ตอนที่ 2 : ตอนที่ 2 In my life just has the music.
ในชีวิตผมมีแต่เสียงเพลง^__^
พอเริ่มเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง ตื่นขึ้นมาจากโลกแห่งความฝันมันคนละเรื่องกัน ชีวิตของนักศึกษาปีสุดท้ายของผมด้านเอกการดนตรีสมัยใหม่ กับเพื่อนๆในกลุ่มเดียวกันที่หลงใหลในเสียงกีต้าร์ เสียงกลอง เสียงเบส และอีกหลากหลายเครื่องดนตรีแต่ละอย่างที่ในคณะมักจะมีให้พวกเราหยิบจับและเล่นกันได้ไม่รู้จบ ซึ่งพวกเราจะมีห้องซ้อมดนตรีส่วนตัวซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนักไว้เพื่อไปฝึกซ้อมกันเสมอๆและบางครั้งก็รับเล่นตามผับหรือบาร์ต่างๆที่จะจ้างพวกเราไปเล่น อีกอย่างเพื่อเป็นฝึกร้องฝึกเล่นปูทางให้พวกเราก้าวไปสู่ วงการดนตรี อย่างรุ่นพี่หลายวงที่ได้ไปออกอัลบั้มแล้วโด่งดังไปทั่วเอเชีย พวกเราอยากได้รับการยอมรับให้เป็นแบบนั้นบ้าง พวกเราซีเอ็นบลูจะต้องได้รับการต้อนรับจากวงการไม่มากก็น้อย พวกเราอยากพิสูจน์ความสามารถของพวกเรามากกว่าการมีชื่อเสียงโด่งดัง
แต่…อะไรๆมันก็ไม่แน่นอนเสมอไป
เล่าความฝันของผมมาซะตั้งนานแล้ว ยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการถือโอกาสนี้เลยนะครับ ผมลีจงฮยอน แห่งวงซีเอ็นบลูครับพวกเราทั้งสี่คนตั้งชื่อนี้ขึ้นมาจากบุคลิกท่าทางของแต่ละคน ผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัย A เอกการดนตรีสมัยใหม่ เล่นเป็นมือกีต้าร์ครับ หนุ่มบลูปูซานขนานแท้นี่ละผมล่ะหนุ่มบ้านนอกตัวจริงเสียงจริง และยงฮวาสมาชิกอีกคนนั่นก็มาจากปูซานเหมือนกับผมล่ะครับ เราสองคนถือว่าสนิทกันมากเรียนอยู่คณะเดียวกันด้วย ส่วนสมาชิกอีกสองคน คังมินฮยอก และลีจองชิน นั่นก็อยู่คนละคณะแต่ความชอบในเสียงดนตรีกลับดึงดูดทั้งคู่ให้มาติดแง่กอยู่กับชมรมดนตรีจนถอนตัวไม่ขึ้น อีกทั้งตอนนี้ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนั้นอยู่คณะอะไรกันแน่ เพราะวันทั้งวันเดินเข้าออกอยู่ที่คณะดนตรีประยุกต์นี่ล่ะ
คังมินฮยอก ถึงแม้ว่าจะทำตัวเซอร์ๆติดดินอย่างนี้เถอะแต่ฐานะทางบ้านร่ำรวยไม่ใช่เล่น พ่อเป็นถึงประธานบริษัททางด้านอุตสาหกรรมดนตรี และมีพี่ชายอีกคนแต่กำลังเดินทางไปเรียนถึงต่างประเทศคงใกล้จะกลับมาที่เกาหลีประเทศบ้านเกิดในเร็วๆนี้ เพื่อบริหารจัดการบริษัทต่อจากผู้เป็นประธานใหญ่ ซึ่งก็คือคุณพ่อของคังมินฮยอกนั่นเอง แต่แทนที่จะให้ลูกชายคนเล็กเรียนทางด้านดนตรีโดยตรงไปเลยแต่ทว่าไม่ใช่เช่นนั้น มินฮยอกต้องเรียนทางด้านการบริหารการจัดการซึ่งคุณพ่อเป็นคนเลือกและปูทางไว้ให้แล้วแทน แต่ที่มาเล่นเป็นมือกลองนี่คือแอบมาเล่นนะเพราะใจรักจริงๆ
คอนโดสูงใจกลางกรุงสุดหรูตั้งตระหง่านอยู่หลายสิบชั้น สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมีให้อยู่มันดันไม่ไปอยู่ซะนี่ กลับมาขลุกอยู่กับผมกับอพาร์ทเม้นต์กึ่งเก่ากึ่งใหม่ห้องก็พออยู่ได้ในระดับหนึ่งห้องก็อยู่เยื้องๆกันไม่ไกลกันมากนัก จึงเป็นการง่ายสำหรับเจ้านั่นที่นึกอยากจะมาเคาะประตูห้องของผมยามใดที่มันต้องการก็ได้ ทำให้ผมไม่เหงามากนัก ส่วนยงฮวาและจองชินอยู่อพาร์ทเม้นต์ติดๆกันไม่ไกลจากกันเท่าไรนัก
ณ ห้องซ้อมดนตรีเวลาประมาณบ่าย3โมง
“เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว พวกเราคงจะต้องฝึกซ้อมกันหนักหน่อย พวกนายคงไม่มีปัญหานะ เพราะใกล้วันที่จะได้ทดสอบความสามารถทางดนตรีของพวกเราแล้ว” หัวหน้าวงหน้าตาดีจองยงฮวากล่าวประกาศต่อหน้าสมาชิก ที่นั่งอยู่กันคนละมุมแต่ต่างตั้งอกตั้งใจฟังสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
“แหม พี่ไม่น่าถามพวกเราพร้อมเสมอ”หนุ่มรูปร่างสูงที่สุดในวงเอ่ยขึ้นพลางหยิบเครื่องดนตรีประจำตัวนามว่าเบสขึ้นมาวางบนตักตนเอง ส่งยิ้มงามๆให้ยงฮวา
“แล้วการทดสอบครั้งนี้ใครจะมาเป็นผู้ตัดสินพวกเราล่ะ” ผมแทรกขึ้นมาอย่างสงสัย
“ได้ข่าวว่าจะมีโปรดิวเซอร์จากบริษัทดนตรีชั้นนำเข้ามาตัดสินด้วย งานนี้พวกเราจะพลาดไม่ได้ เพราะมิฉะนั้นจะหมายถึงโอกาสของพวกเราด้วย” น้ำเสียงเข้มของยงฮวาทำให้สมาชิกในวงเพิ่มดีกรีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
‘โอกาส’ ใช่แล้วพวกเราต้องการโอกาส
เพื่อจะได้ก้าวไปบนเส้นทางของนักดนตรี แต่มันคงไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน
“ดูพี่ๆจะซีเรียสกันนะเนี่ย อย่าไปคิดมากน่าวันนี้เราเริ่มฝึกซ้อมกันดีกว่าไหมผมเริ่มคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วล่ะ” หนุ่มดวงตายิ้มได้คังมินฮยอกไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน มักจะยิ้มได้แล้วสร้างเสียงหัวเราะให้พวกเราได้เสมอยิ่งมีลีจองชินน้องเล็กร่วมผสมโรงเข้าไปด้วย ความฮามักจะบังเกิดขึ้นเสมอ
ที่สำคัญถ้าพวกเราทั้งสี่คนได้อยู่ในห้องซ้อมดนตรีด้วยกัน เวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียจริงๆ ต่างคุยกันเรื่องแนวดนตรีที่พวกเราหลงรักและชอบพอด้วยกัน คุยกันเรื่องการแต่งเพลงอย่างเก่งขั้นเทพของยงฮวา และพี่รองลีจงฮยอน แห่งวงซีเอ็นบลูที่พวกเราภูมิใจ
หลังจากเสร็จสิ้นการซ้อมในแต่ละวันทั้งสี่หนุ่มมักจะพูดคุยกันในแนวดนตรีใหม่ๆอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็น K-rock หรือ J-rock ต่างคนต่างคลั่งใคล้ไปในแนวเดียวกัน และมักจะออกไปดื่มด้วยกันบ่อยๆบ้างก็ร้านกาแฟด้านหัวมุมตรงข้ามของห้องซ้อมดนตรี หรืออาจถึงกับนั่งรถเมล์ถ่อไปถึงแถวแม่น้ำฮันโน่นแน่ะ แรงไหมล่ะหนุ่มๆ
ณ ร้านกาแฟร้านประจำแสงไฟสีเรืองๆระยิบระยับต้อนรับเทศกาลที่ใกล้จะมาถึง
“ผมว่าจะถามพี่จงฮยอน ผมนึกขึ้นได้แล้วล่ะ ทำไมเวลาผมไปเคาะประตูห้องเรียกพี่ ทำไมมาเปิดประตูห้องช้าจัง มีอะไรแอบซ่อนอยู่หรือปล่ะ? เจ้าตัวป่วนคังมินฮยอกเริ่มเปิดประเด็นร้อน หลังจากกาแฟอุ่นๆหอมกรุ่นวางลงตรงหน้าและส่งเข้าลำคอไปหนึ่งอึก ขนมป๊อกกี้รสสตอร์เบอรี่แท่งยาวเหยียดวนเวียนแตะอยู่ตรงริมฝีปากของชายหนุ่ม พลางเอียงลำคอมองมาทางจงฮยอนเจ้าของเรื่องอย่างสายตาสงสัยใคร่รู้
“ไม่มี๊!!” เสียงทุ้มยกเสียงสูงปรี๊ดรีบปฎิเสธแทบไม่ทันตั้งตัว พลางส่ายหัวกลมๆไปมา
“หรือพี่ซ่อนสาวไว้ในห้องของพี่”ลีจองชินเริ่มสนุกผสมโรงเข้าไปอีก นิสัยซื่อๆทื่อๆของพี่จงฮยอนใครก็รู้ ต้องค่อยๆขยับแต่ไม่ต้องถึงกับเค้นเอาความจริงแต่ต้องหยอดคำถามไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ปล่อยคำตอบออกมาเองนั่นล่ะ
“เฮ้ย!!พวกนายเอาอะไรมาพูด ปรักปรำกันชัดๆไหนมีหลักฐานหรือเปล่าพวกนาย”ยิ่งทำให้ใบหน้าขาวของผมเริ่มมีเลือดฝาดเพิ่มมากขึ้นไปอีก เจ้าพวกนี้มองผมเป็นผู้ชายเจ้าชู้ไปได้ยังไง
“และนายก็มักจะมาซ้อมดนตรีช้าเป็นคนสุดท้ายด้วยนะจงฮยอน”คราวนี้พี่ใหญ่เล่นไปกับน้องๆบ้าง อีกมือยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์
“ตกลงว่าวันนี้ชั้นโดนพวกนายรุมเผากันใช่ไหมเนี่ย”ผมลังเลชั่วครู่ “ งั้นขอถามพวกนายเลยละกัน ในคืนวันคริสต์มาสพวกนายอยากได้อะไรเป็นของขวัญ?”
เจอคำถามแบบนี้ทุกคนต่างอึ้งกิมกี่แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกันกับที่นายลีจงฮยอนมาซ้อมดนตรีช้ากว่าเพื่อนด้วยล่ะนี่นะ
“เฮ้ย! นายว่าอะไรนะ? นี่นายเปลี่ยนเรื่องที่เราคุยกันตะกี้อย่างเร็วเลยนะจงฮยอน”ยงฮวาแทรกขึ้นมาอย่างไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรแล้วไปเกี่ยวอะไรกับของขวัญวันคริสต์มาส เพราะยังไงทุกคนก็ต้องกลับไปอยู่กับครอบครัวของตนเองอยู่แล้ว ยงฮวาก็มักจะกลับไปพบครอบครัวที่ปูซานพร้อมกับผมทุกปีเมื่อก้าวเข้าสู่เทศกาลพิเศษเช่นนี้เหมือนทุกครั้ง
“ใช่แล้วพี่คิดอะไรของพี่อ่ะฮะ”มินฮยอกแทรกขึ้นมาบ้าง “งั้นถ้าเป็นผมๆอยากได้ขนม ช๊อคโกแลต ของกิน เยอะๆก็แล้วกัน และขอซุปหมูเผื่อพี่ด้วยดีไหม?”พูดจบดวงตาเล็กๆนั้นก็เห็นเป็นเส้นตรงทันที พร้อมกับยิ้มยิงฟันขาวสะอาดครบ32ซี่ตามสไตของเจ้าตัวแสบได้เป็นอย่างดี
“ผมอยากได้เบสดีๆสักตัวนึง ถ้าเป็นไปได้ ใครจะไปตระกละเห็นแก่กินเหมือนเจ้านี่มันล่ะ”แขวะไปทางมินฮยอกดูท่าทางจะไม่สนใจอะไรรอบตัวสักเท่าไรนอกจากกินๆๆและนอนๆๆ
“นายไม่รู้อะไรซะแล้ว การกินเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด”!!!!ผ่างงงง!??
ทุกคนเงียบ…..!
“มีแต่ว่าการพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอนหลับว้อย!!ไอ้บ้า!” จงฮอนตะโกนใส่มินยฮอกทีเล่นทีจริง
“แล้วนายอยากได้อะไร? จงฮยอน”จองยงฮวาหันกลับมาถามคำถามเดียวกันกับที่ผมตั้งคำถามไว้ก่อนหน้านั้น อีกสองหนุ่มเริ่มหันมาสนใจอยากรู้ด้วยเช่นกัน
“โห! พวกนายอยากรู้กันถึงขนาดนั้นเลยหรอ” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะออกมาเสียงดัง ปรากฏรักยิ้มบนแก้มทั้งสองข้างช่างดูน่ารักไปอีกแบบ ลีจองชินจ้องเขม็งมาที่หน้าของพี่รองกระพริบตาปริบๆ ส่วนมินฮยอกหยุดยัดขนมใส่ปากเพื่อที่จะรอฟังคำตอบจากปากของผม ส่วนยงฮวานั่งกอดอกสวมมาดของพี่ใหญ่ไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ก็มิอาจซ่อนความอยากรู้อยากเห็นไว้ได้เช่นกับเจ้าสองแสบนั่นเช่นกัน
“อะ แฮ่มๆ!ฉันอยากจะขึ้นไปเล่นบนเวทีจริงๆโดยที่มีแฟนๆมาดูพวกเราเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นคน”
ทั้งสามหนุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือกกับคำพูดจากปากของผม ถึงแม้ว่ามันอาจจะอยู่ไกลเกินเอื้อมไปสักหน่อย อย่างที่เจ้าความคิดด้านสีขาวบอกไว้ ถ้านายขยันฝึกซ้อมโอกาสมันจะมาเอง
หนุ่มๆต่างพากันปรบมือชอบใจ ร้องขึ้นพร้อมกันเสียงดังยกใหญ่ “บราโว่ๆๆ”
“ไม่คิดว่าความคิดของพี่จะยอดเยี่ยมจริงๆไลฟ์อันสุดแสนจะพิเศษในค่ำคืนวันคริสต์มาส ผมอยากให้เป็นแบบนั้นจังเลย” จองชินปรบมือชอบใจกับความคิดของพี่รอง ต่างยกนิ้วส่งให้แสดงถึงความคิดได้เยี่ยมยอดมาก
“แล้วยังไงล่ะ พวกนายไม่อยากได้ของขวัญเป็นแบบว่ามีสาวๆมาเดินควงมั่งหรอไง พวกนายผิดปกติกันมั่งเปล่าเนี่ย ในวันคริสต์มาสก็ต้องมีสาวๆสวยๆน่ารัก มาเดินควงกันให้หัวใจชุ่มชื่น พวกนายว่าดีไหม?”ยงฮวากลับออกความคิดเห็นแปลกออกไป
“พี่พูดเล่นอยู่หรือเปล่าเนี่ย”มินฮยอกแย้งขึ้นมา
“ใครๆเค้าก็มีสาวๆควงกันเยอะแยะไป”ยงฮวายกมือแบหราพลางยกไหล่เล็กน้อย
“ถ้ามีแบบนั้นก็คงจะดี แต่ผมเพิ่งอกหักไปเมื่อไม่นานนี่เอง ซวยชะมัด?”จองชินคร่ำครวญด้วยความน้อยใจพลอยทำสีหน้าตีหน้าเศร้าได้อีก “งั้นคืนนี้ดื่มย้อมใจกันเลยเป็นไงให้กับความเป็นโสดของผมอีกครั้ง”
“ความหล่อใครจะไปสู้พี่ยงฮวาได้ล่ะคร๊าบบบ” เสียงแซวออกมาจากปากของมินฮยอกอีกตามเคย
“นายก็พูดไปได้ มินฮยอก”
“งั้นแสดงว่านายอยากได้สาวๆมาเดินควงว่างั้นเหอะ”ผมย้อนถามกลับไปอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “ไม่เห็นว่านายจะควงใครสักคนเดียว”
“ไม่ควงคนเดียวล่ะสิไม่ว่า พี่เค้าสาวตรึมมีเป็นโหลต่อแถวมาให้เลือกอีกต่างหาก แต่กลับไม่เลือกเอง” ลีจองชินแย้งขึ้นมา “ยังลืมคนๆนั้นไม่ลงล่ะสิ”
สีหน้าของจองยงฮวาสลดลงเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำว่า ‘คนๆนั้น’ออกมาจากปากของจองชิน ใช่สิชายหนุ่มลืมเธอคนนั้นไม่ลงจริงๆนี่มันก็ปาเข้าไปตั้งสองปีแล้วทำไมเค้ายังลืมเธอไม่ลงสักที ‘เธอดีเกินไปสำหรับเค้าจริงๆ’
************************
ได้ฤกษ์มาลงอีกตอนแย๊ววววนะค๊า
นี่ก็เข้าสู่เดือนธันวาคม 2011 อีกแล้ว ปีๆนึงเร็วเนอะ และเทศกาลวันคริสต์มาส
เทศกาลวันปีใหม่ ก็ใกล้จะเข้ามาทุกๆที
เทศกาลแห่งความสุขทั้งนั้น ไปเที่ยวกันที่ไหนบ้างเอ่ยแฟนฟิกทุกๆคนคะ
ช่วงนี้หนุ่มๆ cnblue เค้าก็กำลังเล่นคอนเสริตอยู่ที่ญี่ปุ่นกันตั้งแต่ต้นเดือนเลยยุ่งกันมากๆ
ไงก็มาอ่านฟิกของหนุ่มลีจงฮยอน กันแก้คิดถึงจะดีกว่านะคะ
ฝากด้วยนะจร้า^____^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ใครกันที่ยงไม่เคยลืม
คนที่ยงลืมไม่ได้ถ้าให้เดาต้องเป็นซอฮยอนแน่เลยใช่ปะคะ
ไรเตอร์บรรยายได้ดีนะ แต่บางช่วงก็บรรยายในพาร์ทของจงฮยอนบางช่วงก็บรรยายแบบธรรมดา เราก็เลยออกงงๆหน่อยๆอะ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะ จะรออ่านตอนต่อไปคะ^^