คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Please3
เวลา2ทุ่ม ผมอยู่ในห้องที่มีแต่ความเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ถึงจะเร่งอุณหภูมิให้เย็นยังไงก็ไม่สามารถดับความร้อนในใจผมได้เลย ไม่รู้ว่าคนที่ผมรอตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง
ใช่!! ผมกำลังรอกัน ไอ้เด็กแสบที่ทำให้ผมปั่นป่วนไปหมด แค่ผมรู้ว่ามันร้องไห้ ใจก็แทบจะบินไปหามันแล้ว แต่เพราะมันบอกว่าจะมาหาเอง ตอนนี้ผมเลยทำได้แค่รอ ซึ่งดูจากเวลา ผมรอมันราวๆ 3 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่ามันจะมาเลย จะโทรไปก็ไม่กล้า บอกตรงๆว่าตอนนี้ผมมืดแปดด้านไปหมด ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่ามันร้องไห้เพราะอะไร ทำไมผมถึงเป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องขนาดนี้ ทำไมถึงปล่อยปะละเลยมันได้ขนาดนี้นะ เฮ้อ!!! ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด
ร่างสูงทึ่งหัวตัวเอง ก่อนจะเอนตัวลงนอนแผ่หราบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง ตาก็จ้องมองเพดานที่ว่างเปล่า แต่สมองกลับคิดวกวนวุ่นวายไปหมด
แกร๊กกก!!!
“กัน..” ร่างสูงเด้งตัวขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินเสียงลูกบิดประตู
ปั่งงงงงง!!!
ผมหันไปทางต้นเสียงก็พบกับคนที่อยู่ในห้วงความคิด สภาพของมันดูไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าไหร่ ไอ้เด็กบ้าที่ชอบพูดว่าตัวเองเข้มแข็ง ตัวเองแข็งแกร่ง กลับไม่เหลือคราบนั้นอยู่เลย ดวงตาหวานใสของมันตอนนี้แดงกร่ำ ใต้ตาปูดบวมเหมือนผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ถึงภายนอกมันจะดูแสบๆ กวนๆ แต่จริงๆแล้วมันเป็นคนอ่อนไหวใช่เล่น มันมักจะเสียน้ำตาให้กับเรื่องรักๆใคร่ๆของคนอื่นเสมอ แม้แต่ในละครก็ไม่เว้น ตอนนั้นผมรู้สึกตลกนะที่เห็นมันนั่งเช็ดน้ำตาหน้าทีวี แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เลย หัวใจของผมปวดหนืดไปหมด ยิ่งเห็นสภาพมันตอนนี้แล้วยิ่งอยากเข้าไปเช็คน้ำตาให้มัน อยากกอดปลอบมัน อยากจะเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจ แต่ตอนนี้ผมทำได้แค่มองเพราะความรู้สึกผิดที่มันจุกอยู่ในอก
ร่างบางของผู้มาเยือนเดินก้มหน้าก้มตาเพื่อปิดบังร่องรอยจากความอ่อนแอที่ปรากฏอยู่บนใบหน้า แล้วนั่งลงบนโซฟาข้างๆโตโน่ ก่อนที่ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ร่างบางที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง ร่างสูงเองก็เช่นกันที่เอาแต่จ้องมองคนข้างๆไม่ละสายตา
เมื่อความเงียบเข้าปกคลุม ความรู้สึกอึดอัดจึงบีบให้โตโน่เป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน
“กัน”
“กันรู้ว่าพี่อึดอัด แต่มันคงเทียบไม่ได้กับความรู้สึกของกันตอนนี้หรอก… อันที่จริงกันมีอะไรจะคุยกับพี่เยอะแยะเลยล่ะ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง และไม่รู้ว่าถ้าพูดออกไปมันจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นหรือแย่ลงกันแน่ ” ร่างบางพูดขัดขึ้นมา ก่อนจะเคล้นยิ้มส่งไปให้ร่างสูง แววตาคู่นั้นที่ไม่เคยปกปิดความรู้สึกของร่างบางได้ มันช่างดูขัดกับรอยยิ้มนั่นเหลือเกิน
โตโน่เองก็จุกจนพูดไม่ออกเช่นกันเมื่อได้ยินถ่อยคำตัดพ้อจากร่างบาง
ร่างบางหลับตาลง ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลืมตาขึ้นมาจ้องมองไปที่ดวงตาของร่างสูงอีกครั้ง
“พี่โน่รักกันหรือเปล่า?”
“….” ร่างสูงอ้ำอึ้งอย่างไม่รู้จะตอบยังไง อันที่จริงคำตอบมันอยู่ในใจของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ตกใจที่อยู่ๆร่างบางก็โพล่งถามขึ้นมา
“เมื่อก่อนกันไม่อยากรู้คำตอบหรอก เพราะรู้ว่ามันอาจจะยังไม่ใช่เวลาของกัน จนวันนึง หลายๆอย่างมันทำให้กันมั่นใจว่าพี่ก็คิดไม่ต่างจากกัน ความหวังของกันมันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พี่รู้มั้ยกันดีใจมากแค่ไหน?”
เสียงหวานเริ่มสั่น ดวงตาแดงกร่ำเริ่มมีน้ำใสๆคลอที่หางตาอีกครั้ง ร่างบางปาดน้ำตาออกก่อนจะพูดต่อ
“แล้วจู่ๆความหวังของกันมันก็เหมือนจะดับวูบลงไปเมื่อมีใครคนนึงกลับมา คนที่เคยเป็นเจ้าของทุกๆอย่างในห้องนี้ คนที่เป็นแม้กระทั้งเจ้าของหัวใจของพี่ และเป็นคนที่ไม่เคยมีใครมาแทนที่เค้าได้เลย”
“เรื่องของพี่กับเค้ามันก็แค่อดีต”
“อดีตที่พี่ไม่เคยลบเลือน อดีตที่มันยังตามหลอกหลอนคนในปัจจุบันแบบกัน” ร่างบางจ้องเข้าไปในดวงตาของร่างสูง หยดน้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงลงมาจากดวงตาคู่สวย
“….” โตโน่ได้แต่นิ่งเงียบกับคำพูดแทงใจดำของร่างบาง พอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ว่าอะไรทำให้คนตรงหน้าของเขาเสียน้ำตาได้ขนาดนี้ เขาผิดเองที่ไม่เคยทำอะไรให้มันชัดเจน เขาผิดเองที่มองข้ามความรู้สึกของกันไป
“กันไม่ได้อยากคิดมาก ไม่ได้อยากทำตัวงี่เง่า แต่ทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันสามคน กันรู้สึกว่าตัวเองเป็นอากาศ และทุกครั้งกันมักจะปลอบตัวเองอยู่เสมอว่า เค้าก็แค่คนเคยรัก ก็แค่เคย… ถ้าพี่ช่วยย้ำความรู้สึกนั้นสักนิด กันคงจะมั่นใจมากกว่านี้ แต่เปล่าเลย พี่กลับทำให้กันรู้ว่า เค้ายังเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับพี่เสมอ ตัวจริงยังไงก็คือตัวจริง ส่วนกัน…” ร่างบางเว้นคำสุดท้ายไว้ ก่อนจะก้มหน้าลง พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลเป็นเขื่อนแตก
“ก็แค่ตัวสำรอง”
ร่างสูงรวบตัวร่างบางเข้ามากอด เขาอยากถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดไปให้ร่างบาง อยากทำให้คนๆนี้มั่นใจ อยากเอ่ยคำขอโทษ อยากปลอบใจ อยากทำทุกๆอย่างเพื่อเป็นการชดเชยความผิดครั้งนี้
“ขอโทษ พี่จะไม่ยื้อเราไว้แล้ว” โตโน่พูดทั้งๆที่ยังโอบกอดร่างบอบบางแนบอก ร่างสั่นเทาค่อยๆสงบลงก่อนจะเงยหน้าไปสบตากับตาคมของร่างสูง
“หมายความว่าไง”
“พี่ขอโทษ” ร่างสูงค่อยๆคายอ้อมกอดลง แล้วเดินออกจากห้องไป
ทั้งๆที่ทำใจไว้แต่ต้นแล้ว แต่ทำไมมันถึงเจ็บขนาดนี้นะ ร่างบางก้มหน้าลงก่อนจะปล่อยน้ำตาแห่งความเสียใจให้รินไหลไปโดยไม่คิดจะหยุดมัน
จบแล้วสินะ ความรักที่พยายามมาเกือบ2ปี พี่โตโน่คงเลือกแล้ว และคนคนนั้นก็ไม่ใช่เขา หมดหน้าที่ของตัวสำรองอย่างเขาแล้ว
“กัน”
“อย่า อย่าทิ้งกันไป ได้โปรด”
“กัน”
“กัน” โตโน่เขย่าร่างที่หลับใหลอยู่บนเตียงเบาๆ ก่อนที่คนป่วยจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา ร่างบางมองรอบข้างอย่างตื่นตระหนก พร้อมกันถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อออ!!! แค่ฝันไป”
“ฝันร้ายหรอกัน”โตโน่เอ่ยถามขึ้นทั้งๆที่ยังง่วนอยู่กับการแต่งตัวอยู่หน้ากระจก
“พี่โน่จะไปไหน?” ร่างบางไม่ตอบคำถามนั่น แต่จิตใต้สำนึกกลับสั่งการให้เขาเอ่ยถามร่างสูงไป ภายในใจรู้สึกกลัวกับคำตอบของโตโน่ รู้สึกว่าทุกอย่างมันช่างคับคล้ายคับคาซะเหลือเกิน
“พี่จะออกไปทำธุระข้างนอก แต่เดี๋ยวต้องจับเด็กดื้อกินยาซะก่อน มาเร็ว!!! กินข้าว จะได้กินยา” ร่างบางรู้สึกอึ้งกับคำตอบที่ได้รับ ทำไมมันเหมือนกับความฝันแบบนี้
โตโน่เดินมานั่งข้างเตียงก่อนจะยื่นช้อนไปจ่อที่ปากของร่างบางเพื่อจะป้อนข้าว แต่ร่างบางกลับปัดช้อนนั่นหล่นลงพื้น นี่ไม่ใช่ความฝัน เขาจะไม่อ้อนแอแบบในความฝันเด็ดขาด!!!!
“เห้ยย!!! กัน ทำไมทำแบบนี้?”
“อย่าโกหกกัน กันไม่ชอบ” ร่างบางมองหน้าร่างสูงอย่างเอาเรื่อง รู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ดี แต่จะให้เขายอมแพ้ง่ายๆแบบในฝันคงไม่ได้ ใครกันจะยอม ไม่มีทาง!!!
“โกหกอะไร แล้วทำไมทำตัวแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะ” โตโน่สงสายตาติเตียนไปให้ร่างบาง เห็นตามใจหน่อยก็เอาใหญ่ ไอ้เด็กนี่!!!
“ถ้าไม่ได้โกหก ต้องให้กันไปด้วย”
“อยากไปก็ไป!!” ร่างสูงตอบส่งๆเพื่อตัดปัญหา เพราะดูจากท่าทางไอ้เด็กแสบแล้ว คงไม่ยอมแน่ๆ ถ้าต่างฝ่ายต่างแข็งข้อ เรื่องมันคงไปกันใหญ่
.
.
.
.
.
.
ภายในรถเต็มไปด้วยบรรยากาศมาคุ เมื่อไอ้เด็กแสบที่คะยั้นคะยอจะตามมาเอาแต่มองหน้าร่างสูงอย่ากดดัน
“อะไรอีก” โตโน่พูดขึ้นพลางเหล่ตามองไอ้เด็กแสบที่เอาแต่จ้องหน้าของเขาหลังจากที่กลับมาจากทำธุระเสร็จแล้ว
“ทำไมไม่บอกว่าจะมาคุยงานกับลูกค้า น่าเบื่อชะมัด”
“ก็บอกแล้วว่าจะมาทำธุระ เคยฟังกันบ้างหรือเปล่าล่ะ”
“แล้วใครจะไปรู้ล่ะว่าธุระของพี่มันคืออะไร นึกว่าจะไปรับแฟนเก่าที่สนามบินน่ะสิ ชิส์!!!” ร่างบางบ่นเบาๆกับตัวเอง แต่มันคงไม่เบาพอจนทำให้ร่างสูงของคนที่ขับรถอยู่ได้ยินชัดแจ๋ว
“อดีตก็คืออดีต คนปัจจุบันยังไงก็สำคัญที่สุดอยู่แล้ว” โตโน่ทำทีพูดลอยๆขึ้นมา หวังให้ไอ้คนที่ชอบมโนเข้าใจซะที พอจะเดาออกถึงท่าทีของไอ้ตัวแสบที่เหวี่ยงจนเขาหัวหมุนเมื่อตอนกลางวัน กันมันยังเด็ก เวลาจะคิดจะทำอะไรมักจะไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง ถ้ามันถามเขาตรงๆมีหรือที่เขาจะไม่บอก ยอมรับว่าคนคนนั้นติดต่อกลับมาจริง แต่เขาปฏิเสธไป เพราะไม่อยากให้คนสำคัญที่สุดในตอนนี้ของเขาคิดมาก
“พี่โน่” ไอ้เด็กแสบหันมามองผม ทำหน้าตาซาบซึ้งซะเต็มประดา
“ไม่ได้บอกว่ารัก ก็ไม่ได้แปลว่าไม่รัก ที่ทนอยู่กับเด็กแบบนี้ได้ เพราะเหตุผลเดียวเท่านั้นแหละ รู้ไว้ซะไอ้แสบ” โตโน่ผลักหัวคนร่างบางเบาๆ หมั่นไส้นานละ เอาซะหน่อยเถอะ
“เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว ทำไมชอบทำให้เสียบรรยากาศด้วยนะ” ร่างบางกอดอกทำหน้ายู่ นึกโมโหไอ้พี่โน่ทิ่ชอบทำให้เสียเรื่องอยู่เรื่อย แค่บอกรักคำเดียวมันจะตายหรือไง ชอบพูดอะไรวกไปวนมา อิตาแก่เอ้ยยย!!!
“รัก”
อยู่ๆร่างสูงก็พูดออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ห่ะ!!!! อะไรนะ?” กันเองก็ตกใจกับคำพูดเมื่อครู่ของร่างสูง อะไรของเขา นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด ตอนเด็กๆคุณครูไม่สอนแต่งประโยคหรือไง
“พูดไปแล้วไม่พูดซ้ำเว้ย เขิน”
“นะๆๆๆๆ พูดอีกครั้งนะ พลีสสสส!!!!!!!” ร่างบางส่งสายตาปริบๆ อ้อนวอนขอให้โตโน่บอกรักอีกครั้ง นานๆจะได้ยิน ขอฟังให้มันชื่นใจอีกสักครั้งเถอะ
โตโน่จอดรถทันที ก่อนจะยื่นข้อเสนอที่ชวนขนลุกกับคนตรงหน้า สายตาที่สื่อความหมายทำให้ร่างบางอดที่จะเขินไม่ได้
“ถ้าจะให้บอกอีกครั้งต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ ไหวหรือเปล่าเบเบ๋”
หลังจากที่ดองเค็มมานาน
ดีใจ น้ำตาจะไหล T T
*** น้องอัพละนะพี่เม ขอโทษที่หายไปนานนนนนนนนน
ความคิดเห็น