คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter5 : บทสนทนาแห่งอดีต
“รู้รึเปล่าว่ารองหัวหน้าหน่วย 13 ปัจจุบันคือใคร” จู่ๆเร็นจิก็ถามคำถามออกมาโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
“.....หา??......เอ่อ....ไม่รู้สิ.....ใครล่ะ”
“คำตอบของคำถามนี้ไม่ได้มีแต่เจ้าคนเดียวที่ไม่รู้ ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น และไม่ใช่เพราะไม่มีใครคิดจะจำ”
“แต่เพราะไม่มีคำตอบต่างหากล่ะ”
“ตอนนี้ตำแหน่งรองหัวหน้าหน่วย13ยังคงว่างอยู่ เพราะยังไม่สามารถหาคนที่มาดำรงตำแหน่งแทนได้”
“ดำรง....แทน??”
“ในตอนที่ลูเคียเข้าสังกัดหน่วย13ใหม่ๆ มีรองหัวหน้าหน่วยชื่อ ชิบะ ไคเอ็น”
“รู้ใช่มั้ยว่าลูเคียถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการได้รับเข้าไปในตระกูลคุจิกิมาก”
“อะ...อือ”
“ทุกคนจะปฏิบัติกับลูเคียด้วยความเย็นชามาตลอด จนได้เขาผู้นี้แหละ ทำให้ลูเคียร่าเริงขึ้นมาได้”
“รองหัวหน้าไคเอ็นเป็นคนยังไงข้าก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะ แต่สำหรับลูเคีย เขาเป็นคนที่ยัยนั่นนับถือและชื่นชมมาก”
มาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเร็นจิดูจะแผ่วเบาลงจนกลายเป็นเสียงกระซิบ
“แต่แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ในวันนั้นขึ้น”
“ข้ารู้คร่าวๆแค่ว่า ภรรยาของรองหัวหน้าไคเอ็นถูกสังหารโดยฮอลโลว์ วันนั้นฝนตกหนักด้วยล่ะ รองหัวหน้ากับลูเคียและหัวหน้าอุคิทาเกะจึงตามไปจัดการกับฮอลโลว์ที่ว่า และรองหัวหน้าไคเอ็นก็ขอเข้าไปจัดการมันเพียงลำพัง”
“แต่ก็พลาดท่า และถูกฮอลโลว์เข้าสิงร่าง”
“ฮอลโลว์เข้าสิงร่างได้ด้วยเรอะ”
“ไม่รู้สิ ข้าไม่รู้ละเอียดนักหรอก”
“และเมื่อฮอลโลว์เข้าสิงร่างแล้ว จะไม่สามารถแยกออกจากกันได้ และยิ่งทิ้งไว้ร่างต้นก็ยิ่งถูกกลืนกินจนกลายเป็นฮอลโลว์ไปโดยสมบูรณ์....”
“..................................”
“ลูเคียเลยจำใจฆ่ารองหัวหน้าไคเอ็น”
“....!!!....”
“แม้หลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ทางโซลโซไซตี้เองก็ไม่ได้เอาเรื่องเอาราวกับลูเคีย เพราะถือเป็นอุบัติเหตุ และการที่ลูเคียฆ่ารองหัวหน้าไคเอ็นก็เพราะความจำเป็นอันหลีกเลี่ยงไม่ได้.....แต่ทุกคนก็ต่างมองไปต่างๆนานาว่าลูเคียทำไปเพื่อหวังตำแหน่งรองหัวหน้า ทำไปเพราะอิจฉาที่รองหัวหน้าไคเอ็นฝีมือเก่งกาจกว่า บางคนก็ลามปามไปอีก ว่าลูเคียเป็นคนฆ่าภรรยาของรองหัวหน้าไคเอ็นด้วย”
“หลังจากวันนั้นยัยนั่นก็เอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นคนทำให้รองหัวหน้าไคเอ็นตาย ปกติลูเคียก็เป็นคนคิดมากอยู่แล้ว ยิ่งมาโดนซ้ำเติมเข้าไป เลยยิ่งเครียดกันเข้าไปใหญ่”
เร็นจิกระแอมเบาๆ พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“ทุกปี ลูเคียก็จะไปไหว้หลุมศพในวันครบรอบวันตายของรองหัวหน้าไคเอ็น วันนั้นทั้งวัน ยัยนั่นก็จะดูเศร้าๆซึมๆ ไปนั่งข้างหลุมศพไม่ยอมทำอะไร ขนาดข้ายกข้าวไปให้ยังไม่ยอมกินเลย”
“ไม่ยอมทำอะไร.......หรือว่าวันที่ยัยลูเคียโดดงาน.....จะเป็น........” ผมเอ่ยปากขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
“ฮื่อ.....วันครบรอบวันตายของรองหัวหน้านั่นแหละ”
พอถึงตอนนี้ สายตาของเร็นจิก็ชำเลืองไปยังเบียคุยะ
“ยัยนั่นมาขอลาหยุดเพื่อไปไหว้หลุมศพ แต่หัวหน้าก็ไม่ให้ ไม่รู้คิดอะไรของเค้าเนอะ......”
ดูเหมือนประโยคหลัง เร็นจิจะจงใจเบาเสียงลงให้ได้ยินแค่ผมกับมันเท่านั้น
“ก็อย่างว่าน่ะนะ สำหรับลูเคีย มันเป็นบาดแผลในใจที่ใหญ่ และฝังลึกราวกับตราบาป ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ หรือเห็นใครตายไปท่ามกลางสายฝน ก็คงจะเจ็บปวดไม่น้อยเลยล่ะ.... ”
ภาพที่ผมนอนปางตายอยู่กลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาผุดขึ้นมาในหัวสมอง มันเป็นวันที่ลูเคียถูกนำตัวกลับไปยังโซลโซไซตี้ ผมพยายามเข้าไปขัดขวาง แต่ถูกเบียคุยะจู่โจมจนบาดเจ็บสาหัส
ภาพใบหน้าของยัยนั่นที่พยายามบังคับตัวเองไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ภาพใบหน้าอันเศร้าสร้อยที่จ้องมายังผมด้วยความเจ็บปวด แม้เหตุการณ์จะผ่านมานานแล้ว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเด่นชัดอยู่ในหัวราวกับเพิ่งเกิดขึ้น
“เห็นใครตายไปท่ามกลางสายฝน ก็คงจะเจ็บปวดไม่น้อยเลยล่ะ....”
“แล้วทำไมถึงไม่อนุญาตให้ลูเคียลางานไปไหว้หลุมศพล่ะ.....”
“ก็..........” เมื่อมองสีหน้าของเร็นจิแล้ว ผมก็พอเดาได้คร่าวๆว่ามันคงไม่รู้
“.......เรื่องแค่นี้ไม่เพียงพอสำหรับการลางานน่ะสิ”
เบียคุยะที่เงียบอยู่นานเอ่ยปากตอบผม หากแต่สายตาจ้องมองไปนอกหน้าต่าง
“การที่ไปไหว้หลุมศพของคนที่นางสังหารตัวมือของตนเอง มันยิ่งเป็นการตอกย้ำในความโง่เขลาน่าสมเพชของตนเองและผู้ที่ตายไปแล้ว”
“วะ..ว่า.....ไง...นะ”
ทั้งผมและเร็นจิต่างมองเบียคุยะ เงี่ยหูฟังเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองได้ยินถูกต้องแล้วหรือไม่
“ความน่าสมเพชของผู้ที่นอนอยู่เบื้องล่างผืนดิน ที่อ่อนแอจนให้ฮอลโลว์เข้าสิง และไม่มีความสามารถพอที่จะรักษาชีวิตตนไว้ได้”
“และความโง่เขลาของลูกน้อง ที่สังหารหัวหน้าเพราะไม่อาจทนเห็นเขาในสภาพนั้นต่อไปได้.....”
“ช่างไม่สมควรแก่การเรียกเป็นยมทูตใน13หน่วยพิทักษ์เสียจริง”
“หัวหน้าคุจิกิ....!!” เร็นจิตะโกนแทรกขึ้นมาอย่างเหลืออด
ใครจะทนฟังคำพูดที่เสียดแทงหัวใจแบบนี้ต่อไปได้ และยิ่งน่าประหลาดใจที่คำพูดเหล่านี้เปล่งออกมาจากปากพี่ชายของลูเคียเอง
“พอเถอะครับหัวหน้า........ คนตายไปแล้ว ทำไมพูดจาที่ไม่สมควรแบบนั้นล่ะครับ!?”
“นั่นสิ รู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมาน่ะ......!?” ผมเองก็ถามอย่างไม่เชื่อหู
“คนที่ตายไปเช่นนั้น ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเคารพ”
“เฮ้ย พูดอะไรคิดหน่อยสิเฟ้ย!!! ถ้าลูเคียมาได้ยินเข้าจะทำยังไง!!??”
ปึ้กกก!!!!
กำปั้นน้อยๆชกเข้าตรงบานประตูห้องครัวอย่างเหลืออด ร่างเล็กที่สั่นเทานั้นพยายามยันตัวไว้ไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้น ขณะเดียวกันก็บีบมืออีกข้างไว้แน่นเพื่อควบคุมอารมณ์ที่ปะทุออกมาของตน
“ไม่ต้องห่วงหรอก อิจิโกะ ข้าได้ยินไปหมดแล้วล่ะ”
“.........ลูเคีย!!???”
ผมกับเร็นจิตะโกนลั่นออกมาเกือบจะพร้อมกัน
“ท่านพี่......” ลูเคียเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่ำจนน่ากลัว ผมไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
“ขอโทษท่านไคเอ็นซะเถอะค่ะ......”
“ไม่มีเหตุผลที่ข้าต้องขอโทษ” เบียคุยะสวนตอบ
“ท่านไม่ควรพูดจาไม่สมควรเช่นนี้นะคะ.....”
“ไม่สมควรยังไงล่ะ ที่ข้าว่าไร้ความสามารถก็จริงมิใช่รึ”
“ท่านไคเอ็นไม่ได้ตายเพราะไร้ความสามารถ แต่ตายเพื่อกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองต่างหากล่ะคะ”
“ข้าหมายถึงไร้ความสามารถในการคิด ว่าสู้แล้วจะตายหรือไม่ต่างหากล่ะ”
ผมกับเร็นจิถึงกับอึ้ง รู้สึกถ้อยคำเหล่านี้ชักรุนแรงเกินไปซะแล้ว นี่เท่ากับว่าว่ารองหัวหน้าไคเอ็นทั้งไม่มีความคิด ทั้งไม่มีความสามารถรึยังไงกัน
“ข้าอาจบกพร่องในหน้าที่.....หรือโง่เขลาน่าสมเพชก็จริง.......”
“และท่านจะดุด่าว่ากล่าวข้าอย่างไำรข้าก็จะอดทนยอมรับทั้งหมด”
ดวงตาสีไพลินหรี่มองบุคคลเบื้องหน้า ก่อนจะคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“แต่อย่ามาดูถูกท่านไคเอ็นต่อหน้าข้า!!!!”
สิ้นสุดคำพูด ร่างบางของยมทูตสาวก็ปราดเข้าประชิดหัวหน้าหน่วย6ในพริบตา กระชากคอเสื้อขึ้นพร้อมกับตวัดดาบออกจากฝัก หมายจะฟาดฟันด้วยความเหลืออดเหลือทนกับคำพูดที่เสียดแทงเหล่านั้น....!!!
--------------------------------------------------------------
Yokun :
หวัดดีค่า^-^ ดองเค็มมาหลายชาติในที่สุดก็ได้ฤกษ์มาลงต่อซะที ชักรู้สึกเนื้อเรื่องมันชักเว่อร์ๆแฮะ=_='
มาลุ้นกันว่า 2 พี่น้องจะปะทะกันหรือไม่ หุหุหุหุ อ่านแล้วเม้นกันหน่อยน้า....
ความคิดเห็น