ตอนที่ 6 : ตอนที่ 6 On the Beautiful Road in Christmas
เสียงบางสิ่งบางอย่างดัง ‘กุกกัก กุกกัก’ อยู่บริเวณห้องครัว ผมกำลังนั่งดู ‘ไม้กวาด’ กินขนมปังถั่วก้อนโตซึ่งแม่ผมอุตส่าห์นั่งหลังขดหลังแข็งทำไว้ให้พ่อของผม เมื่อตอนช่วงเย็นที่ผ่านมา
น่าอนาถตัวเองจริงๆ!!!
แถมยัยตัวร้ายนั่นอีกคน เธอกำลังเดินไปเดินมาพลางสำรวจภายในบ้านของแม่ผมซะรอบบ้าน เธอบอกกับผมว่าเธอมาจากดินแดนอันไกลโพ้นเมืองแห่งเวทย์ ‘เฮอะ!!ตลกแหล่ะ ยัยนี่’ ผมนั่งยกมือทั้งสองท้าวคางบุ้ยปากตัวเองซ้ายทีขวาที พลางเหล่ตาชำเลืองมองไปที่ร่างบางซึ่งกำลังเดินไปมา ‘แต่งตัวก็ยังกับคนบ้า’!!!
“เนี่ยอ่ะนะ!!มาจากดินแดนอันไกลโพ้น มาจากดาวพฤหัสศุกร์ ดิไม่ว่า เชอะ!”ผมพึมพำกับตนเองก่อนที่จะหย่อนคางวางบนท่อนแขนตนเอง
“นี่!!นายหน้าเกาหลี”เสียงหวานเอ่ยขึ้นอีกครั้งจนผมเกือบจะเคลิ้มหลับไปอีกรอบนึงแล้ว
“นี่!!ชื่อผมก็มีนะเรียกให้ถูกด้วย”ผมรีบยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนใส่ไปยังต้นเสียงที่ยืนอยู่อีกฝั่ง เธอถึงกับยืนท้าวสะเอวแล้วถลึงสายตาเหยียดมองมายังผมที่ยืนลูบท้ายทอยตนเองอย่างเกรงๆแล้วรีบนั่งลงแต่โดยดี แต่นี่มันบ้านเรานี่หว่า…ทำไมจะต้องไปกลัวกับยัยบ๊องนี่ด้วย
“แล้วนายคิดที่จะแนะนำตนเองหรือบอกชื่อของนายกับฉันบ้างไหม แต่ยังไงก็ขอบใจนะที่อุตส่าห์เจียดขนมปังถั่วให้กับแซม”
“นั่นน่ะหรอเค้าเรียกเจียดหรือแบ่งให้ คุณลองไปเบิ่งลูกกะตาดูตรงนั้นเลยว่า มันเล่นกินไปเกือบจะหมดอยู่แล้ว คุณรีบไปห้ามมันหน่อยจะได้ไหม ถ้าแม่ผมรู้ ผมต้องโดนดุเป็นแน่”
“ฉันคิดว่าแม่ของนายเป็นคนใจดีอยู่นะ ไม่เหมือนนายหรอก ขี้ตืด!”
“ใครขี้ตืด ผมน่ะหรอ?ผมน่ะแฟร์ๆจะตายไป คุณดูคนผิดแล้วล่ะ”ผมรีบออกตัว เดี๋ยวถ้าไม่แก้ต่างภาพลักษณ์ที่สะสมมาจะพลอยป่นปี้ไปซะหมดก็เพราะยัยบ๊องนี่ล่ะ
“ตกลงว่านายชื่ออะไร ฉันจะได้เรียกถูก”
“ลีจงฮยอน”ผมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ พลางทำมือกลางนิ้วชี้กับนิ้วโป้งแยกออกจากกันแล้ววางไว้ใต้คางเรียว แล้วยกยิ้มที่มุมปากนิดๆเผยให้เห็นรักยิ้มสุดแสนจะทรมานใจสาวให้เธอเห็น เผื่อว่าเธอจะได้เห็นความหล่อที่เปล่งประกายของผมบ้าง
“ออ ชื่อนายนั่นเองหรอ”เธอเอ่ยเพียงแค่นั้นพลางทำใบหน้าเรียบเฉยพยักหน้าแค่เพียงเล็กน้อย เป็นการรับทราบ…
เพล้ง!!!!!งงงงงง หน้าแตก>_<ยับเยินนนน
ผมแทบจะเป็นลมล้มลงทั้งยืน แล้วขออนุญาตเอาหัวกลมๆลงไปโขลกกับพื้นสักหลายๆที ยัยนี่ไม่มีความรู้สึกกับชื่ออันไพเราะและภาพลักษณ์อันหล่อเหลาของผม เลยแม้แต่น้อยถ้าเป็นสาวๆที่มหาวิทยาลัยผมเพียงแค่แนะนำชื่อเท่านั้นล่ะก็ต่างวิ่งกรูกันเข้ามาหาโดยที่ไม่ได้รับเชิญเลยด้วยซ้ำ
“แซม หยุดได้แล้ว”ภาษาประหลาดหลุดออกมาจากปากบางของเธออีกครั้ง คราวนี้เจ้าไม้กวาดนั่นอันตรธานหายไปไหนก็ไม่รู้ ส่วนร่องรอยการกินขนมปังถั่วที่ตอนแรกทั้งเกะกะ เลอะเทอะหกรดไปทั่วทั้งพื้น ผมหันกลับไปอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้องตอนนี้สะอาดสะอ้านเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นยังไงยังงั้น และที่สำคัญซองขนมปังที่วางเรียงไว้บนตระกร้าหวายไม่มีรอยฉีกขาดเลยแม้สักนิด ทุกอย่างยังอยู่ครบถ้วน ผมอ้าปากค้างตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ผมรีบเรียกสติของผมให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด!!
มือของผมรีบคว้าหมับไปที่ข้อมือของเธอ แล้วรีบดึงตัวเธอวิ่งออกมานอกบ้านทันที ผมพาตัวเธอมาหยุดอยู่ตรงกลางสนามหญ้าหน้าบ้าน แสงไฟเล็กๆที่วางประดับตรงรั้วบ้านกระพริบวิบวับวิ่งไปมาอย่างสวยงาม กลิ่นหอมจางๆจากดอกไม้เมืองหนาวโชยมาพร้อมส่งกลิ่นหอมอ่อนๆล่องลอยมาตามสายลม จู่ๆหิมะก็ล่วงหล่นโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าล่องลอยเอื่อยๆบางๆลงมา
“ไม้กวาดนั่นหายไปไหนอ่ะ? คุณกำลังทำอะไร?แล้วเหตุการณ์เมื่อสักครู่ผมไม่เชื่อว่าคุณเป็นคนทำ”ผมพยายามจะจ้องเข้าไปที่ดวงตาสวยของเธออย่างยากที่จะเข้าใจ
“ไปอยู่ในที่ๆควรจะอยู่น่ะสิ นายจะไปสนใจทำไมกับไม้กวาดนั่น>_<”หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เหมือนกับมันเป็นเรื่องปกติของการใช้ชีวิตของเธอแต่กับผมมันไม่ใช่ “และฉันก็ไม่ใช่คน ซะด้วย”
“อ่ะ ไม่ใช่คนแล้วใครกันที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม และยังยืนคุยต่อล้อต่อเถียงกับผม และยังเรียกผมว่า นายหน้าตาเกาหลีอีกต่างหาก”
“นี่…นาย…!”
“คุณ…ยืนอยู่ตรงนี้ก่อนอย่าเพิ่งขยับไปไหนนะ ขอเวลาผมแปบนึงนะ”ผมเดินออกมาห่างจากเธอเล็กน้อย ผมสังเกตท่าทางของเธอคงจะไม่ค่อยพอใจผมสักเท่าไรหลังจากที่โดนผมต่อว่าไป มือหนาของผมรีบกดเบอร์มือถือยิงออกไปยังปลายทางทันที มันคิดอะไรไม่ออกคงจะต้องหาที่ปรึกษาเสียแล้ว
หลังจากที่ปลายสายรับสายแล้ว เสียงของยงฮวาดูจะเนือยๆแล้วงัวเงียหลังจากที่ถูกผมปลุกขึ้นมากลางดึก
‘ว่าไง? เพื่อนจะโทรมาเมอรี่ คริสต์มาสหรอ?โอ๊ยยยยย!ไม่ต้องๆหรอก ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากัน คะ..แค่นี้….’
“เดี๋ยวก่อนฟัง! นายฟังฉันก่อน! ตื่นๆก่อนมีเรื่องจะปรึกษาหน่อยนะ นายห้ามวางสายเป็นอันขาด นายตั้งสตินะและฟังฉันเล่าให้จบก่อน จะเล่าแบบสั้นๆและได้ใจความ โอเค๊!!”
‘นายมีอะไรหรือเปล่าเนี่ยทำไมเสียงของนายถึงดูตื่นเต้นยังไงชอบกล’
“แน่นอนว่ามันยิ่งกว่าตื่นเต้นซะอีก ฉันไม่แน่ใจว่าความฝันที่ฉันเคยเล่าให้พวกนายฟังตั้งแต่คราวก่อนมันจะเป็นความจริงไปได้”ผมเล่าให้ยงฮวาฟังอย่างกะทัดรัดกระชับให้มากที่สุด ส่วนรายละเอียดอื่นๆคงต้องรอให้เจอกันซะก่อน เพราะเรื่องมันต้องยืดยาวแน่นอน
‘ห๊า!!นายว่ายังไงนะ มีผู้หญิงบ้าคนนึงตกลงมาจากฟ้าเข้ามาอยู่ในบ้านของแม่นายเมื่อคืนนี้ แถมยังแต่งตัวแปลกๆพูดจาแปลกๆไม่ใช่ภาษาคน แล้วมีไม้กวาดพูดได้มาอยู่ในบ้านของนายอีก เหอะๆๆ จงฮยอน..นายฝันไปอีกแล้วล่ะ ตื่นขึ้นมาได้แล้ว อ้าว!แล้วตอนนี้ที่ฉันกำลังนอนคุยกับนายฉันก็เข้าไปอยู่ในฝันของนายด้วยนะสิ เง้อ!!ไม่นะ’ยงฮวาตื่นตะลึงกับคำพูดของตนเอง
“มันคือเรื่องจริง และตอนนี้ยัยบ๊องนั่นก็ยืนห่างจากฉันไปไม่ไกล ฉันขอปลีกตัวออกมาโทรหานายเพื่อที่จะปรึกษาว่าควรจะทำยังไงดี หัวฉันตื้อไปหมดแล้ว ช่วยคิดๆหน่อย”ผมเดินไปเดินกระสับกระส่าย
‘เธอสวยไหม?’
“ทำไม??”ผมถามย้อนกลับไปยังปลายสาย ป่านนี้คงตื่นแล้วและหายจากอาการง่วงนอนเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้เจอเรื่องราวแปลกประหลาดที่ผมเล่าให้ฟัง
‘ถ้าเธอสวย…ก็จับมาเป็นแฟนนายซะเลยสิ อิอิอิ’เสียงทุ้มปลายสายหัวเราะชอบใจกับคำแนะนำเด็ดๆของตนเอง
“เฮ้ย!!นายก็เพ้อเจ้อไปได้ นี่ฉันโทรมาขอคำแนะนำจากนายว่าควรทำอย่างไงดี ไม่ใช่จะให้จับเธอมาเป็นแฟน จะไปกันยกใหญ่แล้ว”
‘ฉันคิดว่า..เธอเป็นคนบ้า ชัวว์’
“นายคิดเหมือนฉันในตอนแรกเลย แต่อย่างที่บอกนายไปเรื่องที่ห้องครัวจากที่เลอะเทอะไปหมด กลับมาสะอาดอีกครั้งโดยที่ฉันไม่ได้แตะต้องหรือไปทำความสะอาดเลยแม้แต่น้อย อย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันน่าแปลกน่ะสิ”
‘ที่ข้อมือของเธอมีปลอกข้อมือหรืออะไรที่บ่งบอกว่ามาจากโรงพยาบาลไหนบ้างม๊ะ’
“ไม่น่าจะมีหรอก เธอก็ดูเหมือนคนปกติดีนะ เพียงแต่ว่า….” ผมทิ้งคำพูดสุดท้ายที่กำลังคุยกับยงฮวาแล้วหันกลับไปเพื่อที่จะดูว่าเธอมีปลอกข้อมือที่ยงฮวาพูดมาหรือไม่ แต่ผมกลับไม่เห็นร่างของเธอแล้ว “แค่นี้ก่อนนะ เธอหายไปไหนแล้ว” ผมกดวางสายทันทีแล้วก้มๆเงยๆเพื่อที่จะมองหาว่าเธอเดินไปทางไหนกันแน่
แสงไฟหลากสีสันในยามค่ำคืนของคืนวันแห่งความสุข คืนวันคริสต์มาสของปีนี้ หิมะแรกสีขาวโพลนหล่นลงมาบางๆดีที่ไม่ตกลงมาอย่างหนัก ไฟประดับกระพริบเรืองแสงเล็กๆไปมาอยู่ทั่วเมืองรวมถึงท้องถนน บนต้นไม้ทรงพุ่มกลมๆหรือไม่เว้นที่ยืนต้นเจ้าแสงไฟกลับดั้นด้นปีนขึ้นไปส่องแสงอวดโฉมสะพรั่งไปด้วยความสวยงามโดยพร้อมเพียงกันอย่างระลานตา
เสียงกระดิ่งส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งๆแว่วมาแต่ไกลๆ ท้องฟ้ากว้างพอที่จะมองเห็นดวงดาวดวงเล็กๆส่องแสงอยู่ไกลๆ ณ ริมฟากฟ้า
แอลลี่ ทิ้งตัวนั่งยองๆกอดเข่าตนเองลงบนม้านั่งสีน้ำตาลตัวยาว ใบหน้าสวยเศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน เชยคางเรียวลงบนเข่าอย่างครุ่นคิดพลางอมแก้มป่องๆพ่นลมออกมาจนเป็นควันสีขาวลอยไปในอากาศ แล้วลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ หญิงสาวเดินออกมาเรื่อยๆไม่รู้เหมือนกันว่าห่างจากบ้านของนายหน้าเกาหลีนั่นมากน้อยแค่ไหน
“นี่เราหลงมาอยู่ยุคไหนกันแน่เนี่ย!แล้วเราจะหาทางกลับเมืองแห่งเวทย์ได้ยังไงกัน ท่านพ่อท่านแม่ อีกทั้งท่านพี่อีก ป่านนี้จะเสร็จจากงานฉลองร่วมกับท่านซานตาคลอสหรือยังนะ แล้วถ้าพบว่าเราไม่ได้อยู่หรือไม่ได้เข้าร่วมงานด้วย ทุกคนจะเป็นห่วงเรามากขนาดไหน หรือเราจะต้องโดนทำโทษอย่างรุนแรงที่ไม่ได้เข้าร่วมฉลองงานสำคัญในครั้งนี้ โอ๊ย!ไม่อยากจะคิดเลย”
แอลลี่สะบัดศีรษะกลมๆไปมาอย่างบ้าคลั่ง เพื่อที่จะให้ความคิดและสติของตนเองกลับคืนมาอีกครั้ง
“นึกสิๆๆนึกให้ออกเร็วๆสิว่า เจ้ากิ่งคริสตรัลนั่นหล่นไปอยู่ที่ไหน? เราเคยทำได้นี่นา เรื่องแค่นี้เอง เพราะถ้าหาไม่เจอยากเหลือเกินที่จะกลับไปเมืองแห่งเวทย์ได้>_<”
หญิงสาวยกมือบางขึ้นเขกแรงๆไปที่ศีรษะกลมๆของเธออีกครั้ง โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครคนนึงแอบมายืนอยู่ข้างๆม้านั่งตัวยาวที่เธอกำลังลงโทษตัวเองอยู่ ร่างสูงโปร่งยืนกอดอกตนเองแล้วจ้องมองไปที่ร่างบาง พลางยื่นปากทำแก้มป่องๆพยักหน้าเนิบๆช้าๆ
‘ยัยบ๊องเอ้ย!!มานั่งอยู่นี่เอง อ่ะ แล้วนั่นนั่งทำอะไรอยู่คนเดียวอีกล่ะ’ผมคิดในใจ อีกใจก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆกับพฤติกรรมที่เธอกำลังกระทำกับหัวกลมๆของเธอ
“นี่!!คุณเอามือสากๆของคุณไปตีหัวของตัวเอง ไม่เจ็บบ้างหรอไง?” ผมทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้างมือล้วงไปที่กระเป๋ากางเกงเพื่อหลบซ่อนอากาศที่หนาวเย็น
“เกี่ยวอะไรกับนายอ่ะ”เธอชำเลืองหันกลับมามองหน้าผม หลังจากสิ้นเสียงทุ้มคุ้นๆใบหูของเธอ แล้วตอกกลับจนผมแทบจะหน้าหงาย นั่นสิมันไปเกี่ยวอะไรกับผมด้วยซ้ำ เธอจะทำอะไรกับร่างกายของเธอ หรือกับความรู้สึกของเธอไม่เห็นจะเกี่ยวข้องอะไรกับผมเลยแม้แต่น้อย
“กะ..ก็แค่เป็นห่วงว่าหัวคุณจะบาดเจ็บ หรือถึงกับหัวแตก ถ้าใครผ่านไปผ่านมาคิดว่าผมเป็นคนทำจะให้ผมทำไงอ่ะ ทั้งๆที่คุณทำตัวเองแท้ๆ”ผมยื่นหน้าใส่เธอ
“เชอะ!ก็แค่ห่วงว่าตัวเองจะเป็นคนทำความผิด มนุษย์นี่ล่ะน๊า เค้าถึงเรียกว่ามนุษย์”
“แล้วคุณมานั่งทำร้ายตัวเองทำไม ออกมาตอนไหนผมไม่เห็นเลย”
“ตอนที่นายกำลังคุยกับเพื่อนนายไง ก็ฉันนึกไม่ออกว่าจะกลับไปเมืองแห่งเวทย์ยังไงล่ะสิ ฉันกังวลใจจัง”ใบหน้าเล็กสลดลงอีกครั้ง
“เอ่อ..คือว่าเมืองแห่งเวทย์ หรือโรงพยาบาลไหนที่คุณหลงทางมาผมจะพาไปส่ง”ผมก้มใบหน้ามองเธอแว่บนึงเอ่ยขึ้นไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก
“ย๊า!!! นายยังคิดว่าฉันหลุดออกมาจากโรงพยาบาลบ้ายังงั้นหรอ ไอ้บ้าเอ้ย!!นายอย่าริอาจเอาเมืองแห่งเวทย์ของฉันไปเปรียบกับโรงพยาบาลที่นายว่านะ ไม่ยังงั้นฉันโกรธนายจริงๆด้วย”
ร่างโปร่งบางทะลึ่งพรวดยืนขึ้นโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ร่างกายของผมคงจะตกกะใจไปอย่างอัตโนมัติร่างหล่นตุ๊บลงไปกองอยู่ที่พื้นเย็นๆ และคนเราต่างก็มีสันชาตญานของตนเองอยู่แล้วผมคิดว่าเธอคงโกรธหรือย๊วะผมแล้วจริงๆ
เธอเริ่มเดินออกไปตามทางเท้าริมถนน ซึ่งมีต้นไม้ต้นขนาดกลางซึ่งประดับประดาไปด้วยดวงไฟดวงเล็กๆหลากหลายสีสัน ผ้าคลุมสีทึมๆวางพาดอยู่บนไหล่และร่างบางของเธอพริ้วไหวไปตามแรงลมน้อยๆขณะที่เธอเดินนำหน้าไป ผมออกเดินตามหลังเธอไปไม่ทิ้งระยะห่างมากนัก
ริมทางเท้ามีร้านขายอาหารริมทางร้านเล็กซึ่งยังไม่ปิดบริการ ซึ่งสมัยเมื่อยังเป็นเด็กผมมักจะมาอุดหนุนเจ้าของร้านซึ่งเป็นคุณป้าใจดีบ่อยๆ แต่หลังจากไปเรียนที่กรุงโซลแล้วนานๆครั้งมักจะได้กลับมาพักผ่อนที่บ้าน ถ้าแวะผ่านมาก็จะมาทักทายคุณป้าบางครั้งนั่งคุยกันทีก็แทบจะเป็นชั่วโมง คุณป้าร้านต๊อกโบกี้เป็นคนใจดี ตักอาหารให้ผมทีแทบจะเหมายกร้านจนบางครั้งผมก็อดที่จะเกรงใจท่านเสียไม่ได้
หญิงสาวเดินไปหยุดยืนตรงหน้าร้านอาหารของคุณป้าพอดิบพอดี ผมคิดว่าเธอจะไม่แวะเสียแล้ว คิดไปผมก็อยากจะดื่มโซจูสักแก้วเพื่อดับอากาศที่เย็นยะเยือกในตอนนี้เหมือนกัน
“หิวล่ะสิ?เหอะ ร้านนี้อาหารอร่อยนะ กินเป็นหรือเปล่าอ่ะเรา”ผมตรงไปยืนอยู่ข้างๆเธอ เห็นเธอหันรีหันขวาง สายตาเรียวเมียงมองไปมายังอาหารถาดใหญ่ในนั้นมีต๊อกโบกี้สดๆร้อนๆอยู่เกือบเต็มถาดไออุ่นสีขาวลอยกระจายไปในอากาศ
“เอาอันนี้ค่ะ”นิ้วเรียวชี้ไปที่เจ้าถาดต๊อกโบกี้ ที่ส่งกลิ่นชวนรับประทานแถมยังสะกิดต่อมรับรสของผมซะอยู่หมัด “แล้วก็อันนี้ด้วยค่ะ”
เธอชี้ไปที่เจ้าขวดเขียวๆที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากถาดอาหารมากนัก ผมมักจะเรียกเจ้าสิ่งว่า โซจู มันคือเหล้าขาวดีกรีพอประมาณดีๆนี่เอง เธอจะกินเหล้าอย่างงั้นหรอ ดีเลยผมจะได้มีเพื่อนนั่งก๊งเหล้ากันล่ะคืนนี้ ผมทักทายและพูดคุยกับคุณป้าใจดีอยู่ตั้งนานสองนาน จนยังบ๊องนั่นเมาล่วงหน้าไปแล้ว ร่างบางแทบจะทรงตัวอยู่บนเก้าอี้แบบตั้งตัวตรงไม่ได้ซะแล้ว
“เป็นคนบ้าแถมยังจะขี้เมาอีก เง้อ!!ผู้หญิงคนนี้”ผมแอบพึมพำออกมากับตนเอง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอ ใบหน้าของเธอแดงจนออกเป็นสีชมพูเรื่อๆเพราะฤทธิ์เหล้าดีกรีระดับชาตินั่น
“นี่…นาย..”นิ้วเรียวจิ้มและชี้ตรงมาที่ใบหน้าของผม ดวงตาขี้เล่นเปล่งประกายของเธอทำให้ใจของผมสั่นเล็กๆ “นายบอกว่าจะพาฉันกลับบ้าน นายยยสัญญากับฉานนนนแล้วนะ”เสียงหวานออกจะยืดยานของคนเมาตรงหน้าของผมดูตลกไปไหม
“แล้วไง บ้านคุณอยู่ไหนถ้าคุณบอกผมจะไปส่งให้ถึงหัวบันไดบ้านเลย”ผมนั่งตัวตรงตั้งใจฟังที่เธอกำลังจะเอ่ยขึ้น
“เมืองแห่งเวทย์อยู่ไหนน่ะหรอ สงสัยนายคงต้องขี่ยานอวกาศไปส่งฉันซะแล้วล่ะ ฮ่ะๆๆ”เธอส่งเสียงหัวเราะชอบใจออกมาซะลั่นร้านอาหาร
ผมห่อตัวลงในเกือบจะทันทียัยแอลลี่ตัวดียังจะมาพูดจายียวนกวนประสาทผมอีก
“ใช่น่ะซี๊ ผมคงจะต้องซื้อยานอวกาศสักหนึ่งลำแล้วพาคุณไปโยนทิ้งออกนอกโลกไปเลยซะดีไหม แล้วพอผมโยนคุณออกไปแล้วผมคงจะไม่ต้องเห็นหน้าบ๊องๆอย่างคุณอีก”
“นายยยยยยยพูดดดจริงหรอออ นายยังคิดจะไล่แม่มดที่หมดหนทางจะไป แล้วววโยนฉันออกไปนอกโลกกกก อีกหรอออ ไอ้คนใจร้ายยยย!!”เธอส่งเสียงตะโกนปาวๆต่อหน้าผม
จนกระทั้งคุณป้าใจดีเดินตรงเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
“พ่อหนุ่มมีอะไรก็ค่อยๆคุยกันดีๆก็ได้นะจ๊ะ ทะเลาะกันไปก็เท่านั้นหนุ่มๆสาวๆเป็นแฟนกันก็มีเรื่องทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดา เข้าใจและคุยกับแม่หนูคนสวยดีๆสิจ้า”
“คุณป้าฮะ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณป้าเข้าใจนะฮะ”ผมยกมือขึ้นเกาหัวกลมๆพลางขยี้หัวผมไปมาจนหัวยุ่งเหยิงไปหมด
ผมได้ยินไม่ถนัดนักเธอพูดว่าเธอเป็น ‘แม่มด’
“ช่ายยยย สิ ฉานนนเป็นแม่มดที่ไม่เอาไหนเลย เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ เพียงแค่จะพาตัวเองกลับไปยังเมืองแห่งเวทย์ยังทำไม่ได้แล้ว ฉันจะไปทำอะไรได้ ฮือๆๆ”
“หน้ายังงี้จะไปเป็นแม่มดได้ยังไงกัน ถ้าคุณบอกว่าคุณหลุดออกมาจากโรงพยาบาลบ้าผมยังจะเชื่อ” ผมตอกย้ำเธอมากจนเกินไปหรือเปล่าเนี่ย!
เธอยังคงก้มหน้าฟุบอยู่กับโต๊ะ ร้องคราง ฮือๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะปลอบเธอยังไงเหมือนกัน
+++++++++
มาแว้ววววววววว หลังจากที่ดองมานาน น้าน นานมว๊ากกกกกก
ต้องขอโทษแฟนฟิกทุกๆคนด้วยค่ะ
เพราะมัวแต่ไปตามหนุ่มๆ ไหนจะงานคอน Bluestorm อีก
ใครได้ไปดูบ้างคะ สนุกและมันส์มากๆเลยค่ะ
เฮ้ย!!!ยังนึกถึงบรรยากาศวันนั้นได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ 120225 cnblue Bluestorm
ยังไงมาติดตาม ฟิกของ หนุ่มจงฮยอน กันดีกว่าแก้คิดถึงนะคะ
แล้วจะมาใหม่นะจร้า บายๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่ฮามากเลยค่ะตรงจะซื้อยานอวกาศขับพาแอลไปโยนนอกโลก5555
รอตอนต่อไปนะคะ^^
สงสารทั้งแอล ทั้งจง
คงงงกับชีวิตกันน่าดู
น่าสงสารหนูแอลจังคงคิดถึงพ่อแม่แล้วสินะ เดี๋ยวหนูก็หาทางกลับได้