คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : WhY?
WhY?
น้ำไหลออกมาจากตาของคุณหนู
ฉันรู้จากฐานข้อมูลว่ามันคือน้ำตา น้ำตาทำหน้าที่หล่อเลี้ยงดวงตา และมนุษย์จะหลั่งน้ำตาออกมาเมื่อเสียใจ
ฐานข้อมูลระบุว่าเสียใจหมายถึงอาการเป็นทุกข์ จากการที่สุญเสียสิ่งที่เป็นที่รักไป จากการไม่ได้ในสิ่งที่คาดหวัง
มีกรณีเข้าข่ายสองเหตุการณ์ หนึ่งคือเรื่องที่คุณหนูต้องอยู่ในพิธีกรรมทางศาสนาซึ่งเธอไม่ชอบ กับการที่คุณผู้ชายพึ่งตายไป ความตายเป็นคำกริยาของสิ่งมีชีวิตหมายถึงการที่กลไกของร่างกายหยุดทำงานไป ไม่อาจเคลื่อนไหว ไม่ต้องรับพลังงาน อีกต่อไป ในกรณีนี้หากเป็นสิ่งไม่มีชีวิตอย่างฉันจะใช้คำว่าพังแทน
เสียใจเป็นกริยาที่เป็นทุกข์ ฉันต้องทำให้คุณหนูพ้นจากความรู้สึกเป็นทุกข์
“อย่าเสียใจไปเลยค่ะคุณหนู” ฉันยิ้ม เช็ดน้ำตาให้เธอ
คุณหนูปัดมือของฉันออก
ฉันเข้าใจตามข้อมูลที่สะสมไว้ว่าเป็นความผิดพลาดของการแก้ปัญหา สิ่งที่ฉันทำไม่อาจบรรลุเป้าหมาย ฉันต้องเปลี่ยนวิธี ฉันต้องลองหาวิธีอื่น มีวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้สามสิบหกทางในกรณีเช่นนี้ ฉันสุ่มเลือกหนึ่งทาง
“อย่าเศร้าไปเลยนะคะ เรามาเล่นเกมส์ที่คุณหนูชอบด้วยกันดีไหมค่ะ” ฉันเอียงคอยิ้ม
คุณหนูแสดงสีหน้าที่เกิดจากการผสม ผสานของสีหน้าหลายรูปแบบ ฐานข้อมูลของฉันตีความว่าเป็นการยิ้มเย้ยหยัน ยิ้มเย้ยหยันเกิดขึ้นเมื่อคุณหนูโมโห หรือดูถูก ฉันทำพลาดอีกครั้ง
“อย่างเธอจะมาเข้าใจอะไร?”
หน่วยประมวลผมของฉันแปลความหมายว่านั่นเป็นประโยคคำถามในรูปแบบที่ไม่ต้องการคำตอบ
“เธอเคยมีพ่อหรือไง เธอเคยเข้าใจความรู้สึกของคนที่พ่อตายหรือไง?”
ฉันตีความว่านั่นเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ
“ดิฉันไม่มีพ่อค่ะ ดิฉันมีข้อมูลความรู้สึกของคนที่บิดาเสียชีวิตมากพอ”
คุณหนูหัวเราะ
“เธอมันก็แค่เครื่องจักร สิ่งที่เธอมีมันก็แค่ข้อมูลเท่านั้นแหละ”
ฉันยอมรับว่าประโยคของคุณหนูเป็นข้อเท็จจริง แต่ฉันไม่อาจทำความเข้าใจเหตุผลที่คุณหนู หัวเราะได้
ฉันมองไปยังโบสถ์ มองภาพผู้คนในชุดสีดำที่มาแสดงความอาลัย ฉันเก็บพวกมันไว้เป็นข้อมูล
********************
งานของฉันส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณผู้ชายถูกยกเลิกทั้งหมด ทั้งการซักเสื้อผ้า ทำความสะอาด จัดโต๊ะอาหาร และหนังสือพิมพ์ ฉันจำเป็นต้องเปลี่ยนตารางเวลาใหม่
คุณผู้หญิงใช้เวลาอยู่ในบ้านน้อยลง เนื่องจากแรงงานของบ้านลดน้อยลง คุณผู้หญิงต้องใช้เวลาทำงานมากขึ้นเพื่อให้ได้เงินมาทำให้รายรับรายจ่ายสมดุลดังเดิม
คุณหนูหัวเราะน้อยลง ฉันจับปฏิกิริยาที่แสดงถึงความเครียดของคุณหนูได้บ่อยขึ้น จากการวัดมาตรฐานของ EQ อย่างคร่าวๆ ฉันพบว่า EQ ของคุณหนูเริ่มต่ำลงจนหน้าเป็นห่วง
ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง
“คุณหนูคะ เราไปเดินเล่นในสวนที่คุณหนูชอบกันไหมคะ?” ฉันถามเธอด้วยรอยยิ้ม
คุณหนูแสดงสีหน้ารังเกียจ เธอเดินผ่านไปโดยไม่สนใจปฏิกิริยาของฉันแม้แต่น้อย
ฉันเปลี่ยนสีหน้าเป็นแบบปรกติ เปลี่ยนไปทำงานอื่น วิธีดังกล่าวไม่ได้ผล ฉันต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่น
ฉันต้องทำยังไง?
ไม่มีข้อมูลที่เหมาะสมในฐานข้อมูล
********************
คุณหนูใช้เวลาอยู่ในบ้านน้อยลง ช่วงเวลาที่บ้านมีคนอยู่สั้นลง ฉันมีเวลาในการอยู่นิ่ง จัดเรียงข้อมูล และประมวลผลมากขึ้น
คุณหนูแสดงสีหน้ารังเกียจทุกครั้งที่ฉันทักทาย ฉันเปลี่ยนท่าทางการทักทาย เปลี่ยนรอยยิ้มตามที่ฐานข้อมูลบอกว่าดีที่สุด แต่คุณหนูก็ยังแสดงสีหน้ารังเกียจฉัน
ฉันลองหาวิธีแก้ไขอื่นๆ แต่ทุกวิธีการล้วนไม่อาจทำให้เป้าหมายประสบผลได้
ฉันควรจะทักทายคุณหนูอย่างไร?
ฉันควรจะทำอย่างไรให้คุณหนูกลับมามีความสุข?
ฉันควรจะทำอย่างไรคุณหนูถึงจะกลับมายิ้มให้ฉันเหมือนเดิม
ไม่มีข้อมูลที่เหมาะสมอื่นใดในฐานข้อมูล
ฉันไม่อาจตัดสินใจเลือกการกระทำเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหนูได้อีกต่อไป
ฉันได้แต่ยิ้มให้เธอ เอ่ยทักทายด้วยท่าทางที่เรียบง่ายที่สุด ในขณะที่ระบบประมวลผลของฉันทำงานจนเต็มความสามารถ
ระบบประมวลผลลงมติเป็นพันๆ อย่าง ฉันจึงได้แต่ตอบสนองด้วยวิธีที่เรียบง่ายที่สุดซึ่งถูกวางไว้เป็นพื้นฐาน
ฉันรู้สึกเหมือนบางส่วนของฉันเสียหายไป
ฉันใช้ขีดจำกัดของระบบปฏิบัติการคิดเรื่องของคุณหนูตลอดเวลา
ฉันเริ่มทำงานเล็กๆ น้อยๆ พลาด
ฉันพังแล้วเหรอ?
ฉันสงสัยว่าคุณหนูจะร้องไห้ให้ฉันรึเปล่า?
********************
ขณะจ่ายตลาดฉันพบคุณหนูระหว่างทาง คุณหนูอยู่ที่สวนสาธารณ กับเพื่อน รวมชั้นของคุณหนู
คุณหนูคีบบุหรี่สูบอยู่กับเพื่อนๆ หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน อย่างที่เธอไม่มีทางทำกับฉันตั้งแต่วันที่คุณผู้ชายตาย
ฉันตัดสินใจเข้าไปทักทายเธอ
คุณหนูเปลี่ยนสีหน้าทันที่ที่เห็นฉัน จากใบหน้าสนุกสนานเป็นใบหน้าเบื่อหน่าย
ฉันยิ้ม
“การสูบบุหรี่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพนะคะ เพื่อนของคุณหนูกลุ่มที่มั่วสุมกันทำเรื่องไม่ดีเช่นนี้ย่อมไม่สมควรที่จะให้คุณหนูคบต่อไปเช่นกันค่ะ” ฉันบอกเธอไปดังนี้
คุณหนูตบฉัน
ฉันต้องป้องกันตัวเองตามกฎข้อที่สาม ตราบเท่าที่ไม่ละเมิดกฎข้อที่หนึ่ง ฉันคาดการว่าความรุนแรงจะไม่มากจนเกิดความเสียหายจึงไม่หลบหรือป้องกัน
เสียงฝ่ามือของเธอกระทบหน้าของฉันดังฉาด ฉันเซไปตามแรงมือ
ความเสียหายทางกายภาพไม่มากไปกว่าที่คาด ทว่าวงจรความคิดของฉันกับติดขัด
“เธอมันก็แค่เครื่องจักร อย่ามาสู่รู้ เลิกแสร้งเป็นมนุษย์จนน่าคลื่นไส้ได้แล้ว”
ฉันใช้วงจรแก้ปัญหา ทว่ามันไม่ทำงาน ฉันใช้กระบวนการจัดการความผิดปรกติทว่าไม่เป็นผล
คุณหนูโยนบุหรี่ทิ้งลงบนพื้น เหยียบมัน สะบัดตัว กระทืบเท้าเดินออกจากสวนแห่งนี้ด้วยความโมโห ไปยังถนน
เธอก้าวข้ามถนนโดยไม่สำรวจถนนก่อนเลย
“อย่าค่ะ!”
เสียงแตร และเสียงเบรกดังสนั่น คุณหนูหันไปตามเสียง รถเก่งสีบรอนวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง
เสียง โครม! เมื่อมันกระแทกกับร่างของฉัน
ภาพที่ฉันรับได้คือโลกที่หมันคว้าง มุมมองจากท้องฟ้า สีหน้าตกใจของคุณหนูที่ถูกฉันผลักออกไป และร่างกายส่วนล่างของฉันที่กระเด็นไปอีกทาง
พริบตานั้นฉันประหลาดใจที่ระบบประมวลผลของตนตัดสินใจได้รวดเร็วเช่นนี้
แบตเตอรี่ในส่วนตัวหลุดออกจากการเชื่อต่อกับส่วนหัวแล้ว ส่วนประมวลผลแล้วฉันกำลังจะขาดพลังงาน
โดยไม่อาศัยส่วนประมวลผล ฉันลงข้อสรุปง่ายๆ ว่าฉันไม่อยากให้คุณหนูตาย
โดยไม่มีเหตุผลใด ฉันคิดว่าตัวเองเข้าใจความรู้สึกของคุณหนูขณะที่คุณผู้ชายตาย เมื่อเห็นความเป็นไปได้ที่ว่าคุณหนูจะตายฉันรู้สึกเช่นนั้น
ฉันเห็นใบหน้าของคุณหนูที่ประคองร่างของฉันขึ้น
ฉันใช้พลังงานสุดท้ายที่เหลืออยู่ยิ้มให้เธอ
ความคิดเห็น