คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Pluto 2
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…
บนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไร้หมู่ดาว มีพระจันทร์เต็มดวงทอแสงอยู่สองดวง
ดวงหนึ่ง… เป็นดวงจันทร์ที่เป็นผู้หญิง มีนามว่า “จันทรา”
อีกดวงหนึ่ง… เป็นดวงจันทร์ผู้ชาย มีนามว่า “ดารา”
ดาราหลงรักจันทราเป็นอันมาก แต่ตัวจันทรานั้นยังไม่ได้ตัดสินใจอันใด ทั้งคู่จึงอยู่คู่กันมาแสนนาน
จนวันที่จันทราได้มาพบกับดวงอาทิตย์ก็มาถึง ดวงอาทิตย์นั้นช่างทรงพลังนัก เปี่ยมไปด้วยความเจิดจรัส
อยู่บนท้องฟ้าเพียงหนึ่งเดียว
จันทราหลงรักดวงอาทิตย์เข้าแล้ว จึงทิ้งให้ดาราอยู่เดียวดายเพียงลำพัง ในคืนอันว้าเหว่
ทุกๆ วัน ดาราเฝ้าแต่เหม่อหารอเพียงแต่จันทราจะกลับมา
วันคืนผ่านไป…
นับวัน
นับเดือน
ปี…
ไม่มีแม้แต่ความเจิดจรัสใดที่จะพอให้ดาราลืมเลือนจันทราไปได้เลย ดาราจึงถามหาจันทราเอากับหมู่มวลแมลง แมลงจึงตอบกลับไปว่าลำพังพวกแมลงไม่เห็นหรอก แมลงจึงบอกกับดาราว่า
ทำไมไม่ทำให้ความเจิดจรัสที่ท่านมีอยู่ให้เป็นประโยชน์ ปล่อยให้เศษเสี้ยวของความสว่างที่ท่านมีอยู่
ได้กระจายออกไป …ออกไปเพื่อตามหาจันทรา ไม่แน่ว่าวันนึงท่านอาจจะได้เจอนาง
ดาราเชื่อตามนั้น
คืนต่อมา… ความสว่างไสวได้กระจายเต็มท้องฟ้าแปรเปลี่ยนไปเป็น “หมู่ดาว” ที่ทอแสงสว่างทั่วทั้งปฐพียามค่ำคืนเพื่อหญิงอันเป็นที่รัก
ดวงอาทิตย์นั้น เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ความยิ่งใหญ่ที่มี ทำให้ความสว่างไสวของจันทรา เป็นเพียงแสงของหิ่งห้อย ที่ปรากฎตัวเมื่อยามสว่าง ไม่มีเลยแม้ซักครั้งที่ดวงอาทิตย์จะหันมาเหลียวแลจันทรา
ความผิดหวังที่ก่อเกิดในใจ จันทราจึงกลับมาสู่ท้องฟ้าอันมืดมิดที่เปรียบเสมือนบ้านเก่า
จันทรากลับมาพร้อมกับสิ่งที่เสียไป ไม่มีดาราอยู่แล้ว… คนที่รักเธอยิ่งดวงใจ
เธอไม่เคยเห็นความสำคัญของดาราเลย จนวันที่เธอถูกทอดทิ้ง เธอจึงระลึกได้ว่ายังมีชายอีกหนึ่งที่ไม่ว่านานเท่าใดเขาก็จะอยู่กับเธอ
แต่…
นี่เขาไปไหน?
วันเวลาผ่านไป… ความมืดมิดค่อยๆ กลืนความสว่าง ความเหงาของจันทราก็หวนกลับมา
ไม่มีแม้ซักครั้งที่ดาราจะกลับมา
ทุกๆเดือน จันทราจะกลับมาเพื่อรอดาราหนึ่งคืน สิ่งที่เธอแสดงให้เห็นในการเรียกหาดารา คือความสว่างไสวสวยงามยามค่ำคืนของ “พระจันทร์เต็มดวง”
แต่ทุกคืนที่ดารากลับมา ก็จะไม่มีความสุขสดใสนั้นรออยู่
ไม่มีวันใดที่ทั้งคู่จะได้เจอกันอีกเลย เปรียบเสมือนคืนใดที่พระจันทร์นั้นทอแสงสว่างไสวเต็มดวง
ก็จะไม่มีดาวที่กระพริบเพรียกหาอยู่ให้เห็นอย่างเดิม”
ดวงตาสองคู่ทอดมองหมู่ดาวนับล้าน ที่เปล่งประกายสวยงาม และเรียงตัวกันอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ในห้องรูปโดมขนาดใหญ่ ที่มีเครื่องฉายเพื่อแสดงดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และวัตถุท้องฟ้าต่างๆ ให้ปรากฏบนหลังคาโดม
ไม่มีเสียงใดหลุดรอดมาจากบุคคลทั้งสอง ความรู้สึกหลากหลายที่สื่อผ่านแววตาของคนทั้งคู่ถูกส่งออกมา หากแต่ไม่มีใครได้พบเห็น มีเพียงหมู่ดาวเท่านั้นที่รับรู้
“น้ำตาจะไหลว่ะ” ร่างสูงเอ่ยขึ้น หลังจากทั้งคู่จดจ้องหลังคาโดมอยู่นานจนบัดนี้มืดสนิทไปแล้ว ดึงให้อีกคนหลุดจากภวังค์
“ซึ้งอะดี๊ กูบอกแล้ว เรื่องนี้แม่งพีค” ร่างบางได้ทีก็คุยโวใหญ่ พร้อมกับยักคิ้วไปให้ร่างสูง
“พีคอะไรมึงล่ะ กูเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็จบพอดี”
“คราวหลังกูไม่เล่าให้แม่งฟังละ” เป็นคนขอให้เล่าเองแท้ๆ ไหงมันเผลอหลับไปได้ล่ะ ชิ!!!
“โอ๋ๆ อย่าเพิ่งงอนกูนะ ต่อไปมึงเล่าอะไรมากูจะตั้งใจฟังเลย ด้วยเกรียติของลูกเสือสามัญเลยเอ้า!!” ร่างสูงชูสามนิ้ทำท่าตะเบ๊ะ ส่งยิ้มแป้นแล้นไปให้อีกคนที่ตอนนี้หน้าบูดบึ้งไปแล้ว
“ขอโทษนะคะ วีดิทัศน์จบแล้ว ขอความกรุณาออกไปข้างนอกด้วยนะคะ อ่อ!!! แล้วอยากจะเตือนให้ทราบถึงกฎของที่นี้ ขอให้งดใช้เสียงนะคะ ถึงจะไม่มีใครอยู่แต่พวกคุณควรมีมารยาทและเคารพกฎบ้าง” ร่างบางถึงกับหน้าชาเมื่อฟังคำพูดของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะก้มหัวขอโทษขอโพยแล้วรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไป
“รีบไปไหนวะ รอกูด้วยดิ” ร่างสูงวิ่งตามคนตัวเล็กไปจนถึง
“ไปไกลๆกูเลย จะไปทำรายงานต่อละ” ร่างบางผลักคนตัวโตออกไปเบาๆ
“ยังไม่หายงอนกูหรอ”
“เปล่า”
“กันจ๋า ดีกันนะ นะ นะ นะ น้าาาา”ประโยคชวนขนลุกมาพร้อมกับมือใหญ่ที่กรอบกุมมือเล็กเอาไว้ พรางเขย่าเบาๆเชิงอ้อนวอน
“เล่นเชี้ยอะไรมึงเนี่ยไอ้โน่ ปล่อยกูเลย” ร่างบางพยายามแกะมือของเพื่อนออก ก่อนจะมองไปรอบๆเห็นสายตาที่จับจ้องถึงกับทำตัวไม่ถูก บ้างก็ทำท่าเขิน(สาววายสินะ) บ้างก็เม้ากันอย่างสนุกปาก
“ไม่”
“ไอ้โน่ววว ปล่อย!!!”
“ไม่ปล่อย”
“เชี้ยโน่ คนมองกันใหญ่แล้ว”
“ช่างแม่งดิ” คนตัวสูงตอบหน้าตายพร้อมกับเอามือเล็กขึ้นมาถือไถๆเล่น เป็นลูกแมวขี้อ้อน มันก็คงจะน่ารักอยู่หรอกนะ ถ้าไม่ใช่ไอ้หน้าลิงนี่ทำ
ยิ่งเห็นเพื่อนเขินเท่าไหร่โตโน่ก็ยิ่งอยากแกล้งขึ้นเท่านั้น เขาไม่ได้สนใจว่าใครจะมองยังไง คนพวกนั้นไม่ได้มีอิทธิพลกับเขาขนาดนั้น หลายต่อหลายครั้งที่มีคนถามถึงความสัมพันธ์ของพวกเรา แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็น เพราะถึงยังไงคนข้างกายก็ยังเป็นคนสำคัญที่สุดของเขาเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม
“ไอ้โน่ หยุดเล่นได้แล้ว เพราะแม่งเล่นงี้ไงถึงไม่มีแฟนสักที” ร่างบางสะบัดมือออกจากคนตัวสูงก่อนจะเดินหนี แต่ก็ไม่วายที่คนตัวสูงจะเดินตามอย่างไม่ลดละเช่นกัน
“ทำไม กลัวใครเข้าใจผิดหรือไง”
“ก็… เปล่า แต่มึงเองไม่ใช่หรอที่บ่นว่าเพราะกูมึงเลยไม่มีแฟนซะที เล่นแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวใครๆเค้าก็เข้าใจผิด แล้วแบบนี้มึงจะหาแฟนได้เมื่อไหร่ล่ะ?”
“มึงก็คิดไปโน่น บอกแล้วไงว่ามึงคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับกู กูไม่แคร์ว่าไงจะมองยังไง”
“แล้วถ้าวันไหนมึงเจอคนที่สำคัญกว่าล่ะ มึงจะลดความสำคัญของกูลงเหมือนที่นักดาราสาสตร์ทำกับดาวพลูโตมั้ย?” ร่างบางหยุดเดิน ก่อนที่จะหันมาถามคนตัวโตที่ตอนนี้ทำหน้าเหวอสุดฤทธิ์
“กัน!!! ” ร่างสูงเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กข้างหน้า ก่อนจะดีดไปที่หน้าผากมนเบาๆ “กูว่ามึง…. เรียนหนักไปป่ะวะ?”
“กูพูดจริงนะเว่ย เรื่องนี้กูคิดมานานแล้ว กูไม่ได้อยากจะยื้อมึงนะ แต่แค่กลัว!!! กลัวว่าสักวันหนึ่ง มึงเจอใครที่เค้าสำคัญกว่ากู แล้วระหว่างเรามันจะไม่เหมือนเดิม ที่ตรงนั้นข้างๆมึง อาจจะไม่มีที่สำหรับกูอีกต่อไป ” ร่างบางเริ่มมีสีหน้าวิตก เขาไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรจากคนตรงหน้าเลย เพียงแต่ความกลัวมันบังคับให้เขาต้องพูดสิ่งในสิ่งที่คิดออกไป
“ตรงไหนของกูทำให้มึงคิดแบบนั้นหรอวะ?” สีหน้าและคำพูดที่ดูจริงจังไม่แพ้กันของโตโน่ทำให้ร่างบางอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ ผู้ชายตรงหน้ามันไม่เคยทำให้เขาเสียใจ และไม่มีวันที่มันจะทำ มันไม่ได้สัญญาหรอก มันไม่เคยสัญญา แต่มันได้พิสูจน์ให้เขาเห็นแล้วต่างหาก
“กูคงคิดมากไปเองแหละ ขอโทษนะ” ความรู้สึกผิดเกาะกุมในใจ น้ำตาเม็ดใหญ่ล่วงพื้นแหมะ ร่างบางรีบเอามือปาดน้ำตาจนใบหน้าแดงกล่ำ
“ก็เพราะมึงเป็นแบบนี้ไง กูถึงไปไหนไม่ได้สักที” โตโน่ดึงหัวทุยเข้ามาซบตรงอกแกร่ง แต่อีกคนกลับพยศดันตัวออกห่าง
“ก็เพราะมึงทำแบบนี้ไง กูถึงไม่ยอมโตสักที”
“ก็เพราะมึงเป็นแบบนี้ไง กูถึงห่วงมึงมากกกกกกกกกกกก” ร่างสูงหยิกแก้มนุ่มนิ่มของเพื่อนรักไปมา ก่อนคนที่ถูกหยิกแก้มจะบู้ปาก เอามือปัดป่ายมือหนาที่หยิกแก้มของตน
“ไอ้โน่ ไม่เล่น ปัญญาอ่อน”
“ปัญญาอ่อนตรงไหน น่ารักจะตาย” โตโน่ยังคงหยิกแก้มเพื่อนตัวเล็กไปมาราวกับของเล่น แต่อีกคนกลับไม่มีทีท่าว่าจะเล่นด้วยสักนิด
“ไอ้โน่!! มันเจ็บ” ร่างบางดันอกแกร่งสุดแรง แต่ด้วยขนาดตัวกลับทำให้กันเซไปชนกับใครบางคนที่เดินผ่านมาเข้าอย่างจัง
“เห้ยยย” ทั้งกันและโตโน่ต่างร้องตกใจไปตามๆกัน ร่างสูงวิ่งไปช่วยพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้น ก่อนจะช่วยพยุงร่างบอบบางของผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมา หญิงสาวในชุดนักศึกษาก้มลงปัดกระโปรงทรงสอบสั้นเหนือเข่า
“พี่จูน” ร่างบางอุทานขึ้นเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะยกมือไหว้แล้วกล่าวขอโทษ หญิงสาวไม่ได้ติดใจเอาความอะไรเพราะกำลังรีบ พูดจาทักทายกันนิดหน่อยก็ขอตัวแยกออกไป
“ใครวะ?”
“พี่จูน เค้าเป็นพี่รหัสกู แล้วยังเป็นดาวมหาลัยด้วยนะมึง” ร่างบางตอบออกไปด้วยแววตาที่ชื่นชมพี่รหัสที่ทั้งสวยและเก่งแถมยังน่ารักเสมอสำหรับเค้า
“น่ารักเนอะ”
“ใช่ น่ารักมาก”
“เค้ามีแฟนยังวะ?” ร่างบางหันไปมองหน้าของเพื่อนสนิทที่ยังคงมองตามหลังหญิงสาวที่บัดนี้เดินลับหายไปแล้ว
“นี่มึง…”
“กูอยากสอยดาวว่ะ” โตโน่ยิ้มขำๆกับคำพูดของตัวเอง แต่แววตาคมนั้นแฝงไปด้วยความจริงจังจนทำให้อีกคนหวั่นใจ
“มีคนชอบพี่เค้าเยอะแยะ บางคนทั้งหล่อทั้งรวยพี่เค้ายังไม่สนเลย แล้วอย่างมึงจะเอาอะไรไปสู้พวกเค้าวะ”
“ยังไม่ได้ลองเลย จะรู้ไง”
“แต่ดาวมันอยู่สูงนะเว้ย”
“มึงไม่เคยได้ยินหรอ ความพยามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เดี๋ยวกูจะคว้าดาว มึงคอยดู”
“อย่าว่าแต่ดาวเลย บางสิ่งที่อยู่แค่ตรงหน้า เราก็ไม่สามารถคว้ามันมาเก็บไว้ได้หรอก ไม่ใช่เพราะเราไม่พยายาม แต่เพราะเราไม่มีสิทธิ์ต่างหาก”
“ถ้าพี่เค้ายังไม่มีแฟนก็แปลว่ากูก็ยังมีสิทธิ์ไม่ใช่หรอวะ?”
“ใช่… มึงมีสิทธิ์ …แต่คนบางคนไม่มี” ประโยคหลังเอ่ยอย่างแผ่วเบาราวกับกระซิบ ไม่ได้หวังให้ใครได้ยินแต่เสมือนย้ำเตือนตัวเองเสียมากกว่า ใบหน้าหวานค่อยๆแย้มรอยยิ้มที่คิดว่าเป็นธรรมชาติที่สุดส่งไปให้เพื่อนรัก
แค่นี้มันก็ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว ขอแค่มีมันอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว
“ไปกันเถอะ กูหิวละ” คนตัวบางเดินไปกอดคอเพื่อนรัก ถึงจะดูทุลักทุเลไปหน่อยสำหรับส่วนสูง แต่มันเป็นภาพที่สวยงามสำหรับความทรงจำของใครบางคนเลยล่ะ
กลับมาแล้วววววว หลังจากห่างหายไปหลายล้านปีแสง
คาดว่าเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่ ยาวไปๆ
ความคิดเห็น