ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fice KNB] Aomine x kagami :King and Princess

    ลำดับตอนที่ #1 : King and Princess 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ย. 57


    King and Princess
    1
     
    ห้องพระราชวังกว้างขวางตกแต่งด้วยโคมไฟทำจากทองคำขาวล้ำค่าและธงผ้าลื่นสีน้ำเงินเข้มแขวนอยู่รอบผนังทั้งสองด้านโดยเป็นที่รู้จักด้วยสัญลักษณ์มงกุฏลวดสีดำล้อมรวงข้าวสีทองโดดเด่น
     
     
    สัญลักษณ์ของเมืองที่ยิ่งใหญ่ ่รุ่งเรืองและอำนาจอันน่าเกรงขามดั่งเช่นเมือง'สีน้ำเงิน'
     
     
    พรมแดงปักขอบด้วยไหมสีทองปูเป็นนาวยาวตั้งแต่ ระตูเหล็กบานใหญ่ยาวไปยัง พระที่นั่งบัลลังก์ของกษัตริย์อาโอมิเนะไดกิ แห่งเมืองสีน้ำเงินผู้น่าหย่ำเกรง
     
     
    ร่างสูงใหญ่กำยำผิวสีนั่งพิงบัลลังก์สีเงินประดับเพชรนับร้อยกะรัตและทองคำล้ำค่า องค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ท้าวคางมองท้องฟ้าชมบรรยากาศรอบนอกแสนเบื่อหน่ายท่ามกลางเหล่าองครักษ์มากมายยืนรายล้อมเฝ้าอารักขาดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิดถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วมันจะไม่จำเป็นก็ตาม
     
    แอ๊ดดด....
     
     
    บานประตูเหล็กใหญ่เปิดออกชักจูงความสนใจขององค์ราชาให้เบือนสายตาหันมามองเหล่าแม่ทัพในชุดเกราะทั้ง 2  เดินเข้ามาราวกับว่ามีเรื่องสำคัญ พร้อมกับลากห่อผ้ารัดเชือดเข้ามา จึงกลายเป็นจุดสนใจให้กษัตริย์อาโอมิเนะผู้ทรงอำนาจ
    ไปทั่วเเคว้นแดนตะวันตก
     
     
    "ฝ่าบาท..กระหม่อมมีเชลยจากเมืองสีแดงมาถวาย"
     
     
    แม่ทัพร่างสูงโย่งถอดหมวกเหล็กออกเผยเรือนผมสีม่วงยาวเคลียบ่า มือแกร่งของแม่ทัพผู้เก่งกาจถือหมวกเหล็กจรดอกคุกเข่าทูลแด่องค์ราชาพร้อมองครักษ์อีกคนถึงผลงานจากชัยชนะการยึดอำนาจเมืองสีแดงอันน่าภาคภูมิใจ
     
     
    "ทัพของเราได้รับชัยชนะ และเราจับเชลยได้ กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทต้องพึงพอใจเป็นแน่"
     
     
    คิเสะ เรียวตะ แม่ทัพผู้จัดทัพออกรบถอดหมวกคุกเข่าเช่นเดียวกับแม่ทัพทหารมุราซากิบาระ ใบหน้าคมคายหรี่ตามองพระประมุจอย่างมั่นอกมั่นใจ
     
     
    "หืม...ท้านแม่ทัพมั่นใจถึงเพียงนั้นเชียวรึ"กษัตริย์หนุ่มเลิกคิ้วสูงเปล่งเสียงด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายแกมสนใจเล็กน้อย พระเนตรเรียวคมสีไพลินทอดมองเชลยในผ้าห่ออย่างคาดเดา
     
     
    คงไม่แคล้วเป็นนายทหารดั่งเคย...
     
     
    แม่ทัพคิเสะหันไปมองเชลยที่ห่อด้วยผ้าขาวก่อนหันไปส่งสายตาให้กษัตริย์
     
     
    "ฝ่าพระบาทประสงค์จะทอดพระเนตรเลยหรื...."
     
     
    "ให้ข้าเห็นหน้ามันเสียก่อนเอาไปขัง แกะผ้าออกซะสิ"
    ราชาอาโอมิเนะพูดแทรกแล้วออกคำสั่งอย่างส่งๆ โดยในหัวเรียงลำดับเหตุการณ์ไว้ล่วงหน้า 'หลัวจากรู้หน้ารู้ตาก็เพียงสั่งไปขังในคุกร่วมเชลยคนอื่นๆก็เท่านั้น'
     
     
    ก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ
     
     
    เชือกกล้วยเส้นหนาคลายออก จากผ้าห่อด้วยมือของมุราซากิบาาะก่อนที่แม่ทัพหนุ่มจะคลายผ้าออกจนเห็นร่างของเชลยที่สลบสไลได้ชัดเจน
     
     
    ดวงเนตรสีไพลินเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ แม่ทัพทหารคนสนิททั้งสองยิ้มกริ่มเมื่อพระราชาดูสนอกสนใจเป็นอย่างที่คาดไว้ 
     
     
    ร่างสูงใหญ่ผิวสียืนเต็มความสูงหน้าบัลลังก์พระที่นั่งขนาดใหญ่ทอดมองเชลยที่นอนไม่รู้สติบนพื้นอย่างตาไม่กระพริบ
     
     
    "ครั้งนี้เชลยคือสตรี?..." 
     
     
    ร่างกำยำในชุดที่บ่งบอกยศฐาบรรดาศักดิ์ขององค์ราชาเดินลงมาจากพระที่นั่งที่สูงกว่าระดับพื้น ตรงมายังสตรีร่างบางคลุมด้วยผ้าแพรสีแดงสดเหนือผ้าลื่นเกาะทรวงอกใหญ่โต
     
     
    ดูลักษณะเครื่องแต่งกายที่สวมใส่ บ่งบอกว่านางไม่ใช่ไพร่ฟ้าของเมืองสีแดงที่จากมา ซึ่งสิ่งนั้นองค์ราชากลับรับรู้ได้ในทันที
     
     
    "นางไม่ใช่สามัญชนนี่!"
     
     
    "องค์ราชา.. เหตุใดทรงตรัสเช่นนั้นล่ะขอรับ" เจ้าของเรือนผมสีทองยศแม่ทัพยิ้มแห้งๆ ลอบส่งสายตาเชิงปรามมุราซากิบาระที่แอบหยิบลูกอมในกระเป๋ามากินต่อหน้าราชา
     
     
    เจ้าของเรือนผมสีม่วงผู้มียศศักดิ์ไม่สมกับอุปนิสัยตกใจเกือบทำถุงลูกอมที่ซ่อนในชุดเกราะตกทั้งถุง
     แม่ทัพมุราซากิบาระลอบถอนหายใจแรงๆในขณะที่อาโอมิเนะกำลังจ้องมองเจ้าหญิงจากเมืองไกลอย้างไม่วางตา
     
     
    เรือนผมสีแดงดุจเปลวเพลิงยาวสลวยล้อมดวงหน้ารูปไข่ ขนตาแพยาวคือเสน่ห์อย่างหนึ่งบนใบหน้าของเธอและผิวพรรณขาวเนียนผ่องใสน่าสัมผัสที่คลุมด้วยผ้าแพรสีแดงชั้นดี โดยรวมแดงถือว่าเป็นสเป็คของบุรุษเสียส่วนใหญ่ ความงดงามดึงดูดให้องค์กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่มากอำนาจถึงกับหลงใหลในตัวของเชลยจากเมืองสีแดงที่ถูกจับมาอย่างไม่ตั้งใจ
     
     
    "อะ...อือ..." สตรีผมแดงรู้สึกตัวตื่น เรียกสติของอาโอมิเนะให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว  
     
     
    ดวงเนตรสีแดงเช่นเดียวกับสีผมปรือสะลึมสะลือมองสิ่งที่อยู่รอบกายด้วยสายตาที่พร่ามัวไปชั่วขณะ กายานวลผ่องใต้ผ้าแพรสีแดงค่อยๆลุกขึ้นยืนแม้ยังไม่ได้สติดี ดวงตาคมสวยใต้ขนตาแพยาวปริบมองบุรุษผิวสีที่ยืนตระหง่าตรงหน้า 
     
    ภาพที่เลือนลางค่อยๆชัดขึ้น...
     
     
    "พวกเจ้าเป็นใครกัน!!! จะทำอะไรข้า!!"
     
     
    สติกลับเป็นปกติก็เริ่มแผลงฤทธิ์ขึ้นมาทันที หญิงสาวในนามของเชลยโดยไม่รู้ตัวขมวดคิ้วสองแฉกตะหวาดใส่บุรุษแปลกหน้าท่าทางไม่น่าไว้ใจ
     
     
    "หาเรื่องโดนตัดหัวเสียจริง!!! เป็นเเค่เชลย บังอาจขึ้นเสียงกับราชาอาโอมิเนจจิ!!!" แม่ทัพคิเสะตะคอกใส่เชลยสาวพร้อมชักสีหน้าไม่พอใจ แม้ว่าตัวเองก็ยังเรียกองค์ราชาว่า'อาโอมิเนจจิ'เหมือนสมัยยังเป็นสหายก็ตาม
     
     
    "เชลย! ใครกันที่เป็นเชลย!! ถอนคำพูดซะไอ้หัวดอกทอง!!!  บังอาจเรียกข้าผู้นี้ว่าเชลยงั้นรึ มันจะมากไปเสียแล้ว!!!"
     
     
    "ว่าไงนะ!!! "
     
     
    ทั้งๆที่มีใบหน้าที่สวยงามราวกับภาพวาดเทพีเฮรา หนึ่งในเทพเจ้ากรีกโบราณแห่งเขาโอลิมปัสแท้ๆ แต่วาจากลับร้ายกาจยิ่งกว่าอะไรดีทำเอาประมุขแห่งเมืองสีน้ำเงินถึงกับถอนหายใจผิดหวังก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
     
     
    "เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร"
     
     
    สตรีในนามของเชลยละจากการจิกกัดแม่ทัพคิเสะตวัดตาหันมามองชายผิวสีแปลกหน้าอย่างระแวง นัยน์ตาคมสวยดังพลอยสีทับทิมหรี่มองกษัตริย์อาโอมิเนะผู้สูงศักดิ์กว่าตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า
     
     
    นี่น่ะหรือราชาอาโอมิเนะ ไดกิ ช่างดูน่าเกรงขามและทรงอำนาจไม่แพ้กับพระบิดา สมกับเป็นราชาผู้ยึดอำนาจทั่วเเคว้นตะวันตกเสียจริง..
     
     
    ขาเรียวก้าวฉับๆเข้าหาบุรุษผิวสีผู้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น'บุรุษผู้ดุดัน'อย่างไม่เกรงกลัว  ท่าทีห้าวหาญและเย่อหยิ่งทำให้สองแม่ทัพถึงกับตกตะลึงตัวสั่นแทนคนที่น่าจะกลัวแต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลยเสียอย่างนั้น
     
     
    "ข้าคือ องค์หญิงคากามิ ไทกะ! ธิดาของพระราชาเมืองสีแดงผู้ปราดเปรื่อง ทั้งมากด้วยชื่อเสียงและอำนาจยิ่งกว่าใคร!"
     
     
    "องค์หญิง!!"
     
     
    ทหารคนสนิททั้งสองนายพูดพร้อมกันแล้วอ้าปากค้างตะลึงงันแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่อาโอมิเนะกลับดูไม่แปลกใจเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าคงไม่ใช่ไพร่ฟ้าสามัญชนธรรมดาเป็นแน่ 
     
     
    มิเช่นนั้นคงไม่ปากกล้าวาจาแสบทรวงถึงเพียงนี้
     
     
    "โกหกน่า!! ก็ตอนที่ทหารของข้าไปเจอตัวเจ้าก็เห็นนอนตีพุงอยู่ริมชายหาดนี่!!"
     
     เจ้าของเรือนผมสีทองที่ถูกองค์หญิงเรียกว่า'ไอ้หัวดอกทอง' ยืนกรานคัดค้านด้วยความไม่เชื่ออย่างสุดใจ'มีที่ไหนพระธิดาของกษัตริย์มานอนริมชายหาดนอกเขตพระราชวังดั่งคนพเนจรเช่นนั้น'
     
     "แถมท่านอนตอนที่ข้าไปเจอไม่ได้มีความเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่นิด!!! ใครจะเชื่อว่าเจ้าคือองค์หญิง!!"
     
     
    "ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าไม่เชื่อ งั้นดูนี่ซะ" มือเรียวล้วงแหวนเงินที่คล้องคอไว้ออกมาถือ ให้เห็นว่าเป็นสัญลักษณ์แสดงความมีเชื้อพระวงศ์อย่างชัดเจนแก่สายตาของกษัตริย์อาโอมิเนะและแม่ทัพทั้งสองก่อนจะเก็บสร้อยแหวนเข้าไปในเสื้อดั่งเดิม
     
     
    "พวกเจ้าบังอาจมากที่จับตัวข้ามาโดยพละการเยี่ยงนี้ ท่านพ่อของข้าจะต้องเอาเรื่องท่านแน่ราชาอาโอมิเนะ แล้วก็เจ้าด้วย!"
    คากามิตวัดสายตามองแม่ทัพคิเสะที่เงียบกริบดูสำรวมขึ้นมาทันทีทันใดหลังจากความเป็นเชื้อพระวงศ์ได้เป็นที่ประจักษ์แต่กลับพูดว่าร้ายองค์หญิงตั้งมากมายเสียแล้ว
     
     
    "ปากหาเรื่องนะแม่ทัพคิเสะจิน" มุราซากิบาระกระซิบตอกย้ำซ้ำเติมให้เจ็บแปล๊บราวกับมีหอกเหล็กแหลมแทงเข้าอกทะลุหลังดัง ฉึก!
     
     
    "แต่ครั้งนี้ข้าจะอภัยให้ก็ได้พวกเจ้าคงไม่ได้ตั้งใจคิดว่าข้าเป็นไพร่สินะ" ทันทีที่ได้ยินคำว่า'ให้อภัย' แม่ทัพคิเสะก็ตาเป็นประกายจนแทบจะก้มลงกราบแทบเท้าขององค์หญิงสักร้อยครั้ง 
     
     
    "เอาล่ะ ข้าจะกลับวังไปหาท่านพ่อแล้ว สั่งให้ทหารไปส่งข้าถึงที่ด้วยล่ะ" 
     
     
    หมับ!!
     
     
    มือแกร่งคว้าจับแขนขององค์หญิงที่กำลังหมุนตัวเดินออกไป คากามิสะบัดหันมาชักสีหน้าไม่พอใจใส่ที่มีคนมาถูกเนื้อต้องตัวโดยไม่ได้อนุญาต
     
    "จะไปไหนองค์หญิง ข้ายังไม่ได้อนุญาติสักคำ" บุรุษผู้ดุดันบีบแขนของสตรีผมแดงแน่นจนปวด ใบหน้าคมเข้มไม่แสดงออกขัดกับภายใจนที่รู้สึกสะใจจนอยากหัวเราะองค์หญิง
     
     
    "ราชาอาโอมิเนะ !ท่านจะทำอะไร!!"
    แม้พยายามสะบัดมืออย่างสุดแรงแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล สตรีไม่สามารถสู้แรงของบุรุษได้แต่องค์หญิงกลับยังไม่ยอมแพ้ ท่าทีเช่นนั้นทำให่องค์ราชาผู้ครองโสดมา 24 ปี รู้สึกสนุกขึ้นมา
     
     
    ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอหญิงสาวนิสัยเสียปากร้ายและดื้อรั้นเช่นนี้มาก่อน...
     
     
    'หึ! น่าตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าอะไร'
     
     
    "ปล่อยนะ!!" 
     
     
    "นี่เจ้าไม่รู้จริงๆงั้นรึ ว่าเหตุใดทหารของข้าจึงไปจับตัวเจ้ามาเป็นเชลย" ดวงเนตรสีไพลินหรี่ลงพร้อมยิ้มกริ่มแฝงเจ้าเล่ห์ องค์หญิงคากามิเบ้ปากขยะแขยงทั้งสีหน้าและการกระทำขององค์ราชา
     
     
    "ก็...ก็คิดว่าข้าเป็นสามัญชนธรรมดา... เอ๊ะ! หรือว่า!!"
     
     
    "ใช่ เมืองสีแดงของเจ้าถูกโจมตีเพื่อยึดอำนาจโดยข้า"
     
     
    "!!!"คากามิเบิกตากว้างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
     
     
    "เมืองของข้าพ่ายแพ้?...ไม่จริงน่า" หญิงสาวพึมพำเบาๆทั้งใบหน้าถอดสี อาโอมิเนะปล่อยอ้อมแขนอรชรให้เป็นอิสระ แต่คากามิกลับยังช็อคจนพูด อะไรไม่ออก ในหัวขาวโพลนว่างเปล่าตั้งแต่ที่รู้ว่าความพ่ายแพ้ได้มาเยือนเมืองสีแดงเป็นครั้งแรก
     
     
    "เหตุใดกัน... เหตุใดท่านพ่อจึงพ่ายแพ้ให้กับท่าน!!"
     
     
    "รู้สึกตัวช้าเสียจริงองค์หญิงคากามิ ข้าไม่จำเป็นต้องตอบอะไรเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าจงจำไว้ว่าเจ้าเป็นเชลยของข้า ฉะนั้น ข้าจึงมีสิทธิในตัวเจ้า"
     
     
    คากามิน้ำตาไหลพราก ใบหน้าสวยก้มงุดจนคางชิดอกมองหยดน้ำตาของตัวเองหยดลงพรมแดงบนพื้น 'ข้าไม่น่าหนีออกจากวังมาเที่ยวเล่นเช่นนี้ ข้าน่าจะเชื่อฟังท่านพ่อและท่านพี่เสียตั้งแต่ต้น มิเช่นนั้นข้าคงไม่ต้องมาเป็นเชลย' คิดโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมาจนเจ็บร้าวไปทั้งทรวง คิดโทษตัวเองจนผู้สึกผิดไปทั่วหัวใจ
     
     
    ทุกอย่างอาจเกิดขึิ้นเพราะเธอ รวมถึงการเป็นต้นเหตุทำให้ท่านพ่อต้องพ่ายแพ้...
     
     
    "ฮึก.. มะ..ไม่เอา ฮึก.." 
     
     
    "หืม?"
     
     
    "ข้าอยากกลับบ้าน ฮึก..ฮึก อยากกลับไปหาท่านพ่อ... อยากขอโทษท่านพ่อ ฮือ..." ร่างบางทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวเเรงร้องพึมพำไห้สะอึกสะอื้นอย่างรู้สึกผิดต่อท่านพ่อและครอบครัว ทั้งสมเพชและสมน้ำหน้าตัวเองเสียเหลือเกิน แม้จะปาดน้ำตาไปสักกี่ครั้งก็มิอาจทำให้น้ำตาหยุดไหล
     
     
    การร้องไห้ขององค์หญิงคากามิอาจจะเรียกคะแนนความสงสารจากแม่ทัพคิเสะและแม่ทัพมุราซากิบาระได้ แต่กลับใช้ไม่ได้กับราชาอาโอมิเนะผู้ใจเเข็งเด็ดเดี่ยวไม่อ่อนข้อให้ใครง่ายๆ
     
     
    ยังไงตอนนี้สิทธิในตัวเจ้าก็เป็นของข้า 
     
     
    "มารยาจริงๆนะ เลิกแสร้งทำเป็นร้องไห้ตบตาเสียที"
     
     
    "องค์ราชา!.. นางกำลังเสียใจนะขอรับ!" มุราซากิบาระพูดปรามแต่อาโอมิเนะกลับทำหูทวนลมไม่สนใจ
     
     
    เจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินเช่นเดียวกับสีตาพ่นลมหายใจแรงๆพร้อมขมวดคิ้ว รำคาญฉากละครสดนี่เต็มที หมดความอดทนเสียแล้วกับการเสแสร้งเอาตัวรอดโดยใช้น้ำตามาเรียกความสงสาร
     
     
    ร่างใหญ่ก้มลงคว้าแขนของเชลยสาวไว้ในมือใหญ่ที่จับดาบออกรบมานับครั้งไม่ถ้วน คากามิสะดุ้งโหยง ทันทีที่ถูกดึงให้ยืนขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว รู้ตัวอีกทีก็แทบลืมหายใจเมื่อสายตาดุดันของราชาจ้องมาที่เธอราวกับจะฆ่าจะแกงกันเสียให้ได
     
     
    "!!!" ร่างอรชรถูกดึงเข้ามาใกล้จนใบหน้าอยู่ใกล้กับอีกฝ่ายจนปลายจมูกแทบชนกัน คากามิหน้าร้อนผ่าวขึ้นสีแดงระรื่อที่แก้มเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของราชาอาโอมิเนะ นี่คือครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดกับบุรุษเพศ แม้แต่พระบิดากับท่านพี่ยังไม่เคยได้ใกล้ชิดถึงเพียงนี้
     
     
    น่ากลัว...
     
     
    "จงฟังไว้ เจ้า...เป็น...เชลยของข้า" 
     
     
    เสียงทุ้มใหญ่ที่น่ากลัวพูดย้ำทีละคำทำให้คากามิไม่กล้าแม้กระทั่งจะหายใจหรือกระพริบตา แม้คิดจะผละตัวออกยังก็ไม่กล้าต่อหน้าขององค์ราชาเจ้าของดวงตาดุดันช่างดูทรงพลังและน่ากลัวสมฉายา 
     
     
    "มากับข้านี่" กล่าวทั้งน้ำเสียงดุดันแล้วฉุดลากแขนคากามิอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายคือสตรี มือแกร่งบีบแน่นจนองค์หญิงเจ็บปวดที่ข้อมือจนถึงกับต้องสะบัดออกแต่องค์ราชากลับออกแรงบีบมากกว้าเดิม
     
     
     "ปล่อย!! ข้าเจ็บนะ!" ตะโกนเป็นสิบครั้งองค์กษัตริย์ก็ยังไม่คิดจะหันกลับมาใยดี คากามิใจสั่นมากขึ้นเมื่อถูกลากไปที่ประตูของห้องพระราชวัง ยิ่งเจ้าใกล้ประตูนั้นมากเท่าไรความกลัวยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ ราชาอาโอมิเนะไม่ยอมปล่อยเธอไป ไม่สนใจแม้ว่าเธอจะเป็นถึง งค์หญิงแห่งเมืองสีแดงที่มีเกียรติมากเพียงใด 
     
     
    เชลยที่เป็นหญิงมักถูกทารุณอย่างเสื้อมเกียรติหรือแม้กระทั่งการถูกข่มขืนเท่ากับการทำลายศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่ของสตรี 
     
     
    องค์หญิงผู้หยิ่งทรนงในเกียรติและศักดิ์ศรีอย่างคากามิ การรักนวลสงวนตัวคืออันดับหนึ่งที่เธอคำนึงไว้เสมอ หากต่อจากนี้จะต้องอยู่ในฐานะของเชลยที่ไร้ทางสู้และไร้ทางขัดขืน คงไม่ต่างอะไรกับการทนอยู่ในนรกที่มีแต่ความทรมาน
     
     
    'ยอมไม่ได้เด็ดขาดหากต้องถูกย่ำยีเยี่ยงโสเพณี
     ตอนนี้จะอะไรข้าก็ยอม'
     
     
    "ได้โปรด ข้อขอร้อง... ข้ายอมทุกอย่าง ขอเพียงท่านอย่าให้ข้าต้องเป็นเชลย" 
     
     
    'ขอร้อง'คือคำที่ไม่เคยออกมาจากปากของเจ้าหญิงผู้ทรนง อาโอมิเนะชะงักฝีเท้าเหลียวมองคากามิที่น้ำตาคลอถึงกับลงทุนยอมขอร้องอ้อนวอนทั้งความเป็นธิดาแห่งกษัตริย์เมืองสีแดง
     
     
    "อะไรก็ยอม?"
     
     
     "ใช่ ท่านประสงค์ต้องการสิ่งใด ข้าจะให้ท่านทุกอย่าง เพียงแค่อย่าให้ข้าต้องเป็นเชลย"
     
     
    บุรุษผมสีน้ำเงินสั้นกระหยิ่มยิ้มพลางหัวเราะกระหึ่มในลำคออย่างพอใจที่ได้เห็นสีหน้ามุ่งมั่นของคากามิ เมื่อนึกถึงความประสงค์ที่จะพูดออกไปก็แทบไม่ต้องเดาว่าอีกฝ่ายมีแววจะว่าไม่ยอมเป็นแน่ หากคำว่าเชลยในความคิดขององค์หญิงคากามิคือการเสื่อมเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งสตรี งั้นสิ่งที่เขาต้องการจากนางก็คงเป็นการสมยอมและเอาชนะความเย่อหยิ่งในตัวเธอ
     
     
    "ได้ เจ้าจะไม่ต้องเป็นเชลย..." รอยยิ้มแห่งความหวังปรากฏบนใบหน้าสวยของเจ้าหญิงที่คิดว่าได้หลุดพ้นจากการเป็นเชลย แต่ทว่าอาโอมิเนะกลับยังพูดไม่จบ
     
     
     แต่เจ้าต้องมาเป็นเมียข้า" 
     
     
    ดั่งฟ้าผ่ากลางดวงใจให้แตกสลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวความหวังที่ไร้ค่า ผลจากการขอร้องอ้อนวอนไม่ได้ทำให้เธอหลุดพ้นจากราชาผู้เจ้าเล่ห์ร้อยเหลี่ยมน่าขยะแขยงนี้ได้ เท่ากับว่าการเป็นเชลยไม่ต่างกับการที่ต้องจำใจสมยอม 
     
     
    "ไอ้ทุเรศ!!!" 
     
     
    "ไม่เอาน่าองค์หญิง คนอย่างเจ้าคงไม่คืนคำที่ได้ให้ไว้กับข้าหรอกนะ ข้ารับข้อเสนอของเจ้าแล้วไง 'เจ้าจะไม่เป็นเชลย แต่จะต้องมาเป็นเมียข้า'"
     
     
    อาโอมิเนะกนะตุกยิ้มมุมปากอย่างพอใจปนสะใจระคน พลางหรี่ตามองคากามิชักสีหน้าโกรธเคืองใส่ ความโมโหผลักดันให้มืออีกข้างกำหมัดแน่นหมายจะประเคนใส่แก้มขวาของอีกฝ่าย แต่อาโอมิเนะที่เร็วกว่ากลับรับหมัดของคากามิได้อย่างสบายๆ 
     
     
    "ตกลงตามข้อเสนอนะ องค์หญิงคากามิ"
     
     
    +++++++++++++++++++++++
     
    การเขียนคู่วายนี่แหละถนัดขิงๆ คู่ฟ้าไฟนี่ติ่งจริงๆเลยทีเดียว น้องเสือเป็นเคะเป็นอะไรที่เร้าใจดีจริง ได้เขียนฟิคยาวแล้วฟินมากกกก แต่เรื่องนี้คงจะมีแดงดำเป็นคู่รองด้วย ใครเป็นสาวกแดงดำก็รับรองว่าจะไม่ผิดหวังค่ะ ^_^
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×