คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : #5
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เพิ่มความแรงมากขึ้น สึนะปรือตาขึ้นมาช้าๆ พลางกวาดมือไปที่หัวเตียง หยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลา สี่โมง
เพิ่งสี่โมงเย็นเอง สำหรับเขาที่เมื่อคืนได้นอนเลย(เพราะใครบางคน) แถมตลอดทั้งวันเขาก็ต้องมานั่งเคลียร์งานที่ทำค้างไว้อีกต่างหาก(เพราะคนๆเดิม) เพราะฉะนั้น สี่โมงเย็นและหลังจากนี้ควรจะเป็นเวลาพักผ่อนของเขาสิ
“สึนะโยชิคุง ความอดทนกับคำว่ามารยาทของผมกำลังจะหมดแล้วนะคร้าบ ช่วยทำให้ผมเป็นคนมีภูมิฐานซักวันโดยการลุกออกมาเปิดประตูให้ผมเถอะครับ” เสียงเย็นๆกลั้วหัวเราะดังอยู่หน้าห้อง
สึนะงัวเงีย พยายามโงหัวขึ้นจากหมอนนุ่มๆอย่างยากลำบาก มือบางเอื้อมมาขยี้ตาเบาๆ เสียงนั่น
มุคุโร่นี่ ให้ตายสิ มาทำอะไรตอนนี้เนี่ย
คนกำลังหลับเพลินๆ
ก๊อกๆๆๆๆ
“อือ
มุคุโร่
ฉัน
” สึนะพยายามพูด
โครมมมมมม!!!
“สวัสดี ยามบ่ายยยครับ!!! สึนะคุง!!!”
ร่างเล็กเบิกตากว้างทันทีที่เห็นชายหนุ่มเบิกยิ้มเริงร่าอยู่ตรงหน้าที่ไม่เข้ากับเสื้อสูทสุดเนี้ยบนั่นเลยซักนิด ที่กำลัง
ที่พังประตูห้องเขาเข้ามาเรียบร้อย อีกแล้ว
เดจาวูสิ้นดี ประตูห้องเขา เป็นบานที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย!!
โครม
เสียง(ซาก)ประตูหล่นลงกับพื้น นัยน์ตาสีน้ำตาลมองตามอย่างอึ้งๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นอาลัยอาวรณ์แทน
“สวัสดียามบ่ายเช่นกัน มุคุโร่
”
“อะไรกัน นี่มันสี่โมงเข้าไปแล้ว คุณยังจะนอนอีกเหรอ สันหลังยาวตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆนะ สึนะโยชิคุง” มุคุโร่พูดด้วยท่าทีสบายๆ พลางปัดเศษไม้ของประตูบนตัวออกลวกๆ
ปิ๊ด
เสียงปรอทในตัวร่างเล็กดังขึ้นน้อยๆ
“ขอโทษนะที่ฉันมันสันหลังยาว
แล้วนายมีธุระอะไร นี่เหรอ คำพูดของคนที่พูดจากับหัวหน้าของตัวเอง” นึกขึ้นถึงตำแหน่งของตัวเองได้ทีก็รีบข่มทันที ร่างสูงเหยียดยิ้มหวาน
“หามิได้ครับ บอส แต่ท่านควรจะรู้กำหนดการของตัวเองวันนี้นะ” มุคุโร่หยอดมุข แต่ใบหน้าหวานชักสีหน้ารับไม่ได้
“โอเค ฉันยอมแพ้ อย่าพูดแบบนั้นนะ แล้วกำหนดการอะไรอีก? ถ้าเป็นงานละก็ ฉันเคลียร์อยู่บนโต๊ะหมดแล้ว หยิบเอาไปได้เลย แล้วหลังจากนี้ช่วยบอกคนอื่นว่าอย่าเพิ่งเข้ามากวนฉัน
แล้วก็ เย็นนี้ฉันไม่กินข้าวเย็นนะ ไม่ต้องมาตาม” สึนะพูดรัวๆ พลางยกผ้าห่มขึ้นมา ตั้งท่าจะนอนต่อ “อ้อ แล้วก็เรียกช่างมาซ่อมประตูห้องให้ฉันด้วย”
“นี่คุณจะเชิญชวนผมรึไง?” มุคุโร่ก้าวเท้าฉับๆ ประชิดตัวร่างบาง พลางเชยคางใบหน้าหวานน้อยๆ “จริงๆผมก็อยากจะตอบรับคำเชิญนั่นอยู่หรอกนะ เพียงแต่
เย็นนี้คุณมีภารกิจสำคัญที่ต้องออกไปปฏิบัติการพร้อมกับผม กับฮิบาริ เคียวยะคุง เพราะงั้น ผมอยากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
” ร่างสูงหยุดพูดไปพักหนึ่ง “จะได้ขึ้นเงินเดือนซักที”
“โอ๊ยยย พอเลย ปล่อย” สึนะปัดมือร่างสูงออก “ภารกิจอะไรล่ะ รีบอร์นไม่เห็นบอกฉันเรื่องนี้เลย นี่ไม่ใช่ว่าพวกนายมั่วนิ่มกันมาเหมือนคราวที่แล้วใช่ไหม คราวนี้ฉันไม่เล่นด้วยแล้วนะ ถ้ามีเรื่องบ้าๆแบบนั้นอีก
” สึนะนิ่งคิด “ฉันจะหักเงินเดือนให้หมด!”
“โอ๊ยยยย โหดร้ายยย” มุคุโร่ผละออก “อันนี้จริงจัง วันนี้คุณจะต้องไปออกงานสังคม
ของมิลฟีโอเล่แฟมิลี่ อื้มม ใช่ วันนี้ว่าที่บอสกำลังจะเปิดตัวคู่หมั้น
”
โครม!
ร่างเล็กสะดุดผ้าห่มล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามอย่างอึ้งๆ “อะไรนะ!!”
“???” มุคุโร่เลิกคิ้ว “คุณจะแปลกใจไปทำไม? อ้อ เรื่องที่เราจะไปร่วมงานของมิลฟีโอเล่น่ะเหรอ แหม เรื่องนี้ผมก็เคยบอกไม่ใช่เหรอ ในฐานะที่เราเสแสร้งทำเป็นมิตรกับเขา
ผมหมายถึง อย่างน้อยก็ตอนนี้ เพราะงั้น เราต้อง ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีไว้ก่อน อย่างน้อยก็
”
“ไม่ๆๆๆๆ” เสียงหวานเอ่ยอย่างสับสน พลางลุกขึ้นจากพื้น “เดี๋ยวๆๆ ว่าที่บอสของมิลฟีโอเล่ที่ว่านี่
นายหมายถึง
”
“ก็มีอยู่คนเดียว”ร่างสูงยักไหล่ “เบียคุรันคนนั้นไง”
ไม่จริ๊งงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
.
.
.
.
.
นี่มัน
เรื่องบ้าอะไร
.
“นี่ ซาวาดะ ตั้งใจหน่อยสิ ถึงมันจะเป็นงานออกสังคมไร้สาระ น่ารำคาญ วุ่นวาย น่าเบื่อขนาดไหน
แต่ถ้านายทำตัวไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้คนอื่นในแฟมิลี่เขาเดือดร้อนนะ” ฮิบาริที่ดูท่าทางไม่พอใจกับอีเวนท์นี้เช่นกันพูดขึ้น ในขณะที่ติดกระดุมตรงแขนเสื้อ
“ฮะ
อะไรนะ ผมไม่ได้ยิน”สึนะงึมงำ
อะไรกัน อะไรกัน นี่มันอะไรกัน หมั้นงั้นเหรอ หมั้น
ทั้งๆที่เพิ่งจะผ่านเมื่อคืนร่วมกับเขามาเนี่ยนะ ทั้งๆที่เพิ่งจะสารภาพรักเมื่อเช้าแท้ๆ ทั้งๆที่บอกให้รอแท้ๆ!!!
ผัวะ!
“โอ๊ยยย คุณฮิบาริ! ตบหัวผมทำไม เจ็บนะ!”
“มือมันไปเอง
”
โอ๊ยยยย อีตาคนนี้!
สึนะกับฮิบาริเดินออกจากตัวคฤหาสน์วองโกเล่ช้าๆอย่างเบื่อหน่าย สำหรับฮิบาริที่เป็นคนที่อารมณ์บ่จ่อยเป็นปกติอยู่แล้วคงไม่น่าแปลกใจเท่าไร แต่นายคนตัวเตี้ยๆข้างนี่สิ ทำไมดูอารมณ์แห้งเหี่ยวไปด้วยอย่างนั้นละ
รถลีมูซีนคันหนึ่งจอดเทียบตรงถนนช้าๆ มุคุโร่เดินออกมาจากที่นั่งคนขับ พลางเหยียดยิ้มหวานอย่างอารมณ์ดี
“ไง ราชรถมาแล้วครับ สุภาพบุรุษทั้งสอง หน้าตาดูไม่สดชื่นเลยนะ เอ้า ขึ้นรถๆๆ” ว่าพลางเปิดประตูหลังให้
“ยกเลิกได้ไหม” สึนะถามเรียบๆ
“ไม่ได้ครับ” มุคุโร่เหยียดยิ้ม “ขึ้นรถซะ แล้วก็คิดซะว่าทำงานพิเศษรับจ็อบไปแสดงละครซักฉาก เดี๋ยวคุณก็สนุกกับมันเอง เอาละ เรากำลังจะสายนะ แล้วผมก็คิดว่าคุณยังฉลาดพอที่ไม่คิดจะให้ชื่อเสียงของแฟมิลี่ลดลงใช่ไหม”
“ไม่อยู่แล้ว” สึนะพึมพำอย่างไม่มั่นใจ “เพราะถ้าฉันทำงั้นจริง คนที่จะเอาฉันตายคงไม่ใช่แค่รีบอร์นแน่”
.
.
.
.
.
ถ้าเรื่องมันเป็นแบบนี้ ก็ทำให้มันชัดเจนเลยสิ!
ร่างเล็กสะดุ้งกับความคิดที่ผุดขึ้นมากะทันหันในหัวหลังจากที่มันจมปลักมากับความคิดแบบสาวน้อยวัยแรกแย้มที่แฟนหนุ่มกำลังจะนอกใจมานาน
สึนะตัดสินใจกับตัวเองเงียบๆว่าพอไปถึงที่งานแล้วเขาจะไปคุยกับเบียคุรันให้รู้เรื่องไปเลย แต่พอเอาเข้าจริงๆแล้ว
มันไม่ง่ายแบบนั้นเลย
กิ๊ง
สึนะกลิ้งไวน์ในแก้วของตัวเองอย่างเหม่อลอย ฮิบาริกับมุคุโร่ที่มาด้วยกันหายไปไหนแล้วไม่รู้ คงไปหาทางสืบๆขุดๆอะไรซักอย่างตามที่วางแผนกันเอาไว้ เขาเสนอหน้ามาร่วมงาน ดูลาดเลา แล้วปล่อยสองคนนั้นเข้าไปจัดการซะ ก็ดี เป็นแผนที่ลวก เข้าใจง่ายดี เขาชอบ
“แหม คนนั้นไง ว่าที่คู่หมั้นของว่าที่บอสมิลฟีโอเล่ ดูน่ารักดีนะ ว่าไหม”
สึนะเงยหน้ามองตามเสียงกระซิบที่ดังมาแผ่วๆ ที่พูดเหมือนจงใจให้คนรอบๆข้างได้ยินมากกว่า
“อุ๊ย มาด้วยกันด้วยนี่ ดูเหมาะกันดีเหมือนกันนะ”
กึ้ก
สึนะวางแก้วที่อยู่ในมือเมื่อครู่ลงบนโต๊ะทันที ภาพนั้นเข้ามาให้เห็นตำตา หญิงสาวหน้าตาติดสวย ทรงผมลอนๆสีน้ำตาลที่ยาวคลอลงมาบนบ่าข้างซ้ายช่วยให้สาวเจ้าดูน่ารักขึ้น
ใช่ ถ้ามองเดี่ยวๆก็ดูน่ารักดีหรอก แต่สำหรับร่างเล็กในตอนนี้มันช่างทำให้จิตใจหล่นวูบลงไปถึงตาตุ่มอย่างไรพิกล ยิ่งได้เห็นเบียคุรันหัวเราะต่อกระซิกกับหญิงสาวขนาดไหนก็ยิ่งหงุดหงิด แต่พอคิดอีกที
ก็น่าสงสารสาวเจ้าเหมือนกันแฮะ
“แหม ตอนนี้ก็แค่ดูๆใจไปก่อนเท่านั้นล่ะค่ะ แถมดูท่าเจ้าตัวจะไม่ค่อยสนใจฉันเป็นพิเศษเท่าไร” เธอพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พลางหัวเราะคิกคักเบาๆ เช่นเดียวกับเบียคุรันที่หัวเราะในลำคอ
“ฮะๆๆๆ จริงๆแล้วผมก็เซอร์ไพรส์เหมือนกันครับ นี่เป็นเรื่องที่ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย ก็พ่อผมน่ะสิ
ฮะๆๆ ผมไม่อยากจะพูดอย่างนี้หรอกนะครับ แต่ผมเป็นที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาเสมอ
”
ถึงตอนนี้สึนะคัดค้านในใจเต็มที่
“เมื่อคืนผมเพิ่งจะนอนกับแฟนที่น่ารักของผมอยู่เลย”
“พรู่ดด
แค่กๆๆๆ” สึนะที่หยิบน้ำขึ้นมาซดอีกแก้วถึงกับสำลักออกมาในทันที
เฮ้ยยยย พูดแบบนั้นจะดีเรอะ! ไม่เกรงใจสาวคนข้างๆหรือแขกในงานบ้างเลยรึไง!
“ฮะๆๆๆ เห็นไหมละคะ แถมทางฉันเองทางแฟมิลี่ก็ทำเซอร์ไพรส์เหมือนกัน ก็เลยไม่ค่อยคิดอะไรมากน่ะค่ะ”
แล้วก็มีเสียงหัวเราะดังออกมาในกลุ่มนั้น สึนะปาดน้ำที่มุมปากอย่างตะลึง นี่มันอะไรกันเนี่ย! ไม่มีใครพูดว่าอะไรหมอนั่นเลยรึไง โอ๊ยยย ยิ่งพิศมองใบหน้าคมๆนั่นชัดๆยิ่งหมั่นไส้!
เบียคุรันที่บังเอิญเหลือบมาสบตากับร่างเล็กเข้าคลี่ยิ้มส่งให้ สึนะหน้าแดงฉ่าขึ้นทันทีอย่างไม่มีสาเหตุ ร่างสูงมองตามอย่างล้อๆ ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยอย่างนึกอะไรขึ้นได้ ยังไม่ทันที่ใบหน้าหวานจะตั้งคำถามในใจ เบียคุรันก็เอื้อมมือไปโอบไหล่ของเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างจงใจยั่ว
“อ๊ะ แต่อย่างว่า
อะไรๆมันก็ไม่แน่นะครับ”
“!!!!!!!” สึนะสะดุ้งเฮือก ถึงหัวจะพยายามบอกใจว่าสิ่งที่ร่างสูงกำลังทำอยู่มันเป็นเรื่องที่ร่างสูงแค่อยากจะหยอกเล่น แต่หัวใจเจ้ากรรมมันไม่รับฟังเลยเนี่ยสิ
“แหม อะไรกันเนี่ย เบียคุรัน ไม่ต้องมาทำพูดดีเลยนะนายน่ะ
อ๊ะ แต่ว่า ถ้าจริงจังจริงๆอาจจะรับไว้พิจารณาก็ได้นะ” หญิงสาวหยอดคำพูดทีเล่นทีจริง
สึนะวางแก้วน้ำในมือลงบนโต๊ะแรงๆจนเรียกได้ว่ากระแทกจะเหมาะกว่า ตอนนี้ในห้องโถงใหญ่ที่เป็นพื้นที่รับรองแขกเริ่มเต็มไปด้วยผู้คนที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้สึนะไม่ค่อยได้ยินเสียงที่กลุ่มนั้นคุยกันมากนัก
ไอ้ไม่อยากฟังมันก็ไม่อยากฟังนักหรอก
แต่จะให้เขาไม่รู้อะไรเลย
มันก็หงุดหงิดนี่นา!!!
.
.
.
.
.
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่มาถึงสถานที่เป้าหมายแล้ว คนอย่างฮิบาริมีเหรอจะไปร่วมวงงานปาร์ตี้บ้าๆบอๆไร้สาระพรรค์นั้นให้เสียอารมณ์ และต่อให้มีสาระจริงเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเข้าร่วมด้วยเท่าไร
ร่างสูงสาวเท้าพรวดๆผ่านจากตัวสวนที่ถูกประดับประดาตกแต่งอย่างดีด้วยต้นไม้ในรูปร่างต่างๆ ผ่านห้องโถงที่ถือเป็นบริเวณงานมาฉับๆ เลยจากส่วนที่เป็นบริเวณงานไร้สาระมาแล้วก็จริง แต่ดูเหมือนคฤหาสน์หลังนี้จะไม่ถือเป็นฐานสำคัญสำหรับมิลฟีโอเล่ซักเท่าไรนัก ซึ่งก็คงเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
และต่อให้เป็นอย่างนั้นจริง จากข้อมูลที่ฮิบาริสืบดูมาได้ซักพัก ตัวฐานที่เก็บข้อมูลเรื่องสำคัญต่างๆก็คงอยู่ห่างจากตรงนี้ที่เขายืนไม่เท่าไรหรอก
ชายหนุ่มหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดิน เพียงแค่เขาออกจากบริเวณห้องโถงตรงนั้นออกมาแล้ว ส่วนอื่นๆของคฤหาสน์หลังนี้ก็ดูเหมือนจะมืดสนิททั้งหมด จากตอนแรกที่เป็นเพียงไฟเริ่มสลัวๆก็กลายเป็นห้องที่มีแต่ความมืดไปในที่สุด
น่าแปลก
ถึงตรงนี้จะไม่ใช่ที่เก็บข้อมูลสำคัญๆจริงๆ แต่ปล่อยให้ผ่านมาง่ายๆอย่างนี้ หละหลวมไปแล้วมั้ง
“ไม่ทราบว่า คุณมีธุระอะไรรึเปล่า คุณผู้พิทักษ์แห่งเมฆาของวองโกเล่แฟมิลี่”
ฮิบาริหันขวับไปทางต้นเสียงที่ฟังดูเย็นๆที่ดังขึ้นจากข้างหลัง นัยน์ตาคู่คมมองดูคนตรงหน้าอย่างพินิจ แม้ตรงนี้จะเป็นบริเวณที่เริ่มมืดแล้ว แต่แสงไฟสลัวๆที่อยู่ตรงทางเดินก็ช่วยสาดแสงให้เขาพอเห็นคนตรงหน้า แม้จะไม่ชัดเจนนัก
“นาย
อิริเอะ โชอิจิงั้นเหรอ”
“ที่ตรงนั้นมันไม่ใช่บริเวณที่คุณควรจะผ่านเข้าไปหรอกนะครับ ขอความกรุณาออกมาเถอะ งานจัดอยู่บริเวณห้องโถงตรงโน้น และถ้าจะหาห้องน้ำละก็ มันอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่คุณเดินมาครับ”
“
” กัดไม่ปล่อยเลยจริงๆแฮะ
“
”
และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจะไม่พูดอะไรออกมาต่อจากนี้ อิริเอะก็กลับหลังหัน ทำท่าจะเดินออกไป “แต่ยังไง ผมก็ขอบอกคุณไว้อย่าง
ต่อให้คุณจะเข้าไปจริงๆคุณก็ไม่ได้อะไรหรอก ดีไม่ดีจะมีแต่เสียซะเปล่า ผมก็แค่เตือนด้วยความหวังดีเท่านั้นเอง
”
“นายพูดอย่างกับว่า
มีความลับอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้งั้นแหละ”
กึก ชายหนุ่มดันแว่นขึ้นหน่อๆย ก่อนจะเอ่ยตอบ “ทางคุณก็ต้องมีความลับเหมือนกันแท้ๆ ไม่เห็นจะน่าแปลกใจอะไรไม่ใช่เหรอครับ”
ฮิบาริไม่พูดอะไรตอบ และชายหนุ่มอีกคนก็ไม่คิดจะสนทนาต่อเช่นกัน อิริเอะเดินออกจากบริเวณตรงนั้นแล้วตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ ในขณะที่ฮิบาริยังคงนิ่งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าที่คนภายนอกดูไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เช่นเคย
ตึกๆๆๆๆ
“ฮิบาริคุง ผมมาแล้วครับ โทษทีที่มาช้า”ฮิบาริมองมุคุโร่ที่วิ่งตามทางเดินสลัวๆนิ่งๆ
“ผมดูมาแล้วครับว่าห้องคอมที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหน ส่วนเรื่องอุปกรณ์ผมเอามาเรียบร้อยแล้ว เพราะรู้ว่าทั้งคุณทั้งบอสคงเดินกันมาตัวปลิวอยู่แล้วละ” มุคุโร่บ่นงึมงำ ก่อนจะวางกระเป๋าใบหนึ่งลงบนพื้น “อ้าว แล้วนี่คุณมายืนทำอะไรตรงนี้ ไม่ล่วงหน้าไปก่อนเลยล่ะ?”
“เปล่า
” ทำไมไอ้หมอนี่มันไม่โดนใครพูดอะไรมาบ้างวะ “ช่างเถอะ งั้นก็ไปไอ้ห้องที่ว่า แล้วรีบๆจัดการตามแผนซักที ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานนักหรอก มันน่ารำคาญ”
แผนที่ฮิบาริว่าคือการแฮคข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามผ่านห้องคอมพิวเตอร์ที่ใกล้ฐานข้อมูลที่สุดนั่นเอง เป็นเรื่องที่ฟังดูเหมือนง่าย แต่จริงๆแล้วถ้าไม่มีอุปกรณ์ช่วยสนับสนุนกับคนที่มีประสบการณ์แฮคเกอร์มาก่อนก็คงไม่ประสบความสำเร็จกับแผนนี้แน่ๆ
“อือ
ก็อยากจะทำงั้นอยู่หรอก” ชายหนุ่มพูด เริ่มขมวดคิ้วน้อยๆ “แต่ผมใช้ตัวนี้ไม่เป็น คงต้องขอให้สึนะโยชิคุงช่วย
”
“งั้นก็ไปเรียกมาสิ” ฮิบาริพูดด้วยน้ำเสียงที่ติดจะหงุดหงิดยิ่งขึ้น มาแล้วไม่ได้ประโยชน์
จะเอามาทำไมวะ
“แต่
จริงๆแล้วแผนนี้เราไม่ได้เตี๊ยมกับเจ้าตัวเขาเลยนะ”
“งั้นจะไม่ทำ?” ฮิบาริย้อน
“ทำสิ แต่สำเร็จไม่สำเร็จนี่อีกเรื่องนะ” มุคุโร่รีบพูด ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกา “เอาละ
งั้นผมจะไปตามบอสมา คุณล่วงหน้าไปก่อน ต่อสายอะไรไว้เลยแล้วกัน”
.
.
.
.
.
ในขณะนั้น
สึนะขมวดคิ้วกับภาพที่เห็นนั่น หญิงสาวกำลังพูดหยอกล้อต่อกระซิกกับผู้ชายคนที่เขาเพิ่งนอนด้วยเมื่อคืน
เนี่ยนะ! พอลองคิดดูดีๆอีกทีแล้ว
เขาว่าเขาน่าสงสารแล้วนะ ผู้หญิงคนนั้น่าสงสารกว่าเขาอีก!
น้องหนู
เธอโดนหลอกซะแล้วละ แต่ไม่เป็นไรหรอกเนอะ เพราะดูเธอก็ร้ายพอตัวเหมือนกันนี่? สึนะลอบคิดเมื่อเห็นสาวเจ้ากำลังใช้นิ้วชี้ดัดผมสีน้ำตาลอ่อนของเธอที่คลอลงมาข้างๆ ที่ใครต่อใครเห็นกันว่าน่ารักนักน่ารักหนา
คง
ต้องหาจังหวะเข้าไปคุยดีๆกับหมอนั่น ไม่อย่างนั้นเขาต้องปรอทขึ้นแน่ๆ สึนะคิด พลางทำท่าจะเดินเข้าไปหาร่างสูง แต่เขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีมือหนามาจับแขนไว้เร็วๆ ใบหน้าหวานหันควับไปมองทันที ก่อนจะเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“มุคุโร่
? มีอะไรเหรอ” สึนะถามอย่างแปลกใจ เพราะมางวดนี้เขาไม่ได้วางแผนมาทำอะไรลับๆล่อๆไม่ใช่เหรอ? งานนี้ก็แค่มางานเลี้ยงสังสรรค์ตามปกติไม่ใช่รึไง งานสังคมน่ะ? งานสังคม ใบหน้าของร่างเล็กตั้งคำถามว่าเป็นอย่างนั้น
มุคุโร่คลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่ข้างหู
“ขอโทษครับ แต่คงเป็นแบบนั้นไม่ได้แล้วละ” ร่างสูงพูดใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเคย “เรามีเวลาอยู่ที่นี่สามชั่วโมง แล้วเราก็ต้องเจาะข้อมูลของฝ่ายนั้นมาภายในเวลาสามชั่วโมงนี้ ไม่มีเวลาแล้วผมต้องให้คุณจัดการ”
“นี่นายไม่ได้บอกฉันเรื่องนี้เลยนะ!!”
เบียคุรันที่ลอบมองสึนะอยู่เป็นระยะๆถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นผู้พิทักษ์แห่งหมอกของวองโกเล่มาตามร่างเล็กไปที่ไหนซักแห่ง
น่าแปลกใจ
เวลาแบบนี้เนี่ยนะ? แล้วที่สำคัญ
ถ้าร่างเล็กไม่อยู่แล้วเขาจะมายืนปั้นหน้าเพื่อหยอกให้ใบหน้าหวานหึงเล่นไปเพื่ออะไรล่ะ
บางที
. อาจจะเพื่อสึนะเองก็ได้
“ท่านเบียคุรันครับ” อิริเอะเดินเข้าไปมา กระซิบให้ร่างสูง “เมื่อกี๊คนของวองโกเล่
ออกไปจากบริเวณงานแล้วละครับ”
“
” เพียงเท่านี้เขาก็พอจะเดาอะไรต่อมิอะไรได้แล้ว ร่างสูงคลี่ยิ้มเย็น ในขณะที่โชอิจิเริ่มทำสีหน้ากระสับกระส่าย “อื้ม
ไม่เป็นไรหรอก โชจัง ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
“ตะ
แต่ว่า”
“ไม่เป็นไรน่า ยังไงเขาก็คงฉลาดพอที่จะไม่เข้าไปในตัวฐานตรงๆอยู่แล้วละ แล้วอีกอย่าง ถ้าไม่ทำแบบนั้นก็ไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ นายพูดอย่างนั้นเองไม่ใช่หรือไง”
“
” ชายหนุ่มสะอึกน้อยๆ “นะ
นั่นสินะครับ”
“
” เบียคุรัยทอดสายตาออกไปนอกประตู ใจส่วนลึกพยายามบอกให้เขาเชื่อใจร่างเล็กคนนั้น แต่ในหัวของเขากลับบอกตรงกันข้ามทุกอย่าง
ยังก่อน
ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา
ขอเพียงให้เขากับสึนะได้คบกันต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ได้ ต่อให้เขาต้องเอาแฟมิลี่ของตัวเองมาเสี่ยงเขาก็ยอม
ความคิดเห็น