ตอนที่ 1 : ตอนที่ 1 INTRO What’s My dream?
ลีจงฮยอน
วันคริสต์มาสที่ใกล้จะถึงนี้คุณต้องการอะไร? จากคุณลุงซานตาคลอสที่สวมชุดสีแดงพุงอ้วนกลมมาพร้อมกับหนวดเคราสีขาวยังกับเกล็ดน้ำแข็งบนหิมะบนขั้วโลกเหนือ แบกถุงใบใหญ่ที่ในนั้นมีแต่ของขวัญวิเศษที่คุณอยากได้มาเป็นเจ้าของ มาพร้อมกับเจ้ากวางน้อยเรนเดียร์สีเทาอ่อนลำตัวของมันเปล่งประกายขณะวิ่งไปด้วยความเร็วพอเหมาะในอากาศ หอบระฆังแก้วใบกระจิริดส่งเสียงดังเหง่งหง่างอยู่เป็นระยะ เพียงแต่คุณแขวนถุงเท้าไว้ที่ปลายเตียงนอนในคืนวันคริสต์มาสเท่านั้นเอง ความฝันของคุณจะต้องสมปรารถนาอย่างแน่นอน
แต่ทว่า….เรื่องของผมมันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงน่ะสิ ไม่รู้ว่าสวรรค์เกิดพิโรธโกรธเคืองอะไรผมขึ้นมาจึงมอบสิ่งนี้ลงมาให้กับผม ซึ่งผมไม่เคยร้องขอและไม่เห็นจะอยากได้เลยสักนิดเดียวให้ตายสิ…มันช่างเป็นฝันที่ประหลาดอย่างที่ผมไม่เคยฝันมาก่อนตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวตนจนกระทั่งผมโตกลายเป็นหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวซะขนาดนี้
ผมฝันประหลาดแบบนี้มาหลายคืนแล้วราวกับว่าอาการของคนครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือเปล่าไม่ทราบเหมือนกัน ผมจะเล่าความฝันของผมล่ะนะ ในฝันของผมในคืนที่ใกล้ถึงคืนวันคริสต์มาสอีฟแล้วท้องฟ้าสุกสว่างสดใสไร้เมฆหมอกใดๆทั้งสิ้น ผมดีใจมากที่จะได้กลับบ้านเกิดที่ปูซานซะทีหลังจากที่ต้องตรากตรำไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน ไหนจะต้องฝึกซ้อมดนตรีซึ่งเป็นสิ่งที่ผมรักและตั้งใจทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้และผมมักจะทำได้ดีซะด้วยน่ะสิสำหรับสิ่งนี้เหมือนกับฟ้าได้ดลบันดาลให้พรสวรรค์ติดมากับตัวผม และกับศิลปินนักกีต้าร์ท่านหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผมด้วย ผมมักจะคิดถึงบ้านเกิดของผมอยู่เสมอถ้ารู้สึกสับสน ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยล้าไปทั้งกายและใจแค่ได้คิดถึงบ้านผมก็มีแรงฮึดที่จะลุกขึ้นเดินเพื่อก้าวตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง บางครั้งสองถึงสามเดือนจะกลับบ้านเกิดสักครั้ง เพราะถ้าปล่อยให้ยาวนานไปกว่านี้แม่มักจะโทรมาถามไถ่ตลอดว่าเมื่อไรจะกลับบ้านซะทีล่ะลูกอะไรประมาณนั้น บางครั้งผมเองก็รู้สึกผิดที่ทิ้งให้มารดาต้องอยู่ตัวคนเดียวที่ปูซาน แต่ความกังวลของผมก็ลดลงไปบ้างเพราะเพื่อนบ้านที่ดีของแม่มักจะมาเยี่ยมเยียนท่านบ่อยๆจึงไม่เหงาสักเท่าไรนัก
ในคืนที่ผมฝันผมได้นำถุงเท้าคู่เก่งของผมไปผูกไว้ที่ปลายเตียงตามตำนานที่เล่าขานกันมาเปี้ยบเลยล่ะ แล้วผมก็มองลอดไปที่ขอบหน้าต่างของห้องนอนไปยังท้องฟ้าที่ส่องสว่างสดใส ดวงจันทร์คืนนั้นดวงกลมโตอย่างน่าประหลาดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ผมคิดว่าจะต้องเกิดสิ่งดีๆขึ้นกับผมในคืนนั้นอย่างแน่นอน คืนวันคริสต์มาสที่ใครหลายคนรวมถึงตัวผมและเด็กๆรอบโลกต่างเฝ้ารอคอยการกลับมาของคุณลุงชุดสีแดง พร้อมกับของขวัญอันสุดแสนวิเศษจากถุงใบโตของคุณลุงซานต้าและเสียงหัวเราะดัง โฮ่ะๆๆ เฉพาะตัวของคุณลุง ผมยกมือขึ้นระดับอกประสานมือเข้าด้วยกันก้มศีรษะกลมๆลงเล็กน้อยนั่งอย่างสำรวมและค่อยๆหลับตาลงอย่างเชื่องช้า ทำจิตใจให้สบายพร้อมกับกล่าวคำอธิษฐานในสิ่งที่ผมปรารถนานั้นออกไป
ริมฝีปากของผมขยับขึ้นลงตามที่ผมนึกคิด ถึงแม้ว่าสิ่งที่อยากได้มันอาจจะไม่ใช่สิ่งของใดๆในโลกหรือสิ่งที่มีค่าสักเท่าใดนักแต่กลับเป็นสิ่งที่ผมอยากให้เป็นและอยากให้เกิดขึ้นในอนาคตมากกว่า “นักดนตรีชื่อก้องโลก” คำๆนี้ผุดขึ้นมาจากสมองและความคิดของผมบ่อยขึ้นๆทุกครั้งทั้งที่หลับไปแล้วก็ …..ฝัน
ด้านสีขาวต่างพร่ำบอกว่า “เป็นไปได้น่าถ้านายขยันฝึกซ้อม”
ส่วนด้านสีดำต่างเอ่ยอย่างไม่เต็มใจนัก “จะฝึกไปทำไม ฝึกไปนายก็เป็นได้แค่นี้ล่ะ เลิกเหอะ”
จริงอยู่ที่ว่าทางบ้านของผมไม่ได้เกิดมาร่ำรวยทรัพย์สินเงินทองที่จะได้รับจากบรรพบุรุษที่เป็นมรดกตกทอดกันมา แต่มันเป็นความตั้งใจจริงของผมตั้งแต่แรกแล้ว หากถ้าเราฝันอยากจะได้อยากเป็นอะไรสักอย่างคนเรามันก็ควรจะจริงจังตั้งมั่นกับสิ่งๆนั้นจนถึงที่สุดจริงไหม?? แต่เจ้าด้านสีดำมันช่างตามหลอกหลอนผมมาตลอดจนบางครั้งผมสับสนในจิตใจเป็นอย่างมากจนคิดอะไรไม่ออก บางครั้งทำผมจิตตกไปบ้างก็มีมันท้อแท้จริงๆ
แต่จู่ๆหลังจากที่ผมอธิษฐานความต้องการของผมต่อหน้าพระจันทร์แล้ว จึงเอนหลังเตรียมตัวจะเข้านอนตามปกติ แต่ก่อนจะนอนผมมักจะนั่งเล่นกีต้าร์ก่อนทุกครั้งไม่ยังงั้นคงนอนไม่หลับแน่ ผมเล่นเพลงที่เกี่ยวกับพระจันทร์ในคืนวันคริสต์มาสอีฟให้เข้ากับบรรยากาศในคืนอันสุดแสนโรแมนติก บทเพลงในคืนแห่งความฝันช่างไพเราะเสียนี่กระไร มันเป็นเช่นนี้นี่เอง
ในฝัน รุ่งเช้าของวันใหม่แสงแดดอ่อนๆส่องแสงรำไรอยู่ภายนอกพอจะเล็ดลอดเข้าทางบานหน้าต่างบ้างเล็กน้อย แสงแดดเช่นนี้ช่างดูอบอุ่นราวกับอยู่ภายใต้อ้อมอกของผู้เป็นมารดา ถึงแม้ว่าอากาศภายนอกเกือบจะติดลบไปแล้วก็ตาม แต่ผมกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด เสียงเจ้านกน้อยตัวเล็กๆส่งเสียงร้องขับกล่อมคล้ายบทเพลงแห่งฤดูเหมันต์ เสียงของมันไพเราะจับใจถึงแม้จะเป็นเสียงแค่ “จิ๊บๆๆ” เท่านั้น ในฤดูหนาวเช่นนี้คงจะหาฟังได้ยาก แต่คุณรู้ไหม??ผมได้ยินเสียงของมันและได้ยินชัดเจนซะด้วยและผมคงไม่ได้หูฝาดอย่างแน่นอน
“จิ๊บๆ จิ๊บๆ”
ผมได้ยินว่าเสียงของมันอยู่ไม่ไกลจากเตียงที่ผมนอนอยู่ทั้งคืน เท้าของผมค่อยๆก้าวลงจากเตียงนอนและเดินไปหยุดอยู่ที่ขอบหน้าต่างมองแล้วมองอีก ก็ไม่มีแม้แต่เงาของเจ้านกน้อยนั่น มีแต่เสียงครางอื้ออึงสลับกับเสียงเสียดสีกันของเหล่าใบไม้แห้งสีน้ำตาลที่ค่อยๆปลิดชีพของตนเอง โดยค่อยๆล่วงหล่นลงมาจากกิ่งก้านแข็งแรงนั่นเท่านั้นเอง เสียงนั่นอยู่รอบๆตัวของผม ค่อยๆกระจายไปทั่วทั้งมุมซ้ายมุมขวาของห้องบางครั้งคล้ายกับได้ยินใครบางคนหัวเราะคิกๆอย่างอารมณ์ดี ผมลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิหัวของผมยังยุ่งเหยิงอย่างคนที่เพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ ผมหันใบหน้าไปทางซ้ายทีขวาทีสายตาสอดส่ายมองหาต้นเสียง หรือใครมาตั้งเสียงมือถือเป็นเสียงนกร้องหรือเราละเมอไปเอง มือขวาของผมยกขึ้นตบหน้าตัวเองไปหนึ่งที “เจ็บแฮะ” ขณะที่บ่นกับตัวเอง แต่ในห้องก็มีผมอยู่คนเดียวเท่านั้นเอง ซึ่งก่อนนอนผมมักจะปิดประตูหน้าต่างเพื่อป้องกันลมหนาวจากด้านนอกดันประตูเข้ามาถ้าเปิดไว้จะทำให้แข็งตายกันเสียเปล่าๆ
ผมเดินไปยังปลายเตียงที่ผมนอนอยู่ แล้วก้มลงกึ่งนั่งสังเกตได้ว่าเสียงนกร้องอยู่ใกล้แค่หูของผมมากเสมือนว่าใครบางคนนำหูฟังมาครอบใบหูผมไว้เสียงนั้นได้ยินชัดเจนทั้งสดใสและไพเราะมากจริงๆ และแล้วผมก็พบบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น ในถุงเท้าของผม!!
จะอธิบายอย่างไรดี สิ่งนั้นมันเป็น แสงสีม่วงเจิดจ้าสว่างวาบแล้วก็ลดแสงลงจางๆแล้วกลับเปล่งแสงขึ้นมาอย่างช้าๆรอบแล้วรอบเล่าพร้อมๆไปกับสุ่มเสียงนกร้องและเสียงหัวเราะของหญิงสาวเบาๆและน่ารัก ดวงตาของผมเบิ่งโตแทบจะเท่าไข่ห่านกันเลยทีเดียว มันน่าประหลาดจริงไหมครับว่าทำไมแสงสีม่วงนั่นจึงเข้ามาอาศัยอยู่ในห้องนอนของผมได้ ที่สำคัญในถุงเท้าด้วย ผมไม่ได้อยากได้สิ่งนี้สักหน่อย มือของผมสั่นเทาค้างอยู่อย่างนั้น
แต่ด้วยธรรมชาติของมนุษย์ซึ่งมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่เป็นทุนแล้ว ไม่ว่าจะกี่ร้อยกี่ล้านปีคนมักอยากจะรู้นั่นนี่อยู่ตลอดเวลา ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน ผมไม่ปฎิเสธ มือหนาของผมค่อยๆยื่นไปยังถุงเท้าที่แขวนอยู่ข้างๆเตียงแต่ทว่ากล้าๆกลัวเหมือนกัน ถ้าเกิดว่าล้วงเข้าไปแล้วมือหายไปหรือได้รับบาดเจ็บใครจะรับผิดชอบ ที่กลัวไม่ได้กลัวอะไรหรอกฮะ กลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บแล้วเล่นกีต้าร์ไม่ได้อีกนั่นล่ะประเด็นของหนุ่มนักกีต้าร์อย่างผมล่ะ บาดเจ็บที่ส่วนไหนของร่างกายก็ได้หรือจะเป็นที่ใจก็ยังได้ แต่อย่าเกิดขึ้นที่นิ้วมือ เพราะผมซีเรียสกับมันจะทำให้เล่นกีต้าร์ไม่ได้ ซึ่งผมคงต้องตรอมใจตายเป็นแน่ถ้าเป็นเช่นนั้น
หลังจากที่รวบรวมความกล้าได้แล้ว ผ่านไปหลายนาทีเหมือนกันลมหายใจติดๆขัดๆผมพยายามหายใจเข้าออกสูดลมหายใจลึกๆ ความอยากรู้อยากเห็นได้กลบเกลื่อนความกลัวมลายหายไปสิ้น แสงสีม่วงยังสว่างวาบอยู่เนืองๆเสียงหัวเราะจากแสงนั่นกลับเงียบลงจนแผ่วไปแล้ว ผมหยิบบางอย่างขึ้นมาจากถุงเท้าเจ้าปัญหา มันเป็นอะไรดีล่ะ? มันดูเหมือนเป็นลูกบอลเล็กๆลูกกลมๆสีม่วงๆและมีกิ่งไม้ ไม่ใช่สิ?? มองอีกทีคล้ายๆเขากวางมากกว่า หรือกิ่งคริสตัส อะไรทำนองนั้นผมเองก็เรียกไม่ถูก
มันเป็นลูกกลมๆลูกเล็กๆสีม่วงๆเป็นสีที่ขัดใจคนหล่อๆอย่างผมชะมัด คิดจะส่งของขวัญมาให้คุณลุงซานต้าน่าจะส่งเป็นสีอื่นมาให้ก็ได้หรืออะไรสักอย่างที่อาจกินได้ อย่างซุปหมูแบบที่ผมชอบ แต่นี่ก็อะไรก็ไม่รู้ กินก็ไม่ได้จะเอาไปใช้ซักผ้า อาบน้ำสระผม ก็คงไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ เกินคาดเดาจริงๆหรือมันเป็นเพราะอากาศแปรปรวน เกิดสภาวะโลกร้อนคุณลุงซานต้าเลยชักจะเพี้ยนๆ>___<
ผมนั่งพินิจวิเคราะห์เจ้าลูกกลมๆสีม่วงและกิ่งไม้นั่น หรือจะทิ้งลงถังขยะดีนะ ผมทิ้งร่างลงนั่งบนโซฟาสีขาวสภาพกึ่งเก่ากึ่งใหม่ในห้องของผม เจ้ากิ่งไม้นั่นผมวางไว้บนหนังสือกีต้าร์เล่มเก่ากึ่กปกนอกเริ่มที่จะหลุดลุ่ยเพราะการใช้งานอย่างสมบุกสมบันของผมนั่นเอง ส่วนเจ้าลูกกลมๆมันกลิ้งไปมาบนฝ่ามือของผมแสงสว่างคลายลงไปมากแล้วเสียงนกร้องจางลงไปแล้วเช่นกัน ผมจ้องมองไปยังเจ้าลูกกลมๆหลายครั้ง ก่อนที่ผมจะเริ่มขยับมันและจะเปิดเจ้าลูกบอลนั่นออกมา
“ก๊อกๆ ก๊อกๆ”
เสียงแบบนี้ล่ะทรมาณจิตใจของผมที่สุด มักจะคอยมาปลุกผมให้ตื่นทุกครั้งไป ถ้าไม่เป็นแม่ตอนกลับไปบ้านเกิดนะก็จะเป็นเจ้าจอมยุ่งคังมินฮยอก มันจะมาทำลายความสุขในยามเช้าๆของผมแบบนี้ทุกครั้งไป เช้านี้ก็อีกเช่นเคย มันอีกแล้ว…..
“พี่ วันนี้ไม่มีเรียนหรอ??” คังมินฮยอก เจ้าตัวยุ่งตามสรรพนามที่ลีจงฮยอนมักตั้งฉายาให้นั้นยังใช้การได้เสมอ
“โหย…นายจะไปไหนแต่เช้าเนี่ยวันนี้วันหยุด ไม่มีเรียน นายจะไปไหนก็ไปคนจะนอน” ผมตะโกนโวกเหวกออกไป เตรียมตัวจะปิดประตูห้องของผมแต่โดนฝ่ามือของมินฮยอกสกัดดาวรุ่งกั้นไว้ซะก่อน ดวงตาเล็กๆแต่ถ้ามองดูดีๆแล้ว แววของดวงตาที่เป็นประกายนั่นต่างมุ่งมั่นจะเป็นมือกลองระดับโลกเชียวนะจะบอกให้ เจ้านี่ใครอยู่ด้วยก็จะติงต๊องไปกับมันด้วยไม่มีให้กลุ้มใจอย่างแน่นอน ตัวขจัดความเครียดได้เป็นอย่างดี ว่างๆก็ลองเรียกไปรับใช้ดูละกัน ถ้าสามารถ….
“วันนี้พี่ยงฮวานัดซ้อมใหญ่นะ อย่าลืมซะล่ะ อีกไม่กี่วันพวกเราก็จะได้ไปทดสอบกันแล้วน่ะ”ว่าแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกับคนจิตพองโต แว่นกรอบโตที่บังดวงตานั่นไว้ยิ่งเป็นประกายขึ้นไปอีกทันที
“นัดวันนี้หรอ? ออ งั้นนายล่วงหน้าไปก่อนเดี๋ยวพี่ตามไปทีหลัง” ยกมือเกาหัวที่ยังกระเซอะกระเซิงยังกับรังนกดังแกรกๆ
“เหม็นชะมัด เมื่อวานอาบน้ำมั่งปล่ะเนี่ย?”เจ้าตัวยุ่งยกมือขึ้นปิดจมูกตนเองก่อนจะย่นจมูกฟุดฟิดไปมา
“เรื่องของชั้นนายไม่ต้องมายุ่ง หรือว่างๆนายจะมาทำความสะอาดให้ก็ได้นะตามสบาย”นักกีต้าร์สุดหล่อหัวเราะแฮะๆอีกมือยืนท้าวสะเอวอีกมือก็ดันประตูห้องไว้
“เรื่องอะไรที่ผมจะต้องมาทำให้พี่ล่ะ เหนื่อยฟรีอีกต่างหาก ผมไปล่ะ”จู่ๆมินฮยอกก็ถอยตัวออกมาจากห้องนอนของหนุ่มจงฮยอนง่ายๆซะอย่างงั้นพลางแล่บลิ้นใส่อย่างน่ารักน่าชัง เพราะเค้าแพ้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ในสภาพแบบนี้ของจงฮยอนพี่ชายจอมขี้เกียจอาบน้ำ จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ขี้เกียจอาบน้ำหรอกนะครับ ก็แค่ลืมไปเท่านั้นเอง>_<
แต่คังมินฮยอกก็ยังคงเป็นคนรักความสะอาดอย่างสุดชีวิต ที่ห้องของมันฝุ่นสักนิดเดียวแทบจะไม่มีให้เห็น ห้องทั้งห้องเป็นสีขาวครีม ข้าวของในห้องวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งผิดกับห้องของผมจะหาอะไรไปใช้งานทีต้องทั้งขุดทั้งคุ้ยกันให้วุ่นวาย แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะเป็นคนแบบนี้ล่ะนะฮะ แต่บางครั้งก็ขี้ลืมวางสิ่งของไว้ไม่ค่อยเป็นที่เป็นทาง สงสัยตัวเองว่าถ้าผมมีแฟนขึ้นมาแล้วเกิดไปลืมแฟนตัวเองไว้ที่ไหนสักแห่งผมจะทำอย่างไงดี
กว่าจะถึงตอนนั้น ผมคงไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นหรอก
******
อันฮยองทุกๆคนและแฟนฟิคทุกคนด้วยนะค่ะ
มาแล้วค่ะฟิคเรื่องใหม่ ของ Code name Burning Cnblue ลีจงฮยอนนั่นเอง
คราวนี้หนุ่มคนนี้ขอเป็นพระเอกกับเค้าบ้าง อ่านๆไปบางคนอาจจะคิดว่า
เอาอัตชีวประวัติของหนุ่มบลูปูซานมาเปิดเผยความจริงหรือป่าว
จริงๆแล้วก็หยิบจับจากตัวจริงเสียงจริงของ Burning มาบางส่วน
แต่จิ้นเองซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่า
ฟิกเรื่องนี้เป็นฟิคที่แต่งเพื่อสนองความต้องการของผู้แต่งโดยเฉพาะเป็นการส่วนตัว
และอยากจะลองแต่งแนวนี้บ้างไรบ้าง
ถ้าร๊ากกกกก ลีจงฮยอน ร๊ากกก cnblue ฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะจร้า
รักน้อยๆๆ แต่ขอให้รักกันนานๆๆ
ขอบคุณค๊า.....
คอมเม้นติชมได้เลยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อยากรู้จังว่ามีอะไรอยู่ในลูกบอลสีม่วงนั่น
ใช่หนูยุนหรือเปล่าเนี่ย
จงไปได้ลูกบอลอะไรมากันแน่
จงฮยอน+แฟนตาซี
เราชอบทั้งสองอย่างเลย อิอิ
จะรอติดตามตอนต่อไปค่ะ