ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องเล่าในคืนไร้ดาว

    ลำดับตอนที่ #7 : เรา บนรถสองแถว

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 50



    1

     

                ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ภาพของเธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผม? ภาพของเด็กสาวผู้นั่งหลบอยู่มุมในสุดบนรถสองแถว อาศัยแสงสลัวหลอดเล็กเพียงดวงเดียว กวาดสายตาผ่านแว่นไร้กรอบ เปิดอ่านหนังสือที่วางอยู่บนตักทีละหน้า

                    หากไม่โหนรถในวันที่คนแน่นจนแทบล้นออกมา ผมจะนังริมนอกสุดของรถ บนที่นั่งแถวตรงขามกับเธอ เหมื่อมองตัวเมือง ทุงหญ้า หมู่ไม้ บ้านเรื่อง เสาไฟฟ้าที่ส่องแสงสีสมลงมาและทิวทัศน์อื่นๆ ซึ่งเคลื่อนผ่านไป

    ไม่ว่าภาพรอบๆ จะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร เมื่อเหลือบมอง เด็กสาวยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ก้มหน้าผ่านแว่นตา ปลายนิ้วเรียวจีบพลิกหน้ากระดาษ

    ผมไม่เคยรู้ชื่อของเธอ ไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเธอเลยสักนิดเดียว นอกจากว่าเธอมักจะกลับบ้านด้วยสองแถวคันเดียวกันกับผมเสมอ เราลงรถป้ายเดียวกัน ผมเลี้ยวซ้าย เธอเลี้ยวขวา ไม่เคยพบกันที่อื่นนอกจากนั้นมาก่อน

    จะว่าไปก็น่าตลก การที่เราพบกันแบบนี้เป็นเรื่องบังเอิญหรือ? พระเจ้าคงไม่ลิขิตลงในสมุดเล่มใหญ่ที่มีชื่อของผมเขียนบนหน้าปกว่า เจ้าจะพบกับเด็กสาวสวมแว่น หนอนหนังสือ บนรถสองแถว รถสองแถวเท่านั้น จะไม่เจอที่อื่นเป็นอันขาด ไม่แน่ พระเจ้าท่านอาจจะมีอารมณ์ขันกว่าที่คิดก็ได้

    เมื่อมองตามหลักเหตุผล คงเป็นเพราะกว่าผมจะเรียนพิเศษเสร็จก็เกือบจะทุ่มแล้ว ในเมืองของเราไม่มีรถสองแถววิ่งในเวลานี้มากนักหรอก เมื่อเหลือสองแถวน้อยคันโอกาสที่เราจะนั่งรถคันเดียวกันจึงมากขึ้นไปด้วย

    เธอนั่งรอรถอยู่ตรงป้ายรถเมย์หน้าโรงเรียนของเธอเสมอ เมื่อผมซึ่งอยู่บนรถอยู่ก่อนมองลงไปจะเห็นภาพของเด็กสาวนั่งอ่านหนังสือภายใต้แสงสีนวลที่ส่องลงมาจากเสาไฟเป็นรูปทรงกรวยคว่ำ ดูแล้วให้บรรยากาศทึมมึนน่าหดหู่จนประหลาดใจ

    เรามีความสัมพันธ์กันในลักษณะนี้ เพียงคนที่พบกันบนรถสองแถว ไม่เคยมีบทสนทนา ไม่รู้จักชื่อ ผมไม่แน่ใจว่าเธอจะจำหน้าผมได้ด้วยซ้ำไป แต่กระนั้นภาพของเด็กสาวใส่แว่นผู้ซุกตัวอยู่ในมุมในสุดของรถสองแถว เอาแต่ก้มลงมองหน้ากระดาษนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของผม

     

     

    2

     

                แล้วเดือนพฤษจิกายนสุดท้ายในชีวิตมัธยมของผมก็ผ่านไป อากาศหนาวเย็นลง ผมซึ่งยังไม่แน่นอนว่าจะได้ที่เรียนจากการสอบโควต้าแล้วหรือไม่จำต้องไปเรียนพิเศษตามปรกติ

                    หนึ่งวันก่อนประกาศผลสอบโควต้า จู่ๆ ฝนก็เทกระหน่ำลงมาท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ

                    ลุงคนขับรถเจอดรถเดินผ่าฝนออกมา นำกันสาดพลาสติกใสลงกันฝน ช่างเป็นบริการที่น่าประทับใจ ผมนึกสรรเสริญผู้ประกอบการผู้ยอมให้ตัวเองเปียกแต่ไม่ยอมให้ลูกค้าคนเดียวบนรถเปียกคนนี้อยู่ในใจ

                    รถเคลื่อนต่อไปทำกลางสายฝน ละอองฝนเหน็บหนาวแทรกซึมผิวกาย ขนาดผมซึ่งอยู่ในเสื้อกันหนาวยังอดสั่นสะท้านมิได้

                    เมื่อโรงเรียนของเธอเคลื่อนเข้ามา ผมเห็นเด็กสาววิ่งฝ่าฝนขึ้นมาบนรถ เธอแวะราวก้าวช้าๆ ไปนั้งแหมะลงบนที่ประจำ ผมของเธอเปียกโชกจนน้ำหยดลงมา แว่นตาเกาะด้วยหยดน้ำ เสื้อนักเรียนเปียกจนมองทะลุได้ น้ำเจิงนองตรงที่ที่เธอนั่งลง

                    วันนี้เธอไม่ได้หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่ใช้มือทั้งสองข้างกอดกระเป๋าแนบอก ร่างสั่นเทาเพราะความหนาวเย็น เมื่อเธอช้อนสายตาขึ้นมามอง ผมค่อยสำนึกได้ว่าไม่ควรจ้องเธอในสภาพแบบนั้น จึงเบือนหน้าออกนอกรถ

    สองแถวที่มีแต่เราสองทะยานผ่าราตรี ดอกยางกรีดน้ำกระเซ็นเป็นละอองฝอย ลอยเขามาปะทะหน้า กลื่นไอฝนอบอวน ไอเย็นเหน็บหนาวสุดขั้วหัวใจ ผมแอบเหลือบมองร่างของเด็กสาวที่ซุกตัวสั่นเทา รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ

    แว้บหนึ่ง ผมคิดจะถอดเสื้อกันหนาวยื่นให้เธอ ผมควรจะทำเช่นนั้น คิดมาตั้งแต่แรก แต่เอาเข้าจริงกลับไม่กล้า

    เรามีระยะห่างระหว่างกัน เป็นระยะที่พึงพอใจทั้งสองฝ่าย ผมไม่รู้จักชื่อของเธอ เธอไม่รู้จักชื่อของผม ผมไม่เคยคุยกับเธอ เธอไม่เคยพูดกับผม แต่เราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของกันและกัน หากผมยื่นเสื้อออกไปล้ำเส้นที่ขีดไว้ ระยะห่างระหว่างเราจะพังทลายลง ความสัมพันธ์ของเราจะเปลี่ยนไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ที่ผ่านมาเราเองก็พอใจกับความสัมพันธ์แบบเดิม เธอพอใจที่จะหลบอยู่ในมุมของรถพลิกหน้ากระดาษ ผมพอใจที่จะเหมื่อมองออกไปนอกรถ ดูภาพต่างๆ ที่วิ่งผ่านไป ไม่เกี่ยวกัน

    เป็นอย่างนั้นแน่เหรอ?

    ผมพอใจแค่นั้นแน่เหรอ? พอใจที่ทำให้ภาพนั้นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่เธอคนนั้นเป็นบุคคลที่ไม่มีตัวตน ไม่ต่างจากคนมากมายที่เดินสวนกันในแต่ละวัน ไม่ต่างจากพนักงานขายของที่ปฏิสัมพันธ์กันยามซื้อของ

    แต่... ผมสมควรจะเปลี่ยนแปลงมันหรือเปล่า? เปลี่ยนภาพให้กลายเป็นบุคคลที่มีตัวคน เปลี่ยนผู้คนที่เดินส่วนไปมาให้กลายเป็นคนรู้จัก

    ถ้าผมบอกว่าผมต้องการจะทำแบบนั้น แล้วเธอจะเห็นด้วยไหม? การยัดเยียดความสัมพันธ์ระหว่างผมในกับเธอเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่?

    ในขณะที่ผมตัดสินใจอยู่นั่นเองรถก็มาถึงที่หมาย เราลงจากรถ จ่ายเงินท่ามกลางฝนกระหน่ำ

    เธอเลี้ยวขวา

    ผม...

    เดี๋ยวก่อนครับ ผมได้ยินเสียงตัวเองดังท่ามกลางเสียงซ่าๆ ของสายฝน

    เธอหยุดชงักหันมา ผมถอดเสื้อกันหนาวคลุมมันลงบนหัวเธอ

    กางนี้ไว้... กระเป๋าจะได้ไม่เปียก ผมพูดตะกุกตะกัก

    เธองงอยู่ราวสามวินาที ก่อนจะยิ้ม แล้วหันหลังวิ่งจากไปโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา

    ผมยังยืนอยู่ตรงนั้น มองตามเธอวิ่งไปไกลลับตา สายฝนกระหน่ำซึมผ่านชุดนักเรียน

    ผมแหงนหน้ายิ้มให้ท้องฟ้าสีดำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×