ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : King and Princess 2
King and Princess 2
เหล่าขุนนางในวังเดินจ้ำอ้าวอย่างเร่งรีบบนทางเชื่อมระหว่างห้องบรรทมขององค์ราชาแห่งเมืองสีแดงซึ่งพ่ายแพ้ให้แก่เมืองสีน้ำเงินในคราวก่อน ทั้งสีหน้าและเเววตาของขุนนางอวุโสผู้ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระราชามาเนิ่นนานดูกังวลใจจนถึงกับหน้าถอดสี ฝีเท้ายังคงมุ่งตรงไปที่ห้องบรรทมของฝ่าบาท โดยเบื้องหน้ามีองค์รักษ์รายล้อมประตูห้อง จนกระทั่งบุรุษผมแดงที่คุ้นเคยเดินสวนมาหยุดตรงหน้าของเหล่าขุนนาง ทำให้ทุกคนโดยรอบต้องหยุดโค้งตัวทำความเคารพแด่'เจ้าชายอาคาชิ' อย่างพร้อมเพรียงแล้วเงยขึ้นมาสบตา
"ถวายความเคารพขอรับ องค์ชายอาคาชิ" ขุนนางอวุโสคนสนิทของพระราชาในห้องบรรทมเอ่ยกับเจ้าชายรูปงาม ผู้เป็นโอรสแห่งเมืองสีแดงซึ่งรีบขึ้นเครื่องบินกลับมาจากต่างประเทศทันทีที่ได้ทราบข่าวการประชวรอย่างหนักของพระบิดา
"เกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อ" ดวงเนตรสองสีกวาดมองเหล่าขุนนางและองครักษ์รอบกายทั้งสีหน้าที่ร้อนรนแต่กลับแฝงความทรงอำนาจของว่าที่พระราชาองค์ต่อไปแห่งเมืองสีแดง อาคาชิขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทีอึกอักของขุนนางอวุโส ชายชราก้มหน้างุดตัวเเข็งทื่อหลบตาพระโอรสผู้ต้องการคำตอบจนตัดสินใจตอบเสียงค่อย
"ข้าว่า... พระองค์ควรเข้าไปพบองค์ราชาก่อนเถิด มิเช่นนั้นอาจไม่ทันการ" ว่าที่องค์ราชาถอนหายใจหัวเสียที่ไม่ได้รับคำตอบ แต่ไม่ก็คิดจะเค้นถามในเวลาเช่นนี้ ร่างสูงในชุดสูทสีดำหมุนตัวกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในห้องบรรทมขององค์ราชาผู้เป็นพระบิดา ดวงเนตรสองสีเบิกกว้างเมื่อเห็นชายชราบนเตียงที่คุ้นเคยในสภาพที่ดูทรุดโทรมเป็นอย่างมากจนแทบไม่เหลืิอเค้าโครงเดิม
"ท่านพ่อ!"
ทันทีที่ชายชราบนเตียงหันมามอง พระโอรสก็รีบวิ่งไปนั่งคุกเข่าข้างเตียงในทันที มือเรียวยาวกุมมือเหี่ยวย่นซีดเผือดของพระราชาเอาไว้มั่น
ดวงตาของท่านพ่อช่างดูสิ้นหวังยิ่งนัก....
"เซย์..จูโร่" เสียงแหบพร่าที่ไร้เรี่ยวแรงเรียกชื่อพระโอรส อาคาชิใจสั่นราวกับเกิดแผ่นดินไหวในอกซ้าย พลันเนตรสองสีเบิกกว้างเมื่อรู้สึกได้โดยสัญชาติญาณว่าพระบิดานั้นประชวรหนักมากถึงขัั้นร่างกายซูบผอมจนข้อกระดูกนูนปูดขึ้นมาชัดเจน และใบหน้าคมคายที่มักจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่นกลับไม่เหลือความสุขใดเลยแม้แต่น้อย
"ข้า... พ่ายแพ ้...แก่ราชาอาโอมิเนะ" ราชาพึมพำทั้งดวงเนตรเลื่อนลอยของผู้ที่ไม่รู้จักคำว่าแพ้และสะกดไม่เป็น เช่นเดียวกับเจ้าชายอาคาชิซึ่งเข้าใจดีถึงความรู้สึกนั้นดี เพราะมันคือสิ่งที่น่าผิดหวังและไม่อาจยอมรับเป็นที่สุดสำหรับคนที่ถูกปลูกฝังให้รักที่จะเอาชนะ
"ท่านพ่อ...ได้โปรดอย่าพูดอะไร" พระโอรสอาคาชิพูดบอกกับองค์ราชาที่ใกล้สิ้นลม
"หลังจากถอยทัพกลับมาถึงวัง พระราชาก็เอาแต่เก็บตัวเงียบจนถึงกับทรุดหนัก หมอหลวงบอกว่าคงเป็นเหตุมาจากสภาพจิตใจของพระองค์ย่ำแย่ขอรับ" ใบหน้าคมคายหันมองขุนนางอวุโสที่เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟังทั้งสีหน้าเศร้าหมอง
"พระราชาทรงไม่ยอมเสวยพระโอสถและพระกระยาหาร อาการจึงทรุดหนักกว่าเดิมขอรับ"
หมอหลวงพูดเสริมทำเอาเจ้าชายอาคาชิถึงกับหลุดอ้าปากค้างก่อนหันควับมามองผู้เป็นพระบิดา
ท่านพ่อเป็นหนังถึงเพียงนี้เพียงเพราะความพ่ายแพ้...
"แค่กๆๆๆ!!!" เสียงไอของพระราชาดังขึ้นพร้อมกับพระโลหิตสีแดงสดไหลออกมาจากปากสร้างความตกใจให้แก่สายตาของทุกคนในห้องจนถึงกับตาค้างหลุดอุทานออกมากันเสียยกใหญ่
"ท่านพ่อ!! ท่านพ่อ!! ทำใจดีๆไว้!! หมอหลวงทำอะไรสักอย่างสิ!!" องค์ชายชักสีหน้าสั่งหมอหลวงพร้อมผ้าเช็ดหน้าซับเลือดของพระบิดา ในขณะที่หมอหลวงวิ่งมาพร้อมโอสถในถ้วยอย่างทุลักทุเล
"พระราชา ทรงเสวยสักนิดเถิดขอรับ อาการจักได้ทุเลาลง"
"ไม่!!! เอาออกไป!!!"
มือเหี่ยวย่นหยาบกร้านปัดถ้วยโอสถสมุนไพรหล่นพื้นแตกเป็นเพียงเศษแก้ว ก่อนจะหายใจหอบอย่างหนังเพราะสุขภาพที่อ่อนแรง ทันใดนั้นทุกคนต่างก็ต้องตกใจเมื่อพระราชาปรือตาเหลือกหายใจหอบหนักกว่าเก่า เป็นสัญญาณให้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะสูญเสียพระประมุขแห่งเมืองสีแดง
"ท่านพ่อ!! ทำใจดีๆไว้!!" กายาสูงโปร่งทรุดลงกับพื้นกุมมือพระราชาแน่นราวกับพยายามดึงจิตวิญญาณที่กำลังจะหลุดออกไปให้กลับมาและประคองสติของพระบิดาเอาไว้ให้มั่น
หมับ!!!
มือเหี่ยวแห้งคว้าจับมือของอาคาชิไว้แน่นพร้อมสายตาวิงวอนที่ส่งมาถึงราวกับต้องการจะพูดอะไรเป็นครั้งสุดท้าย
"เซย์...จูโร่ ช่วย ฟัง...ครั้งสุดท้าย.."
พระราชาผู้ใกล้สิ้นลมบีบมือของลูกชายพร้อมกล่าวขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย อาคาชิพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติขัดกับภายในที่แม้แต่จะเสียใจปานจะหลั่งน้ำตาถึงเพียงใดก็ตาม ดวงเนตรสองสีสบกับดวงตาฟ่าฟางพร้อมเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงและจริงจังเพื่อให้พระบิดานั้นได้สบายใจ
"ครับท่านพ่อ" ว่าที่องค์ราชาสูดหายใจลึกๆเก็บความรู้สึกที่เจ็บปวดและเศร้าหมองไว้ในอก เพื่อฟังพระบิดากล่าววิงวอนด้วยน้ำเสียงรวยรินดั่งสภาพจิตใจที่แหลกสลาย
"จงขึ้น...เป็นกษัตริย์ ดูแลเมืองนี้...แทนข้า จงเป็น...ราชาผู้ไร้พ่าย จงเอาชนะทุกสิ่ง...ทุกอย่าง" เสียงแหบพร่ากล่าวทั้งน้ำตาแห่งความหวัง นัยน์ตาแดงก่ำพร่ามัวสบตาต่างสีของลูกชายที่ฝากฝั่งให้เป็นราชาองค์ต่อไปแห่งเมืองสีแดง เซย์จูโร่ซบหน้าผากลงบนมือเหี่ยวซีดที่สั่นระริกและอ่อนแรงเต็มที น้ำตาแห่งความเศร้าโศกที่จะสูญเสียคนสำคัญที่รักยิ่งถูกเก็บไว้ภายใต้ใบหน้าที่แน่นิ่งและจริงจังกับคำขอร้องของพระบิดา เพื่อให้ท่านคลายกังวลใจไร้ซึ่งควมห่วงพะวงใดๆ ใบหน้าคมคายเงยขึ้นช้าๆ มองแววตาที่ใกล้ปิดลงเรื่อยๆแล้วพูดทั้งขอบตาที่ร้อนผ่าว
"ทราบแล้วครับ ข้าจะสืบทอดบัลลังก์กษัตริย์ต่อจากท่านพ่อ ข้าจะเป็นราชาผู้ไร้พ่าย จะไม่แพ้ และไม่มีวัน.."
คำตอบรับจากบุตรชายเรียกความตื้นตันครั้งยิ่งใหญ่ของคนเป็นพ่อ ดวงตาพร่ามัวสบตาลูกชายพร้อยรอยยิ้มบางๆและน้ำตาที่ไหลพราก มือสั้นที่ออกแรงบีบแน่นเริ่มคลายออกพร้อมเปลือกตาเหี่ยวย่นของชายชราค่อยๆปิดสนิท และลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ผ่อนลงแล้วหายไปเช่นเดียวกับดวงวิญญาณที่ดับอย่างสงบ
อาคาชิหลุบตาลงท่ามกลางความเงียบแล้ววางมือของร่างไร้วิญญาณลงข้างกายาที่แน่นิ่งไปสักพัก เหล่าข้าราชบริพารที่ก้มหน้างุดด้วยความสลดและหดหูทั้งบรรยากาศที่ไร้ซึ่งเสียงใดแม้กระทั่งเสียงขยับตัว ร่างสูงเรือนผมสีแดงลุกขึ้นยืน หยิบผ้าห่มสีขาวบางคลุมร่างของพระบิดาที่สิ้นพระชนม์อย่างสงบจากปลายเท้าขึ้นมาเรื่อยๆ อาคาชิชะงักมือหยุดมองพระพักตร์ที่เปี่ยมสุข
สูญเสียซึ่งบิดาผู้รักยิ่งและสำคัญกว่าสิ่งใด... แม้จะเป็นบุรุษเพศก็ยากที่จะเก็บซ่อนความเจ็บปวดที่ท่วมล้นนี้ได้
น้ำตาล้นออกมาจากเบ้าตาขวาเพียงหนึ่ง หยดลงบนผ้าห่มขาวที่คลุมร่างขององค์ราชาไปจนเกือบหมด แต่ใบหน้าทีเต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้มบางๆเรียกคำปลอบใจให้อาคาชิว่า'อย่างน้อยท่านก็สิ้นลมอย่างหมดห่วง' ชายหนุ่มหรี่ตาลงมองน้ำตาของตัวเองที่ซึมเข้าเนื้อผ้าเปียกเป็นจุดเล็กๆ มือเรียวยาวปาดน้ำตาบนแก้มขวาลวกๆก่อนเลื่อนผ้าขาวคลุมใบหน้าของผู้เป็นพ่อที่ฝากฝังหน้าที่ของกษัตริย์และไพร่ฟ้าของเมืองสีแดงเอาไว้ก่อนลาจาก
ร่างสูงหมุนตัวหันกลับมามองเหล่าข้าราชสำนักรวมทั้งขุนนางและเหล่าองค์รักษ์ที่คุกเข่าลงทำความเคารพอย่างพร้อมเพรียงต่อหน้าองค์ราชาคนใหม่ด้วยความภักดี
"ถวายความเคารพแด่องค์ราชาอาคาชิ"
คำพูดที่เรียกให้อาคาชิรับรู้ได้ถึงความสำคัญ ความรับผิดชอบและภาระที่ต้องแบกรับอย่างหนักอึ้งของพระราชา ต่อจากนี้ทุกสิ่งที่กระทำและการตัดสินใจจะเท้ากับความเป็นอยู่ของปวงประชาที่ถวายความเคารพภักดี และความหวังเอาไว้กับองค์ราชาผู้ยังเยาววัยน้อยประสบการณ์ชีวิต แต่กลับมีความสามารถและปัญญาที่ล้ำเลิศนำหน้าเป็นที่ยอมรับไปทั่ว
นี่สินะ...คือภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของพระราชา แต่...
"ท่านขุนนาง คากามิไปไหนงั้นรึ"
.
.
.
"กรี๊ดดดดดดดดดด!!!"
เสียงหวีดลั่นชวนแสบหูไปทั่วพระราชวัง ทั้งข้าราชสำนัก และเหล่าขุนนางต่างตกอกตกใจไม่เป้นอันทำการทำงานทุกทีที่ท่านหญิงจากแดนไกลออกฤทธิ์อาละวาดจนแม้กระทั่งพี่เลี้ยงที่ราชาอาโอมิเนะฝากให้ช่วยดูแลก็ถึงกับละเหี่ยใจเกินทน
"กรี๊ดดดดดดดด!!!"
"ท่านหญิงเจ้าคะ ได้โปรดเลือกเครื่องแต่งกายเตรียมเข้าพิธีอภิเษกในวันรุ่งขึ้นเถอะนะคะ" เกลี้ยกล่อมอ้อนวอนสารพัดก็ไม่อาจทำให้เจ้าหญิงแห่งเมืองสีแดงสงบสติอารมณ์ได้แม้แต่น้อย ทั้งเสื้อผ้าที่สวยงามดั่งที่สตรีหมายปองจะสวมใส่ยืนให้อยู่ตรงหน้ามากมาย แต่องค์หญิงกลับเมินหนี ีแถมเอาแต่โวยวายไล่ตะเพิดเหล่าพี่เลี้ยงให้ออกไปจากห้อง
"ออกไปนะ!! เรื่องอะไรข้าจะต้องมาแต่งงานกับไอ้ดำนั่นด้วย!! ยี๊! ขยะเเขยงที่สุด!!"
"ท่านหญิง! เหตุใดท่านจึงพูดเยี่ยงนั้นล่ะเจ้าคะราชาอาโอมิเนะเป็น'ว่าที่พระสวามี'ของท้านนะเจ้าคะ"
"กรี๊ดดดด!!! มันไม่ใช่ว่าที่พระสวามีข้า!!!ไม่ใช่!!!"
"โฮ่ย!! หนวกหูจริง!!!"
เสียงทุ้มใหญ่ตวาดลั่นมาจากหน้าประตู ทำเอาพี่เลี้ยงทุกคนถึงกับเงียบกริบไปตามๆกัน คากามิตวัดหน้าหันมาเจ้าของเสียงที่เกลียดชังพา้อมชักสีหน้าทำตาค้อนใส่อย่างไม่เกรงกลัวสายตาดุดันที่มองมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด
"ไม่แสบคอบ้างรึไง เอาแต่แหกปากกรี๊ดได้ทั้งวัน!" ร่างใหญ่ยืนเกาะอกพิงประตูดุใส่คากามิด้วยน้ำเสียงเจือหงุดหงิดเพราะโดนขัดเวลานอนเอาเเรงตอนกลางวัน
"ชิ!" คากามิไม่ตอบ แถมกอดอกเชิดหน้าใส่ พ่นลมหายใจฮึดฮัดไม่พอใจ บุรุษผิวสียืนมองด้วยความรำคาญใจอยู่สักพักก่อนหันไปส่งสายตาไล่ให้พี่เลี้ยงออกไปจากห้องแล้วหันมาล็อกประตูสนิท
"จะ...จะทำอะไรน่ะ ล็อกประตูทำไม!!" ร่างบางถอยห่างทีละก้าวอย่างระเเวงทั้งทำตาค้อนใส่อาโอมิเนะ ทันทีที่องค์ราชาก้าวขาเข้ามาใกล้ เลือดในกายก็เย็บเฉียบเพราะดวงตาที่ดุดันจับจ้องมาที่เธอแต่ก็ยังยืดอกเชิดหน้าหยิ่งผยองไม่เกรงกลัว
"ยะ... หยุดนะ!" นิ้วเรียวชี้หน้าใบหน้าคมเข้มผิวสีที่ย่างกรายเข้ามาใกล้ มือใหญ่หยาบกร้านฉวยจับข้อมือของคากามิไว้ทันทีที่รู้ทันว่าแม่สาวตัวเเสบกำลังจะเหวี่ยงตบ สตรีผมแดงเพลิงมองมือของตัวเองที่ถูกบีบแน่นด้วยความตกใจจนพูดไม่ออก
"นี่เจ้าน่ะ อายุเท่าไร?" คำถามเรียกคิ้วบางสองแฉกให้เลิกสูงด้วยความประหลาดใจ เห็นทำหน้าดุเดินดุ่มๆเข้ามานึกว่าจะจับฆ่าหมกศพซะอีก
"ถ้าปีนี้ก็... 16 "
"งั้นหรอ ยังเด็กอยู่เลยนี่" แขนอรชรถูกปล่อยเป็นอิสระ ใบหน้าสวยก้มองรอยแดงจางๆที่ข้อมือก็พลันตวัดสายตาค้อนมองผู้กระทำด้วยความโกรธ อีกทั้งไม่พอใจที่บังอาจถือวิสาสะมาเเตะเนื้อต้องตัวทั้งที่ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวหรือสามี
"รู้ไหม ว่าข้าน่ะเป็นพวกโรคจิตชอบทรมานสตรีวัยเช่นเจ้าเป็นชีวิตจิตใจ"
"ห๊า!? เจ้าว่าไงนะ" สรรมนามที่เปลี่ยนไปทำให้บุรุษผู้ดุดันถึงกับรู้สึกตะหงิดๆ ทีแรกเรียก'ท่าน' ตอนนี้เรียก'เจ้า' ทั้งที่เป็นถึงกษัตริย์ผู้สูงส่งเเท้ๆ
"เอาเเบบนี้ไหมเจ้าหญิงคากามิ หากเจ้ายอมแต่งงานกับข้าในวันพรุ่งนี้ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเจ้า" ดวงตาคู่งามแวววาวด้วยความดีใจจนหลุดยิ้มออกมาก่อนหันไปตอบรับอย่างไม่ต้องคิด ยังไงปถึงจะอภิเสกกันไปแต่ก็คิดว่ายังไงท่านพ่อก็จะต้องไม่ยอมและพากลับเมืองอยู่แล้ว
อาโอมิเนะกระตุกยิ้มมุมปากแต่สายตากลับแฝงความเจ้าเล่ห์ที่ไม่น่าวางใจ
ี"แต่ว่าหากเจ้ายังดื้อดึงกับข้าและส่งเสียงดังน่ารำคาญแบบเมื่อครู่อีกแม้แต่ครั้งเดียว..." บุรุษผิวสีพูดเว้นวรรคแล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ คากามิตกใจเดินถอยหนีแต่แค่ไม่กี่ก้าวแผ่นหลังบางก็ชนเข้ากับผนังห้อง ดวงตาคมสวยปรือมองคนตรงหน้าทั้งหน้าถอดสีที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
"!!!!" มือใหญ่จับคางของคากามิแล้วดึงเข้ามาประกบจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว คากามิเบิกตากว้างสุดขีดทั้งร่างกายที่เเข็งเป็นท่อนไม้ และสมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่งอาโอมิเนะถอนจูบ
"ทุกอย่างก็จะถือเป็นโมฆะนะ"
พูดประโยดสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้หญิงสาวผู้ถูกขโมยจูบแรกไปโดยไม่ได้เต็มใจอยู่ในห้องเพียงลำพัง ร่างสูงเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นพลัน นิ้วเรียวยาวที่สั่นระริกเเตะริมฝีปากก่อนจะกำหมัดแน่น
"ไอ้!...ไอ้!..." จะด่าก็ด่าไม่ออก ไม่งั้นอาโอมิเนะที่เดินออกไปจากห้องเมื่อครู่ต้องได้ยินเป็นเเน่ แม้อึดอัดอั้นใจอยากแหกปากกรี๊ดระบายออกมาให้สาแก่ใจแต่กลับได้แต่อ้าปากกรี๊ดอย่างไร้เสียงราวกับคนบ้าที่เอาแต่ขว้างปามุ้งหมอนในห้องกระเเทกใส่ประตูไม่ยั้งมือ แต่เพียงเท่านี้ยังไม่เท่ากับความเคียดแค้นที่ท่วมล้นในอกได้เลยแม้แต่น้อย
'คอยดูเถอะ!!! ท่านพ่อมาช่วยข้าเมื่อไร ข้าจะฟ้องท่านพ่อแน่!!!!'
คิดแบบนั้น ทั้งที่ไม่รับรู้อะไรเสียเลยว่าพระบิดาได้สิ้นลมไปเสียแล้ว
ตกดึกในคืนนั้น ราชาอาโอมิเนะนั่งอ่านเอกสารบนโต๊ะทรงงานไปพลางหาวไปพลาง ร่างใหญ่ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจตัวเป็นเกลียวแล้วหมุนตัวเดินไปเปิดม่านหน้าต่างบานใหญ่ชมวิวทิวทัศน์ภายนอกพระราชวังยามราตรีที่มืดมนแต็มไปด้วยดวงดาราระยิบระยับรายล้อมจันทร์เสี้ยวส่องสว่าง จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงลมเย็นแผ่วเบาจากด้านหลัง เรียกให้องค์ราชาเบือนหน้าหันไปมอง
"ท่านพี่" เสียงหวานคลุมเครือเอ่ยเรียบเป็นที่รู้ดีจากเจ้าของร่างบางผมสีฟ้ายาวสลวยสง่างามผู้ที่เรียกองค์ราชาว่าท่านพี่ทั้งสีหน้าที่ยากต่อการคาดเดาความรู้สึก
"เท็ตสึ ย่องมาหาข้าเงียบๆอีกแล้วนะ ให้ซุ่มให้เสียงเสียบ้างสิ" คิ้วหน้าขมวดกริ้วดุน้องสาวจืดจางที่เข้ามาพบอย่างไม่ให้ตั้งตัวตามเคยหรือจเรียกได้ว่ามาอย่างผี แต่หากไม่ใช่อาโอมิเนะคงตกใจขวัญกระเจิงไปเสียแล้ว ้
"ท่านพี่รู้รึไม่ว่ากระทำกับสตรีเช่นนั้นใจร้ายเป็นที่สุด" ร่างบางในชุดกระโปรงแขนยาวสีขาวประดับลูกไม้เดินเข้ามาใกล้พี่ชาย ไม่แปลกใจเลยที่คุโรโกะน้องสาวต่างแม่แสนจืดจางจะรับรู้เรื่องได้รวดเร็วเช่นนี ้แม้ว่าจะสั่งเหล่าข้าราชสำนักไม่ให้แพร่เรื่องนี้ออกไปก็ตาม แต่คนอย่างเจ้าหญิงคุโรโกะแค่ฟังข้าราชสำนักในวังคุยกันก็รู้โดยอาศัยความจืดจางที่ติดมาจากองค์ราชินีองค์ที่ 3 ผู้เป็นมารดา
"ข้าก็แค่อยากจะแกล้งนางเล่นดูก็เท่านั้น"
"ข้ารู้ ท่านพี่มีจุดประค์อื่นด้วยสินะ"
อาโอมิเนะตวัดตามองไม่คิดว่าคุโรโกะจะรู้ทันถึงจุดประสงค์หลัก อาโอมิเนะหมุนตัวหันกลับมามองบรรยากาศมืดมนภายนอกไม่มองหน้าสาวจืดจางที่ขมวดคิ้วขุ่นเคืองพี่ชาย
"หึ ราชาอาคาชิน่ะ ข้าอยากจะเห็นคราวที่ขาดใจตายเพราะความพ่ายแพ้ยิ่งนัก" พระเนตรสีเข้มหลุบต่ำพร้อมคิ้วหนาที่ขมวดเข้าหากัน ปากหนาได้รูปกระตุกยิ้มสะใจทั้งความแค้นที่ฝังในอก แค่นึกสภาพราชาแห่งเมืองสีแดงผู้ยิ่งใหญ่ เจ็บปวดทรมานปานจะขาดใจกลับยิ่งอยากจะหัวเราะเยาะความสมน้ำหน้า
"ให้สาสม..ที่กระทำไว้กับท่านพ่อของเรา" ฟันกรามขบแน่นจนเกิดเสียงสั่นเบาๆพลางนึกย้อนภาพในหลายปีที่แล้ว วันที่ราชาอาโอมิเนะเจ็บปวดปานจะขาดใจตาย วันสุดท้าย...ที่ร่างกายทรุดโทรมหนักจนหมอหลวงถึงกับบอกว่าให้ทรงเตรียมใจ วันนั้นคือวันที่อาโอมิเนะและคุโรโกะเสียใจเป็นที่สุด ภาพนั้นยังจำได้ไม่ลืม.. ภาพที่สองพี่น้องร้องไห้กอดศพของพระบิดาไว้แน่น
"แต่ท่านหญิงคากามิไม่เกี่ยว ท่านพี่ก็ชนะ และราชาอาคาชิก็สิ้นพระชนม์แล้ว ยังต้องการสิ่งใดอีก"
"เจ้าก็รู้ ว่ามันยังไม่อาจเทียบกับความแค้นของท่านพ่อและท่านแม่โมโมอิได้เลยแม้แต่น้อย" คุโรโกะสะอึกกับคำพูดนั้น ดวงหน้าขาวนวลดั่งสำลีก้มต่ำมองมือของตัวเองที่กำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเธอเองก็เคียดแค้นราชาอาคาชิมากไม่แพ้อาโอมิเนะ บุคคลผู้ทำลายคนสำคัญของสองพี่น้องไปถึงสองคนตั้งแต่ยังเยาววัย บุคคลเพียงผู้เดียยวที่หักหลังท่านพ่อให้เสียใจปานกระอักเลือด
"แค่ราชาอาคาชินั้นยังไม่พอ ลูกหลานที่สืบเชื้อพระวงศ์ของมันก็ต้องเจ็บปวดไม่ต่างกับเรา และข้าก็อยากจะรู้ ว่าหากข้าย่ำยีคากามิ เจ้าชายอาคาชิที่ขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่จะทำเช่นไร"
"แต่ข้าไม่เห็นด้วย ท่านควรปล่อยนางไป" แม้จะเข้าใจถึงความโกรธแค้น แต่กลับไม่เห็นด้วยที่จะทำร้ายพระธิดาที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร หากทำลายซึ่งเกียรติของหญิงสาวก็ไม่ต่างอะไรกับการพรากสิ่งที่สำคัญที่สุดไปเช่นกัน ถึงต่อให้เป็นทายาทของราชาอาคาชิที่เธอเกลียดชังและเคียดแค้นก็ตาม แต่ด้วยวิธีเช่นนี้มันกลับไม่ถูกต้อง
"ข้าทำไม่ได้หรอก..เท็ตสึ" ร่างสูงใหญ่หมุนตัวเดินผ่านคุโรโกะออกไปจากห้องโดยไม่มองหน้าน้องสาวต่างแม่ที่มองตามหลังพี่ชายไปจนประตูห้องปิดลงพร้อมกับความเงียบงันปกคลุมบรรยากาศหนาวเย็น ดวงหน้านิ่งปรือมองดวงดาราระยิบระยับนอกหน้าต่าง ขณะที่ผ้าม่านสีขาวบางพัดปลิวตามแรงของลมแล้วนึกถึงสมัยเด็กที่นอนดูดาวกับท่านพ่อ พี่ชาย และท่านแม่โมโมอิท่ามกลางทุ่งหญ้าบนเขาและบรรยากาศหนาวเย็นเช่นนี้
ท่านพี่อาโอมิเนะ... สักวันท่านจะมาเสียใจที่หลังกับสิ่งที่กระทำลงไปไหมนะ
................................................................
ตอนนี้คงจะงงและสับสนเรื่องของครอบครัวทั้งสองฝ่าย แต่ไว้คลายที่หลังละกันค่ะ บ๊ายบายย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น