ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องของผมกับผี? 2

    ลำดับตอนที่ #5 : โบว์ -2-

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 52


     

    -2-

                วันนั้นผมเดินกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ผมยังไม่หายปวดมือเลยด้วยซ้ำ นี่ผมคัดประโยค ผมจะไม่วิ่งบนระเบียงอีกแล้วครับ” “ผมจะไม่ทำให้ทรัพย์สินของโรงเรียนเสียหายอีกแล้วครับซ้ำๆ ไปกี่หน้าหว่า?

                    ผมรู้สึกแค้นใจ ทำไมผมต้องทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่ใช่คนผิดด้วย

                    “บ้า!! นายไม่บอกอาจารย์เองนี่ว่านายไม่ได้ทำ”

    ถ้าเธอเดินอยู่ข้างๆ ผมเหมือนเมื่อก่อนเธอจะตอบแบบนี้มั้ย?

                    ผมอาจจะเถียงเธอกลับ ต้องเถียงแน่ๆ เธอไม่เข้าใจสถานการณ์นั้น ไม่ได้อยู่กับผมในตอนนั้นสักหน่อย จะบอกไปว่ายัยแว่นเป็นต้นเหตุก็ไม่ได้ด้วย แล้วเธอก็คงจะเถียงกลับ เราคงจะเถียงกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ

                    ผมรู้ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรผมก็จะเถียงเธออยู่ดี ไม่ว่าเธอจะแนะนำอะไรผมก็ไม่ฟังง่ายๆ หรอก...

                    ถึงอย่างนั้นผมก็อยากคุยกับเธอ

                    อยากเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟัง

                    อยากได้ยินเธอตอบกลับมา

                    อยากเถียงกลับไป

                    ผมแค่อยากคุยกับเธอ เท่านั้นเอง

                แต่เบื้องหน้าถนนว่างเปล่า มีเพียงแสงสีส้มโคมจากเสาไฟที่เรียงเป็นแถว

                    ผมมองกับไปข้างหลัง ไม่มีแม้แต่แมวสักตัว

                    เมื่อออกเดิน มีเพียงเสียงฝีเท้าของผม

                    ไม่มีเสียงฝีเท้าของเธอ

                    ผมรู้สึกเหมือนมีรูโหว่อยู่กลางอก ลึกลงไปข้างในใจกลางอก

                    เท้าของเร่งก้าวเดิน ราวกับมันกำลังหนีอะไรสักอย่าง

                    ผมรู้สึกว่ารูโหว่กลางหน้าอกกำลังใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น

                ผมไม่ได้กลับบ้าน

                    ไม่รู้ทำไมผมจึงไม่กลับบ้าน ขาพาผมเลี้ยวไปยังถนนที่ไม่คุ้นเคย

                    ผมเดินหลบถนนเส้นนั้น ถนนที่ทอดยาวสู่บ้านที่ไร้ผู้คนของผม ถนนที่ทอดยาวสู่บ้านของเธอ ถนนที่ผมกับเธอเคยเดินด้วยกัน

                    ผมเดินวน เดินวนโดยไร้เป้าหมาย เดินวนอยู่อย่างนั้น ผมกำลังหนีอะไรกัน

                    แล้วในที่สุด ขาก็พาผมมาที่สนามเด็กเล่น

                    เด็กหญิงยังอยู่ตรงนั้น

    ผมดูเวลาจากนาฬิกาพก นี่เกือบจะสองทุ่มแล้ว วันนี้เธออยู่ตรงนี้นานกว่าเวลาที่แยกจากผมคราวก่อนเสียอีก

                    ผมเลี้ยวลงไปบนสนามหญ้า
                    “ว่าไง”

    เด็กหญิงหันมามองผมนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น

    “พี่ไม่มีอะไรทำเหรอคะ”

    เธอพูดด้วยท่าทางที่ดูเหมือนมันเป็นคำทักทายธรรมด๊า ธรรมดา จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของอาจารย์เมื่อครู่ขึ้นมา

    “ประมาณนั่น” ผมยิ้มแหยๆ ตอบ พยายามบอกตัวเองว่าบางทีเธออาจจะสงสัยแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้มีความหมายประชดประชันแอบแฝงเลยก็ได้

    ยัยหนูโบว์ขาวพยักหน้านิ่งๆ “หนูก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน”

    “เหรอ” ผมเอ่ยแค่นั้น นั่งลงบนชิงช้าอีกตัว

    ผมหยิบตะไคร้หอมแบบขวดสเปรย์มาฉีดไล่ยุงแล้วส่งให้เด็กหญิง เธอเอ่ยขอบคุณผมแล้วรับไป

    เราเงียบกันไปครู่หนึ่ง เสียงเอี๊ยดอ๊าดของชิงช้าดังแทรกเสียงจิ้งหรีด กลิ่นตะไคร้จางๆ ท่ามกลางกลิ่นของค่ำคืน

    ผมรู้สึกอึดอัดแปลกๆ ผมคิดว่าควรจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้ว่าควรจะหาเรื่องอะไรมาคุย

    “อากาศร้อนเนอะ”

    “อือ” เด็กหญิงตอบห้วนๆ

    “เรามาทีนี่ทุกวันเหรอ”

    เธอพยักหน้า

    “มาเล่นเหรอ” ผมถามทั้งๆ ที่รู้สึกว่าไร้สาระพิลึก

    “เปล่าค่ะ”

    “เหรอ” ผมพยายามใส่น้ำเสียงประหลาดใจ

    “มารอคนต่างหาก”

    “เพื่อนเหรอ” คราวนี้ผมเริ่มสงสัยจริงๆ

                    “เปล่าค่ะ”

                    “ผู้ปกครอง? ผมกลืนน้ำลาย

                    เธอส่ายหน้า

    ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันอึดอัดแบบแปลกๆ สนามเด็กเล่นร้าง เด็กผู้หญิงติดโบว์สีขาวหน้านิ่งๆ กับการถามคำตอบคำ

                “งั้นเธอมารอใคร?

    ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบ กับคำตอบที่อาจจะได้

    ทว่าสิ่งที่เธอตอบทำให้ผมผิดคาด

    “คนที่หนูรักค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่กระดากปากเลยสักนิด

    “หา!?

    หมายถึงแฟนเหรอ? นี่ผมแก่เกินไปแล้วรึเปล่า ผมคิดว่าสำนวนมันดูน้ำเน่าพิลึก โชคดีที่ไม่ได้หลุดปากถามออกไป

    “ทำไมเหรอคะ” เธอเอียงคอถามงงๆ “พี่ไม่เข้าใจเหรอ?

    “เอ่อ... ประมาณนั้นแหละ พี่ไม่เคยมีแฟนหรอก” ผมสับสนว่าปรกติเด็กประถมเขาพัฒนากันขนาดนี้แล้วเหรอ หรือว่าจริงๆ คนอื่นๆ เขาพูดกันแบบนี้เป็นเรื่องปรกติตั้งแต่ประถมแล้ว

    เด็กหญิงทำท่าตกใจ เธอตาโตขึ้นด้วยความสนใจเลยทีเดียว

    “เอ๋ จริงเหรอคะ?

    “เออสิ” ผมไม่รู้ว่าการไม่เคยมีแฟนนี้มันน่าแปลกใจตรงไหน

                    “พี่ไม่มีคนที่ชอบเหรอคะ”

                ผมมองหน้าเด็กหญิง ทีเรื่องแบบนี้ล่ะสนใจออกนอกหน้าเลยนะ

                    “ก็ไม่ถึงขนาดจะไม่มีหรอก...”

                    “งั้นก็บอกเค้าไปสิคะ”

                    “... มันไม่ใช่อะไรง่ายๆ ขนาดนั้น”

                    “ทำไมล่ะคะ”

                    “ทำไมน่ะเหรอ?

                    นั่นสิทำไมกันนะ ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย ถ้าผมบอกเธอไป มันจะเป็นยังไงต่อนะ

                    “ไม่หรอก... ไม่ใช่แบบนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่มีทางเป็นแบบนั้นไปได้หรอก...”

    แล้วมันก็สายไปแล้วด้วย ผมคิด

                    “ไม่เห็นเข้าใจเลย” เธอทำหน้ายุ่ง

                    “นั่นสินะ” ผมหัวเราะฝืนๆ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน “เราจะนั่งรอตรงนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ”

                    “ค่ะ” เธอพยักหน้า ผมรู้สึกว่าเป็นการให้คำตอบที่ดูมั่นคงเหลือเกิน

                    “งั้นพี่รอเป็นเพื่อนนะ”

                เด็กหญิงพยักหน้าให้ผมแล้วยิ้มน้อยๆ ผมพยายามยิ้มตอบ ไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกเศร้าเหลือเกิน

                    ผมนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนที่กำลังรอไม่มีทางมา แล้วเด็กหญิงล่ะ?

                    เรานั่งอยู่ตรงนั้น ถีบพื้นโล้ชิงช้าให้ตัวเอง เบาๆ ใต้โคมไฟบนถนนหนึ่งดวง

                    ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกเข้าใจเธอขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×