือนก็หายแล้วครับ บางคนก็ใช้เวลาเป็นปี บางคนก็ใช้เวลาตลอดชีวิตครับ งั้นหมอว่าหมอขอตัวก่อนนะครับ ส่วนเรื่องการออกจากโรงพยาบาล หมอว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วก็สามารถออกได้วันนี้เลยครับแต่หมอคงต้องนัดตรวจอีกทีนะครับ”
ทันทีที่คุณหมอพูดจบก็กล่าวลาอย่างสุภาพแล้วเดินจากไปในทันทีทิ้งให้ตั้งยืนตัวแข็งทื่ออยู่แบบนั้น
ความจำเสื่อม ไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่ ?
“นี่นาย ฉันขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้”
เสียงของหญิงสาวดังขึ้นเบาๆ แม้เธอเองจะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของคุณหมอที่พูดแบบนั้นก็ตามที แต่เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้นมันคงเป็นสิ่งที่ไม่ดีอย่างแน่นอนไม่งั้นผู้ชายตรงหน้าเธอคงไม่ยืนเครียดอยู่แบบนี้หรอก
“ไม่ต้องขอโทษๆ เธอไม่ได้ผิด เรื่องนี้มันห้ามกันได้ที่ไหนกันล่ะ”
ตั้งยิ้มให้เล็กน้อย แม้มันจะเป็นรอยยิ้มที่ฝืนก็ตาม ตอนนี้เขาเองกำลังสับสนว่าจะปล่อยเธอไว้ที่นี่เลยหรือว่าจะดูแลเธอต่อไป เพราะยังไงเธอและเขาก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอยู่แล้วแถมผู้หญิงคนนี้เป็นใครตั้งก็ไม่รู้จัก แค่ช่วยชีวิตเธอที่กำลังจะตายอยู่หน้าบ้านตัวเองเท่านั้น แต่ถ้าหากปล่อยเธอไว้แบบนี้เขาเองก็ไม่แน่ใจอีกว่าพอเธอออกจากโรงพยาบาลแล้วจะมีอะไรมาทำร้ายเธอแบบที่เขาเห็นครั้งก่อนอีกหรือไม่เพราะสภาพเธอที่เขาเห็นนั้นมันช่างดูน่ากลัวเสียเหลือเกิน
“นี่ ว่าแต่นายชื่ออะไรหรอ”
“ฉันหรอ ? ฉันชื่อตั้งน่ะ”
“หรอ ดีจังเลย แล้วฉันชื่ออะไรเนี่ย”
“ช่างมันเถอะนา ไว้ค่อยคิดไปเรื่อยๆ ก็ได้”
ตั้งให้กำลังใจหญิงสาวที่ทำหน้ามุ่ยอยู่บนเตียง เขาคงต้องพาเธอออกจากโรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยคิดหาทางว่าจะพาเธอไปอยู่ที่ไหนสินะเพราะขืนยังให้พักที่โรงพยาบาลต่อไปแบบนี้มีหวังค่าห้องของเธอทำเขาตายแน่ๆ
หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย หันมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง ในหัวเริ่มมีเรื่องคิดมากมาย มือเล็กกุมจี้ที่สวมใส่อยู่โดยไม่รู้ตัว ทำไมเธอถึงจำอะไรไม่ได้เลยนะ จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เธอจะมาอยู่ในที่ที่เรียกว่าโรงพยาบาล รอบๆ ตัวของเธอในตอนนี้เป็นสิ่งแปลกตาที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แล้วถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในตอนนี้มันจะทำให้คนอื่นเดือดร้อนล่ะ อย่างเช่นนายตั้งคนที่บอกว่าพาเธอมาส่งที่นี่ อาจจะได้รับความเดือดร้อนไปด้วยก็ได้
“นี่ตั้ง นายพอรู้มั้ยว่าตอนที่นายเจอฉัน ฉันเป็นยังไงบ้าง”
“หืมม์ ตอนเจอเธอหรอก็เห็นเธอนอนจมกองเลือดอยู่ที่กำแพงบ้านฉัน ก็เลยช่วยพาเธอมาส่งโรงพยาบาล หรือว่าเธอพอจำอะไรได้บ้างแล้ว”
หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบว่ายังนึกไม่ออก ตอนนี้เธอพอจะเดาได้ว่าเธอน่าจะหนีอะไรมาสักอย่างแต่อะไรกันที่ทำให้เธอบาดเจ็บจนตั้งบอกเลยว่านอนจมกองเลือดอยู่ อีกอย่างก็คือ ทำไมเธอถึงรู้ได้นะว่าใครกำลังคิดอะไรอยู่ หรือว่าแท้จริงแล้วเธออ่านใจคนได้ งั้นคนอื่นๆ คงเป็นแบบเธอสินะ
“กำลังคิดอะไรอยู่น่ะ บอกแล้วว่าไม่ต้องเครียด”
เสียงของตั้งดังขัดจังหวะความคิดของหญิงสาวทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ความคิดที่ไม่สิ้นสุด เขาย่นคิ้วเล็กน้อยที่โดนหญิงสาวมองหน้าด้วยสายตาสงสัย
“มีอะไรติดหน้าฉันรึไงกัน”
“เปล่าหรอก ไม่ใช่ แต่นายไม่รู้หรอว่าฉันคิดอะไรอยู่?”
“ฉันจะไปรู้ได้ไงกันเล่า พวกที่อ่านใจคนได้สงสัยคงมีแต่พวกที่หลุดออกมาจากโลกอื่นเท่านั้นแหละที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ ถามอะไรแปลกๆ”
ตั้งบ่นยาวพรืด แต่นั่นกลับทำให้หญิงสาวมีสีหน้าเครียด เพราะคำพูดของเขานั้นได้แทงใจดำเธออย่างไม่รู้ตัวไปเสียแล้ว
ตั้งพาหญิงสาวกลับมาบ้านตัวเองก็เกือบจะเที่ยงคืนแล้วเพราะมัวแต่วุ่นวายกับชุดของเธออยู่เพราะชุดตัวเก่าของหญิงสาวมันอยู่ในสภาพเปื้อนเลือดและขาดจนไม่สามารถใส่ได้อีกครั้งแถมไม่สามารถเอาชุดของทางโรงพยาบาลกลับบ้านได้เลยไม่ว่าตั้งจะขอร้องยังไงก็ตามทีผลสุดท้ายเขาจึงต้องไปหาซื้อเสื้อผ้าให้เธอโดยต้องเดาสุ่มแถมต้องไปคนเดียวอีกต่างหาก
“ยัยตา อยู่รึเปล่านะ”
ตั้งตะโกนเรียกน้องสาวตัวดีที่เขาเองไม่แน่ใจว่าอยู่บ้านหรือออกไปเที่ยวกันแน่ แต่ถ้าตุ๊กตาออกไปเที่ยวล่ะก็เห็นทีเขาคงต้องโทรฟ้องแม่เสียแล้วล่ะ
“นี่! ยัยตาอยู่บ้านรึเปล่า ออกมาหาพี่หน่อย”
ตั้งตะโกนเรียกอีกครั้งคราวนี้มีร่างของใครบางคนเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างหนักที่โดนปลุกตั้งแต่เที่ยงคืน แถมเธอเพิ่งจะนอนหลับไปเองด้วยทำให้อารมณ์เสียมากกว่าปกติ
“จะตะโกนอะไรของพี่นักหนา แล้วนี่พี่พาเธอกลับมาด้วยหรอ สรุปเธอชื่ออะไรแล้วทำไมถึงมีเลือดท่วมตัวล่ะวันนั้นอ่ะ”
“อย่ามารัวคำถามใส่พี่แบบนี้สิ แต่ก็ดีเลยฟังพี่เล่าให้ดีแล้วช่วยพี่คิดเลยนะว่าจะเอายังไงดี เข้าใจมั้ย?”
ตั้งค่อยๆ เล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นให้น้องสาวตัวเองฟังตั้งแต่เธอฟื้นขึ้นมาแล้วจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งชื่อ และเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ เรื่องที่คุณหมอบอกหรือเรื่องที่เขาต้องไปทรมานกับการซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงให้หญิงสาว
“ก็อย่างที่พี่เล่ามา คือเธอความจำเสื่อมจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลย”
“อืม...”
“แล้วจะให้พี่ทำยังไงดีล่ะ”
“อืม...”
“เฮ้ย! ยัยตาฟังพี่รึเปล่าเนี่ย”
“อืม...”
ตั้งร้องโวยวายเมื่อเห็นว่าตุ๊กตานั่งหลับเรียบร้อยไปแล้ว ดูเหมือนว่าเรื่องที่เขาเพิ่งเล่าไปเมื่อกี้ไม่ได้อยู่ในหัวของตุ๊กตาเลย แล้วไอ้ที่ อืมๆ เนี่ยหมายความว่าเธอหลับไม่ได้ฟังเขาแล้วตอบรับว่า อืม
ตั้งเขย่าตัวตุ๊กตาเพื่อให้ตื่นแล้วเริ่มเล่าเรื่องใหม่อีกครั้งคราวนี้เขาจ้องตุ๊กตาเพื่อให้รู้ว่าเธอไม่ได้แอบหลับอีก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคราวนี้เขาตั้งใจว่าจะเอาน้ำมาสาดน้องสาวตัวเองเพื่อให้ตื่นเต็มตาได้เอง
“งั้นคือเขาความจำเสื่อมใช่มั้ย ในเมื่อบ้านก็ไม่มีชื่อก็จำไม่ได้ก็ไม่เห็นยากนี่นา เราให้เขาอยู่บ้านเราไปก่อนก็ได้ ส่วนเรื่องชื่อ...”ตุ๊กตาเว้นวรรคไปเล็กน้อยเพื่อใช้ความคิดก่อนที่จะพูดต่อ “ให้ชื่อแอ้มสิ น่ารักดีนะ”
“เฮ้ยๆ ไม่ได้ๆ พี่ไม่ให้เธออยู่ที่นี่เป็นอันขาด”
ตั้งร้องประท้วง เขาไม่ได้รังเกียจเธอหรอกนะแต่ว่าการอยู่บ้านกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักเนี่ยจะให้ทำได้ยังไง คนอื่นได้เอาไปว่าเสียๆ หายๆ หมดพอดีล่ะสิ
“ทำไมล่ะ พี่คิดดูนะผู้หญิงน่ะจะให้อยู่คนเดียวได้ไงแถมความจำเสื่อมอีกเดี๋ยวถูกหลอกไปข่มขืนจะทำยังไงล่ะ ใช่มั้ยแอ้ม”
ตุ๊กตาไม่พูดเปล่ายังหันไปขอความเห็นแอ้มที่กำลังนั่งขมวดคิ้ว งงอยู่กับชื่อใหม่ของตัวเองที่ฟังดูแล้วแปลกๆ ยังไงอย่างบอกไม่ถูก
“อะ...อืม ใช่เลย”
แอ้มตอบกลับไปแบบงงๆ แล้วยิ้มเจื่อนๆ ให้ทั้งคู่ ตุ๊กตาจึงฉีกยิ้มกว้าง
“ยังไงก็ไม่ได้ พี่ไม่ให้อยู่ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ให้อยู่”
“นายกล้าให้ผู้หญิงไปอยู่คนเดียวเลยหรอ”
แอ้มเอียงคอถาม เธอตั้งใจจะแกล้งตั้งดูเล่นๆ เพราะเธออยากจะเอาคืนเรื่องที่เขาจ้องหน้าเธอในโรงพยาบาลแล้วนั่งยิ้ม
ทำไมเราต้องให้ผู้หญิงที่ไม่รู้จักมาอยู่บ้านเราด้วยกันเล่า
ตั้งแอบนั่งคิดอยู่ในใจแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่พอหันหน้าไปมองแอ้มเขาก็ต้องตกใจเมื่อหญิงสาวมองเขาอยู่ก่อนแล้วแถมยังส่งค้อนให้วงใหญ่อีกต่างหาก นี่เขายังไม่ทันพูดอะไรเลยนะจะมาจ้องเขาด้วยสายตาแบบนี้ได้ยังไงกัน
“คนไม่รู้จักกันอยู่บ้านด้วยกันไม่ได้หรือไงกัน”
แอ้มถามขึ้นอย่างไม่ชอบใจ และเมื่อได้ยินคำถามนี้ทำให้ตั้งถึงบางอ้อทันที เขาเคยแอบสงสัยอยู่ว่าเธออ่านใจคนได้รึไงกันนะแต่พอได้ยินตรงๆ แบบนี้ทำให้เขาหาคำตอบได้ทันทีเลยว่าเธอต้องอ่านใจคนออกได้อย่างแน่นอน
“ก็เปล่า แต่เธอเป็นผู้หญิงนะ จะมาอยู่บ้านเดียวกันกับผู้ชายได้ยังไงกัน”
“แต่ตาก็เป็นผู้หญิงนะ”
ตุ๊กตาเถียงตั้งทันทีที่ตั้งพูดจบ เธออยากที่จะให้ผู้หญิงมาอยู่บ้านหลังนี้บ้างเพราะพี่ชายเขาวันทั้งวันเอาแต่เที่ยวกับวาดรูป น้อยครั้งนักที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเธอและนี่คือเหตุผลที่เธอจึงชอบออกไปเที่ยว เพราะอยู่ไปก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วแต่ถ้าเธอได้มีคนมาอยู่บ้านเป็นเพื่อนเธอ ตุ๊กตาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องออกไปเที่ยวแก้เซ็ง แถมเป็นผู้หญิงอีกด้วย คงจะคุยอะไรหลายๆ อย่างสะดวกขึ้นอีกมากโข
“เออ อยากอยู่ก็อยู่ไปเลย เฮอะ! พี่ไปนอนแล้วล่ะ”
เมื่อตั้งหาข้ออ้างที่จะเถียงต่อไม่ได้ก็ต้องยอมแพ้แล้วเดินตรงไปยังที่ห้องของตัวเองทิ้งให้ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะอยู่อย่างนั้น อยากจะขำนักก็ขำไปเลยให้น้ำลายมันติดคอตายนั่นแหละ
“นี่แอ้ม ชื่อนี้ใช้ได้ใช่มั้ย ยังไงคืนนี้ก็นอนกับฉันก่อนก็ได้ พี่เขานิสัยแบบนี้แหละปล่อยเขาไปเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันนะ”
ตุ๊กตายิ้มกว้างให้กับแอ้มแล้วลากเธอไปยังห้องนอนของตนเองด้วยความเพลียจัด
แอ้มมองห้องแปลกๆ ที่ตุ๊กตาพาเข้ามา ทุกอย่างดูแปลกตาไปหมด ตั้งแต่ตู้ใหญ่ๆ จนไปถึงผ้าแปลกๆ บนพื้นที่ตุ๊กตาเรียกมันว่า พรม
“เราต้องรีบวิ่งแล้วล่ะ อย่าให้พวกมันตามเธอทัน”
เสียงของชายหนุ่มกระซิบบอกหญิงสาวในชุดที่ขาดเล็กน้อยและเริ่มมีบาดแผลตามตัวพยักหน้ารับพร้อมกับวิ่งให้เร็วที่สุด เธอหันไปมองเบื้องหลังก็พบว่ามีชายสามสี่คนวิ่งไล่ตามเธอมาอยู่และพยายามใช้พลังโจมตีเธอไม่หยุด ความกลัวพุ่งเข้ามาในจิตใจ กลัวว่าเธอจะหนีไม่พ้น กลัวว่าครอบครัวเธอจะเป็นอะไรไป กลัวทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า แต่เสียงของคนข้างกายก็ยังสามารถทำให้เธออุ่นใจได้เล็กน้อย
“แสงอะไรน่ะ”
หญิงสาวเพ่งตามองไปยังแสงสีขาวที่อยู่เบื้องหน้า ก่อนที่ต้องชะงักเมื่อร่างของชายหนุ่มที่วิ่งคู่กับเธอถูกทำร้ายอย่างจัง
“อย่าหันกลับมามอง วิ่งไปซะ วิ่งไปเรื่อยๆ”
ชายหนุ่มรีบตะโกนห้ามหญิงสาวที่ทำท่าจะหยุดชะงักเพื่อกลับมาหาเขาที่ล้มลงอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวแต่กลับเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงสด เขาพยายามลุกขึ้นวิ่งตามหลังเธอไป
หญิงสาวรีบวิ่ง อย่างไม่หยุดพัก น้ำตาเอ่อล้นออกมาจนดวงตาเริ่มพร่ามัว แสงสีขาวค่อยๆ กลืนกินร่างกายของเธอ ภาพของชายหนุ่มที่วิ่งตามหลังมาเริ่มเลือนรางพร้อมกับระเบิดที่กำลังปะทุขึ้นด้านหลังของเขา จนทำให้เธอต้องหวีดเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ คิดอยากจะวิ่งกลับไปแต่เหมือนมีอะไรดึงเธอไว้ไม่ให้ไปไหน
“ม่ายยย! กรี๊ดดดดดด~”
“แอ้ม แอ้ม เป็นอะไรไปน่ะ”
เสียงใสๆ ของตุ๊กตาปลุกแอ้มที่นอนส่ายหัวไปมาอย่างรุนแรง ดูท่าแอ้มคงกำลังฝันร้ายเป็นอย่างมากสินะ เลยเกิดอาการแบบนี้ขึ้นมา
“ตุ๊กตา
”
แอ้มร้องออกมาเบาๆ เมื่อลืมตาขึ้นแล้วพบตุ๊กตายืนอยู่ข้างเธอ พร้อมกับตั้งที่ทำหน้าบูดบึ้ง ชุดที่เขาใส่มันดูแปลกตายังไชอบกล
“จะกรี๊ดอะไรของเธอนักหนา ตาถ้าไม่มีอะไรแล้วไปอาบน้ำเลยไป วันนี้พี่ไม่มีเรียนเดี๋ยวดูแลยัยนี่เอง”
ตั้งบ่นงึมงำแล้วไล่ให้ตุ๊กตาไปอาบน้ำทันที
หลังจากที่ตุ๊กตาไปเรียนตั้งก็เริ่มเลือกๆ ชุดของตุ๊กตาให้แอ้มใส่แบบขอไปทีก่อนจะปิดท้ายด้วยการทำอาหารเช้าให้กินโดยที่แอ้มพูดได้คำเดียวเลยว่ารสชาติแบบนี้เธอขอไม่กินอีกเป็นครั้งที่สองก็โอเคแล้ว
“ก็ฉันทำอาหารไม่เป็นนี่นา ทำได้แค่นี้ก็เก่งแล้ว”
ตั้งหาข้อแก้ตัวที่มันก็คือความจริง เพราะปกติแล้วหากไม่ไปกินข้าวนอกบ้านเขาก็กินฝีมือของแม่บ้านที่ถูกจ้างมาทำอาหารให้ทุกเช้าส่วนทำความสะอาดเธอจะมาแค่วันอาทิตย์เท่านั้น และตั้งก็ลืมบอกไปเลยว่ามีคนมาอยู่บ้านเพิ่มต้องทำอาหารเพิ่มด้วย
“นี่ตั้ง นี่มันคืออะไรหรอ”
แอ้มชี้ไปที่โทรทัศน์จอใหญ่ที่กำลังเปิดช่องหนังแอ็กชัน บู๊กันเลือดสาดเต็มหน้าจอ
“โทรทัศน์น่ะ เอาไว้ดูอะไรต่างๆ”
“คนเขาเข้าไปอยู่ในกล่องเล็กๆ แบบนี้ได้ด้วยหรอ เก่งจังเลยเนอะ”
แอ้มยิ้มแล้วนั่งดูหนังในโทรทัศน์ แรกๆ ก็สนุกดีออกแต่พอหลังๆ มาเธอชักไม่อยากดูเพราะมันเริ่มคล้ายๆ กับความฝันเมื่อคืนสุดท้ายแอ้มเลยลุกขึ้นหนีจากโทรทัศน์แล้วเริ่มมองหาอย่างอื่นทำต่อ
“นี่! แอ้มเดี๋ยวเพื่อนฉันจะมาที่บ้านนะ”
ตั้งบอกกับแอ้มที่กำลังนั่งมองไปนอกบ้านอย่างเพลินๆ ซึ่งแอ้มก็พยักหน้าว่ารับรู้แล้วแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น เอาแต่มองไปนอกบ้าน
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมก็มีเสียงออดดังขึ้นจากรั้วบ้านด้านนอก ตั้งจึงเดินไปเปิดประตูให้เพราะรู้ว่าเพื่อนของเขามาแล้ว
ทันทีที่ผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาในบ้านแอ้มก็ถึงกับตะลึงอยู่อย่างนั้น ด้วยอาการตกใจปนกลัวเล็กน้อย
ร่างสูงโปร่ง ดูผอมเล็กน้อย แว่นตาหน้าเตอะอยู่บนสันจมูก หน้าเรียว ผิวซีด ใบหน้าซูบเล็กน้อย ตาสีดำซึ่งเป็นสีเดียวกับสีผมเข้มปล่อยเอาไว้ดูรุงรังเล็กน้อย
“หวัดดีเพื่อน”
เดี๋ยวจะมาลงต่อ รอดูคอมเม้นต์อยู่ครับ ^^" อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง อ่า
ความคิดเห็น