จากความตั้งใจที่จะนอนบนตักคนรักตลอดการดูรายการโปรดทางโทรทัศน์ก็ถูกพับเก็บลงเมื่อเสียงเครื่องมือสื่อสารดังขึ้น ควอนฮยอนบินผละออกจากคนตัวเล็กทันทีและเลี่ยงไปยังหน้าระเบียงกว้าง พอได้ยินธุระปะปรังสำคัญของคนที่โทรมารบกวนเวลาพักผ่อนตอนดึกดื่นก็ทำเอาคนฟังกระตุกยิ้ม
"คุณควอน ฮยอนบินครับ ตอนนี้คุณเป็นหนึ่งในสมาชิกของเราแล้ว ผมหวังว่าเราจะพบกันที่องค์กรในวันพรุ่งนี้นะครับ"
มันยังไม่สายไปสำหรับการล้างแค้นหรอกนะคิม ดงฮัน
_____
"คนนั้นคือประธานคิม" ทันทีที่ร่างสูงปรากฏตัวขึ้นบนเวทีที่ถูกจัดแบบขนาดย่อมในหอประชุมกลางขององค์กร เสียงชัตเตอร์และถ้อยคำพูดคุยก็ดังขึ้นไม่หยุดหย่อนแม้กระทั่งในยามที่การแถลงการณ์จบลง คิม ดงฮันที่ดูดุดันและน่าเกรงขามนั้นต่างจากที่ทาคาดะเคยเล่าให้เขาฟัง หนุ่มแสนนุ่มนวลและอบอุ่นเสียจนเบต้าหรือโอเมก้าตนไหนเข้าใกล้เป็นอันต้องหลงไหล หากแต่ตอนนี้มีเพียงมาดอันแสนเคร่งเครียดที่ฮยอนบินนึกขยะเขยง
แน่นอนว่าการออกสื่อครั้งนี้คือการประกาศถึงแนวทางการดำเนินงานทิศทางใหม่ขององค์กรพร้อมทั้งการจัดประชุมใหญ่ครั้งที่หนึ่งของพนักงานใหม่ที่ไม่ได้เป็นเพียงทรูอัลฟ่า แต่เป็นทั้งอัลฟ่าและทรูอัลฟ่าจึงเป็นที่น่าจับตามองของสื่อที่สุดในระยะนี้ ไหนจะกลิ่นอันรุนแรงของกาแฟที่แผ่ไปทั่วทำเอาผู้คนต้องเหลียวหน้าหลังเป็นพัลวัน
ฮยอนบินนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดจับจ้องคนสำคัญขององค์กรไม่วางตา สูดดมกลิ่นกาแฟเข้าลึกเต็มปอดแม้จะรู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่บ้างแต่ในยามนี้คงไม่อาจเลี่ยงสิ่งใดได้
"คุณควอน ฮยอนบิน" เสียงทุ้มเรียกเขาก็หลุดออกจากภวังค์ในที่สุด พอตอบรับคำคนร่างหนาดูท่าภูมิฐานดีก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างกายเขาอย่างไม่ได้รับเชิญ
"ผมคัง ดงโฮ ผู้ช่วยท่านประธาน" คนฟังแค่นหัวเราะเลิกคิ้วรอฟังความต่อ
"ผมรู้จุดประสงค์ของคุณที่คุณมาอยู่ที่นี่ บางทีเราอาจจะตกลงอะไรกันได้" ควอน ฮยอนบินกระตุกยิ้ม นั่งในท่าทางที่สบายกว่าเก่า
"เราต่างคนต่างไม่พอใจประธานคนนี้สักเท่าไรเหมือนๆกัน" คัง ดงโฮบอก เรียกเสียงหัวเราะในลำคอของฮยอนบินได้อีกครั้ง นึกไปนึกมาก็อดสงสารท่านประธานไม่ได้ มีหนอนบ่อนไส้อยู่ในองค์กรที่ใกล้ตัวเสียขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้บ้างไหม
"เราไม่เหมือนกันหรอกครับ" เสียงทุ้มเอ่ย "คุณเกลียดเขาเพราะคุณอยากชิงดีชิงเด่นแต่ผมเกลียดเขาเพราะเหตุผลส่วนตัว" จบประโยคของฮยอนบินก็เกิดความเงียบอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าการที่เขาเกลียดคิม ดงฮันจะทำให้เขาขาดสติถึงขั้นเลือกทำร้ายใครสุ่มสี่สุ่มห้า และเขาก็ไม่ใช่คนดีถึงขั้นจะไม่สนใจจะฟังข้อเสนอแนะของคัง ดงโฮ หากแต่ในระยะนี้ใครต่อใครก็สามารถตลบหลังกันเองได้ เพราะฉะนั้นคงไม่เสียหายถ้าหากเขาจะรอดูไปสักระยะหนึ่ง
ชั่วจังหวะไม่ถึงอึดใจกลิ่นกาแฟเข้มก็โรยตัวคลอบคลุมไปทั้งห้องประชุมอีกครั้งหลังจากสื่อมวลชนทยอยตัวออกไปจนหมดพร้อมการกลับมาของประธานองค์กรที่กำลังส่งสายตาดุดันกวาดมองไปทั่วห้องกว้าง
เรียวปากหนาขยับเอ่ยทักทายสมาชิกเก่าและใหม่อีกครั้งด้วยถ้อยคำห่างเหินไม่ต่างจากเดิมแต่กลับดูใจเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด
"สิ่งเดียวที่ผมหวังคือหวังว่าทุกคนจะตั้งใจทำงานและซื่อสัตย์ต่อองค์กรของเราเหมือนกับคนในครอบครัวจริงๆ ... ผมได้ทำการคัดเลือกอัลฟ่าและทรูอัลฟ่าเข้ามาดำรงตำแหน่งต่างๆด้วยตัวของผมเอง ดังนั้นผมหวังว่าทุกคนจะไม่ทำให้ผมผิดหวังต่อสิ่งที่ผมตัดสินใจในครั้งนี้นะครับ..."
ฮยอนบินรับฟังเสียงนั้นด้วยความตั้งใจทุกถ้อยทุกประโยค รู้สึกกระด้างกระเดือกใจที่ต้องมานั่งฟังคำพูดของคนที่เขานึกเกลียดเป็นที่หนึ่ง ทั้งที่คิดไว้ว่าหากมีโอกาสเจอเป็นครั้งแรกคงจะใส่หมัดเข้าหน้าให้เต็มแรงจนสาแก่ใจแต่กลายเป็นต้องมานั่งปั้นหน้าภูมิใจในตัวประธานองค์กรไปเสียได้
ไม่นึกแปลกใจเลยสักนิดดังคำพูดของคนรักเขาที่ว่าหากเบต้าหรือโอเมก้าคนไหนได้เห็นรูปร่างสูงใหญ่และหน้าตาหล่อเหลาของคิม ดงฮันคงต้องเหลียวมองไม่วางตา ไม่รวมถึงเรื่องท่าทางที่ดูมีภูมิฐานดีและอิริยาบถในปัจจุบันที่หากทาคาดะได้มาเห็นคงคิดถึงความรักเก่าอีกครั้งอย่างแน่นอน
นัยน์ตาสีคาราเมลบันทึกภาพของผู้มีอิทธิพลในที่แห่งนี้ไว้อย่างละเอียด นึกไม่ตกว่าหากทาคาดะ เคนตะยังได้มีโอกาสได้อยู่กับชายคนนี้จนถึงปัจจุบันจะมีความสุขแค่ไหน คงเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบที่มีพ่อเป็นทรูอัลฟ่าและแม่เป็นแรร์โอเมก้า แต่อีกมุมนึงมันก็ดีที่ทาคาดะเป็นของเขาในทุกวันนี้
"วันนี้ผมขอจบการประชุมเพียงเท่านี้ ขอให้ทุกท่านตั้งใจทำงานที่องค์กรมอบหมายด้วยความเต็มใจด้วยนะครับ" พอจบประโยคท่านประธานก็ก้าวลงจากเวทีไม่สนใจใคร บรรยากาศในห้องเริ่มผ่อนคลายเป็นกันเองอีกครั้ง มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำความรู้จักกันอย่างผิวเผินในฐานะที่เป็นวันแรกของการพบปะกันระหว่างพนักงานเก่าและใหม่ ได้ยินมาว่าคนที่อยู่มานานไม่ค่อยพอใจในการเปลี่ยนแปลงระบบของประธานคิมเท่าไหร่นัก แต่แทนที่ประธานคิมจะถูกเขม่นเพียงผู้เดียว 'พวกเขา' ที่หมายถึงอัลฟ่าธรรมดาทั่วไปกลับถูกมองด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์รวมไปเสียด้วย
นึกแล้วตลกสิ้นดี โดยทั่วไปคงไม่มีอัลฟ่าชั้นสูงคนไหนอยากมาอยู่ร่วมกับอัลฟ่าชนชั้นธรรมดาอย่างควอน ฮยอนบินและอีกหลายชีวิตในนี้เท่าไรนัก แต่ประธานคิมกลับแตกต่างออกไป หรืออาจเป็นเพราะความคิดที่ทันสมัยทันโลกทันการณ์ของเจ้าตัวที่ใช้เป็นแรงขับเคลื่อนองค์กรในปัจจุบันทำให้ได้ตัดสินใจเช่นนี้
"คุณก็รู้ว่าพนักงานไม่ควรทำตัวลับๆล่อๆเดินตามเจ้านายแบบนี้" ชายหนุ่มที่เหมือนเจ้าชายรูปงามพูดกับเขา ฮยอนบินนึกไว้แล้วไม่มีผิด ท่านประธานนั้นทั้งฉลาดและรอบคอบถึงเพียงนี้ ไม่แปลกที่จะรู้ว่าเขาไล่เดินตามหลังมาเสียตั้งแต่ตอนที่ประธานเดินออกจากห้องประชุมแล้ว "พนักงานใหม่เหรอ?" คุณคิมเช็ดมือที่เพิ่งเปียกน้ำจากการล้างมือเมื่อคู่พลางมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าถาม
"ครับท่านประธาน" เขาตอบ ทำทีเดินไปล้างหน้าล้างตาบ้าง
"คุณมีปัญหาอะไรกับผมรึเปล่า" พอถูกถามตรงๆ เขาก็เหยียดยิ้ม "เก็บกลิ่นช็อคโกแลตของคุณไว้ใช้กับคนรักหรือโอเมก้าสักคนเถอะครับอย่ามาใช้กับคนที่จ่ายเงินเดือนให้คุณเลย" ดงฮันตบลงที่ไหล่คนในการควบคุมเบาๆ ส่งสายตาดุคมดูน่าเกรงกลัวให้อีกคนเห็นก่อนจะปรับเป็นดวงเนตรปกติในชั่ววูบ
"ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับคุณพนักงานใหม่" คราวนี้ท่าทางเป็นมิตรกลับมาอีกครั้ง
"ควอน ฮยอนบินครับ" ตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แม้ในใจตอนนี้กำลังคุกรุ่น เริ่มสัมผัสได้ถึงความอันตราย ความลุ่มร้อนและกลิ่นกาแฟที่เข้มเสียยิ่งกว่าพวกอัลฟ่าตอนรัต
"สวัสดีครับคุณควอน ฮยอนบิน ผมคิม ดงฮัน ผมหวังว่าเราจะร่วมงานกันได้อย่าง 'ดี' นะครับ"
_____
ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วหลังจากคนรักของเขาบอกว่าการประชุมได้สิ้นสุดลงไปอย่างเรียบร้อย
คิม ยงกุกอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งเดิมกับวันที่ลูกชายของเขาได้ประสบอุบัติเหตุในครั้งนั้น ชวนให้นึกถึงมันอย่างเลี่ยงไม่ได้ วันนี้อากาศเย็นกว่าทุกวัน เขากระชับผ้าคลุมผืนหนาให้แนบกับคอตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม น่าแปลกที่มันเป็นฤดูใบไม้ผลิแต่อุณหภูมิกลับเริ่มหนาวอีกแล้ว
อาจจะเพราะเวลาที่ล่วงไปถึงหนึ่งทุ่มเห็นจะได้ ทำให้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจให้แก่คนที่ขี้หนาวสั่นเช่นนี้ ไม่อยากจะยอมรับตรงๆแต่ในเวลาแบบนี้ เขาช่างหนาวเหลือเกิน
เขานัดกับครอบครัวเอาไว้ที่ร้านอาหารในเมือง หากแต่เพราะเห็นว่ายังมีเวลาอีกมากนักจึงเลือกมาเดินที่สวนสาธารณะแห่งนี้เพื่อรอเวลาที่คนรักเลิกงาน ส่วนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั้นได้ติดตามคนเป็นลุงอย่างคิม ซังกยุนไปที่ร้านอาหารข้างซุปเปอร์มาร์เก็ตในเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้ทั้งคู่เลือกจะไปรอที่ร้านอาหารก่อนยงกุกและดงฮัน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไร้วี่แววของคนรัก
"กำลังจะออกจากที่ทำงานนะครับ"
เป็นข้อความที่คนรักเพิ่งส่งให้เขาสดๆร้อนๆ เขาตัดสินใจพาตัวเองมาหยุดนั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้ต้นซากุระที่ดอกของมันเริ่มร่วงโรย สูดกลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆของมัน พลางฟังเสียงยอดไม้ที่โบกสะบัดพัดกันเป็นเพื่อนในคืนที่ดาวเต็มฟ้า
มีผู้คนที่ใช้เส้นทางในสวนสาธารณะในการดำเนินชีวิตอยู่ไม่มาก จากเท่าที่ตาเห็นคนที่มาในที่แห่งนี้คือคนที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจเสียมากกว่า ดวงตาเรียวเล็กจับจ้องไปที่คู่รักที่เดินผ่านไปคู่แล้วคู่เหล่า ไม่ได้นึกอิจฉาเสียเท่าไร เขาไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่จะตื่นเต้นกับความรักเพราะรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นแม่ลูกหนึ่งไปเสียแล้ว
"คุณยงกุกมานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ" เป็นเสียงทุ้มที่คุ้นเคยและเขาจดจำมันได้อย่างดี
"เอ้าคุณควอนเจอกันอีกแล้ว" เขายิ้มอย่างเป็นมิตร เขยิบตัวให้ชิดม้านั่งอีกฝั่งเว้นที่ไว้ให้อีกคนหย่อนตัวลงข้างๆอย่างไม่นึกรังเกียจ
"มาทำไรตรงนี้ครับ ฟ้ามืดแล้วถ้าเกิดคุณโดนฉุดขึ้นมาจะทำยังไง" ควอน ฮยอนบินไม่ได้พูดจริงจัง ดูจากสีหน้าและรอยยิ้มที่ส่งมาก็รู้
เขาตอบกลับอย่างไม่นึกปิดบังว่ามารอสามีเลิกงาน พอถามกลับบ้างก็ได้คำตอบว่ามาเดินเล่นคลายเครียด นอกจากนั้นสิ่งที่เขารู้เพิ่มเติมคือเพื่อนของเขามาที่นี่แทบจะทุกวันด้วยซ้ำ
"กลิ่นเหมือนดอกซากุระเหรอครับ" ร่างเล็กถามกลับตอนที่อีกคนพูดถึงกลิ่นประจำตัวของคนรัก "ถ้าชอบกลิ่นซากุระทำไมไม่กลับไปบ้านล่ะครับในเมื่อแฟนของคุณก็กลิ่นดอกซากุระ" ยงกุกถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
"คือเคยน่ะครับ" ร่างสูงแก้ตัวพัลวัน
"ทำไมเป็นงั้นล่ะ หรือว่า ... นึกออกแล้วตอนนี้แฟนของคุณคงกลิ่นเหมือนคุณสินะครับ" ยงกุกเอามือป้องปากพอเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณควอนถึงมักมาที่นี่บ่อยๆคงคิดถึงกลิ่นคนรักก่อนจะโดนกัดสินะ
"คือ ฮ่าๆครับแล้วคุณยงกุกคงกลิ่นแอปเปิ้ลเขียวสินะหมายถึงสามีของคุณ " เพื่อนของเขาว่าเช่นนั้น
"คือจริงๆแล้ว..."
"เอ่อ..." อีกคนดูกระอึกกระอักเล็กน้อย "คือขอโทษครับผมไม่น่าถามออกไปแบบนั้นเลย คงเสียมารยาทที่ถามเรื่องกลิ่นกับพวกโอเมก้าสินะครับ ผมลืมสนิทเลยขอโทษจริงๆ" ยังไม่ทันที่ยงกุกจะได้ว่าอะไรควอน ฮยอนบินก็สรุปให้เสียเสร็จสรรพ
โอเคคงไม่เสียหายอะไรหากจะปล่อยให้อีกคนเข้าใจว่าเขาเป็นโอเมก้าแล้วค่อยมาแก้ต่างเอาทีหลังก็ได้
"หนาวรึเปล่าครับ ผมเห็นคุณทำแบบนี้" ฮยอนบินเลียนแบบท่าถูมือทั้งสองข้างไปมาก่อนจะยกขึ้นมานาบแก้มตามแบบฉบับของยงกุก ทำเอาคนที่เผลอไผลทำนึกเขินขึ้นมาเสียได้
"นิดหน่อยน่ะครับผมค่อนข้างขี้หนาว" เขาว่าตามตรง
ไม่ช้าไม่นานเพื่อนตัวสูงของเขาก็ถอดเสื้อคลุมตัวยาวที่สวมอยู่บนตัวนั้นส่งให้เขา ในตอนแรกก็นึกเกรงใจจนเอ่ยปฏิเสธ แต่คนหัวรั้นอีกคนก็ลุกขึ้นเต็มความสูงโอบแขนสองข้างตวัดรอบคนตัวเล็ก บรรจงวาดเสื้อโค้ชชั้นดีวางลงบนตัวยงกุกแผ่วเบาแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆอีกครั้ง
"สามีคุณคงไม่ถือสาเรื่องกลิ่นช็อคโกแลตใช่ไหมครับ" ควอน ฮยอนบินพูดติดตลกทำเอาร่างนุ่มนิ่มยิ้มตามแล้วส่ายหน้าเป็นคำตอบ
"คุณๆก้มหัวหน่อย" หลังจากคุยสัพเพเหระจู่ๆก็ถูกเสียงทุ้มสั่งให้ก้มลง ซึ่งก็ยอมทำตามอย่างโดยดี
มือหนาสัมผัสลงบนกลุ่มผมสีดำสนิทอย่างแผ่วเบา หยิบกลีบดอกซากุระสีช้ำออกมาก่อนจะวางไว้บนตักยงกุก ทันทีที่เงยหน้าสบตากันก็เผลอเห็นรอยยิ้มละมุนละไมที่ส่งมาให้ เขายิ้มตอบเอ่ยขอบคุณก่อนหัวข้อเรื่องพูดคุยถัดไปจะเริ่มขึ้น
"สามีคุณใกล้ถึงแล้วเหรอ" เขาพยักหน้างึกงัก กดโทรศัพท์ยุกยิกก่อนจะเก็บเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋าเสื้อโค้ช พร้อมจะล่ำลาเพื่อนแล้ว
"แล้วเจอกันใหม่นะครับคุณควอน" โบกมือให้เพื่อนที่กำลังจะหันหลังกลับ แต่พอเขาหันหลังมาอีกทีก็เจอคนสามีกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาในระยะประชิดตัวอย่างรวดเร็วจนแทบสะดุ้ง แต่ที่น่าตกใจคือแววตาที่ดูดุดันนั้นมากกว่า นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นคิม ดงฮันมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้
"เป็...เป็นอะไรรึเปล่าดงฮัน" เอ่ยถามเสียงสั่นเมื่อรู้สึกถึงแรงบีบเข้าที่แขนซ้าย
"กลิ่นอะไรยงกุก" น้ำเสียงเรียบกล่าว "ตอบผมทีว่ากลิ่นอะไร" ยงกุกไม่รอให้ถูกถามเป็นครั้งที่สามเลยยอมเล่าไปตามตรง พอได้บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดสายตาที่ดูจ้องจะเอาชีวิตเขาให้ได้ก็แปรเปลี่ยนเป็นวูบไหวชั่วครู่ ก่อนจะถูกสั่งให้ถอดโค้ชตัวนอกออก
"ทีหลังอย่าเอาเสื้อใครมาใส่สุ่มสี่สุ่มห้านะคุณ ผมไม่ชอบให้ภรรยาของผมมีกลิ่นใครนอกจากผมหรือซังกยุนเข้าใจใช่มั้ย?" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน จูบลงบนผมนุ่มนิ่มที่หอมฟุ้งไปด้วยแชมพูยี่ห้อเดิมของเขา ดงฮันสวมเสื้อโค้ชของตนให้คนภรรยาแทนเสื้อตัวเดิม กระตุกมือเล็กนุ่มนิ่มนั้นให้เดินตามมาเคียงข้างติดๆคล้ายกลัวว่าภรรยาจะหายไปไหน
"แล้วเพื่อนคุณชื่ออะไรนะครับ" คิม ดงฮันเอ่ยถามตุ๊กตาหน้ารถที่กำลังนั่งกอดหมอนแมวแนบอก คนรักของเขายิ้ม ตอบคำถามเขาอย่างไม่คิดระแคะระคาย
"ควอน ฮยอนบินน่ะ"
___________________________
#ดาร์กเนสบก
โอ้ยเขาจะตีกันแล้วค่ะคุณผู้ชมมมม สรุปเรื่องที่ตีกันไม่ใช่เรื่องเคนตะกันแต่อย่างใดแต่เป็นเรื่องเสื้อโค้ชค่ะ 55555 ล้อเล่น
มีเรื่องจะเล่าให้ฟังนิดหน่อยด้วย
- เรื่องนี้อยากเล่ามากคือ อย่าเพิ่งเกลียดดงฮันนะ ฮือออ จริงๆน้องเขาก็มีเหตุผลของเขา แต่ปกติฟิคทุกเรื่องของเราไม่ว่าจะในเด็กดีหรือจอยลดา เรามักจะแต่งให้ดงฮันเป็นคนไม่ดีตลอด (นี่ก็ถามตัวเองนะว่าทำไม) ค่ะ นี่ก็อยากรู้เหมือนกัน พอได้ฮายทัชกับนุ้งดงฮันมาแล้วแบบน้อง พี่ขอโทษ พี่จะรีบกลับไปปั่นฟิคแก้ต่างให้น้องเอง น้องรอพี่แปปนึง ในสักวันนึงคนอ่านของพี่จะเข้าใจหนูเองนะลูก 5555555
- อีกเรื่องที่อยากเล่าคือสารภาพกันตามตรงว่าจะลงตั้งแต่เมื่อเที่ยงคืนกว่าค่ะ แต่ตอนเอาเนื้อหาลงคอม จัดหน้าต่างๆเราเหงาค่ะ มันเงียบมากเลยฮึดฟังเรื่องผีคนเดียวกับกองทัพแมวของเราสามตัวที่คอนโด ปรากฏว่าอยู่ดีๆฝักบัวในห้องน้ำมันก็มีน้ำไหลเอง(จากที่ได้ยินเสียง) ตอนแรกก็นึกว่าเห้ยมันแค่แรงดันน้ำดันขึ้นมาเฉยๆ สักพักเสียงดังซ่าเลยจ้า เราก็เลยทำใจดีสู้เสือกดปิดยูทูปพับหน้าจอโน้ตบุ๊ค วิ่งไปคลุมโปงนอนรอเวลาใกล้รุ่งสางเลย (จริงๆมันยังมีเรื่องที่เรามโนว่าตู้เสื้อผ้าเปิดเองทั้งๆที่จริงๆแล้วเราปิดไม่สนิทเองด้วย) ตล๊ก 55555555
- ช่วยเมนท์ด้วยนะคะ เราชอบเห็นทุกคนดูกระวนกระวาย (เอ๊ะ)
แต่เหมือนเรื่องจะเพิ่งเริ่มเอง
ขอดูต่อไปก่อนถึงจะบอกได้ว่าน้องน่าด่าจริงรึป่าว
สู้ๆ นะคะ ชอบมากจริงๆ
ตอนนี้เคนตะเข้าใจว่าตัวเองโดนหลอก ให้มีลูกแล้วเอาลูกไปแน่ๆ ประมาณว่ามายุ่งด้วยเพราะต้องการเด็ก /กุมอก ดงฮันพยายามจะทำอะไรรรรร ยิ่งอ่านยิ่งสับสนไปหมดเลยค่ะ เดาเนื้อเรื่องไม่ถูก y_y
ชอบโมเมนต์ตอนเคนตะกับฮยอนบินอยู่ด้วยกันมากค่ะ ดูน่ารัก อบอุ่น ไม่อยากให้แยกกันเลย ;-;
ปล.กระวนกระวายมากเลยค่ะ😂 ระแวงทุกครั้งที่อ่าน กลัวน้องปวดใจอีก แงงงงงง