ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องของผมกับผี? 2

    ลำดับตอนที่ #11 : เลือด -2-

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 53


     

    -2-

                    เมื่อผมไปยังบ้านทรงยุโรปในวันรุ่งขึ้น คุณป้ารอผมอยู่ก่อนแล้ว

                    คุณป้าอยู่ในชุดสำหรับการออกไปข้างนอก ผมขึ้นรถของเธอโดยไม่ได้ถามอะไร

                    เมื่อรู้ตัวอีกทีผมก็มาอยู่ที่โรงพยาบาล

                    ไม่ว่ากี่ครั้งกี่ครั้ง โรงพยาบาลก็ไม่เคยเปลี่ยน ผู้คนรอบข้างเต็มไปหมดต่างนิรนาม บรรยากาศหม่นๆ ชวนหดหู่ พื้นหินอ่อนขัด กำแพงสีขาว

                ช่วงนี้ผมมาที่นี่บ่อยเกินไปแล้ว แรกสุดผมมาโรงบาลเพราะถูกหามเข้ามาจากอุบัติเหตุ ต่อมา ผมมาเยี่ยมเด็กคนหนึ่งซึ่งจากไปในที่สุด และล่าสุดก็มาเยี่ยมยัยแว่นที่พึ่งออกไปจากโรงพยาบาล ตอนนี้ผมมาโรงพยาบาลเพื่อหาเบาะแสของฆาตกรที่สังหารเด็กคนหนึ่ง

    ผมแอบหวังว่าผมจะเห็นร่างของเธอนอนหลับอยู่ในโรงพยาบาลเหมือนกรณีของยัยแว่น แม้จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

                    คุณป้าเดินนำผมไปตามทาง คราวนี้ผมเดินไปยังตึกทางทิศเหนือที่ไม่คุ้นเคย

                    คุณป้าทักทายพยาบาล แจ้งให้เธอทราบว่าจะมาเยี่ยมเพื่อน พยาบาลยิ้มให้เธอราวกับคุ้นหน้ากันดี ผมไม่รู้ว่าคุณป้ามาเยี่ยมเพื่อคนนี้บ่อยขนาดนั้นจริงๆ หรือพยาบาลพยายามทำไปแบบนั้นตามหน้าที่

                    เราเดินเข้าไปยังห้องป่วยห้องหนึ่ง ภายในห้องมีผู้ป่วยอยู่ราวแปด-เก้าเตียง

                    เตียงที่เราสนใจมีคุณหมอคนหนึ่งยืนอยู่ กับหญิงสาวผมยาวบนเตียง เธอมีโครงหน้าสวย แต่ผิวซีดเหมือนกระดาษ ผมสังเกตว่ามีไฝเล็กๆ ใต้ดวงตาของเธอทำให้เธอดูลึกลับเหมือนแม่มดสาว ดวงตาของเธอดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก มันมองตรงไปข้างหน้า แต่ก็ดูเหมือนไม่ได้มองสิ่งใดอยู่เลย

                    คุณป้าเอ่ยทักทางหญิงสาวแม้เหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยิน ก่อนจะหันไปทักทายคุณหมอ

    “ตรวจอยู่เหรอคะ?

                “เปล่าหรอกครับ” หมอหนุ่มยิ้มตอบ “เชิญตามสบายเลย”

                    คุณหมอมองผมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผงกหัวให้ แล้วเดินออกจากห้อง

    ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกว่าหมอคนนี้มีบรรยากาศบางอย่างที่ผมคุ้นเคย ราวกับเป็นญาติห่างๆ อะไรทำนองนั้น

    ผมหันไปมองคุณป้าสลับกับหญิงสาวผิวซีด

                    คุณป้าแนะนำว่าผมเป็นเพื่อนกับลูกสาวของเธอ และบอกเธอว่าผมพบลูกสาวของเธอแล้ว

                หญิงสาวไม่ตอบ ผมคิดว่าเธอไม่ได้ยินด้วยซ้ำ

                คุณป้าเรียกชื่อของหญิงสาวอย่างสนิทสนม เธอถามว่าหล่อนอยากให้พวกเราทำยังไงดี เธอไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี

                หญิงสาวยังมองตรงไปยังอากาศไกลออกไปราวกับเธอไม่รับรู้เรื่องใดในโลกทั้งสิ้น

                คุณป้าเข้าไปกอดเธอเบาๆ แล้วเริ่มร้องไห้เงียบๆ

                    ผมปล่อยให้เธอร้องไห้อยู่อย่างนั้น ผมไม่รู้ว่าใบหน้าของตัวเองจะเรียบเฉยได้เท่าๆ กับใบหน้าของหญิงสาวรึเปล่า

                    ผมรู้สึกราวกับเรื่องทั้งหมดเป็นละคร โศกนาฏกรรม ที่มีคนเขียนบทให้เกิดขึ้น ราวกับมันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าผม ราวกับมันไม่ได้เกิดขึ้นจริง และผมไม่ได้เป็นหนึ่งในตัวแสดง ผมเหนื่อยเกินที่จะตั้งคำถามแล้วว่าใครเป็นคนเขียนบทนรกนี้ขึ้นมา เหนื่อยเกินกว่าจะอยากรู้เหตุผลที่เราต้องเล่นไปตามบท เหนื่อยที่จะโวยวาย

                    ผมมองใบหน้าเรียบเฉยของหญิงสาว บางทีเธออาจจะเข้าใจคำตอบของเรื่องนี้และถอนตัวออกจากละครเรื่องนี้ไปแล้วก็ได้

                    ผมไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย มีเพียงแต่หมอกแห่งความโศกเศร้าที่ปกคลุมอยู่เท่านั้น

     

    *********************

     

                    “แม่ควรจะเริ่มเรื่องตรงไหนดี?

                    คุณป้าเล่าเมื่อเราออกมาจากที่นั่น พวกผมนั่งอยู่ยังม้านั่งในสวนของโรงพยาบาล ตรงที่ผมพบยมทูตในครั้งก่อน

                    “มีนิทานเรื่องหนึ่ง” เธอยิ้มจางๆ “เรื่องมีอยู่ว่า... เมื่อราวสิบกว่าปีก่อน สมัยนั้นแม่ยังเป็นครูอยู่ เธอเป็นลูกศิษย์ของแม่”

                    เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินว่าคุณป้าเคยเป็นครูมาก่อน

                    “เธอเป็นเด็กสาวที่สวย น่ารัก เรียบร้อย ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน เป็นเด็กสาวที่ดูไว้วางใจได้ และเป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ ในห้องเรียน ในตอนนั้นเธอเป็นหัวหน้าห้องที่แม่เป็นครูประจำชั้นอยู่

                    “วันคืนผ่านไปอย่างมีความสุข ใครๆ ก็คิดว่าอนาคตของเธอคงจะสดใสงดงาม ทว่าวันหนึ่งเรื่องก็เปลี่ยนไป

                    “วันนั้นเธอมาปรึกษาแม่ เธอบอกแม่เป็นคนแรกว่าเธอสงสัยว่าตัวเองท้อง แม่พาเธอไปตรวจครรภ์ด้วยความตกใจ และพบว่าเธอท้องได้สามเดือนแล้วจริงๆ เธอไม่ยอมบอกว่าพ่อเด็กเป็นใคร แล้วก็ไม่ยอมบอกพ่อแม่ของตัวเองในเรื่องนี้

    “แม่แตกตื่นตกใจ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี นี่เป็นงานแรกของในฐานะครูที่หนักหนาขนาดนี้ แม่ไม่อาจบอกให้เธอไปเอาเด็กออกได้ แต่ก็ไม่อาจแนะนำให้คลอดออกมา

    “ในที่สุดแม่ก็ตัดสินใจบอกผู้ปกครองของเธอ แม่โยนภาระการตัดสินใจที่หนักอึ้งของตัวเองออกไปให้พ้นๆ ตัว... แม่ทรยศเธอ

    “สุดท้ายเธอก็ลาออกจากโรงเรียน ย้ายออกไป โดยที่ไม่มีใครคอยให้กำลังใจแม้แต่คนเดียว

    “แม่หักหลังเธอ สิ่งนั้นทำให้แม่รู้สึกแย่ แม่ไม่อาจเป็นครูด้วยความรู้สึกนี้ได้อีกต่อไป จึงยื่นใบลาออก

                “แม่อยู่กับความรู้สึกผิด แม่พยายามเขียนความรู้สึกเหล่านี้ลงไปสะท้อนเรื่องราวพวกนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกผ่านนิยาย พยายามเขียนหนังสือนิทานภาพของเด็กเพื่อให้ลูกของเธอที่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน

                    “แล้ววันหนึ่งเธอก็กลับมาพร้อมกับลูกสาวของเธอ เด็กผู้หญิงน่ารักที่ติดโบว์ใหญ่สีขาว พวกเธอกลับมาอยู่บ้านเก่าแทนพ่อของเด็กสาวที่พึ่งเสียไป

    “เธอมาหาแม่และบอกว่าเธอไม่เคยโกรธแม่เลย ลูกของเธอถือหนังสือภาพของแม่มาด้วย ลูกของเธอบอกว่าชอบมันมาก นี่เป็นหนึ่งในเรื่องที่แม่มีความสุขมากที่สุด

    “เธออยู่ที่เมืองนี้นับจากนั้นเป็นต้นมา เป็นเวลาสองปีที่เต็มไปด้วยความสุข พวกเราเจอกันอยู่เสมอๆ

    “...แต่ความสุขก็อยู่ไม่ได้นาน จู่ๆ วันหนึ่ง ลูกสาวของเธอก็หายสาบสูญไป...

    “วันๆ หนึ่งมีคนหายเป็นร้อยๆ คน เมื่อไม่ใช่ลูกของนักธุรกิจ หรือนักการเมืองใหญ่ ตำรวจก็เพียงลงบันทึกไว้ แล้วไปทุ่มสมาธิทำคดีใหญ่ที่สื่อกำลังสนใจอยู่มากในตอนนั้น แล้วเรื่องก็เงียบหายไป

    “หลังจากนั้นหญิงสาวก็สูญเสียดวงใจไป และเธอก็ไม่เคยพูดอะไรอีกเลย”

     

    *********************

     

    คุณป้ากลับไปนานแล้ว แต่ผมยังนั่งอยู่ตรงนั้น ผมนั่งอยู่ตรงนั้นรอให้ตะวันคล้อยต่ำลง เรียบเรียงเรื่องราวในหัว

    ผมทวนเรื่องดราม่าน้ำเน่ายังกับละครหลังข่าวนั้นซ้ำไปซ้ำมา

                    ผมรู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงไม่ใช่นิยายนักสืบ หากเป็นนิยายนักสืบคนที่เป็นคนร้ายมักจะเป็นคนที่น่าสงสัยน้อยที่สุด หรือคนที่คาดไม่ถึง คนร้ายคงจะเป็นคุณป้า ยัยแว่น ตัวแม่เด็ก ไม่ก็บุคลิกด้านมืดของผมแหงมๆ ถ้าเป็นแบบนั้นคนอ่านคงจะอึ้งแล้วอุทานว่า “พระเจ้าจอร์จ ไม่คิดมาก่อนเลย หักมุมได้เจ๋งมาก” แต่ถ้าเป็นผมเจอหักมุมแบบนี้ ผมคงเผาหนังสือเล่มนี้ทิ้งไปก่อน

    แต่มันไม่ใช่ ในโลกแห่งความจริงคนร้ายย่อมเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุดอย่างแน่นอน

                    ทว่าผู้ต้องสงสัยอยู่ที่ไหนกันล่ะ?

                    เอายังไงดี ผมควรจะบอกเรื่องนี้กับตำรวจดีไหม ผมจะอธิบายว่าผมเจอเด็กผู้หญิงในสนามหญ้า แล้วเข้าไปในตึกกับยมทูตยังไง แล้วถ้าหากตำรวจเก็บศพไปแล้วเรื่องก็จบไปล่ะจะเป็นยังไง

                    แล้วผมก็นึกวิธีได้ ก่อนจะกลืนมันกลับลงไป

                    ผมพยายามทำเป็นคิดมันไม่ออก พยายามลืมมันไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×