ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Rose in the Night : กุหลาบมายา มนตรารัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #1 : -1-

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 52




             

    จันทร์เสี้ยวลอยเด่นกลางฟ้า เสียงฝีเท้าของเด็กหนุ่มก้องไปในรัตติกาล รอบข้างเงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงของจิ้งหรีดเรไร

    หลัง กำแพงอิฐสองข้างทางเป็นบ้านร้าง หญ้าขึ้นสูงท่วมหัว เถาวัลย์เลื้อยเกาะผนังทรุดโทรม น่าตกใจที่ยังอุตสาห์มีดวงไฟสีนวลกระพลิบอยู่บนเสาริมทางเป็นระยะ

    โอมกระชับเป้บนหลัง ล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง ส่องมันกับแสงไฟ พยายามอ่านเส้นขยุกขยิกที่ลากเป็นแผนที่แบบหยาบๆ

    ตาม แผนที่ บ้านที่ว่าต้องอยู่ทางนี้แน่ๆ เด็กหนุ่มสำรวจรอบๆ อีกครั้ง... ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากความเงียบสงัดน่าขนลุก ราวกับทุกชีวิตล้มหายตายจากไปหมดแล้ว

    เขา ถอนหายใจ โอมกะอยู่แล้วว่าบ้านที่พ่อได้มาฟรีๆ ต้องไม่ใช่ที่ดีๆ แน่นอน เขาพับแผนที่เก็บคืนใส่กระเป๋ากางเกง กลั่นใจก้าวต่อไปตามถนนที่มืดจนมองไม่เห็นปลายทาง

    โอมอดหวั่นใจ ไม่ได้ เขาปลอบใจตัวเองว่าน่าจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเด็กมัธยมที่ย้ายออกจากบ้านมาอยู่คนเดียวเช่นนี้

    แต่ ทำยังไงได้ ถึงจะลำบากขนาดไหนเขาก็ยอมทุกอย่างขอแค่ได้อยู่ไกลๆ จากที่ที่จากมา เด็กหนุ่มพยายามอย่างหนัก ที่จะสอบเข้าโรงเรียนในตัวเมืองให้ได้ ถึงจะไม่ใช่เมืองหลวงแต่อย่างน้อยก็เป็นตัวเมือง

    พ่อประหลาดใจมากที่เขาสอบติด ทำหน้าไม่เชื่อเต็มที่ว่าลูกของตัวเองจะพยายามขนาดนี้

    ความจริงแค่โอมสืบทอดกิจการของที่บ้านต่อจากพ่อก็สบายไปทั้งชาติแล้ว แต่ว่าไม่มีทางเด็ดขาดที่เขาจะทำเช่นนั้น

    แต่ ให้ตายเขาก็ไม่กล้าบอกเหตุผลจริงๆ กับพ่อหรอก โอมแแก้ตัวว่าอยากออกไปหาประสบการณ์ไกลๆ บ้านก่อนค่อยกลับมา พ่อจึงยอมยกบ้านที่ได้มาฟรีๆ จากลูกค้าหลังนี้ให้เขา และคงกะว่าเด็กหนุ่มจะกลับไปสืบทอดวิชาเมื่อเรียนจบ

     

    ดูเหมือนว่าทางเดินสายนี้จะทอดยาวไม่จบสิ้น

    อะไรกันเนี่ย เขากำลังหลงทางอยู่ในเมืองร้างหรือไง...

    เด็กหนุ่มเลี้ยวขวาตามแผนที่ และในที่สุดบ้านที่เขาตามหาอยู่ก็ปรากฏแก่สายตา

    ไกล ออกไปราวห้าสิบเมตร บ้านทรงยุโรปโบราณหลังใหญ่ตั้งตระห่างอยู่ปลายทาง บ้าน... ไม่สิ คฤหาสน์หลังนั้นดูยิ่งใหญ่โอ่อ่าแม้อยู่ในความมืด โอมรีบสาวเท้าก้าวหามันด้วยความดีใจ

    แต่แล้วเด็กหนุ่มก็สะดุดกับร่างๆ หนึ่งใต้แสงไฟ

    ขนลุกเกรียว

    ใต้หลอดไฟนวลดวงที่สามนับจากคฤหาสน์มีเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ ผมสีเงินสะท้อนแสงไฟระยับ ผิวของเธอขาวซีดตัดกับชุดกระโปรงฟูฟ่องสีดำสนิท

                    นี่มันอะไรกัน?

    เอาล่ะ... เขาเดินเข้าไปในหมู่บ้านร้างกลางดึก และพบหญิงสาวท่าทางประหลาดยืนอยู่ระหว่างทางเข้าบ้านใหม่ของตัวเอง

    หัวใจเต้นตุบตับ เหงื่อออกเต็มหลัง เด็กหนุ่มควรจะทำยังไงดี?

    หนึ่งโยนกระเป๋าทิ้งหันหลังวิ่งหนีเป็นระยะทางกิโลกว่าๆ ออกจากเมืองร้างนี้

    สองเข้าไปทัก สวัสดีครับ พระจันทร์สวยจังนะ ผมพึ่งย้ายเข้ามาอยู่วันแรก...

    สามเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ

    เด็ก หนุ่มรอนแรมจากบ้านเกิดเดินทางไกลสองร้อยกิโลเมตรเพื่อมาที่นี้ นั่งรถบัสแดงหกชั่วโมงเพื่อมาวิ่งหนีสาวน้อยคนนี้งั้นเหรอ... ดังนั้นตัดข้อหนึ่งทิ้งไป

    อย่าง ที่สอง เด็กหนุ่มไม่อยากยุ่งกับเรื่องแปลกประหลาดอีกแล้ว และเขาก็เหนื่อยสุดๆ ดังนั้นจึงไม่ใช่เวลามาหม้อสาว ไม่ว่าเธอจะสวยและบรรยากาศจะเป็นใจแค่ไหนก็ตามข้อสองจึงตกไป

    ทางเลือกที่เหลืออยู่จึงเป็นข้อสาม... แต่เอาเข้าจริงมันไม่ง่ายเช่นนั้น

    เด็กสาวจ้องเขาตาแป๊ว ไม่ขยับเขยื้อนสักนิด ขอเถอะ ถาเจอกันถูกกาลเทศะกว่านี้เด็กหนุ่มอาจจะรู้สึกดีแต่ไม่ใช่ทีนี้แน่ๆ

    เมื่ออยู่ห่างกันไม่กี่ก้าว เด็กหนุ่มก็สังเกตว่าดวงตาของเธอเป็นสีแดงเข้ม           

    เด็กสาวแสยะยิ้มตอบ เขี้ยวแหลมยาวสองซี่เห็นเดินชัดใต้แสงไฟนวล เธอค่อยๆ ก้าวเข้ามา

    ไอ้พ่อบ้า ไม่เห็นบอกว่าจะมีของแถมแบบนี้ด้วย!

    โอมกำลังหันหลังเตรียมจะวิ่งหนี... แต่สายไปเสียแล้ว สาวน้อยกระโจนใส่เขาก่อนที่จะตั้งตัวทัน

    เด็ก หนุ่มล้มลงตามแรงที่โผเข้าใส่ สาวน้อยนั่งคร่อมร่างเขา กดมือทั้งสองข้างของเขาไว้กับพื้น เธอยิ้มด้วยความพอใจ เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกเมื่อลิ้นของเธอแตะที่คอก่อนจะฝังเขี้ยว...

    ปัง!

    เสียงปลอกกระสุนหล่นลงพื้นก้องตามหลังมา

    ราว กับภาพสโลว์โมชั่น เด็กหนุ่มเห็นกระสุนเจาะทะลุผ่านหัวของเด็กสาว ก่อนที่ร่างของเธอจะค่อยๆ ปลิวตามแรงไปปะทะกับกำแพงเสียงดัง

    เลือดกระเซ็นเป็นฝอยตามร่างของเธอที่ลอยออกไป ละอองปะทะหน้าของเด็กหนุ่ม กลิ่นคาวแทรกซึมทุกอณูของอากาศ

    เด็กหนุ่มพยายามจะร้องออกมา แต่ว่าไม่มีเสียงใดเล็ดลอดจากคอ

    เด็ก สาวอีกคนภายใต้เสื้อโค้ตสีแดงสด ปรากฏตัวขึ้นบนกำแพงอีกฝั่ง ผมสีดำ ตาสีดำ ปืนสีดำในมือขวา ปืนสีเงินในมือซ้าย นิ้วของเธอกดไกรัวกระสุนไม่ยั้งพร้อมๆ กับที่ร่างของเจ้าของนิ้วทิ้งตัวลงมาจากกำแพง

    แต่กระสุนทุกนัดพลาดเป้า

     

    โอมเคยคิดว่าเขาชินกับเรื่องสยดสยองดี แต่ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองคิดผิด

    โอม รู้สึกราวกับขาของเขาไม่ใช่ของตัวเอง มันสั่นไม่หยุด เมื่อเขาเห็นเด็กสาวที่ถูกกระสุนเจาะกะโหลกไปเมื่อครู่กระโจนหลบกระสุนขึ้น ไปบนกำแพง ผมสีเงินของเธอพลิ้วตามไป ช้ากว่าการเคลื่อนไหวของเธอเล็กน้อย

    หญิงสาวชุดแดงเค้นเสียงในลำคอ เงยหน้ามองหญิงสาวผมเงินบนกำแพงที่แลบลิ้นออกมาเลียเลือดที่ไหลย้อยออกมาจากรูบนหัว

    เสียงปืนกระหน่ำรัว กลิ่นดินปืนลอยมาตามลม

    เกิดเสียงพิ้งๆ และประกายแสงด้านหน้าของเด็กสาวบนกำแพง เธอปัดกระสุนด้วยกระบี่ฝรั่งที่ไม่รู้ว่ามาอยู่ในมือของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่

    เด็ก สาวผมเงินทั้งพลิ้วตัวหลบ ทั้งปัดกระสุนด้วยความรวดเร็วจนแทบมองไม่ทัน แต่ก็ยังมีบางนัดที่เข้าเป้า กระสุดเฉียดแก้มของเธอเป็นทางยาว เด็กสาวกระโดดไปมา พยายามย่นระยะระหว่างตนกับเด็กสาวในโค้ตแดง... แล้วก็เหลือบมาเห็นเด็กหนุ่ม

    เธอยิ้มจางๆ ก่อนจะพุ่งเข้ามาคว้าร่างของเขาขึ้นด้วยมือเดียวราวกับเป็นเศษผ้า และใช้เขาเป็นโล่พุ่งเข้าหาอีกฝ่าย

    เด็กสาวผมดำลังเลอยู่ครู่หนึ่ง... ก่อนจะลั่นไก

    กระสุนนัดแรกกระแทกอกของโอม ก่อนที่นัดต่อๆ มาจะตามมาซัดร่างของเขาไหวไปมาไม่ต่างจากธงเก่าๆ ผืนหนึ่งสะบัดตามลม

    แขนที่คว้าเด็กหนุ่มอยู่เหวี่ยงร่างเขาเข้าหาอีกฝ่ายซึ่งหลบพ้นพอดี เด็กหนุ่มจึงกระแทกกับกำแพงแทน

    เด็กสาวผมเงินวาดดาบฟันใส่อีกฝ่าย

    เด็กสาวผมดำยกปืนสีดำขึ้นรับ เสียงโลหะกระทบกันดังเครง สะเก็ดประกายไฟระยับ

    เสียงเปรี้ยง ไฟสว่างวาบเมื่อปีนสีเงินส่งกระสุนทะลุร่างของอีกฝ่าย

    ดวง ตาที่พร่ามัวของโอมเห็นร่างของเด็กสาวผมเงินถูกเท้าของอีกฝ่าย ถีบกระเด็น แรงกระสุนเป็นสิบส่งร่างของเธอกระแทกเข้ากับกำแพงข้างๆ เขา เสียงดังสนั่นก่อนร่างนั้นจะค่อยๆ ครูดกับผนังนั่งลง

    เด็กสาวในโค้ตสีแดงก้าวเข้าหาช้าๆ

    เธอเหยียบลงบนท้องน้อยของอีกฝ่าย แล้วรัวกระสุนใส่ร่างของผู้พ่ายแพ้

    เลือด นองชโลมถนน กลิ่นดินปืนผสมกับกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เด็กหนุ่มเห็นน้ำตาไหลลงมาผสมกับเลือดเมื่อเด็กสาวผมเงินถูกฉุกแขนที่ไร้ เรียวแรงขึ้นมา

    อีกฝ่ายล้วงหมุดยาวออกมาจากโค้ด ทาบมันกับฝ่ามือของผู้แพ้ แล้วตอกลงไป

    เสียงกรีดร้องก้องไปในรัตติกาล เธอหวีดร้องหายใจหอบ น้ำตาไหลลงมาเป็นสายเมื่อมือถูกตรึงเข้ากับกำแพง

    เธอสะอึกสะอื้นก่อนจะกรีดร้องเสียงดังเมื่อมืออีกข้างถูกตรึง

    โอมเบือนหน้าหนี เขาทนดูต่อไม่ไหวแล้ว

    เด็กสาวผมดำหยิบกระบี่สีเงินที่หล่นจากมือเจ้าของจมอยู่ในกองเลือดขึ้นมา วาดมันเป็นรูปกางเขนแล้วพึมพำ

    เถ้าสู่เถ้า ธุลีสู่ธุลี

    เธอหลับตาเสือกแทงดาบไปที่อกของเด็กสาวผู้ถูกตรึง...

    เสียงดัง ปึก! เมื่อมันกระแทกกับร่างของเด็กหนุ่ม

    แสง สีฟ้าสว่างวาบ โอมยืนอยู่ตรงหน้าของเด็กสาวผู้ถูกตรงกับกำแพงกางแขนป้องกันเธอ เขาเองก็ไม่รู้ว่าขาที่สั่นอยู่เมื่อครูเอาแรงจากไหนกระโจนมาถึงที่นี้

    ขณะนั้นเอง... ระหว่างที่เด็กสาวผมดำกำลังตกใจก็เกิดเสียงฟูเบาๆ

    ร่างของผู้ถูกตรึงค่อยจางลงจนกลายเป็นหมอก เลื่อนหลุดออกมาจากหมุดที่ตรึงมือทั้งสอง

    เด็กหนุ่มค่อยๆ ล้มลง

    เด็กสาวผมดำทำเสียง จิ ในปาก ด้วยความไม่พอใจก่อนจะตัดสินใจพุ่งข้ามกำแพงหนีไป

    หมอกค่อยๆ รวมกันกลับเป็นร่างโชกเลือดของเด็กสาว เธอสำรวจเสื้อผ้าขาดวิ่นก่อนจะเหลือบไปเห็นโอมที่นอนคว่ำอยู่บนพื้น

    เด็ก สาวใช้เท้าเขี่ยร่างของเขาพลิกขึ้น พลางนึกสงสัยว่าแสงสีฟ้าที่เห็นบนหลังของเด็กหนุ่มเมื่อครู่คืออะไร ก่อนจะตกใจยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าร่างของเด็กหนุ่มไม่มีเลือดของเขาเลยสักนิด! กระสุนปืนและดาบไม่ได้สะกิดเขาไปในผิวของเขาเลยด้วยซ้ำ

    เด็กหนุ่มกระอักเลือกออกมา ดูเหมือนว่าซี่โครงของเขาคงจะถูกป่นไปหลายซี่ อวัยวะภายในคงจะแตกไปแล้ว

    เด็กสาวเอียงคอด้วยความฉงนก่อนจะตัดสินใจกรอกเลือดที่ไหลจากแขนเข้าไปในปากของเขา

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×