คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : To... Someone
To... Someone
ถึง… “ใครคนหนึ่ง” ที่ผมไม่รู้จัก และแน่นอนคุณเองก็ไม่รู้จักผมเช่นกัน
คุณอาจจะแปลกใจไม่น้อยว่าทำไมผมถึงส่งจดหมายฉบับนี้ถึงคุณ
ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าผมไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีแต่อย่างใด
ผมแค่อยากบอกเล่าเรื่องราวของคนคนหนึ่ง ผ่านตัวอักษรใส่ซองติดแสตมป์
หย่อนลงไปในกล่องไปรษณีย์ โดยผมเองก็ไม่รู้ว่าปลายทางมันจะไปอยู่ที่ใคร และคุณคือผู้โชคร้ายคนนั้น
อ่านถึงตรงนี้คุณคงจะคิ้วขมวดกันเป็นปมไปแล้ว และคุณอาจจะกำลังคิดว่าผมบ้าหรือเปล่า?
ซึ่งเรื่องนั้นมันก็แล้วแต่คุณจะคิดแล้วล่ะ ^^
ผมเคยฝันไว้นานแล้วว่าอยากเขียนจดหมายหาใครสักคนที่ผมไม่รู้จัก อยากส่งผ่านเรื่องราวดีๆให้เขารับรู้
และคงจะดีไม่น้อยถ้าเขาคนนั้นตอบกลับและแชร์เรื่องราวของเขากลับมาเช่นกัน
จดหมายฉบับนี้ถือเป็นการแนะนำตัวของผม ซึ่งผมจะถือว่าคุณได้รู้จักผมแล้ว
และหวังว่า “เราจะได้รู้จักกัน”
คนแปลกหน้า…
โตโน่ยิ้มน้อยๆ เมื่อจรดปากกาเขียนคำสุดท้ายเสร็จ
ผมเป็นหนึ่งคนที่ต้องมาเผชิญชะตากรรมในเมืองกรุง เป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทำอะไรซ้ำๆทุกวัน ตื่น ไปทำงาน กลับบ้าน นอน วนเวียนอยู่แบบนี้จนทำมันเป็นอัตโนมัติ และช่วงเวลาที่น่าเบื่อของผมก็มาถึง ไม่ใช่เวลาทำงานอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่เป็นเวลากลับบ้านต่างหาก บ้านเช่าหลังเล็กๆแต่มันช่างดูเงียบเหงา ว่างเปล่าเหลือเกินพยายามที่จะข่มตาหลับยังไงก็ทำไม่ลง ไม่น่าเชื่อว่าในยุคที่อะไรๆก็รวดเร็วทันใจ แม้กระทั้งการสื่อสาร แต่มันกลับทำให้ผมเบื่อหน่ายที่สุด เพราะมันทำให้คนเรากลายเป็นคนใจร้อน ไม่รู้จักคำว่ารอ ต่างกับจดหมายที่ต้องนับคืนนับวันรอการตอบกลับ มันก็ลุ้นดีนะผมว่า ^^
โตโน่ยิ้มน้อยๆให้กับความคิดของตัวเองแล้วจัดการพับกระดาษแผ่นเล็กที่เขาบรรจงเขียนด้วยลายมือที่คิดว่าสวยที่สุด ใส่ในซองจดหมาย เมื่อปิดซองเสร็จก็พลิกอีกด้านของซอง แล้วเตรียมที่จรดปากกาเขียนข้อมูลผู้ส่ง ผมแทนตัวเองว่า “คนแปลกหน้า” เมื่อเขียนที่อยู่ของตัวเองเสร็จ ผมก็ต้องคิดหนักอีกครั้ง แล้วผมจะส่งไปไหนล่ะ?
ผมตัดสินใจส่งไปปลายทางที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยสุ่มบ้านเลขที่เอา และไม่ได้เขียนชื่อผู้รับ หากสวรรค์ไม่เป็นใจให้ผม อย่างน้อยมันก็คงถูกตีกลับมาให้ผู้ส่ง T^T
.
.
.
.
.
เกือบสามอาทิตย์แล้ว นับตั้งแต่ที่ผมหย่อนจดหมายลงไปในตู้ไปรษณีย์หน้าปากซอย แต่ก็ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าจะมีจดหมายจาก“ใครคนหนึ่ง”ตอบกลับมาเลยสักที จนผมเองก็ไม่แน่ใจแล้วว่า จดหมายที่ผมหย่อนลงในตู้ไปรษณีย์สีแดงเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน มันจะออกเดินทางไปยังปลายทางแล้ว หรือว่ามันยังคงนิ่งสนิทอยู่ในตู้โดยไม่มีกำหนดเวลาออกเดินทาง
ผมตัดสินใจไม่รอคอยคำตอบจากปลายทาง
แต่เริ่มเขียนจดหมายอีกฉบับหนึ่งซึ่งยังคงเป็นการทักทาย แนะนำตัวเหมือนฉบับก่อนหน้า แต่แฝงอาการน้อยใจไปด้วยเล็กน้อยเผื่อว่าปลายทางได้รับแล้ว แต่ไม่ตอบกลับมา (นี่ผมอาจหาญมากไปไหม?)
คราวนี้ ผมจะไปที่ที่ทำการไปรษณีย์เลย เพื่อลงทะเบียน ป้องกันไม่ให้จดหมายเถลไถลไปที่อื่น ในใบลงทะเบียนบอกว่าอีกไม่เกินสามวัน จดหมายจะถึงมือผู้รับตามที่จ่าหน้าซองไว้
ผมกลับมาด้วยความรู้สึกมีความหวังอีกครั้ง และเริ่มต้นนับวันเวลาที่จดหมายเดินทางไปถึง “ใครคนหนึ่ง” อย่างใจจดใจจ่อ
.
.
.
.
ระยะเวลาของการรอคอยเหมือนจะยาวนานกว่าเวลาปกติ จากคนที่ใช้ชีวิตแบบเครื่องจักร ต้องทำอะไรเหมือนๆเดิมทุกๆวัน
แต่ทุกวันนี้เหมือนจะมีหน้าที่ใหม่ที่ผมต้องทำ คือเฝ้ามองเจ้าตู้จดหมายเล็กๆหน้าบ้าน รอคอยจดหมายตอบกลับจาก “ใครคนหนึ่ง” ด้วยความหวัง
โตโน่ยิ้มน้อยๆอย่างขำขันกับการกระทำของตัวเอง นานแค่ไหนแล้วนะที่ชีวิตของผมไม่เคยมีเรื่องน่าตื่นเต้นเข้ามา ถึงการกระทำของผมมันอาจจะดูบ้าบอ แต่คุณรู้ไหมว่าระยะเวลาแห่งการรอคอยด้วยความหวัง มันทำให้ชีวิตของผมดูมีสีสันขึ้นมาทันตา
และเหมือนว่าเวลาของการรอคอยของผมมันจะสิ้นสุดลง ทันทีที่บุรุษไปรษณีย์จอดรถที่หน้าบ้าน ผมรีบวิ่งไปรับด้วยรอยยิ้ม ซองจดหมาย เอกสารมากมายถูกส่งมาให้ผม ผมก้มมองซองจดหมายในมืออย่างเซ็งๆ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่างวดบัตรเครดิต
แต่
มีโปสการ์ดภาพวาดสีน้ำใบหนึ่งที่ทำให้ผมต้องอมยิ้มอีกครั้ง
“ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณคนแปลกหน้า”
….ใครคนหนึ่ง
ประโยคสั้นๆเพียงประโยคเดียวมันกลับทำให้ผมยิ้มไม่หุบ อย่างน้อยสิ่งที่ผมรอคอยมันก็ไม่สูญเปล่า ผมอ่านประโยคสั้นๆนั้นวนไปวนมาหลายต่อหลายรอบ ลายมือหวัดๆนั่นมันทำให้ผมอดที่จะจินตนาการถึงเจ้าของลายมือไม่ได้ เขาจะเป็นคนยังไงนะ?
เมื่อในหัวมีแต่คำถามแล้วทำไมผมถึงไม่หาคำตอบมันล่ะ? ไม่รอช้าในเมื่อผมอยากรู้จักตัวตนของเขาให้มากกว่านี้ ผมคงต้องเป็นผู้เริ่มบทสนทนาก่อนซินะ ผมเริ่มบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองลงไปบนกระดาษแผ่นน้อยอีกครั้ง หวังว่าเขาคงจะเปิดใจแชร์เรื่องราวของตัวเองมาให้ผมรับรู้เช่นกัน ^^
###############################################################
3 / 11 / 2557
ฤดูหนาวกำลังจะมาเยือน อากาศที่โน่นคงกำลังเย็นสบาย
หมอกจางๆของลมหนาว แสงแดดใสๆของยามสาย มันคงเป็นอะไรที่สวยงามไม่น้อย
นึกแล้วก็อดที่จะอิจฉาคุณไม่ได้
สักวันผมจะหนีฝุ่นควันจากเมืองกรุงไปสูดอากาศบริสุทธิ์ของที่โน่น
และหวังว่าคุณคงไม่รังเกียจที่จะเป็นไกด์นำเที่ยวให้ผม
สุดท้ายนี้อยากให้คุณดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
… คนแปลกหน้า
……………………………………………………………………………………………….
16 / 4 / 2557
สงกรานต์วันหยุดยาวผ่านไป ถึงเวลาที่ต้องกลับมาลุยงานต่อแล้ว
คงจะจริงอย่างที่หลายๆคนพูดไว้ “ความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ”
ผมต้องกลับมาเผชิญชะตากรรมในเมืองที่สุดแสนจะน่าเบื่ออีกครั้ง
ต่างจากคุณที่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก อยู่ในที่ๆตัวเองชอบ
พูดถึงเรื่องงานของคุณ ผมได้อ่านหนังสือเล่มใหม่ของคุณแล้ว
ผมชอบแง่คิด และมุมมองความรักของคุณมาก
“ คนที่เคยมีความรักกับคนที่ไม่เคยมีความรัก เวลาฟังเพลงรัก มันจะรู้สึกต่างกัน
คนที่ไม่เคยมีความรัก ฟังเพลงรักอาจจะเข้าหูแต่…ไม่เข้าใจ”
น่าแปลก!!! ผมว่าช่วงนี้ผมฟังเพลงรักแล้วเข้าใจกว่าที่เคยเป็นล่ะ ฮ่าๆๆ
ไว้เจอกันเมื่อไหร่ ผมขอลายเซ็นด้วยนะครับคุณนักเขียน
…คนแปลกหน้า
……………………………………………………………………………………………………………….
3 / 6 / 2557
เป็นอีกวัน ที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงของเม็ดฝนกระทบบนหลังคา
โชคดีที่วันนี้ไม่ต้องไปทำงาน ไม่ต้องออกไปผจญภัยกับฝนนอกบ้าน
แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ
ฤดูฝนมันช่างโหดร้ายกับคนโสดเหลือเกินคุณว่าไหม?
แต่… เวลาแบบนี้มันกลับทำให้ผมคิดถึงคุณ
แล้วคุณล่ะ? เวลาฝนตกคุณรู้สึกยังไง จะคิดถึงผมบ้างหรือเปล่านะ ^^
…คนแปลกหน้า
……………………………………………………………………………………………………………….
กัน นภัทร หนุ่มนักเขียนอิสระ ที่กำลังนั่งอมยิ้มกับการอ่านจดหมายนับร้อยฉบับที่กองอยู่ตรงหน้าของเขา ถ้าว่างเมื่อไหร่เขาก็มักจะหยิบมันขึ้นมาอ่านทุกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มเสมอ
ผมได้รู้จักคนคนหนึ่งผ่านจดหมายมาเกือบปีแล้ว การที่ผมตัดสินใจตอบจดหมายเขาไปในวันนั้น มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมคิดไม่ผิด ที่ยอมเปิดใจรับคนคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต เราจะรู้จักตัวตนของกันและกันเท่าที่อีกฝ่ายอยากบอกเล่าเท่านั้น สำหรับบางคนอาจจะมองว่ามันแค่ผิวเผิน แต่สำหรับผมกลับไม่คิดแบบนั้น เพราะ เรื่องบางเรื่องที่ผมไม่สามารถบอกเล่าให้ใครฟังได้ แต่ผมสามารถเล่าให้เขาฟังได้โดยผ่านเพียงตัวอักษร โดยไม่ต้องเห็นหน้าค่าตากันด้วยซ้ำ
เราต่างเป็นกำลังใจให้กันและกัน เขามักจะบอกกับผมเสมอว่าผมเป็นคนที่โชคดีที่ได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรัก แต่ผมว่า… ผมโชคที่ได้รู้จักกับเขามากกว่า คนที่เข้ามาทำให้โลกที่เงียบเหงาของผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ผมหยิบจดหมายอีกฉบับที่เพิ่งได้รับมาเมื่อเช้าขึ้นมาเปิดอ่านอีกครั้ง
23 / 12 / 2557
ลมหนาวพัดผ่านมาอีกปีแล้ว
เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ สำหรับความสุข
วันนี้ผมมาทวงสัญญาของเราเมื่อปีที่แล้ว
คุณยังจำได้ไหมที่ผมขอให้คุณเป็นไกด์นำเที่ยวให้
ปีใหม่ปีนี้ผมได้มีโอกาสขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่
หวังว่าคุณไกด์กิตติมศักดิ์จะไม่ลืมสัญญาของเรานะครับ
ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณจนเกินไปวันที่31 เวลา 17: 00 น. ผมจะรอคุณที่xxx
คงจะไม่ไกลจากบ้านคุณเท่าไหร่นัก
เพื่อให้ง่ายต่อการพบกันรบกวนคุณใส่เสื้อตัวที่ผมส่งมาให้พร้อมจดหมายด้วยนะครับ ^^
แล้วเจอกันครับ “ใครคนหนึ่ง”
…คนแปลกหน้า
กันกางเสื้อที่แนบมากับจดหมายพร้อมกับถอนหายใจออกมา
เฮ้อออ!!!
ผมถอนหายใจไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว รู้สึกกังวลกับการพบกันครั้งแรกของเรา กลัวว่าทุกอย่างมันอาจจะเปลี่ยนไปหากเขารู้อะไรบางอย่าง
.
.
.
.
.
และแล้ว… วันของการนัดหมายก็มาถึง ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว อยากจะไปให้ถึงจุดนัดหมายให้เร็วที่สุด โตโน่มองนาฬิกาที่ข้อมือ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันพ้นประตูห้อง เขาก็วิ่งกลับมาที่หน้ากระจกอีกครั้ง จัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา เสื้อที่เขาสวมใส่อยู่เป็นเสื้อยืดสีขาวสกรีนรูปตู้ไปรษณีย์สีแดง เขาบังเอิญเจอมันตอนเดินซื้อของเลยคิดไอเดียนี้ขึ้นมา และคนที่เค้าอยากเจอมากที่สุดในตอนนี้คงจะใส่เสื้อแบบนี้เหมือนกันกับเขาซินะ^^ มัวแต่ยิ้มอยู่หน้ากระจก เหลือบไปเห็นนาฬิกาที่พนังบ่งบอกว่าใกล้ถึงเวลานัดหมายแล้ว ทำให้โตโน่สบถเสียงดัง
เชี่ยแล้ววววว!!!!!!!!!!
18:00 น.
ผมรอ “ใครคนหนึ่ง” มาครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่วี่แววว่าเขาจะมา
เฮ้อออ!!!! เขาจะลืมนัดของเราไหมนะ?
โตโน่ทอดสายตาไปยังผืนน้ำข้างหน้ามองพระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะตกลงสู่ผิวน้ำ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่ามี “ใครคนหนึ่ง” กำลังแอบมองเขาอยู่สักพักหนึ่งแล้ว คนในสัญญาว่าจะมาพบกัน และเขาคนนั้นกำลังหันหลังเพื่อเดินจากเขาไปช้าๆ
แต่สายตาของโตโน่ก็เหลือบไปเห็นเข้าพอดี โตโน่มองหลังบางนั่นอย่างช่างใจอยู่พักหนึ่ง พอเขาสังเกตลายจากกด้านหลังของเสื้อที่เหมือนกับของเขา ก็ทำให้เขาตัดสินใจลุกขึ้นวิ่งตามคนๆนั้นไปทันที
“คุณ!!!!!”
“คุณ!!!!!!!!!”
โตโน่ตะโกนเรียก แต่ไม่มีท่าทีว่าคนๆนั้นจะหยุดเดินเลย เขาจึงเร่งความเร็วเพื่อให้วิ่งตามคนๆนั้นทัน
โตโน่จับไปที่บ่าของคนๆนั้นก่อนที่อีกฝ่ายจะหันหน้ามา ทั้งคู่จ้องมองกันอยู่อย่างนั้น
เนิ่นนาน
.
.
.
ซึ่งกันที่เป็นฝ่ายรู้สึกตัวก่อนจึงก้มหน้าลง
“คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” โตโน่เป็นคนยิงคำถามไปก่อน เพราะเขาไม่เข้าใจการกระทำของอีกฝ่าย
“……”
“แล้วทำไมไม่เข้าไปหาผมล่ะ”
“……..” คำตอบคือความเงียบของอีกฝ่ายจนทำให้โตโน่ถึงกับถอนหายใจ
ทั้งคู่เงียบกันอยู่นาน จนกันยกฝ่ามือซ้ายขึ้นมาระดับหัวใจ โดยหันปลายนิ้วไปยังโตโน่ แล้วใช้ปลายนิ้วมือข้างขวาทำวน ในทิศตามเข็มนาฬิกา เหนือฝ่ามือข้างซ้ายราว ๆ 3 รอบ
“ขอโทษ” คือสิ่งที่ร่างบางต้องการจะบอกกับร่างสูงตรงหน้า แต่เขาไม่สามารถเอื้อนเอ่ยมันออกมาได้
“นี่คุณ… ”
ร่างบางเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูงตรงหน้า คนตรงหน้ามีสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“คุณพูดไม่ได้หรอ? ไม่สิ!!!! คุณคงไม่ได้ยินที่ผมพูดด้วย”
สายตาของโตโน่ทิ่มองร่างบางตรงหน้าแปรเปลี่ยนไป เป็นรอยยิ้มแสนอบอุ่นขึ้นมาแทน เมื่อร่างบางเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ “เขาไม่โกรธเราหรอ?”
โตโน่หยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะก้มเขียนอะไรลงไปแล้วยื่นไปให้ร่างตรงหน้าของเขา
กันรับสมุดเล่มเล็กมาอย่างงงๆก่อนจะก้มหน้าลงไปอ่าน
“ยินดีที่ได้พบกันครับ… ใครคนหนึ่ง”
ร่างบางยิ้มน้อยๆให้กับข้อความตรงหน้า ก่อนจะควานหาปากกาแล้วเขียนข้อความลงไปแล้วยื่นให้ร่างสูง
“เช่นกันครับ… คุณคนแปลกหน้า”
ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างจริงใจ สมุดเล่มเล็กกลายเป็นสื่อกลางในการสื่อสารของทั้งคู่
ตอนนี้กันและโตโน่ได้มาเดินเที่ยวเล่นกันที่ประตูท่าแพ สถานที่ที่ทั้งสองจะมาเค้าดาวน์กันวันนี้ ทั้งคู่เดินลัดเลาะไปตามทางเดินโดยมีเจ้าถิ่นอย่างกันเป็นไกด์นำเที่ยว ก่อนที่ร่างบางจะฉุดมือร่างสูงเดินตามเข้าไปในร้านขายโปสการ์ดแห่งหนึ่ง
กันง่วนอยู่กับการเลือกโปสการ์ดโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีสายตาของอีกฝ่ายจับจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา เขานั่งเขียนข้อความใส่โปสการ์ดไปด้วยใบหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ซึ่งคนที่แอบมองก็อดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
ผมไม่เคยคิดเลยว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับผมได้เพียงนี้ มันน่าตลกไหมล่ะ? ถ้าผมจะบอกว่า… ตกหลุมรักคนที่ไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของเขา ถึงการพบกันครั้งแรกของเราจะทำให้ผมแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่มันก็ทำให้ผมกล้าพูดอย่างเต็มปากว่า ความรู้สึกของผมมันยังเหมือนเดิม ถึงจะตกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้รู้ว่าเขาไม่สามารถได้ยินหรือพูดคุยกับผมได้เลย แต่นั่นมันก็ไม่ใช่เหตุผมที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจ ยิ่งได้เห็นหน้าของเขา มันยิ่งตรอกย้ำความรู้สึกของผมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ผมชอบแววตาของเขา รอยยิ้มของเขา ชอบทุกอย่างที่เป็นเขา
โตโน่สะดุ้งออกจากภวังค์เมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดที่หัวไหล่ หันไปก็พบกับรอยยิ้มหวานของคนในห่วงความคิด
“เสร็จแล้วหรอ?” โตโน่พูดก่อนจะชี้ไปที่โปสการ์ดในมือของร่างบาง
ร่างบางพยักหน้าให้เป็นคำตอบ พอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายถามว่าอะไร ก่อนจะเดินเอาโปสการ์ดใบนั้นหย่อยลงไปในตู้ไปรษณีย์หน้าร้าน
ทั้งคู่ใช้เวลาของคืนข้ามปีไปด้วยกัน จนเวลาล่วงเลยมาถึงคราวต้องแยกย้าย สมุดเล่มเล็กถูกใช้งานอีกครั้งโดยโตโน่
“สวัสดีครับ ผมชื่อโตโน่ อยากรู้จักคุณจังเลย ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ?”
กันรับสมุดเล่มเล็กมาอ่านก่อนจะหัวเราะน้อยๆ แล้วเขียนอะไรลงไปในสมุด ก่อนจะส่งสมุดคืนให้โตโน่ เขาส่งยิ้มหวานให้ร่างสูงอีกครั้ง แล้วเดินหายเข้าไปในหมู่ฝูงชนที่มาร่วมฉลองในคืนข้ามปี
“เดี๋ยวคุณ…” โตโน่พยายามจะเรียก รั้งร่างบางไว้แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขายิ้มให้กับการกระทำที่ดูน่าค้นหาของร่างบาง ก่อนจะก้มลงไปอ่านข้อความล่าสุดในสมุดเล่มเล็ก แล้วยิ้มออกมาอย่างยินดีในการรู้จักกันอย่างเป็นทางการของพวกเขา
……………………………………………………………….
ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่องงงงงงง
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นขัดจังหวะการนอนในวันหยุดแสนสบายของเขา ทำให้โตโน่ตื่นขึ้นมาอย่างหัวเสีย
“ใครวะ? ” โตโน่สบถออกมาอย่างโมโห แต่พอเห็นบุรุษไปรษณีย์ยืนหน้าแป้นแล้นอยู่หน้าบ้านก็ทำให้เขาดี๊ด๊าขึ้นมาทันตา
โตโน่กลายเป็นขาประจำในการรับจดหมาย ทุกๆอาทิตย์จะต้องมีจดหมายแวะเวียนมาหาเขาหนึ่งฉบับอย่างน้อย จนสนิทกับบุรุษไปรษณีย์ไปแล้ว เขายืนยิ้มให้กลับโปสการ์ดที่เพิ่งได้รับมา เขาจำได้ว่าโปสการ์ดใบนี้ ใครบางคนเขียนให้เขาในวันที่เราได้พบกัน…
31 / 12 / 2557
ขอบคุณ… ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาและกำลังทิ่มอบให้
ขอบคุณ… ทุกเสียงหัวเราะที่ผมไม่เคยได้ยินแต่รู้สึกได้ผ่านเพียงตัวอักษร ฮ่าๆๆ
ขอบคุณ… ที่เข้ามาทำให้โลกที่เงียบเหงาขอผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
และขอบคุณ… ทุกความรู้สึกดีๆทิ่มอบให้ “กัน”
“…ใครคนหนึ่ง”
หวังว่ายังจะมีคนอ่านอยู่นะ
ฟิคใบ้ไร้ซึ่งบทสนทนา คงไม่น่าเบื่อเกินไปเนอะ ^^
ความคิดเห็น