คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Please2
“กันตื่น!!!”
“กัน”
“กัน”
“ตื่นได้แล้ว สายแล้ว”
“อื้ออ…” เสียงครางเล็กๆจากร่างบางที่นอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาเป็นการบอกว่าเจ้าตัวตื่นแล้ว กันปรือตาขึ้นมาน้อยๆ ช้อนตามองบุคคลที่เข้ามาขัดจังหวะการพักผ่อนของเขา ก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้ง
“ไอ้แสบ!!!!! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้” ไม่พูดเปล่า โตโน่ฉุดแขนของคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะปล่อยร่างนั้นให้ล้มไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
ผิดคลาด ทันทีที่ร่างบางไปกระทบกับเตียงนุ่ม แต่ด้วยแรงกระแทกแล้วมันก็สามารถทำให้คนที่หลับใหลรู้สึกตัวได้บ้าง นั่นกลับไม่มีท่าทีว่าไอ้ตัวแสบของเขาจะลุกขึ้นมาโวยวายเหมือนทุกครั้ง หน้าหวานเหยเกเล็กน้อยก่อนจะซุกหน้าลงไปกับหมอนใบใหญ่พร้อมกับพึมพำในลำคอเบาๆ
“ปวดหัว”
“อย่ามางอแงไอ้แสบ อีกเทอมเดียวก็จะจบอยู่แล้ว เร็วๆ ลุกขึ้นมา เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน” โตโน่ดึงร่างบอบบางให้ลุกขึ้นอีกครั้ง กันขืนตัวอยู่เล็กน้อยแต่ก็สู้แรงของคนตัวสูงไม่ได้อยู่ดี ร่างเล็กลุกขึ้นนั่งตามแรงฉุดของคนตัวสูงแต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา จนโตโน่รู้สึกถึงหยดน้ำอุ่นๆที่หยดลงมาโดนแขนของตนก็ตกใจอยู่ไม่น้อย
“กัน เป็นอะไร?” โตโน่จับปลายคางเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับตน ก็พบว่าไอ้ตัวแสบของเขาร้องไห้ตาแดงกล่ำ
“ไหน เป็นอะไรบอกพี่ซิ”
“ปวดหัว” ร่างบางตอบไปแค่นั้น ก่อนน้ำใสๆในตาจะรื้นที่ขอบตาขึ้นมาอีกครั้ง
“แล้วจะร้องไห้ทำไม พี่ตกใจหมด ไอ้เด็กขี้แยเอ๊ยยย”
“ไม่ได้อยากร้องซะหน่อย ก็คนปวดหัวจะมาแกล้งทำไมเล่า!!!!” ร่างบางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูกนิดๆก่อนจะเอามือป้ายน้ำตาบนใบหน้าอย่างลวกๆ
“ขอโทษค้าบบบบบบ”
โตโน่เอ่ยขอโทษพร้อมกับโยกหัวยุ่งๆของเด็กขี้แยไปด้วย ก่อนจะเอามือไปอังที่หน้าผาก และตามลำคอ
“ตัวรุมๆนะ เดี๋ยวหาอะไรกินรองท้องก่อนแล้วกันจะได้กินยา” โตโน่ เตรียมตัวจะลุกไปหาอะไรให้ไอ้ตัวแสบของเขากินรองท้องตามที่พูดไว้ แต่มือเล็กของกันกลับรั้งแขนของเขาไว้ โตโน่หันไปมองหน้าไอ้ตัวแสบที่งอแงไม่เลิก
“ไม่ไป… ได้ไหม?”
“โอเคๆ วันนี้พี่ให้หยุดเรียน1วัน เดี๋ยวพี่ออกไปทำโจ๊กมาให้ จะได้กินยานะ” โตโน่แกะมือของคนตัวเล็กออก ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปยังห้องครัว
“ไม่ไป… หาเค้า …ได้ไหม” เสียงเบาหวิวหลุดรอดออกมาจากปากของคนที่ไม่สบายอยู่ เป็นคำพูดที่วนเวียน อยู่ในหัวตั้งแต่เมื่อคืน ถึงอยากจะเอื้อนเอ่ยมันออกมามากแค่ไหนก็ไม่มีความกล้าพอที่จะพูดมันออกไป นี่คงเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คิดมากจนนอนไม่หลับจึงเกิดอาการปวดหัวในเช้านี้ ก่อนดวงตากลมโตจะปิดลงอีกครั้งด้วยความอ่อนล้า
“กัน”
“กัน” โตโน่เขย่าร่างที่หลับใหลอยู่บนเตียงเบาๆ ก่อนที่คนป่วยจะเปิดเปลือกตาขึ้นมาครั้ง ตอนนี้เริ่มรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่โตโน่ให้ทานยาไปเมื่อเช้าและหยุดงานเพื่อมาอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิด
ร่างบางสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก็พบกับโตโน่ที่ง่วนอยู่กับการแต่งตัวอยู่หน้ากระจก
“พี่โน่จะไปไหน?”
“พี่จะออกไปทำธุระข้างนอก แต่เดี๋ยวต้องจับเด็กดื้อกินยาซะก่อน มาเร็ว!!! กินข้าว จะได้กินยา” โตโน่เดินมานั่งข้างเตียงก่อนจะยื่นช้อนไปจ่อที่ปากของกันเพื่อจะป้อนข้าวเด็กดื้อที่งอแงไม่ยอมกินท่าเดียว จนเมื่อเช้าตอนปลุกมากินข้าวต้องดุไปรอบนึงแล้ว
“กัน อ้าปากเร็ว!! พี่ต้องรีบไปทำธุระ”
“ธุระอะไรหรอ? บอกกันได้ไหม?” ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าธุระที่ว่ามันคืออะไร แต่ก็ยังอยากจะลองถามดู ถ้าโตโน่พูดความจริงก็พอจะอุ่นใจได้ว่าเขาบริสุทธิ์ใจ
“เอ่อ… นัดลูกค้าไว้น่ะ”
เลือกที่จะโกหกสินะ!!!!
“กันไม่ให้ไป!!!!” ร่างบางตวาดเสียงแข็ง พร้อมกับส่งสายตาแข็งก้าวไปให้โตโน่ แต่พอรู้สึกตัวก็ต้องรีบก้มหน้าลง เพราะรู้สึกผิดที่เผลอขึ้นเสียงใส่ร่างสูงไป
โตโน่ตกใจอยู่ไม่น้อยที่ร่างบางขึ้นเสียงใส่ แต่ก็ไม่อยากถือสาอะไรกับคนป่วย
“อย่างอแงสิกัน เดี๋ยวเย็นๆพี่ก็กลับ” โตโน่ลูบหลังบางเหมือนเป็นการปลอบประโลมเด็กน้อยไปด้วย เพราะรู้ดีว่าคนตรงหน้าไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นเสียงใส่ และคงกำลังรู้สึกผิดอยู่
“อย่าไปเลยนะ” เสียงของร่างบางเริ่มอ่อนลง คล้ายเป็นการอ้อนวอน
“ไข้ก็ไม่มีแล้ว อย่างอแงนะ เดี๋ยวตอนเย็นพาออกไปกินขนม” โตโน่ลูบหัวไอ้ตัวแสบที่คงเริ่มหมดแรงแผลงฤทธิ์แล้ว ก่อนที่จะหยิบช้อนขึ้นมาเพื่อพยายามป้อนข้าวคนป่วยอีกครั้ง
“กัน!! เงยหน้าขึ้นสิ”
ร่างบางที่เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จาได้แต่ก้มหน้าก้มตา บีบมือตัวเองจนแน่น
“กัน!! อ้าปาก”
“ถ้าธุระของพี่มันสำคัญมาก ก็รีบไปเถอะ… อย่าให้เค้ารอนาน” ยังไม่ทันได้ป้อนข้าวเข้าปาก ร่างบางก็หยุดมือของร่างสูงไว้ ก่อนที่จะพูดถ้อยคำตัดพ้อออกไป
“’งั้น!! พี่ไปก่อนนะ อย่าลืมกินข้าวกินยาด้วยล่ะ” โตโน่วางช้อนลงในถ้วยข้าวต้มที่เหมือนจะเย็นชืดไปหมดแล้ว ก่อนจะขยี้ผมร่างบางแล้วสะพายกระเป๋า รีบร้อนเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม
ถ้าพี่โตโน่ใส่ใจสักนิด ก็จะรู้ว่าที่พูดออกไปแบบนั้นเพราะน้อยใจ
เพียงการปรากฏตัวของคนๆนั้นกลับทำให้ความสำคัญของตัวเขาลดน้อยลงไปขนาดนี้เลยหรอ?
กลัวเหลือเกิน… ว่าถ่านไฟเก่าจะคุขึ้นมาอีกครั้ง
.
.
.
แล้วน้ำน้อยอย่างเขา จะดับไฟนั้นได้อย่างไร?
……………………………………………………………………………..
วันหยุดพักผ่อนที่คู่รักมักจะได้ใช้เวลาร่วมกัน กันและโตโน่ก็เช่นกัน เขาทั้งคู่เลือกที่จะมาเดินซื้อของเข้าห้องในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆคอนโด ช่วงนี้พวกเขาต่างไม่ค่อยได้มีเวลาเจอกันมากเท่าไหร่ ร่างบางที่ใกล้จะเรียนจบในเทอมนี้ก็วุ่นอยู่กับโปรเจ็กต์ต่างๆรวมทั้งการอ่านหนังสือสอบจึงกลับไปอยู่บ้านเพื่อความสะดวก โตโน่ก็เช่นกันที่ช่วงนี้มักจะเงียบหายไปเป็นอาทิตย์ ไม่ได้ติดต่อกับร่างบางเหมือนเคย อ้างว่าติดงานอยู่เสมอ
เขาไม่รู้หรอกว่าเวลาที่ว่านั่นพี่โน่เอาไปทุ่มให้กับงานหรืออะไรกันแน่ แต่ที่รู้ๆเวลานี้เป็นเวลาของเขา เขาควรจะใช้มันให้คุ้มค่าและมีความสุขที่สุด นั่นคือความคิดของร่างบาง
“พี่โน่เดินเร็วๆสิ”
“ขาก็สั้นทำไมเดินไวจังวะ” ร่างสูงที่หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังว่าให้ไอ้เด็กแสบของเขาที่ไม่รู้ไปเก็บกดมาจากไหน เข้าร้านโน้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น แถมมักจะได้ของติดไม้ติดมือเกือบทุกร้านที่เข้า แล้วคนที่ต้องถือมันจะเป็นใครล่ะนอกจากเขา
ร่างบางอมยิ้มกับคำพูดของร่างสูง ชินแล้วล่ะที่โดนด่าว่าขาสั้น ไม่ได้คิดจะงอนหรือปฏิเสธอะไร ก็มันเรื่องจริงนี่นา ก่อนจะหยุดรอให้ร่างสูงเดินมาถึงตนแล้วแย่งของในมือของร่างสูงมาช่วยถืออีกแรง
“ไม่ต้องหรอก เดินให้สบายๆเถอะครับคุณหนู เดี๋ยวบ่าวถือเอง” ร่างสูงพูดติดตลกก่อนจะยื้อข้าวของกลับมาถือเองอีกครั้ง
“ดีมาก เดี๋ยวจะตบรางวัลให้อย่างงาม” กันตบไหลร่างสูงเบาๆเชิงหยอกล้อ โตโน่เองก็อดที่จะหมั่นไส้กับท่าทางกวนๆนั่นไม่ได้ แต่ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อมือทั้งสองข้างหอบหิ้วข้าวของเต็มไปหมด
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้แสบ”
“ถ้าฝากไว้นานคิดค่าดอกเบี้ยแพงนะคร้าบบบ ฮ่าๆๆ”
ทั้งคู่เดินเคียงคู่กันไปหยอกล้อกันไป ใครๆที่พบเห็นต่างชื่นชมในความน่ารักของทั้งคู่
แต่แล้วจังหวะการเดินของร่างสูงก็เปลี่ยนไป โตโน่ก้าวเท้าเร็วขึ้น เพื่อเร่งตามให้ทันกับร่างบอบบางของหญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีขาวที่แสนคุ้นเคย
กันที่ตอนแรกก็งงแต่พอมองตามไปก็พอจะรู้ถึงสาเหตุที่โตโน่เร่งจังหวะการเดิน ร่างบางหยุดเดินทันที มองดูร่างสูงกับผู้หญิงคนนั้นทักทายกันอย่างสนิทสนม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกันพร้อมหน้ากันสามคน ตั้งแต่คนๆนั้นกลับมาก และในทุกๆครั้งเขามักจะไม่มีตัวตนเสมอ เหมือนภาพมันซ้อนทับกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
ครั้งนั้นร่างบางตัดสินใจเดินเข้าไปแทรกกลางเพื่อแสดงตัวตน แต่คงแทรกแรงไปหน่อยทำให้หญิงสาวล้มลงไปกองกับพื้น โตโน่ส่งสายตาดุๆมาให้ร่างบางก่อนจะช่วยพยุงหญิงสาวไปนั่งพัก โดยไม่สนใจร่างบางอีกเลย ร่างบางเดินตามไปขอโทษหญิงสาว เธอก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร แต่กลับเป็นโตโน่ที่ดุร่างบางเอาเสียยกใหญ่
แต่ครั้งนี้ร่างบางกลับยืนเฉย ไม่เดินแทรกเข้าไประหว่างเขาสองคน หากจะให้เดินตามไปคงทำใจไม่ไหว ยิ่งรู้จักผู้หญิงคนนั้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอช่างเหมาะสมกับพี่โต่โน่เหลือเกิน
ร่างบางตัดสินใจเดินหันหลังกลับ ไม่อยากเข้าไปขัดจังหวะของเค้าทั้งคู่
ยังไม่ได้ยอมแพ้หรอกนะ…
แค่เหนื่อยที่ต้องวิ่งตามเท่านั้นเอง
ก๊อกๆๆๆ “น้องกัน พี่โตโน่โทรมาลงไปรับสายหน่อยลูก” เสียงเคาะประตูห้องนอนจากผู้เป็นแม่ เรียกให้ร่างบางลงไปรับสายจากพี่ชายคนสนิทที่ทางครอบครัวต่างรู้กันดีว่าอยู่ในสถานะไหน
เมื่อร่างบางเปิดประตูออกมาก็พบกับผู้เป็นแม่ยืนส่งยิ้มอ่อนๆให้ ก่อนจะลูบหัวเบาๆแล้วพูดว่า “มีอะไรก็ค่อยๆพูด ค่อยๆจากันนะลูก” ร่างบางยิ้มรับผู้เป็นแม่ก่อนจะเดินลงมารับโทรศัพท์ข้างล่างที่กำลังถือสายรออยู่
“ฮัล…” ยังไม่ทันพูดจบคนที่ถือสายรออยู่ก็รีบสวนกลับมาทันควัน
“ไปไหนทำไมถึงไม่บอก” น้ำเสียงที่แสดงถึงอารมณ์ของผู้พูดพอจะเดาได้ว่าพี่โตโน่กำลังโกรธตนอยู่ แต่ด้วยไม่อยากทำให้เรื่องมันใหญ่โตจึงเลี่ยงที่จะตอบตามความรู้สึกออกไป ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็ต้องพยายามระงับอารมณ์อยู่ไม่น้อย
“มีธุระด่วน”
“ธุระอะไร แล้วทำไมไม่บอกก่อน ให้พี่ตามหาจนวุ่น โทรไปก็ปิดเครื่อง” เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นของร่างบางทำให้โตโน่อดที่จะซักไซร้ไม่ได้
“คืออออ…”
“เฮ้ออ!!!” โตโน่ถอนหายใจยาวยืด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ดูก็รู้ว่าร่างบางต้องมีอะไรอยู่ในใจ
“ทำไมชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อย โตแล้วนะกันทำไมชอบทำตัวเป็นเด็ก เป็นอะไรทำไมไม่บอกกันตรงๆ”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะรู้สึกดีกับคำพูดของโตโน่พวกนี้ไม่น้อย ถึงน้ำเสียงจะฟังดูดุไปบ้างแต่แฝงไปด้วยความห่วงใย แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ด้วยความน้อยใจและอะไรอีกหลายๆอย่างมันยิ่งตรอกย้ำความรู้สึกที่ว่า เขาทำอะไรก็ผิดเสมอในสายตาของโตโน่ เขาทำอะไรก็ไม่ดี เทียบกับคนๆนั้นไม่ได้เลยต่างหาก
“…..”
“……”
“กันพูดได้หรอ กันมีสิทธิ์พูดหรอ ถ้ากันพูดออกไปพี่จะทำให้กันได้ไหม?” หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบอยู่นาน ก็เป็นกันที่เอ่ยออกมาก่อน พร้อมกับเสียงที่สะอื้นน้อยๆ ทำให้ร่างสูงอดเป็นห่วงไม่ได้
“ให้พี่ไปหานะกัน” โตโน่ไม่รู้ว่าร่างบางเป็นอะไรกันแน่ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก แต่ด้วยความเป็นห่วงจึงยับยั้งอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ว่าร่างบางออกไป แต่เหมือนสิ่งที่ร่างบางจะพูดมันมีอะไรมากกว่านั้น
“ไม่ต้อง!!! เดี๋ยวกันไปหาพี่เอง”
เมื่อเกิดอาการสมองตัน แต่งต่อไม่ได้
เลยหายไปนานหลายล้านปีแสง (เว่อ)
แต่ตอนนี้เรากลับมาแล้ว มาพร้อมกับความมึน 55555
ไม่รู้ว่ามันสนุกมั้ย แต่คราวหน้าจะพยายามให้ดีและไวกว่านี้ (ยังจะมีหน้าไปสัญญา T^T)
ความคิดเห็น