คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : #6
.
.
.
.
“ทำอะไรอยู่ สึนะโยชิ”
“คะ
คุณฮิบาริ” ใบหน้าหวานหน้าซีดลง เบียคุรันหันกลับไปมองคนที่อยู่ข้างหลังน้อยๆ แสงไฟสีส้มอ่อนๆสะท้อนให้เห็นใบหน้าของผู้มาใหม่ได้ชัดเจน ร่างสูงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยทัก
“ไงครับ คุณฮิบาริ เคียวยะ ผู้พิทักษ์แห่งเมฆาของวองโกเล่
ดีใจที่คุณมาร่วมงานนี้ด้วย”
“แกทำอะไรหมอนั่น” ฮิบาริพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด กำหมัดในมือแน่น เบียคุรันยักไหล่กับประโยคคำถามนั้น ก่อนจะเอ่ยย้อน
“คุณเห็นว่าผมทำอะไรเขาละครับ”
“นาย
” นัยน์ตาสีนิลเหลือบมองสีหน้าซีดๆของสึนะด้วยแววตาที่เย็นชากว่าทุกครั้ง “พวกนาย
จูบกันงั้นเหรอ”
“!!!!” ร่างบางสะดุ้งเฮือก เบือนหน้าหลบฮิบาริเร็วๆ เขาเห็น!!?? เขาเห็นจริงๆด้วย อุตส่าห์แอบหวังให้เขาไม่เห็น
แต่พระเจ้าคงไม่เข้าข้างเขาวันนี้ และเชื่อว่าวันต่อๆไปก็คงไม่
ฮิบาริก้าวเท้าเข้ามาหาทั้งคู่ช้าๆ เบียคุรันทำท่าจะออกหน้าให้ร่างเล็ก แต่สึนะยกมือเป็นเชิงห้าม
“ผมจะอธิบายให้เขาฟังเอง”
“!?” เบียคุรันเบิกตาน้อยๆอย่างตกใจ “คุณ
จะบอกงั้นเหรอ”
“ฉันเล่นละครหลายฉากเกินไปแล้ว พอที” สึนะพูด ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเป็นฝ่ายเดินไปหาฮิบาริแทน เบียคุรันมองตามร่างเล็กน้อยๆ ทำแบบนั้นมันขี้โกง
ขี้โกงชัดๆเลยนี่ คุณบอกคนในแฟมิลี่ของคุณได้? แล้วผมล่ะ? คุณคิดว่าผมไม่อึดอัดรึไง?
ถ้าคุณบอกว่าคุณเล่นละครหลายฉาก
แล้วผมล่ะ? ผมก็ไม่ต่างจากคุณนักหรอกนะ?
“งั้น
เจอกันใหม่นะ เบียคุรัน” สึนะยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินตามฮิบาริที่หมุนตัวกลับไปอีกทาง
ผมเอง
ก็มีความรู้สึกนะ
.
.
.
.
“แกนี่มัน
ให้ตายสิ ฉันจะพูดยังไงดีนะ ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ” ฮิบาริสาวเท้าเร็วๆอย่างหัวเสียไปที่ห้องคอม ที่ตอนนี้ไฟทั้งสองข้างทางมันสลัวๆเพราะเป็นบริเวณที่ให้แขกเข้า
“แฮ่ก
คุณฮิบาริ ช้าลงหน่อยครับ จะรีบไปไหนเนี่ย” สึนะหอบหายใจน้อยๆ ร่างสูงหันควับกลับมาก่อนจะคว้าแขนบางของสึนะแล้วบีบแรงๆ “โอ๊ยๆๆๆๆ เจ็บๆๆๆ อะไรของคุณเนี่ย” ร่างบางแหว
“เมื่อกี๊แกบอกว่าแกเล่นละครหลายฉากใช่ไหม แล้วตอนนี้แกกำลังเล่นฉากไหนละ? กำลังแสร้งเป็นบอสของวองโกเล่แต่ความจริงเป็นไส้ศึกให้ไอ้มิลฟีโอเล่งั้นเหรอ? แกนี่มันหนอนบ่อนไส้จริงๆ หนอนตัวใหญ่ซะด้วย”
“นี่! เดี๋ยวสิ” สึนะปัดมือหนาออกอย่างเอาเรื่องพอกัน “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วไอ้ที่ผมนั่งแฮคที่ห้องคอมเมื่อกี๊
คุณจะบอกว่าผมเล่นละครเหรอ? ไม่เหนื่อยไปหน่อยรึไง แล้วอีกอย่างนะ ถ้าผมคิดจะเป็นหนอนบ่อนไส้จริงผมก็ไม่ต้องมานั่งปั้นหน้าเป็นบอสอยู่อย่างนี้หรอก ผมแค่บอกความลับทุกอย่าง จุดอ่อน
แล้วก็ บลาๆๆๆ จากนั้นก็
ตู้ม! หมดทั้งวองโกเล่แล้ว ไม่ต้องมาออกงานสังคมไร้สาระ ไม่ต้องมานั่งเก๊กเป็นคุณผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องทำงานบ้าๆ แล้วก็ไม่ต้องมาเหนื่อยกับพวกคุณหรอก คุณไม่รู้หรอกว่ามันเหนื่อยขนาดไหน!!”
“หึ
” ฮิบาริแค่นหัวเราะ เบือนหน้าที่แสดงความผิดหวังออก สึนะไหวตัวน้อยๆเมื่อรู้ตัวว่าที่ตัวเองพูดเมื่อครู่มันแรงเกินไป “งั้นเหรอ
อย่างนั้นเหรอ
”
“คะ
คุณฮิบาริ
. ” ผมขอโทษ
คำพูดที่อยู่ในความคิดขาดช่วงไปเพราะฮิบาริกระชากร่างเล็กเข้าไป แล้วจูบเร็วๆ สึนะเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะผลักไหล่ร่างสูงออกแรงๆด้วยความโกรธ
“ทำอะไรน่ะ!”
“ทำอะไรงั้นเหรอ
” ร่างสูงพูด ก่อนจะเลื่อนมือมาจับที่ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ “ก็นายต้องการอย่างนี้ไม่ใช่รึไง ถ้าแค่นี้ฉันก็ทำได้”
“อะไรนะ
.” สึนะถาม น้ำเสียงแสดงถึงความผิดหวังอย่างที่สุด มากเกินไปแล้ว
พูดแบบนี้
“หึ
มากกว่านี้ฉันก็ทำได้นะ
”
“หยุดพูดได้แล้ว!!!” สึนะพูดอย่างหมดความอดทน ผลัดอกฮิบาริแรงๆ ก่อนจะหมุนตัววิ่งไปอีกทาง “คุณมัน
แย่ที่สุด!!”
คุณฮิบาริเห็นเขาเป็นคนยังงั้นเหรอ? เป็นคนที่จะมีอะไรกับใครก็ได้อย่างงั้นเหรอ!? บ้าที่สุดเลย!
.
.
.
สึนะพาตัวเองไปที่ห้องคอมพิวเตอร์ หงุดหงิดคนข้างหลังที่ตามมาก็หงุดหงิด ครั้นจะไม่ทำงานที่ค้างๆไว้ให้เสร็จก็ไม่ได้อีก ร่างเล็กไหวตัวน้อยๆอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าทางเดินที่จะไปห้องคอมตอนนี้มืดสนิท ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังพอมีไฟเปิดประปรายบ้างเล็กน้อย แต่สึนะก็ยังคงเดินต่อไปเพราะอยากจะรีบๆทำงานให้เสร็จ
“เดี๋ยวก่อน สึนะโยชิคุง
อย่าไปตรงนั้น!!”
“เอ๊?” ร่างเล็กไหวตัวกับเสียงตะโกนบอกของมุคุโร่อย่างแปลกใจ ก่อนจะมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรเฉี่ยวผ่านตัวเขาไปเร็วๆ สัญชาติญาณบอกร่างเล็กทันทีว่ามันคือกระสุนปืน สึนะก้าวถอยหลังออกมาเร็วๆก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากระบอกปืนของตัวเองออกมาจากด้านหลัง
“รู้แล้วงั้นเหรอ?”
“ขอโทษครับ ผมก็ไม่รู้ว่าตอนไหนเหมือนกัน” มุคุโร่พูดน้ำเสียงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย “แผนผิดพลาดซะแล้ว จะเอายังไงดีครับ?”
“อีกแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง
” สึนะกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ ก่อนจะปลดเซฟปืนของตัวเองเร็วๆหลังจากที่เข้ามาหลบที่มุมเสา “อุตส่าห์มาถึงขนาดนี้
”
“เพราะทางทีมBถูกจับได้
มันเลยสาวมาถึงทางเรา” ฮิบาริพูดขึ้น พลางหมุนปืนในมือของตัวเองเล่น “จะเอายังไง? ถ้าไม่มีคำสั่งอะไรฉันก็ลงมือไม่ได้หรอกนะ”
“ทางทีมBมีใครได้รับบาดเจ็บรึเปล่า?” ร่างเล็กถาม ก่อนจะค่อยๆชะโงกหน้าออกไปมองข้างนอก
“บาดเจ็บเล็กน้อยสองสามคน
แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ผล
” ฮิบาริพูดเรียบๆ สึนะเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“ไม่รู้ผลงั้นเหรอ?? หมายความว่ายังไม่ได้ถอนออกมาอีกงั้นเหรอ? จะบ้ารึไง นี่ถิ่นเขานะ เราจะไปสู้ไหวได้ยังไง รีบบอกให้ถอนตัวออกมาเดี๋ยวนี้เลย” สึนะพูดขึ้นเสียงหน่อยๆ ฮิบาริเหยียดยิ้มเย็นกับคำพูดนั้น
“อ้อ นี่เป็นสิ่งที่นายเล็งไว้อยู่แล้วใช่ไหม”
“อะไรนะ
นี่คุณ
” สึนะกัดฟันกรอด ก่อนจะเม้มริมฝีปากแน่น แล้วถอนหายใจแรงๆ มุคุโร่มองทั้งสองคนอย่างตามเหตุการณ์ไม่ทัน
“ตกลงจะเอายังไงครับ? จะให้ถอนไหม?” ร่างสูงเอ่ยถาม พลางหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาถือไว้ในมือ
“ถอน/ไม่” ฮิบาริกับสึนะพูดขึ้นพร้อมๆกัน ใบหน้าหวานหันขวับไปมองร่างสูงทันที
“ผมเป็นบอสนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมต้องตัดสินใจเอง”
“ก็ถ้าเป็นบอสแบบปกติน่ะนะ
” ฮิบาริพยายามไม่พูดถึงต่อหน้ามุคุโร่ ซึ่งตอนนี้กำลังยืนมองบทสนทนาด้วยสายตาแปลกๆ
“ไม่ต้องไปฟังเขา มุคุโร่ โทรไปบอกโกคุเทระคุงให้ถอนเลย” ร่างเล็กตัดบท มุคุโร่พยักหน้ารับน้อยๆ พลางทำท่าจะกดปุ่ม ฮิบาริขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ก่อนจะคว้ามือของมุคุโร่ข้างที่ถือมือถือเร็วๆ
“นี่คุณ
”
“เหลือแค่ไปเอาข้อมูลตรงนั้นไม่ใช่รึไง ทำไมนายจะต้องรีบสั่งให้ถอนด้วยละ อีกแค่นิดเดียวภารกิจนี้ก็จะสำเร็จอยู่แล้วนะ” ฮิบาริพูด พลางแย่งมือถือมาไว้ในมือ พร้อมๆกับเสียงปืนที่ดังออกมาจากที่ใกล้ๆ มุคุโร่ไหวตัวเป็นคนแรก ร่างสูงขึ้นนกปืนของตัวเอง พลางสาดกระสุนไปที่อีกฝ่ายกลับ
“แต่วันนี้เราไม่ได้มาเพื่อรบ เรามาเพื่อล้วงข้อมูลเท่านั้น ถ้าถูกจับได้ก็ถอนออกก็แค่นั้น อีกอย่าง อีกฝ่ายก็ยังไม่รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าเป็นเรา ถ้าเราไม่รีบถอนกำลังออกละก็เขาอาจจะรู้ว่าเป็นเราก็ได้” สึนะพูดอย่างหงุดหงิด พลางพยายามคว้าโทรศัพท์จากอีกฝ่าย แต่ฮิบาริเร็วกว่า
“นั่นน่ะ ก็แค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ นายแค่รู้สึกผิดที่ต้องหักหลังหมอนั่นใช่ไหม”
“ถ้าคุณยังไม่เลิกพูดแบบนั้นผมจะโกรธจริงๆแล้วนะ” สึนะพูด พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นที่สุด
“เหรอ? แล้วนายคิดวว่าความรู้สึกตอนนี้ของฉันเป็นยังไงละ” ร่างสูงยักไหล่ มุคุโร่ที่รับมืออยู่ด้านหน้าถึงกับตะโกนแหวเมื่อเห็นว่าสองคนที่มาด้วยเอาแต่ยืนเฉยๆ
“นี่ พวกคุณ! จะเอายังไงก็รีบๆเอาเถอะ! จะปล่อยให้ผมรับมือคนเดียวอีกนานไหม”
สึนะกับฮิบาริหันกลับไปมองหน้ากันหน่อยๆ ร่างเล็กถอนหายใจอย่างยอมแพ้ ก่อนจะพูดเสียงอ่อนๆ
“ถ้าจะต้องมีคนบาดเจ็บสาหัสหรือสูญเสียใครซักคนมันก็ไม่ถือว่าภารกิจสำเร็จหรอก”
“
.” ฮิบารินิ่งกับคำพูดนั้น สึนะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับร่างสูงอีกครั้ง
“ผมยอมให้ใครบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นไม่ได้ เพราะงั้น ขอร้องเถอะ คุณฮิบาริ เข้าใจเจตนาของผมตอนนี้หน่อย ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่อย่าเพิ่งเอาเรื่องนั้นมาปนกับเรื่องนี้สิ ถึงยังไงตอนนี้ผมก็เป็นบอสของวองโกเล่นะ แล้วผมก็ยังไม่คิดจะทำลายแฟมิลี่ของตัวเองเพราะเรื่องนี้ด้วย”
“
.” ฮิบาริสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างหงุดหงิด ก่อนจะโยนโทรศัพท์ในมือให้ร่างเล็ก แล้วเดินออกไปรับมือกับมุคุโร่แทน
สึนะถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะรีบกดโทรศัพท์มือถือแล้วกรอกคำพูดลงไปเร็วๆ ก่อนจะขึ้นนกปืนของตัวเอง แล้วสาวเท้าออกไปหาสองคนข้างหน้าที่ตอนนี้หยุดยิงแล้ว ใบหน้าหวานเลิกคิ้วอย่างงงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหามุคุโร่เป็นเชิงตั้งคำถาม
“เมื่อกี๊ที่ยิงเราเป็นระบบเซนเซอร์ครับ” ร่างสูงตอบ สึนะเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ
“หมายความว่ายังไง แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”
“หลังจากนั้นน่าจะเป็นคนจริงๆ แต่เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน แล้วเราก็ไม่รู้ว่าระบบเซนเซอร์นั่นมันจับตรงไหนบ้าง”
“งั้นแปลว่าเราจะไปที่ห้องคอมไม่ได้แล้วงั้นเหรอ?” สึนะถามเครียดๆ ฮิบาริเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“ก็นายสั่งให้ทางนั้นถอนแล้วไม่ใช่รึไง ยังจะไปเอาข้อมูลที่ห้องคอมอีกเหรอ? ก็มันโหลดไม่สำเร็จไม่ใช่รึไง งั้นเราก็น่าจะถอนได้แล้วนี่? เพราะดูเหมือนฝั่งนั้นก็จะไม่ยุ่งกับเราถ้าเราไม่คิดจะไปที่ห้องคอม”
“แต่ผมเห็นด้วยกับสึนะโยชิคุงนะครับ” มุคุโร่พูดตอบ “ต่อให้ภารกิจจะไม่สำเร็จ แต่ยังไงเราก็ไม่ควรทิ้งหลักฐานตรงนั้นเอาไว้ ดีไม่ดีฝั่งนั้นจะเป็นฝ่ายสาวมาถึงเราได้ อย่างน้อยก็น่าจะไปเก็บมันก่อน ปัญหาก็มีแค่
จะไปที่ห้องคอมยังไงจากตรงนี้”
“ผมคิดว่าผมจะไปเอง” สึนะพูดขึ้นในที่สุด “เมื่อกี๊ตอนที่กระสุนเฉี่ยวผมไปน่ะ.. ผมว่าผมน่าจะพอจับทางได้พวกคุณสองคนช่วยล่อคนอีกคนไว้ให้ดีกว่า”
“ผมกลัวว่าเซนเซอร์ตรงนั้นมันจะไม่ได้มีแค่นั้นน่ะสิ” มุคุโร่พูดน้ำเสียงห่วงๆ
“ไม่เป็นไรน่า ฉันบอกว่าทำได้ก็ได้สิ” ร่างเล็กตัดบท “งั้นก็ฝากด้วยนะ เดี๋ยวทางนั้นฉันจัดการเอง”
“ระวังตัวนะครับ”
“อื้ม
” สึนะรับคำ พลางลอบมองสายตานิ่งๆของฮิบาริน้อยๆ และเมื่อเห็นว่าร่างสูงไม่พูดอะไรเขาจึงผละตัวออกไปจากตรงนี้เพื่อไปทำเรื่องให้เสร็จ
การที่คุณฮิบาริพูดแบบนั้น
.
ทำท่าแบบนั้น
มันจะคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยไหมนะ
ถ้าเกิดเขาคิดว่าคุณฮิบาริ
อื้ม
ไม่หรอกน่ะ! เขาก็แค่เป็นห่วงแฟมิลี่เท่านั้นเอง นั่นสินะ ก็เขาเป็นสมาชิกของแฟมิลี่ด้วยนี่นา เจอบอสเป็นแบบนี้เขาก็เลยหงุดหงิด มันก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก!
แต่ว่ามาจูบกัน แล้วก็พูดแบบนั้นเนี่ย
มันก็เกินไปหน่อยนะ
“แล้วทำไมจะต้องมาคิดในเวลาแบบนี้ด้วยเนี่ย” สึนะบ่นอุบอิบ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงปืนดัง แล้วเฉี่ยวห่างตัวเขาไปไม่ถึงหนึ่งเซนต์ ร่างเล็กทิ้งตัวลงกับพื้นเร็วๆ หวังว่าระบบเซนเซอร์นี่มันจะมีไม่เยอะจนหลบไม่ไหวนะ
“อึ๊ย
. ระทึก
สุดๆ” สึนะครางขณะที่คลานหมอบไปกับพื้น นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองรอบๆด้าน ก่อนจะรีบถลาตัวลุกขึ้น แล้วกระโดดไปข้างหน้าเร็วๆ พร้อมๆกับลูกกระสุนที่เฉี่ยวบริเวณที่เขาหมอบเมื่อครู่
อึ๊ย
ตรงนั้นน่ะ
ถ้าเมื่อกี๊ไหวตัวช้าอีกหน่อย ได้ลูกตะกั่วฝังไปในสมองไปฝากแม่ที่บ้านแน่ๆ
“แต่ว่า
ของจริงคงหลังจากนี้สินะ” สึนะพึมพำ พลางหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา แล้วเปิดระบบตรวจหาเซนเซอร์ โชคดีจริงๆที่ขอให้จางนีนิทำไว้ให้ตั้งแต่ก่อนหน้านู้น ได้ใช้ประโยชน์จริงจังก็งวดนี้แหละ
เดินไปข้างหน้าสองก้าว ขวา ขวา หน้าอีกสาม ซ้าย ล่าง ขวา แล้วก็กระโดดไปทางซ้าย อืม
พอไหวละมั้ง
“โชคดีที่ยังพอมีมุมอับบ้างก็จริง
แต่ก็แทบไม่ปล่อยช่องว่างกันเลยนะ” ร่างเล็กพูดเบาๆ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง แล้วท่องทิศทางที่อยู่ในหัวอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มก้าวไปข้างหน้าช้าๆ
หนึ่งก้าว
สองก้าว.. ตรงนี้ก็
ขวา ขวาไว้
แล้วก็ไปข้างหน้า หนึ่ง สอง สาม เอ
แล้วก็ซ้ายรึเปล่านะ
เฟี้ยว
“อุบ!” ทำไม!
สึนะหยุดฝีเท้าลงทันที มือเล็กเอื้อมไปลูบแผลที่ลูกกระสุนเฉี่ยวบนแก้มน้อยๆอย่างตกใจ เมื่อกี๊
ไม่ใช่ระบบเซนเซอร์แน่ เพราะถ้าเป็นระบบละก็
ป่านนี้ต้องตามนัดที่สองที่สามมาแล้ว
หมายความว่าตอนนี้
เขาต้องตั้งสติกับทั้งระบบเซนเซอร์กับคนที่กำลังเล็งเขาอยู่เหรอ? แต่ว่า
ก็น่าแปลก ถ้าคนๆนั้นคิดจะฆ่าเขาจริงก็น่าจะสาดกระสุนปืนใส่เขาเลยไม่ใช่รึไง ร่างเล็กค่อยๆย่อตัวลงเพื่อหมอบตามที่เขาท่องไว้เมื่อครู่ ล่างจนถึงตรงนั้น
แล้วก็ไปทางขวา
เฟี้ยว
“!!” ชัวร์แล้ว ถ้าเขาไม่รีบออกจากบริเวณที่มีเซนเซอร์นี่ เขามีหวังได้ตายจริงๆแน่ เสียงนัดที่สามสี่ตามมาติดๆ ร่างเล็กอยากจะควักปืน แล้วยิงสวนกลับเสียเหลือเกิน แต่เพราะต้องตั้งสติอยู่กับระบบเซนเซอร์ด้วย มันทำให้ทุกอย่างยุ่งยากขึ้น
สึนะรู้สึกว่าตัวเองหัวใจเต้นรัวขึ้น เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากจนถึงปลายคาง แต่เขาก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะไปเช็ดมันออก เขารู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังกลัว แต่เขาจะให้ความกลัวมาทำลายสมาธิตอนนี้ไม่ได้
ร่างเล็กขยับตัวไปตามขั้นตอนที่ท่องไว้ในหัว กระสุนสองสามนัดเฉี่ยวผ่านเขาไปโดนไหล่ข้างซ้ายกับที่ขาข้างขวา ถึงแม้จะเล็กน้อยแต่มันก็ทำให้ร่างเล็กถึงกับชะงักเป็นพักๆได้
“
” ใบหน้าหวานเม้มริมฝีปากเพราะความเจ็บ มือเล็กก้มลงไปกุมแผลบนขาน้อยๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินต่อไปเร็วๆ อีกสามก้าวก็จะถึงห้องคอมแล้ว
ตรงนี้
ใช่! ตรงนี้ระบบเซนเซอร์ไม่มีแล้ว สิ้นความคิดร่างเล็กก้มตัวหลบลูกกระสุนจากใครบางคนที่เล็งมาที่หัวเขาเร็วๆ มือบางเอื้อมไปคว้าปืนมาไว้ในมืออย่างคล่องแคล่ว สึนะขึ้นนก แล้วลั่นไกเร็วๆสองนัด ก่อนจะรีบถลาตัวเข้าไปในห้องคอม
ไม่มีเวลาแล้ว
ถึงความเจ็บมันจะค่อยๆแล่นปราดเข้ามาในตัว แต่ตอนนี้เขาก็มีแต่ต้องฝืนเท่านั้น สึนะกุมแผลที่ขาที่ดูเหมือนจะลึกที่สุด พยายามพยุงตัวเองเข้าไปข้างใน ในห้องคอมมืดสนิทอย่างที่เขาต้องการ ใช่ ตอนนี้เขาก็แค่เดินไปดึงสายต่างๆออกจากตัวพีซี แล้วก็เก็บทั้งหมดลงกระเป๋า แล้วก็กลับออกไปข้างนอก แผนทั้งหมดเป็นแบบนั้น แต่ว่า
แสงจากดวงจันทร์ที่อยู่ด้านนอกกระทบผ่านหน้าต่างบานใหญ่ เผยให้เห็นบุคคลที่เขาหวังจะเจอเป็นคนสุดท้ายในสถานการณ์แบบนี้ นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอย่างตกใจกับคนที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า แล้วยิ่งตกใจเข้าไปอีกเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในร่างสูงทั้งสองข้าง
เบียคุรันเงยหน้าขึ้นมามองร่างเล็กช้าๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มเย็นให้ “กำลังหานี่อยู่เหรอครับ”
ร่างสูงควงตัวไดร์ฟที่ใส่ข้อมูลทั้งหมดไว้ในนั้นที่มือข้างซ้าย ข้อมูลที่เขาวางแผนว่าจะมาเอา
อยู่ในมือของคนตรงหน้านี้ ส่วนมือข้างขวาถือปืนที่มีควันอุ่นๆลอยออกมาน้อยๆบ่งบอกว่าเพิ่งจะถูกใช้งานไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้
นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองหน้าจอคอมที่ขึ้นข้อความว่าดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะเลื่อนกลับมองร่างสูงอีกครั้ง พูดอะไรไม่ออก
ราวกับคำพูดทุกอย่างมันจุกอยู่ในคอ แผลบนตัวเขา
เป็นฝีมือของคนๆนี้สินะ แล้วทำไมจะต้องเอาปืนขึ้นมาชูราวกับต้องการจะบอกให้เขารู้ว่าตัวเองเป็นคนทำแบบนั้นด้วย
สึนะไหวตัวน้อยๆเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาหาเขาช้าๆด้วยสีหน้ายิ้มๆ แต่เป็นรอยยิ้มในแบบที่เขาไม่ชอบเลย
“โอ้
คุณบาดเจ็บนี่? เดินไหวรึเปล่าครับ? ให้ผมช่วยอุ้มไปส่งแฟมิลี่ของคุณให้ไหม?” เบียคุรันพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่สีหน้ากับแววตานั่นทำให้ร่างเล็กหันหน้าหนี
“บะ
เบียคุรัน
”
“แต่ว่า
คงไม่ใช่ในสภาพที่สมบูรณ์อย่างนี้น่ะนะ”
“อึก
” สิ้นคำพูด ร่างสูงคว้าตัวสึนะเร็วๆ ก่อนจะกระแทกร่างเล็กไปกับผนังห้อง แล้วกดบริเวณคอของร่างเล็กแรงๆ “ดะ
เดี๋ยวก่อน
เบียคุรัน
แค่ก
ฉะ
ฉัน
”
“ผมไม่อยากฟังคำแก้ตัวของคุณแล้ว” ร่างสูงพูดเสียงเย็นๆ แต่ยังคงคลี่ยิ้มเช่นทุกครั้ง “คุณอยากได้นี่ใช่ไหม? ข้อมูลของแฟมิลี่ของผม โอเค คุณ ‘ทรยศ’ ผม เพื่อสิ่งนี้เลยนี่นะ คุณคิดว่ามีแค่คุณคนเดียวที่ทรยศได้รึไง”
“อึก
เบียคุรัน
” สึนะอยากจะเรียกร้องให้ร่างสูงฟังในสิ่งที่ตนพูดก่อน แต่ว่า
เขาจะพูดอะไรได้ละ ในเมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายบอกมันเป็นเรื่องจริง เขาไม่มีอะไรแก้ตัว แล้วตอนนี้เขาก็อ่อนแอเกินกว่าจะดิ้นรนแล้ว ร่างบางค่อยๆหยุดดิ้น พลางสบนัยน์ตาของร่างสูง
“อย่าทำหน้าแบบนั้นนะ เรื่องนี้คุณเป็นคนผิด” เบียคุรันพูดเสียงเย็นๆ สึนะยังคงจ้องตาของร่างสูง
“ฉัน
ฉันขอโทษ
เบียคุรัน”
“
”
“ขอโทษนะ”
ร่างสูงเบิกตากับคำพูดนั้นของอีกฝ่าย เบียคุรันนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะกัดฟันกรอดกับคำพูดนั้น นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้ยิน จริงอยู่ที่เขาบอกว่าไม่อยากฟังคำแก้ตัว แต่เขาก็ไม่อยากได้ยินคำขอโทษ เพราะลึกๆเขายังคงเชื่อว่าร่างเล็กจะไม่ทรยศเขาจริงๆ
อย่างน้อยแค่โกหกก็ได้ อย่าขอโทษนะ
เพราะมันทำให้รู้ว่าคุณทรยศผม อย่า
“คุณ
ไม่มีอย่างอื่นที่จะพูดดีกว่าคำนี้แล้วรึไง!”
โครม!
“โอ๊ย
” สึนะครางเบาๆ หลัจากที่ร่างสูงยันเขาลงไปกองกับพื้น ร่างเล็กหอบหายใจหน่อยๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองเบียคุรันน้อยๆ เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองสามารถร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ
เบียคุรันหลับตาลงน้อยๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพร้อมๆกับรอยยิ้มเย็นบนใบหน้าเหมือนเมื่อครู่ ร่างสูงโน้มตัวลงไปหาสึนะ พลางยื่นไดร์ฟที่อยู่ในมือให้ร่างเล็ก
“คุณอยากจะได้นี่ใช่ไหม ก็ได้ ผมยกให้ แต่ว่า
. ราคาแพงนะ”
“อะ
อุ๊บ” สึนะที่ยังตั้งตัวไม่ทันถูกปิดปากด้วยริมฝีปากหนาของร่างสูงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งที่แล้วมา เบียคุรันบดจูบแรงๆลงบนริมฝีปากคู่บางของร่างเล็กที่ตอนนี้ทำได้แค่ส่งเสียงประท้วงอยู่ในลำคอกับกลั้นน้ำตาของตัวเองไม่ให้มันไหลออกมาเท่านั้น
ลิ้นหนาล้วงเข้าไปในโพรงปากหวานอย่างจาบจ้วง ตวัดลงบนปลายลิ้นของอีกฝ่าย ผละออก แล้วประกบลงไปอีกครั้ง ร่างเล็กรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดในปากที่เบียคุรันบดจูบลงมาคงจะทำให้ปากเขาแตก แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้ความรู้สึกของเขามันแย่มาก
ร่างสูงผละริมฝีปากออก มองใบหน้าหวานที่ตอนนี้แดงระเรื่อด้วยความอายและความโกรธ แต่เขาไม่สนอยู่แล้ว ร่างสูงซุกหน้าลงบนต้นคอของร่างเล็กแล้วทำรอยจูบแสดงความเป็นเจ้าของแรงๆ ก่อนจะโน้มลงไปกระซิบที่ข้างหู
“คุณเป็นของผม
สึนะโยชิ ผมไม่ยกให้ฮิบาริ เคียวยะหรอก”
“เอ๊
?” สึนะอุทานงงๆ แปลว่า
ตอนที่คุณฮิบาริจูบเขา
เบียคุรันเห็นงั้นเหรอ? โอ๊ย ให้ตาย ทำไมเรื่องมันถึงได้เลยเถิดขนาดนี้เนี่ย
เบียคุรันผละออกจากตัวของร่างบาง สีหน้ายังคงยิ้มเหมือนทุกครั้ง แต่ร่างเล็กก็รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ยังคงหงุดหงิดอยู่
“ผมรู้ว่าคุณกำลังรีบ และทางคุณก็ไม่อยากให้ทางเรารู้สินะว่าคุณตั้งใจจะมาทำอย่างนี้”
“เอ่อ
”สึนะอึกอัก กุมซอกคอของตัวเองน้อยๆอย่างอายๆ เบียคุรันเหยียดยิ้มเย็น
“งั้นผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นให้ก็ได้ สึนะโยชิคุง
แต่ว่า
”
ปัง!
“อ๊าาาาาาาาาาาก” สึนะร้องครางหลังจากที่ร่างสูงยิงปืนในมือใส่ที่ขาข้างซ้ายของเขา มันต่างจากสามนัดที่โดนที่ผ่านมาตรงที่
คราวนี้เขาเป็นเป้านิ่ง ที่สำคัญคือกระสุนฝังใน ถึงมันจะเป็นแค่ที่ขา แต่มันก็แทบจะทำให้สติเขาดับวูบ
“ผมคิดราคาเรียบร้อยแล้ว งั้นคราวนี้ก็
เจ๊ากันไปนะครับ สึนะโยชิคุง” ร่างสูงยิ้ม ในขณะที่ก้าวขาค้างอยู่ที่หน้าต่าง “บ๊ายบาย
ขอให้กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
นะครับ” นัยน์ตาคู่คมมองขาทั้งสองข้างของร่างเล็กน้อยๆอย่างเหยียดๆ ก่อนจะถลาตัวออกไปข้างนอก
สึนะกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ พยายามคุมสติของตัวเองไม่ให้ดับไปซะก่อน เจ็บ! เจ็บมากๆ ตอนนี้ขาข้างซ้ายใช้การไม่ได้อย่างสมบูรณ์ไปแล้ว แล้วขาข้างขวาเขาก็บาดเจ็บอยู่ แล้วนี่เขาต้องเดินกลับทางที่ผ่านเซนเซอร์ตรงนั้นอีก
แล้วเขาจะไปทำได้ยังไง!
“ฮึ่ม
เบียคุรัน
โอ๊ย
” สึนะคราง พลางกำไดร์ฟในมือที่ร่างสูงเอามาให้เขาแน่นอย่างเจ็บใจ รอให้เขากลับไปเปิดข้อมูลนี่ได้ก่อนเถอะ! แล้วจะได้รู้กันไปเลยว่าแค่นี้มันคุ้มไหมกับข้อมูลที่เขาได้ แต่ว่า
แล้วเขาจะออกไปที่นี่ได้ยังไงเนี่ย
ปัง! โครม!
เสียงดังออกมาจากข้างนอกห้อง คงเป็นเสียงต่อสู้ระหว่างฮิบาริ มุคุโร่กับอีกฝ่ายสินะ เพื่อจะรอให้เขาออกไป แล้วเอาข้อมูลกลับไปที่ฐาน
สึนะพยายามพยุงตัวเองขึ้นจากพื้น พยายามเลี่ยงที่จะต้องมองเลือดของตัวเองที่ไหลออกมาเป็นสาย ขืนจ้องไปนานๆมีหวังเขาสลบเหมือดแน่
จริงสิ
เซนเซอร์
เขาต้องระวังเซนเซอร์ด้วยนี่นา โอ๊ยยย ให้ตายเหอะ นี่เขาจะคุมสติไว้ไม่อยู่อยู่แล้วนะ
“ให้ตายสิครับ ไม่ได้เรื่องเลยนะคุณ”
“เอ๊
?” สึนะอุทานเบาๆอย่างแปลกใจเมื่ออยู่ๆก็ได้ยินเสียงมุคุโร่ดังมาจากที่ใกล้ๆ พร้อมๆกับความรู้สึกที่เหมือนมีคนมาช่วยพยุงตัวเอง
มุคุโร่ขมวดคิ้วกับท่าทางจะล้มแหล่มิล้มแหล่ของสึนะ ก่อนจะช้อนตัวร่างเล็กขึ้นไว้ในอ้อมแขนเบาๆ
“แล้ว
เซนเซอร์ละ? ไม่เป็นไรแล้วเหรอ?”
“ครับๆ จัดการเรียบร้อยแล้ว อย่างเมื่อครั้งแรกที่มาแล้วไม่เป็นไรเพราะทางทีมBช่วยจัดการให้น่ะ ตอนนี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว ว่าแต่คุณนี่
ท่าทางจะอาการหนักสุดเลยนะเนี่ย ไม่ไหวเลย ไม่ระวังตัวเองอย่างนี้ไม่ได้นะครับ บอส” มุคุโร่พูดน้ำเสียงทีเล่นทีจริงแบบที่เขาเคยคิดว่าตัวเองไม่ชอบ แต่พอได้ยินคำพูดแบบนั้นในสถานการณ์แบบนี้แล้ว
มันกลับทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองจะไม่เป็นไร
“ไม่ต้องมากระแนะกระแหนตอนนี้เลย ให้ตาย
เจ็บ
ชะมัด” สึนะพิงหัวของตัวเองลงบนอกของมุคุโร่เบาๆอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างสูงเลิกคิ้ว ก่อนจะเบิกตากับแผลที่ขาข้างที่เลือดไหลออกมาเยอะที่สุด
“เฮ้ย
นี่คุณหลบเซนเซอร์ไม่พ้นเหรอ??? ไอ้ตรงหน้ากับที่ไหล่น่ะไม่เท่าไร แต่ที่ขาข้างซ้ายนี่
กระสุนฝังในรึเปล่าครับ”
“อื้ม
” ร่างเล็กพยักหน้ารับหน่อยๆ
“เฮ้ย แล้วทำไมคุณไม่รีบบอก” มุคุโร่พูดลนๆ “ไม่ได้การแล้ว รีบกลับกันเถอะครับ ขืนปล่อยไว้เลือดหมดตัวคุณแน่ๆ อ่า
ฮิบาริ! ฮิบาริคุง! ช่วยมาทำห้ามเลือดให้สึนะโยชิคุงหน่อย”
สึนะปรือตาลงช้าๆอย่างเหนื่อยอ่อน ราวกับได้ยินเสียงจากข้างนอกมาจากที่ไกลๆ ฮิบาริเดินเข้ามาพวกเขาช้าๆ จริงด้วย
ยังไม่ได้บอกคุณฮิบาริกับมุคุโร่เลยว่าได้ข้อมูลมาแล้ว
ที่ข้างในกระเป๋าเสื้อ
อ่า
แต่ตอนนี้
เขาไม่ไหวแล้ว
ขอโทษนะ
ขอโทษ
เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองขอโทษกับใคร เรื่องอะไร เขารู้แต่ว่าตอนนี้เขามีแต่ต้องพูดคำนี้เท่านั้น ขอโทษนะ
จะทำยังไงเขาจะสามารถชดเชยเรื่องทั้งหมดนี่ได้กันนะ
ความคิดเห็น