คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Pluto 3
Pluto
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านผืนบางที่แง้มอยู่ตรงหน้าต่าง ร่างบางหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยชอบใจต้นเหตุที่รบกวนการนอนของเขา ก่อนจะกระชับผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมโปรง
ยังไม่ทันที่เปลือกตาบางจะปิดอีกครั้ง กลิ่นหอมอ่อนๆจากอาหารที่คาดว่าจะเป็นข้าวต้มก็ลอยมาเตะจมูกอย่างจัง ตากลมที่เหมือนจะปิดในคราแรกเบิกกว้างทันที น้ำย่อยในท้องเรียกร้องให้ขาเรียวก้าวลงจากเตียงนุ่มอย่างเร็ว
กันเดินตรงดิ่งไปยังห้องครัวทั้งสภาพที่เหมือนยังไม่ตื่นดี ผมเผ้าที่มักจะเซ็ทให้เข้าทรงอยู่ตลอดเวลา บัดนี้ดูยุ่งเหยิงแต่นั่นทำให้คนตัวบางกลับดูน่ารักอย่างมาก ชุดนอนตัวโคร่งที่เหมือนจะซื้อเผื่อโตไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวมีสกิลในการเดินหลับตาเชี่ยวชาญขั้นปรมาจารย์แถมยังลากขากางเกงที่ยาวพ้นช่วงขาของตัวเองอย่างไม่เป็นอุปสรรค
“น่ากินจัง” ร่างบางชะโงกหน้าไปยังสิ่งที่น้ำย่อยในท้องกำลังเรียกหา
โต่โน่ที่กำลังพิถีพิถันกับการทำข้าวต้มอยู่ รีบผลักหน้าของเพื่อนสนิทที่แทบจะทิ่มลงไปในหม้อให้ออกห่าง
“เอาหน้าออกไปไกลๆเลย เดี๋ยวน้ำลายหยดลงหม้อ” ความจริงไม่ได้กลัวน้ำลายหยดลงหม้ออย่างที่พูดหรอก แต่กลัวหน้าหวานๆของมันจะร้อนต่างหาก
“นิดๆหน่อยๆทำเป็นหวง ก็แค่น้ำลายเพื่อน รังเกียจหรอ”
“อารมณ์มาเต็ม” ร่างสูงส่ายหน้าให้กับท่าทีของเพื่อน ก่อนที่จะรีบตักข้าวต้มร้อนๆไปวางบนโต๊ะทานข้าว แล้วตามไปลากตัวคนใจน้อยที่เดินไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่หน้าทีวีให้มากินข้าว
“ไม่เอา ไม่ไป”
“เห้ย อย่าดื้อดิ ไปกินข้าว”
“ไม่เอา ไม่อยากกิน”
“งั้นตามใจ”
เพื่อนสนิททั้งสองต่างฉุดกระชากลากถูกันไปมา เนื่องจากต่างฝ่ายก็ต่างไม่ยอมกัน แต่จู่ๆโตโน่ก็ยอมปล่อยมืออย่างง่ายดายแล้วเดินเข้าห้องนอนไป
กันมองตามแผ่นหลังหนาของเพื่อนก่อนจะมีสีหน้าสลด แล้วเดินคอตกไปยังโต๊ะอาหารที่มีข้าวต้มถ้วยใหญ่วางอยู่ ร่างบางค่อยๆตักข้าวต้มเข้าปากอย่างช้าๆ อดน้อยใจไม่ได้ที่พักนี้ดูเหมือนเพื่อนจะไม่ค่อยใส่ใจ นอยด์เองก็ต้องหายเอง เป็นฝ่ายงอนแต่สุดท้ายก็ต้องยอมง้อตลอด
รู้ตัวว่าเรียกร้องมากเกินไป แต่มันจะแปลกอะไรในเมื่อผมก็คือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มีความอยากได้ใคร่มี อะไรที่เคยได้ผมก็อยากได้เท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้… ดูเหมือนว่ามันจะค่อยๆลดน้อยลง
ใช้เวลาเพียงไม่นานโตโน่ก็ออกมาจากห้องในชุดนักศึกษา สะพายเป้ใบโปรด แล้วเดินไปตักข้าวต้มก่อนจะมานั่งทานตรงข้ามกับร่างบางที่นั่งอยู่ก่อนหน้า
“วันนี้ข้าวต้มอร่อยจัง” คำพูดลอยๆที่เหมือนจะคุยกับอากาศ หากแต่อยากให้คนตรงหน้าได้ยิน
“…...”
“ข้าวต้มอร่อยจัง” ร่างบางย้ำคำพูดอีกครั้ง เพื่อหวังให้คนตรงหน้ามีปฏิกิริยาตอบสนองมาบ้าง
“……”
“ข้าวต้ม…”
“อร่อยก็กินเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ”
รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานทันทีเมื่อคนตรงหน้าตอบกลับมา “เฮ้ออ!!! นึกว่าต้องคุยคนเดียวซะแล้ว”
“อิ่มแล้ว ฝากล้างด้วยนะ” ข้าวต้มถ้วยใหญ่ของโตโน่หมดเกลี้ยงโดยใช้เวลาไม่นาน ก่อนร่างสูงรีบร้อนออกจากห้อง แต่ยังไม่วายไหว้วานให้เพื่อนช่วยล้างจานให้ด้วย
“วันนี้มีเรียนบ่ายหนิ จะรีบออกไปไหนหรอ”
“มีธุระต้องไปทำ แล้วเดี๋ยวจะเข้ามหาลัยเลย”
“อ่อ!!!! แล้วตอนเย็นจะให้รอกลับพร้อมกันหรือเปล่า”
“ไม่แน่ใจว่ะ เดี๋ยวโทรบอกอีกทีละกัน”
“แล้ววว…”
ปังงงง!!!!
“ใครสั่งใครสอนให้ปิดประตูใส่หน้าคนอื่น เสียมารยาทจริงๆ” ร่างบางบ่นไล่หลังเพื่อนสนิท ที่ถึงจะบ่นยังไงก็คงไม่ได้ยินแล้ว แค่จะรอให้เขาถามให้จบก่อนก็ไม่ได้ ธุระนั่นมันสำคัญขนาดไหนกันเชียวถึงต้องรีบขนาดนั้น ร่างบางมุ่ยหน้าก่อนจะหันกลับมาจัดการกับข้าวต้มต่อ “นี่ก็ตักมาเยอะจัง จะทิ้งก็เสียดาย หึ้ยยย!!!”
…………………………………………………………
“ขอโทษค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ Sorry There is no acknowledgement from your requested number”
“โทรศัพท์หรือสากกะเบือมีไว้ทำซากอะไร ติดต่อก็ไม่ได้” เสียงหวานบ่นพึมพำ ใบหน้าหวานงอง้ำ นึกโมโหไอ้เพื่อนตัวดีที่ป่านนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหน มือก็พยายามจะกดโทรศัพท์เพื่อติดต่อมัน แต่ก็ยังได้ยินเสียงปลายสายเป็นผู้หญิงคนเดิมที่พอได้ยินทีไรก็ยิ่งหงุดหงิด
“ขอโทษค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ Sorry There is no acknowledgement from your requested number”
“เอออ!!!รู้แล้วโว้ยยยยยย”
“กัน!!!!!!!”
แรงสะกิดเบาๆที่หลังทำให้ใบหน้าหวานหันกลับไปมอง ใบหน้าที่งอง้ำในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่แสนสดใสเมื่อรู้ว่าคนที่สะกิดคือใคร “อ้าว…. ริท”
“ทะเลาะกับโทรศัพท์อยู่หรอ เสียงดังเชียว”
ร่างบางยิ้มแหยๆไปให้เพื่อนพลางเกาหัวแกรกๆ นึกเขินกับการกระทำเมื่อครู่ของตัวเอง “ริทเห็นหรอ ว้า!!! แย่จัง”
“ใครๆก็เห็น ดูโน่นดิ” ร่างบางหันกลับไปมองบนอาคารเรียนที่อยู่ไม่ไกลนัก ตามมือที่เพื่อนชี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังมองมาทางเขา ร่างบางรีบก้มหน้างุด อยากจะดำดินหนีไปซะตอนนี้เลย
“เห้ยยย!!! อายทำไม คนเยอะแยะ ฮ่าๆๆ”
“ไม่ตลกนะริท คนกำลังหงุดหงิดอยู่ อายๆก็อาย ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเค้าจะคิดว่ากันบ้าหรือเปล่า”
“ช่างพวกนั้นเถอะน่า!! แล้วนี่เป็นอะไร ทำไมถึงหงุดหงิด”
“ก็ไอ้โน่ดิ ไม่รู้หายหัวไปไหน นี่รอนานแล้วนะ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้”
“โตโน่หรอ!! น่าจะลงมาตั้งนานแล้วนะ เราเรียนเซคเดียวกับโตโน่เมื่อตอน4โมง ป่านนี้คงกลับห้องไปแล้วมั้ง”
“จะกลับก็น่าจะบอกกันก่อน จะได้ไม่ต้องรอ” ร่างบางหน้ามุ่ยขึ้นทันทีที่ริทพูดจบ
“เค้าคงมีธุระมั้ง”
“ช่างเถอะ!!! งั้นกันกลับบ้างดีกว่า นี่ก็จะมืดแล้ว” ร่างบางรีบเก็บข้าวของที่วางอยู่บนโต๊ะ รวมทั้งกองหนังสือจำนวนไม่น้อยเอามาหอบไว้ในอ้อมกอด
“เดี๋ยวริทไปส่ง” ริทพยายามจะแย่งหนังสือจากกันไปช่วยถือ แต่กันยื้อเอาไว้
“กันกลับเองได้ ขอบใจนะ”
“ขอริทไปส่งได้มั้ย นี่ก็มืดแล้ว ริทเป็นห่วง” สายตาวิงวอนของริททำให้กันอดใจอ่อนไม่ได้ ริทยังคงน่ารักและแสนดีกับเขาเสมอ ถึงแม้ช่วงนี้จะไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนแต่ก่อนก็ตาม
“อื้ม” ^^
.
.
.
.
.
“ขอบใจมากนะริท มาส่งแล้วยังใจดีพาไปกินข้าวอีก” ร่างบางกล่าวขอบคุณก่อนจะก้าวลงจากรถยนต์คันสีขาวสะอาดตาของริท
เมื่อรถแล่นออกไป ร่างบางก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปยังคอนโด กดลิฟท์ไปยังชั้น6 ของคอนโดขนาดกลางที่พ่อแม่ของเขาหุ้นกันซื้อกับพ่อและแม่ของโตโน่ เพื่อให้พวกเขาใช้ซุกหัวนอนกันระหว่างที่เรียนอยู่ที่นี่ ร่างบางเดินหอบข้าวของพะรุงพะรังที่ซื้อมาให้ไอ้คนที่หนีเขากลับมาก่อน กลัวว่ามันจะหิว แต่พอเปิดเข้าไปในห้องก็พบกับความว่างเปล่า ภายในห้องยังมืดสนิท ร่างบางไล่เปิดไฟทุกดวงแล้วเอาข้าวของที่ซื้อมาไปวางบนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปเปิดประตูห้องนอนของเพื่อนสนิท ว่างเปล่า!!!! “ยังไม่กลับมาหรอ ไปไหนของมันนะ”
กันควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเพื่อจะโทรติดต่อโตโน่อีกครั้ง แต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด จึงจำใจยัดโทรศัพท์เก็บเข้ากระเป๋าอย่างเดิม แล้วเดินกลับห้องเพื่อกลับไปธุระของตัวเองบ้าง ในใจก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่จะให้ทำยังไง จะให้โทรเช็คกับเพื่อนๆมันก็ดูก้าวก่ายเกินไป ในเมื่อมันก็โตแล้วมันคงรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้
.
.
.
.
“อื้อออออออออ” ร่างบางนั่งบิดขี้เกียจอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งทำรายงานอยู่นานสองนานจนเวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่งแล้ว
มันกลับมาหรือยังนะ?... ทันทีที่เกิดคำถามร่างเพรียวบางก็ไม่รอช้าที่จะหาคำตอบ ขาเรียวเดินตรงไปยังโซนหน้าทีวีก็ยังไม่พบสิ่งใด ก่อนจะเดินเข้าไปดูในห้องนอนเพื่อความแน่ใจ แต่ก็ยังไม่พบบุคคลที่ตามหา จึงตัดสินใจไปนั่งรอตรงโซฟาหน้าทีวี
“กลับมาพ่อจะบ่นให้ไฟแลบเลย” ปากก็บอกว่าจะบ่นแต่ในใจกลับรู้สึกหวาดหวั่น กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับมันเพราะมันไม่เคยหายไปแบบนี้ ยิ่งติดต่อก็ไม่ได้ก็ยิ่งร้อนใจ
กันกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น ไม่รู้จะเริ่มต้นตามหามันทางไหนดี มันไปกับใครก็ไม่รู้ เพื่อนในคณะมันก็ไม่ค่อยรู้จักใคร
“ริท ใช่ริท!!!” ทันทีที่คิดออก มือบางพยายามไล่หาเบอร์ของที่พึ่งสุดท้าย เบอร์ที่บันทึกไว้นานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้โทรสักที
“แกร๊กก” เสียงเปิดประตูทำให้ร่างบางหันไปมองอย่างรวดเร็ว ก็พบกับคนที่เป็นห่วงอยู่
“ไปไหนมาว่ะ”
“เอิ่มมม คือ… กูไปติวหนังสือมา”
“แล้วกินอะไรมาหรือยัง?” พอเห็นหน้ามัน ถ่อยคำบ่นต่างๆนานาที่คิดเอาไว้กลับกลืนหายไปหมด แค่มันกลับมาปลอดภัยผมก็ลืมทุกสิ่งอย่างไปหมดแล้ว
“กำลังหิวอยู่พอดีเลย” โตโน่เดินลูบท้องเข้าไปนั่งใกล้ๆกับเพื่อนก่อนจะอิงหัวซบไปบนไหล่ลาด
“ติวหนังสือยังไง กลิ่นเหล้าหึ่งเลย”
“นิดๆหน่อยๆแก้ง่วงน่า!!!!”
“เอาเถอะๆ ไปอาบน้ำไป๋ เดี๋ยวกูอุ่นราดหน้าให้กิน ซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นไม่รู้จะยังอร่อยหรือเปล่า”
.
.
.
“มึงง่วงก็ไปนอนเถอะ กูเห็นหาวหลายรอบละ จะนั่งเฝ้ากูกินทำไมวะ?” โตโน่พูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กนั่งหาวจนแมลงวันจะบินเข้าปากอยู่แล้ว
หลังจากที่โต่โน่อาบน้ำเสร็จ ร่างบางที่อุ่นราดหน้าให้เพื่อนกินก็มานั่งหาวโชว์จนคนที่กินอยู่ก็พลอยจะหาวตามไปด้วย
“อาทิตย์นี้กูกลับบ้านนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรียนเสร็จเย็นๆก็กลับเลย ป๊าม๊าบ่นคิดถึง”
“อื้มมมม”
“มึงไม่กลับบ้างหรอ เดี๋ยวพ่อกับแม่มึงจำหน้าลูกชายไม่ได้นะ”
“ช่วงนี้กูไม่ค่อยว่างเลยว่ะ ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยว่ากูสบายดี”
“มึงทำอะไรหรอ ทำไมหมู่นี้ดูไม่ค่อยว่างเลย”
“ก็… พวกงานที่คณะแหละ”
“ถามจริงเถอะ!!!! นี่มึงติดหญิงป่ะวะ?”
ร่างสูงเงยหน้าจากจานราดหน้าขึ้นมามองเพื่อนตัวเล็กที่จ้องมาทางเขาตาไม่กระพริบ “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
“เหอะ!!! เซ้นต์กูนี่แรงจริงๆ” ร่างบางพูดขึ้นก่อนจะลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าห้องนอนอย่างไม่รอฟังคำตอบ คิดอยู่แล้วว่าความรู้สึกของตัวเองไม่เคยพลาด ยิ่งเห็นสีหน้าและแววตาของมันแบบนั้นยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่
ไม่ได้กลัวว่ามันจะมีใครแต่กลัวการเปลี่ยนแปลง มันจะดูเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่าถ้าผมอยากให้เรื่องทั้งหมดเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมรีบเดินเข้าห้องมา เพราะผมกลัวคำตอบของมัน กลัวว่าสิ่งที่ผมคิดมันจะเป็นเรื่องจริง… ลางสังหรณ์ครั้งนี้บอกว่าทุกอย่างมันกำลังจะเปลี่ยนไป
มันเริ่มออกนอกสุริยะจักรวาลไปไกลแล้ว #สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น
ขอเวลาเราจูนสมองก่อนนะ เหมือนมันจะเรื่อยๆ เฉื่อยๆยังไงก็ไม่รู้
ตอนหน้า!!! สัญญาด้วยเกีรยติของยุวกาชาดจะพยายามทำให้ดีกว่านี้ (ตัลหลอด)
เรื่องนี้น่าจะประมาณ 5 ตอนจบ จบยังไงอันนี้ก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆ
เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์กากๆด้วยนะคะ^^
ความคิดเห็น