ตอนที่ 4 : ตอนที่ 4 On the night of Christmas Eve
ในคืนวันคริสต์มาสอีฟกับสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่รู้ลืมของผม
‘ตุ๊บ ผั๊วะ เพล้งง เคร้งๆ กรุ๊กๆๆ’
เสียงบางสิ่งบางอย่างหนักๆหล่นตุ๊บลงมาสู่พื้นอันเย็นยะเยือกแล้วกลิ้งไปกับพื้นเย็นๆนั่นเสียงดังกรุ๊กๆๆ ในกลางดึกของคืนวันคริสต์มาสอีฟ เสียงของมันดังพอๆกับหมูหรือสุนัขตัวโตๆตัวนึงที่วิ่งชนเข้ากับกำแพงเสียงดัง ‘โครม’ ผมได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน นี่คงจะไม่ใช่ความฝันอีกนะ ผมล่ะเบื่อตัวเองจริงๆถ้าเป็นความฝันแล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกหนาวๆร้อนๆยังไงพิกล มือหนาของผมยกขึ้นมาขยี้ตาหลังจากที่เผลอหลับไปแล้วเจ้ากีต้าร์โปร่งยังคงวางอยู่ข้างๆตัวผม หนังสือฝึกกีต้าร์เล่มเก่าและสมุดเขียนเพลงยังวางระเกะระกะกระจายอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ
มือของผมควานไปมาแตะไปที่โคมไฟที่หัวเตียงอย่างเงะงะ จนกระทั้งมันแทบจะหล่นลงมาใส่หัวของผมเกือบหัวแตกซะแล้วไหมล่ะ>_<
แสงสว่างเรืองๆจากโคมไฟที่หัวเตียงถูกเปิดขึ้น สายตาของผมเพ่งมองไปที่ริมหน้าต่าง ผ้าม่านผืนสีฟ้าปลิวพลิ้วโบกไปมาตามแรงลมบางๆจากด้านนอก เมื่อคิดย้อนหลังกลับไปเมื่อตอนช่วงเย็นผมเองเป็นคนที่ปิดหน้าต่างบานนั้นไปแล้วด้วยซ้ำ แต่มันถูกเปิดออกตั้งแต่ตอนไหนกันละ ผมเปิดผ้านวมที่ห่อหุ้มออกจากลำตัวเสื้อไหมพรมแขนยาวสีเทาตุ่นๆและใส่ทับไว้ด้วยเสื้อวอร์มแนวนักกีฬาของเสื้อผ้ายี่ห้อดังอดิดาสที่เป็นแบรนด์สุดโปรดของผม รวมไปถึงกางเกงชุดนอนขายาวทรงกระบอก ผมสวมรองเท้าที่ไว้ใช้ใส่ในบ้าน ใส่แล้วลากมันเดินเข้าไปใกล้หน้าต่างบานนั้น
ตาผมไม่ฝาดอย่างแน่นอน สายตาของผมเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่าง สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่จะเรียกว่าคุ้นเคยซะเลยทีเดียวคงจะไม่ใช่ มันเป็นลำแสงโปร่งใสสว่างวูบวาบไหวไปมาอยู่ข้างหน้าต่างติดกับห้องนอนของผม และแสงนั้นบางครั้งก็กลับกลายไปเป็นสีม่วงอ่อนๆแล้วดับวูบไป มีเสียงร้องออกมาด้วย ร้องครางดัง ‘หงิงๆๆ’ เหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวก นี่ผมคิดอะไรผิดไปหรือเปล่าไม่ทราบ ผมไม่กล้าชะโงกหน้าออกไปดูให้มันจะๆชัดๆว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่เท่าที่รู้มันเหมือนลำแสงนั้นที่มันเฝ้าวนเวียนอยู่ในความฝันของผม
ผมรวบรวมความกล้าหยิบไฟฉายที่ผมมักจะพกติดตัวไว้ในยามฉุกเฉินเสมอออกมาจากกระเป๋าเป้ของผม และคิดว่าควรจะเดินลงไปดูให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่าว่ามันคืออะไรกันแน่ หรือมันจะเป็นแมวขโมย ใช่แล้ว!!มันต้องเป็นขโมยอย่างแน่นอน ค่ำมืดดึกดื่นใครคนไหนจะอุตริกล้าเข้ามายังบ้านของคนอื่นในเวลาเช่นนี้ ถ้าไม่เป็นเจ้าหัวขโมยก็คงจะบ้าไปแล้ว
นาฬิกาบอกเวลาว่าเที่ยงคืนพอดิบพอดี ภายในหมู่บ้านปิดไฟนอนกันไปตั้งนานแล้วยิ่งถ้าเป็นแถวชานเมืองอย่างนี้ด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึง หลับกันลึกเชียว ผมคิดอยู่ในใจ ถ้าเป็นเจ้าหัวขโมยผมจะซ้อมมันให้น่วมเลยคอยดูสิ นักเทควันโด้อย่างผมหรือจะยอมให้ใครมาเหยียบจมูกง่ายๆ
“นายได้ตายไม่ดีแน่” อุปกรณ์ครบมือไม้เบสบอลมันถูกหยิบขึ้นมาใช้งานอีกครั้งแต่อาจจะผิดสถานที่ไปหน่อย ไงก็ขอยืมไว้ป้องกันตัวก่อนละกัน
ผมเดินลงจากห้องนอนของผมค่อยๆเดินย่องลงไปทางบันไดแล้วยื่นมือไปเปิดประตูบ้านอย่างช้าๆ พลางลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ รวบรวมพลังลมปานทั้งหมดที่จะสามารถเรียกมันมาได้ขอฉะกันสักตั้งเถอะนะ
“ตะกี้แสงสว่างมันอยู่แถวนี้นี่นา หายไปไหนแล้วล่ะ”ผมเดินลัดเลาะย่องตรงไปยังสนามหญ้าหลังบ้านซึ่งถ้ามองขึ้นไปอีกนิดก็จะเป็นห้องนอนของผมและห้องนอนของแม่
‘หงิงๆๆ หูยยยย!! หล่นลงมาได้ เจ็บจังเลย’ >_<
เสียงนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมเริ่มจะได้ยินเสียงมันถนัดมากขึ้น บางทีมือผมก็เริ่มสั่นๆไม่รู้ว่าสั่นเพราะหนาวหรือสั่นเพราะเข้าใกล้เสียงนั่นกันแน่ผมกำชับมือแน่นทั้งไฟฉายและไม้เบสบอลที่กำแน่นอยู่ในมือ “ทำไมต้องมาสั่นเอาอีตอนนี้ละว๊าเรา”ผมแอบพึมพำบ่นกับตัวเอง
ตาของผมต้องฝาดไปแล้วแน่ๆเพราะที่ผมเห็นแสงสีม่วงๆตรงนั้น กลับกลายเป็นผู้หญิงแต่งตัวแปลกๆนั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้นเย็นๆของสนามหญ้า มือบางลูบไปที่ก้นกบของเธอถ้าดูไม่ผิด เสื้อผ้าสีดำตุ่นๆแวววาวเล็กน้อย เสื้อคลุมตัวโคร่งๆถูกสวมใส่ทับไปอีกชั้น เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวทรงแนบสนิทกับท่อนขาแบบบางของเธอ รองเท้าบูททรงแปลกๆซ้ำร้ายบนศีรษะของเธอมีหมวกทรงสูงปลายแหลมปลายหงิกงอลง คล้ายกับแม่มดในนิทานอีกด้วย
วันนี้มันเป็นวันคริสต์มาสไม่ใช่หรอไม่ใช่วันฮัลโลวีนซะหน่อย ผมเอียงคอเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้แต่งตัวแปลกประหลาดอย่างกับคนบ้า ให้ตายสิ!!! ที่สำคัญหล่นลงมาจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาอยู่ในบ้านของแม่ผมอีกต่างหาก และยังกองแหมะอยู่กับกองฟืนหลังบ้านของผมด้วย
‘หงิงๆๆ’ เสียงครางนั่นดังส่งเสียงแว่วๆมาเป็นระยะๆ
เมื่อเธอคนนั้นเริ่มรู้สึกว่ามีใครบางคนยืนจ้องมาที่เธอ ดวงตาฉายแววประกายสีม่วงบางๆของเธอกลับหันมาสบตาเข้ามากับผมพอดี ใบหน้าเรียวเล็กขาวสดใสนวลเนียนยังกับแต่งหน้ามาซะหนาเตอะ ริมฝีปากบางเล็กได้รูปเคลือบไปด้วยสีลิปติกออกโทนสีเข้ม แววตากึ่งตกใจซะมากกว่า เธอเปลี่ยนจากท่าทางตกใจเป็นจ้องเขม็งมาที่ผมมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมอยากจะบอกเธอว่า ‘ผมเนี่ยคนนะไม่ใช่ผี คุณเป็นใครมาจากไหน เข้ามาที่บ้านแม่ของผมได้ยังไง’ แต่ผมกลับอ้าปากไม่ขึ้นมันแข็งไปหมด ไม่รู้ว่าใครตกใจใครมากกว่ากัน >_<
‘ยัยนี่ต้องเป็นคนบ้าแน่ๆหรือไม่บ้าก็คงจะบ๊อง’ผมคิดในใจแล้วจ้องไปที่เธออีกครั้ง ครั้งนี้เธอกลับหลับตานั่งนิ่ง ปากขมุบขมิบเหมือนกับนั่งท่องอะไรบางอย่างผมฟังไม่ออก ผมลงทุนถึงกับก้มตัวลงยกมือมาป้องที่ใบหูเพื่อจะเงี่ยหูฟังสำเนียงที่เธอจะหลุดปากออกมาแต่ไม่เป็นผล
‘ผู้ชายคนนี้เป็นคนเกาหลี อายุประมาณ 22 ปี เพศชาย ส่วนสูง 182 cm. น้ำหนักประมาณ 62 กก. ใช้ภาษาเกาหลีในการสื่อสารได้ ’ในความคิดของเธอๆใช้คลื่นสมองชั้นในกำลังสแกนชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธออย่างละเอียดนั่นเอง
“ยัยนี่บ้าชัวว์!!”ผมฟันธง แล้วเตรียมตัวยกไม้เบสบอลขึ้นมาป้องกันตัว แต่ว่านี่เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างแบบบางใครจะไปทำได้ลงล่ะเนี่ย ทันใดนั้น!!จู่ๆมือของผมก็ค่อยๆอ่อนแรงลงไปซะยังงั้นเกิดอะไรขึ้นกับผมอีกล่ะ ผมพยายามจะจับและประคองไฟฉายและไม้เบสบอลเพื่อไว้ปกป้องตนเอง แต่ตอนนี้มันคงจะช่วยอะไรผมไม่ได้อีกแล้ว มันล่วงลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว แม่จ๋าช่วยผมด้วย!!กรีสสส
เธอยืนขึ้นแล้วความสูงโดยประมาณของเธอก็สัก 166 cm.คงจะได้อยู่ รูปร่างของเธอสูงโปร่งบอบบางมากอ้อนแอ้นแต่ดูท่างทางจะแข็งแรงใช่ย่อย เท้าของเธอก้าวเดินช้าๆมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมพอดี ขาของผมถอยกรูดออกทันทีก่อนที่จะมาถึงตัวผมมากไปกว่านี้ ผมทำท่าทางเหมือนกับอุลตร้าแมนที่กำลังจะยิงแสง และเล็งไปที่ยัยตัวประหลาดนั่นที่กำลังเดินช้าๆเข้ามาหาผม เธอก้าวเข้ามาก้าวหนึ่ง ผมก็ถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าว
“ธะ ธะ เธอเป็นใคร?มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ไม่รู้หรอว่าเป็นบ้านของคนอื่น”น้ำเสียงของผมยังคงปกติผมคิดว่ายังงั้นนะ แต่ฟังดูแล้วมันทั้งสั่นและตกใจซะมากกว่า เธอเข้ามาใกล้ผมมากไปแล้วจนผมได้กลิ่นหอมจากกลิ่นกายของเธออ่อนๆ ร่างโปร่งย่อเข่าลงที่พื้นหญ้าและอีกข้างยกขึ้นมือขวาวางไว้ที่เข่าของเธอ ผมขอสารภาพว่า เธอสวยกว่าที่ผมคิดไว้ซะอีก แต่ถ้าสวยแบบนี้แล้วเป็นบ้าแถมบ๊องๆด้วยหล่อคงรับไม่ได้หรอกฮะ ขอแจวดีกว่าและท่าทางของเธอก็ดูออกจะพิลึกพิลั่นผิดมนุษย์มะนาด้วย
“นายเป็นคนเกาหลีงั้นหรอ?”ประโยคแรกที่เธอพูดกับผม น้ำเสียงเธอกังวานใสดังระฆังแก้วอันบริสุทธิ์ฟังแล้วเสนาะหูเป็นที่สุด^_^ ลมหายใจของเธอพ่นออกมาเป็นไอสีขาว แข่งกับไอเย็นๆของอากาศช่วงนี้ แต่ผมสิตอนนี้อยากจะตะโกนออกไปให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ลำคอกลับแห้งผากเหมือนไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ในร่างกายแม้แต่น้อย แม้แต่เลือดสูบฉีดในตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่ามันยังคงทำหน้าที่ปกติดีอยู่หรือเปล่าด้วย แต่ก็ทำได้แค่เพียง ทำมือยังกับท่าทางจะยิงแสงเลเซอร์ทั้งๆที่รู้ว่ามันยิงไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังทำท่านั้นค้างอยู่ ในยามที่ผมตกใจ >_<
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมรู้สึกปลอดภัย เมื่อได้ทำท่านี้น่ะสิ ^_^
ผมไม่กล้าจ้องไปตรงๆที่ดวงตาสีม่วงของเธอ ผมกลัวว่าจะโดนสะกดจิตหรือนี่ผมจะดูหนังหรือละครแนวไซร์ไฟมากจนเกินไปหรือเปล่าแอบมีคิดในใจ
“ทำไมนายถึงยังไม่ตอบฉันล่ะ”น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาเหมือนราวกับว่าตัวผมกำลังล่องลอยเคว้งไปในอากาศ ผมต้องโดนสะกดจิตหรืออะไรสักอย่างแน่ๆ เธอเผยยิ้มและเอียงคออย่างน่ารักอีกครั้ง “ฉันชอบนายจัง”
ผมเริ่มหายใจติดๆขัดๆสลับกับความกลัวที่ตีตื้นขึ้นมาเกือบจะหายใจไม่ออก ผมตั้งสติอีกครั้งๆนี้ผมฝันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ แต่มันเหมือนความจริงมากผมอยากตื่นๆจากความฝันบ้าๆบอๆนี้ซะอีกเมื่อไรมันจะเช้าสักทีนะเนี่ย!! ผมสะบัดหัวไปมาเผื่อว่าเศษไม้เศษฟืนจะล่วงลงมาฟาดหัวกลมๆของผมแล้วอาจทำให้ผมตื่นได้สักที
มือหนาอันเย็นยะเยือกยกขึ้นดึงหน้าดึงตา แล่บลิ้นดึงหูของตนเองทั้งสองข้างซ้ำยังหยิกแรงๆไปที่หนังหน้าของตนเอง “โอ๊ย!!!เจ็บ” ผมร้องออกมาเสียงดังได้แล้วซะที “ไม่สิ มันคือความฝัน ผมจะต้องตื่นๆ ๆๆ มินฮยอก นายอยู่ไหนเจ้าตัวแสบนายรีบมาปลุกฉันสักทีจะได้ไหม แม่ก็ได้มาปลุกให้ผมตื่นสักทีเถอะ”ผมตบหน้าตนเองไปมายังกับคนบ้าซะเอง
ท่านั่งของเธอกลายเป็นนั่งขัดมาสมาธิแถมยังจ้องและนั่งท้าวคางหน้าตาเฉยอยู่ตรงหน้าของผม มันเป็นความจริงหรอเนี่ย! ผมถามตัวเองอยู่ในใจ เพราะผมพูดอะไรไม่ออก
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกก เธอเป็นใคร? มาจากดาวดวงไหนเนี่ย? เข้ามาที่บ้านของผมได้ยังไง?”พอรู้สึกตัวได้ผมรัวคำถามเป็นชุดๆ แต่เธอกลับหัวเราะคิกคักอย่างใจเย็น ผมกลัวเธอจริงๆในตอนนี้
“นี่!!ย๊า นายหน้าตาเกาหลี! ฉันถามนายก่อนตอบฉันมาก่อนเราจะได้คุยกันรู้เรื่อง”
“ใช่ที่นี่คือประเทศเกาหลี และเป็นปีนี้เป็นปี 2011 ละ..แล้วปีหน้าก็จะปี 2012 และอีกปีถัดไปก็จะเป็น 2013 ละ..แล้ววว”ผมตอบเสียงสั่นๆ
“พอๆๆได้แล้ว! โล่งใจไปที ดีจังที่ไม่ได้หล่นไปแถวเอธิโอเปีย ไม่งั้นเราฆ่าเจ้าแน่ แซม”เธอสบถออกมาเหมือนกับว่าโมโหใครมายังงั้นแหล่ะ เธอเดินหันกลับไปที่เดิม “นี่บ้านของนายหรอ? ฉันหิวมีอะไรให้กินบ้างไหมอ่ะ?”
“นะ..นี่ คุณจะบ้าหรือไง? จะมาขอข้าวบ้านคนอื่นกินแบบนี้ไม่อายบ้างหรอไง? บ้านคุณอยู่ไหน? เดี๋ยวผมจะไปส่งเอง”ก็พูดไปงั้นอ่ะ ผมขันอาสาอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก แถมเธอยังทำจมูกฟุดฟิดอย่างกับแมวเมี้ยวๆ แล้วยัยนี่จะทำอะไรอีกล่ะนี่ >_<
“ฉันได้กลิ่นขนมปังถั่ว นายจะแบ่งให้ฉันสักชิ้นจะได้ไหมล่ะ? เพื่อนฉันคงหิวท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดแล้วล่ะ”
ตาผมเริ่มสว่างมากขึ้นเพราะมันไม่ใช่ความฝันแล้วแบบนี้ ก็ผมเห็นเธอหล่นมาจากฟ้าคนเดียว ชักจะไปกันใหญ่เธอบอกมีเพื่อนมาอีกไหนล่ะ ห๊า!!!เพื่อนของเธอหรือจะกำลังระดมพลกันอยู่นอกรั้วของบ้านผม สงสัยมีแผนจะยกพวกขึ้นบ้านของผมแหงๆยัยนี่มาแผนสูง แน๊ๆๆ!! จะมาขอข้าวกิน ทำเนียนเกินไปหน่อยแล้วแม่สาวน้อย!
ผมเตรียมท่าตั้งสู้แบบนักสู้เทควันโด้คราวนี้ผมเอาจริงๆนะไม่ได้ล่อเล่น ใบหน้าผมจริงจังมากตอนนี้แต่เธอดูจะสบายๆและคงจะดูแปลกไปสำหรับเธอกับท่าทางของผมด้วย
“นายใจดำ! ฉันแค่ขอขนมปังถั่วกินแค่ชิ้นเดียวก็ไม่ได้”เธอเดินกลับไปที่กองฟืนที่ก่อนหน้านั้นเธอล้มและนั่งกองอยู่ตรงนั่น ผมเห็นเธอพูดอะไรบางอย่างหรือกับสิ่งของอะไรสักชิ้นและผมคาดว่าเธอจะต้องหาทางให้ผมพาเธอเข้าไปในบ้านและนั่งกินขนมปังถั่วที่แม่ผมอุตส่าห์เตรียมไว้ให้พ่อผม อย่าหวังซะเล้ยว่าจะได้กินยัยตัวประหลาด….
ดวงตาของผมเบิ่งโตยังกับตาของโดเรม่อนเมื่อมองไปเห็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างตั้งอยู่ตรงหน้าเธอ มันเป็นสิ่งของเครื่องใช้นะในความคิดของผม บ้านผมจะเอาไว้ใช้งานกวาดบ้านทำความสะอาดบ้านให้สะอาด ปัดหยากไย่ไรงั้น ผมค่อยๆ พยุงตัวให้ยืนขึ้นไม่ให้ล้มทั้งยืน นั่นมันคือ ‘ไม้กวาด’ ผมไม่ได้โกหก
“มันพูดได้ด้วย ไม้กวาดพูดได้ ยะ..ยะ..ยังงั้นหรอ?” สิ้นคำพูดนั้นดวงตาของผมฝ้าฟางไปหมด ผมถึงกับช๊อคตาตั้งเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นไม่กวาดด้ามยาวๆพูดได้ เหล่าดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงส่องแสงวิบวับงามจับใจ หรือจะเป็นดวงดาวที่เวลาเราโดยต่อยในการ์ตูนในทีวีมักจะมีดาวระยิบระยับอยู่รอบหัวกลมๆของเรา
คงจะเป็นอย่างหลังมากกว่าล่ะสิ ผมคิดในใจก่อนจะนั่งกองหมดสติอยู่ตรงนั้น
^_____^
Merry X'Mas !!!!!! จร้าแฟนฟิกทุกๆคนเลยค่า
ช่วงนี้อากาศก็ยังคง ดี ดี้ ดีๆเนอะ เย็นสบายไม่ร้อนมากนัก
และเป็นช่วงเทศกาลต่างๆมากมาย และที่สำคัญใกล้วันคริสต์มาสแล้วล่ะ
ยังไงก็มีความสุขกันถ้านหน้านะคะ
วันนี้ส่งหนุ่มจงฮยอน และหนูเหม่ง มาให้แฟนๆได้ติดตามกันอีกเช่นเคยค่ะ
แบบว่ามาเจอกันโดยบังเอิญซะด้วย
เรื่องราวก็ออกมาแบบนี้ล่ะ สนุกหรือไม่ ก็ลองติดตามกันต่อไปนะจร้า
สุขสันต์วันคริสต์มาสนะค๊า วู้ๆๆๆๆๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เย้!! ในที่สุดฮยอนกับเหม่งยุนก็เจอกันแล้ว
แต่ยุนเป็นคัวอะไรละเนี้ยไรเตอร์
จะรออ่านตอนหน้านะคะ^^
จงนายไม่ได้ฝันนะ
หนูเหม่งยุนตกลงมาจากฟ้าจริงๆ
จงฮยอนได้เจอยุนนี่แล้วสินะค่ะ
ประหลาดพอกันทั้งคู่เลย 5555+
งานนี้จงได้ช็อคกับยุนอีกหหลายรอบชัวร์