คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : #1
ผมไม่อาจหาญบอกว่าเรื่องราวของผมกับเขามันเหมือนกับโรมิโอกับจูเลียตหรอกนะ พวกเรายังไม่ถึงที่จุดนั้น ไม่มีอะไรซักอย่างที่ยืนยันว่าผมกับเขารักกันขนาดนั้น
ขนาดตัวผมเองยังไม่กล้าจะยืนยันเลย...
ก๊อกๆๆ
“นี่ สึนะคุงผมขอเก็บเอกสารที่ผมฝากให้คุณช่วยให้คนในแฟมิลี่คุณกรอกหน่อยสิ” ผมหันไปมองตามเสียงที่คุ้นเคย ก่อนจะได้ยิ้มรับและกล่าวทักทายกับคนตรงหน้าผมก็ต้องขมวดคิ้วกับภาพที่เห็นซะก่อน
“นี่... เบียคุรันซัง... ปีนหน้าต่างขึ้นมาอีกแล้วเหรอครับ ถ้าตกลงไปหรือมีใครเห็นเข้าจะทำยังไงเนี่ย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเชิงตำหนิก่อนจะผละออกจากงานที่กองอยู่บนโต๊ะ เหลือบซ้าย แลขวา เดินไปที่ประตู เช็คกลอนว่าล็อคแล้วเรียบร้อย เอาหูแนบประตูเพื่อฟังเสียงข้างนอก
อืม... สงบ ราบเรียบ โอเค...
ครืดดด
ผมเปิดหน้าต่างของห้องทำงานอย่างเบามือที่สุดราวกับว่ากลัวจะมีใครได้ยิน ทั้งๆที่จริงๆแล้วห้องนี้ก็ค่อนข้างจะห่างไกลกับห้องอื่นๆที่มีคนอยู่อยู่แล้วน่ะนะ แต่ถึงยังไงผมก็อดระแวงไม่ได้นี่
ตึก
“แหม... ทำอะไรให้ยุ่งยากมากความจริงๆเลยนะ สึนะคุง แหม... ผมอยากจะรู้จริงๆว่าถ้าอัลโกบาเลโน่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะคุณจะเป็นยังไง”
“เฮ้ย...” ผมไหวตัวกับคำพูดนั้น ก่อนจะรีบถลาตัวลงไปดูใต้โต๊ะอย่างรวดเร็วแล้วก็ต้องถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่ามันว่างเปล่า
“แหม ล้อเล่นน่ะ ขี้ระแวงจังเลยนะครับ เดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงขี้เล่น แต่ผมไม่สนุกไปด้วยหรอกนะ
“คราวหน้าฉันคงต้องดูใต้โต๊ะด้วยซะแล้ว...” ผมพึมพำ ในขณะที่ร่างสูงหัวเราะเบาๆ
“อย่าลืมตรวจดูในถ้วยกาแฟด้วยละ บางทีเขาอาจจะให้คนเข้าไปซ่อนในนั้นตอนที่ยกมาเสิร์ฟให้คุณก็ได้นะ”
“ชักจะติดตลกมากเกินไปแล้วนะครับ เบียคุรัน” ผมยิ้มเครียด “แล้วนี่คิดยังไงถึงได้มากลางวันแสกๆแบบนี้ละเนี่ย มันยังไม่ถึงเวลาที่เรานัดกันเลยไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณมาแล้วคนที่นั่งอยู่ในห้องนี้ไม่ใช่ผมแต่เป็นคนอื่นจะทำยังไง”
“ไม่เอาน่า ก็นี่ไง ตอนนี้นายก็อยู่ในห้องนี้ไม่ใช่เหรอ” ใบหน้าคมยิ้มอย่างอารมณ์ดีตามแบบฉบับของตัวเองก่อนจะสาวเท้าเข้ามาหาผมแล้วดึงตัวผมเข้าไปกอดซะดื้อๆ
“อ๊ะ... เบียคุรัน... ทำอะ...” ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ หน้าร้อนวูบขึ้นแทบจะในทันที
“ทำอะไร? ก็กอดคุณไงครับ ผมจะกอดแฟนตัวเองไม่ได้รึไงกัน”
“ไม่เอาน่า... เดี๋ยวมีคนเข้ามาจะทำยังไง...” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง แม้ร่างกายจะเริ่มโอนอ่อนตามการกระทำของร่างสูงแล้วก็เถอะ เบียคุรันเลื่อนหน้าคมๆมาวางลงบนไหล่ของผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาคลอเคลียบริเวณแก้มเบาๆจนผมรู้สึกถึงลมหายใจที่กำลังรดแก้มผมชวนให้สติเริ่มกระเจิดกระเจิง ถึงมันจะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็เถอะ ผมหรี่ตาลงมองคนตรงหน้าที่กำลังพยายามสื่ออะไรบางอย่างกับผม แล้วผมก็เข้าใจมันเสียด้วย ฟังเหมือนดูดีนะ แต่จริงๆแล้วผมก็แอบขนลุกอยู่เล็กน้อยเหมือนกันที่ตัวเองสามารถสื่อสารกับคนตรงหน้าได้โดยไม่ต้องผ่านคำพูด แต่ผ่านทางอื่นแทน
เบียคุรันบรรงจงทาบจูบเบาๆลงบนริมฝีปากคู่บางเมื่อเห็นสีหน้าที่บอกเป็นเชิงอนุญาตของผม ก่อนจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตามจังหวะ อื้ม... รู้สึก... ดี... เหมือนทุกครั้ง... เพียงแต่... มันมีลางสังหรณ์บางอย่าง... เหมือนกับผม... ลืมเรื่องสำคัญอะไรไปนะ
พรวดด
ผมผลักร่างสูงออกอย่างรวดเร็วเมื่อถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ ให้ตาย! นี่ผมลืมไปได้ยังเนี่ย!!!
เบียคุรันชักสีหน้าไม่พอใจที่ผมไปขัดใจเขา แน่นอนว่าผมไม่ได้อยากจะขัดใจเขาเท่าไรหรอกนะ ความทรงจำส่วนลึกในซิลิบัมเมื่อครั้งยังอดีตมันยังย้ำเตือนผมอยู่เลยว่าครั้งแรกที่ไปขัดใจเขามันจะส่งผลเสียให้ตัวเองยังไง เพียงแต่ครั้งนี้มัน...
ตึก... ตึก...
เสียงฝีเท้าฟังดูก้องๆดังมาจากด้านนอกแล่นเข้ามาในหูผมทันทีที่พวกเราสองคนตกอยู่ในความเงียบ และใบหน้าคมที่เมื่อครู่ตั้งท่าจะแย้งผมก็เงียบปากลงไปทันทีที่เข้าในสถานการณ์ตอนนี้ เบียคุรันกระพริบตาปริบๆก่อนจะเหยียดยิ้มแหยๆแล้วหันมามองทางผมเป็นเชิงถามว่า ‘จะเอายังไงต่อ’
จะเอายังไงต่อน่ะเหรอ... แล้วใครบอกให้มาตั้งแต่กลางวันแสกๆแบบนี้เล่า!!! แต่คิดตอนนี้ไปก็เท่านั้น เมื่อปัญหากำลังจะเดินมาหาเรา เราก็...
ผมกระตุกเสื้อของร่างสูงเบาๆ เบียคุรันหันมาหน้ามองผมก่อนจะเริ่มกลั้นยิ้มและเสียงหัวเราะ ไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่าขำอะไร แต่ก็พอเดาได้อยู่ว่าไอ้สีหน้ากับท่าทางลนๆของผมมันต้องโคตรตลกในสายตาของเขามากแน่ๆ
“พูดอะไรบ้างก็ได้นะครับ สึนะโยชิคุง ถ้ามันอึกอัดซะขนาดนั้นน่ะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพยายามทำเสียงให้เบาที่สุดในขณะที่ผมกำลังกวาดสายตาไปรอบๆห้องเพื่อหาจุดซ่อนตัวให้อีตัววุ่นวายข้างๆผมเนี่ย ขอสารภาพเลยว่าผมไม่เคยเตรียมเรื่องพื้นๆแบบนี้มาก่อน ทั้งๆที่เรื่องนี้มันไม่ควรจะเป็นปัญหาที่เรียกว่าแก้ไขเฉพาะหน้าเลยแท้ๆ ทำไมน่ะเหรอ คุณลองมีแฟนลับๆที่เขาจะแวะมาหาคุณอย่างลับๆในทุกค่ำคืนของเกือบทุกวันดูสิ ถ้าเป็นคนฉลาดอย่างคุณคงจะต้องหาที่เอาไว้สำหรับให้แฟนลับๆคนนั้นซ่อน ถูกไหม?
แต่บังเอิญผมมันไม่ฉลาดไง แล้วทำไมอีคนข้างๆผมมันถึงดูสนุกสนามเหลือเกินละเนี่ย!เดี๋ยวกระได้ลูกกระสุนกินเป็นอาหารกลางวันหรอก
แกรก
“ขอร้องละ เบียคุรัน ช่วยเข้าไปอยู่ในนี้เงียบๆซักห้านาทีเถอะนะ นายคงยังอยากกลับไปหาโชอิจิอยู่ใช่ไหม” ผมพูดลนๆในขณะที่มือยังจับค้างอยู่ที่ประตูของตู้เสื้อผ้าที่ดูจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ที่สุดในห้อง
“ทำไมคุณต้องพูดถึงโชอิจิ” ร่างสูงขมวดคิ้ว “คุณพยายามจะสื่ออะไรกับผม”
ก๊อกๆๆ
เฮือกกก
“ซาวาดะ นายลืมรึไงว่าวันนี้เป็นวันอะไรน่ะ ทุกคนเขารอนายอยู่คนเดียวแล้วนะ”
ผมสะดุ้งกับน้ำเสียงเย็นๆของคนข้างนอกที่แสนจะคุ้นเคย เสียงของคุณฮิบารินี่!!! ทำไมคราวนี้คนที่มาตามผมถึงเป็นเขาไม่ใช่โกคุเทระคุงละ และถ้าคนที่มาตามเป็นคุณฮิบาริละก็ เดาได้เลยว่าประตูห้องทำงานของผมกำลังจะพังในอีก30วินาทีข้างหน้าถ้าไม่รีบเดินไปเปิดให้เขาละก็นะ
“โอ๊ะ... คนๆนั้น ผู้พิทักษ์แห่งเมฆาของคุณสินะครับ เขาคอยมาตามวอแวกับคุณแบบนี้ตลอดเลยรึเปล่าเนี่ย” เบียคุรันพูดด้วยท่าทางสนใจทั้งๆที่เขาก็รู้จักคนๆนี้มาพอสมควรแล้วแท้ๆ ยังมาแกล้งถ่วงเวลาให้ผมลุกลี้ลุกลนเล่นอยู่ได้! นี่ตกลงมาที่นี่เพื่อเล่นสนุกใช่ไหมเนี่ย!
“เข้าไปเถอะน่า” ผมพูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดันแผ่นหลังของเขาเข้าไปในตู้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่รู้สึกเหมือนเขายังจะล้อเล่นไม่พอสินะ ถึงได้เกร็งตัวเพื่อให้ผมผลักเขาไม่เข้าอยู่อย่างนี้... สนุกมากเลยใช่ไหม!
โครมม
ปัง!
“นี่แกยังมีชีวิตอยู่ดีรึเปล่า”
“แฮ่ก... แฮ่ก... อึ้ก” วินาทีที่เสียงลูกบิดประตูถูกพังเข้ามา เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมผลักเบียคุรันเข้าไปในตู้และปิดประตูตู้แรงๆลงไปพอดี ผมรีบกลบเกลื่อนเสียงหอบของตัวเองด้วยการทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทันที กะ...เกือบไปแล้วไหมละ หัวใจจะวายตายอยู่แล้ว!
คุณฮิบาริตวัดสายตาคมกริบไล่ลงตั้งแต่หัวจรดเท้าบนตัวผม ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ก่อนจะหัวเราะแห้งๆแล้วตีหน้าเหลอหลาไปให้เขาแทน
“มะ... มีอะไรเหรอครับคุณฮิบาริ คุณทำลูกบิดประตูพังแล้วนะ...”
“เมื่อกี๊นายคุยกับตัวเองเหรอ ซาวาดะ” ร่างสูงโปร่งไม่คิดจะตอบคำถามแต่สวนกลับด้วยคำพูดที่ทำเอาผมถึงกับสะอึก
อย่าถามนะ อย่าถามอะไรมากไปกว่านี้ ผมมันพวกกลบเกลื่อนอะไรไม่เก่ง ไม่ชอบโกหกด้วย... เพราะงั้นอย่าถามนะ....
นัยย์ตาสีนิลกวาดมองไปรอบๆห้องอย่างเคลือบแคลงสงสัย ก่อนจะมาหยุดสายตาอยู่ที่ตู้ที่ผมยืนข้างๆชวนให้ผมใจเสียก่อนจะต้องทำให้ผมเริ่มหน้าซีดด้วยการสาวเท้าเข้ามาใกล้ๆ เอาแล้วไง... เอาแล้วไง...
“เอ่อ คุณฮิบาริ...” อย่าเข้ามาน้า~ อย่าทำให้ผมใจสั่นไปมากกว่านั้นเลย~
อ๊ากกกกก เปิดตู้ไม่ได้นะ!!!
“ตกลงนายจะไปไหมเนี่ย”
“หา?...” ร่างสูงหันมามองหน้าผมอย่างหงุดหงิด ขอบคุณพระเจ้าที่เขาไม่ได้คิดจะเปิดตู้แต่แรก ถ้าเขา... เจอคนที่อยู่ข้างในละก็... คนที่จะโดนถล่มยับเป็นรายแรกก็คงจะเป็นผมนี่แหละ
“ประชุมน่ะ นายเป็นคนนัดทุกคนเองนะ วันนี้น่ะ” ฮิบาริพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความหงุดหงิดอย่างชัดเจน เสียงกุกกักๆที่ดังอยู่ในตู้ทำให้ผมต้องเหลือบตาไปมองอย่างอดไม่ได้ด้วยความหวาดเสียว โอ๊ยย ช่วยอยู่นิ่งๆทีได้ไหมครับเนี่ย อยากจะให้ผมหัวใจวายตายจริงๆใช่ไหม ให้ตายเหอะ
“อ๊ะ เอ่อ... ประชุม... อ้อ ครับ เดี๋ยวผมจะรีบออกไป คุณฮิบาริ เอ่อ ไปก่อนแล้วกันนะครับ”โอ๊ยยย ให้ตายเถอะ เบียคุรันทำอะไรน่ะ ผมกลัวนะ ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นโกคุเทระคุงหรือยามาโมโตะหรือใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณฮิบาริละก็...
“นี่แกคิดว่าฉันถ่อมาที่ห้องแกเพื่อให้แกบอกว่าให้รอต่อไปงั้นเหรอ” เขาพูดอย่างอดทนก่อนที่มือหนาจะคว้าข้อมือของผมแรงๆแล้วลากออกไปข้างนอก แต่ผมยังจัดการตรงนี้ไม่เสร็จเลยนะ!
“เดี๋ยว คุณฮิบาริ ผมจะรีบตามออกไปจริงๆนะ ปล่อยผมก่อน”
ผมหันไปมองตู้เสื้อผ้าที่เริ่มสั่นคลอนของตัวเอง รับรู้ทันทีที่เห็นเลยว่าไอ้คนข้างในมันทนไม่ไหวกับบทสนทนาของผมกับคุณอิบาริแน่ๆ เฮือกกก อย่าออกมานะ อย่างน้อยก็ขอให้คุณฮิบาริออกไปก๊อน!! ไม่งั้นคนที่ซวยมันจะเป็นเราทั้งคู่นะ!!!
โครมม
แคร้งงง
“?”
“อ๊ะ...” ผมอุทานเบาๆอย่างอึ้งๆเมื่อเห็นว่ามีอะไรบางอย่างที่อยู่หลังตู้หล่นลงมาแตกกระจายอยูกับพื้น
ไม่นะ... กรอบรูป... อันนั้นแม่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเลยนะ ถึงนั่นมันจะไม่ใช่ประเด็นเรื่องนี้ก็เถอะ
“หืมมมม” ร่างสูงลากเสียงยาว บนใบหน้าปรากฏชัดถึงความแปลกใจ ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจแงะมือของตัวเองออกจากมือเขาในตอนนี้ส่งผลให้เขาหันมามองทางผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างที่ผมอ่านไม่ออกเหมือนอย่างเคย
“ผะ... ผมคงวางกรอบรูปไว้ไม่ค่อยดี... คุณฮิบาริไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมเก็บเสร็จแล้วจะรีบตามไปนะ”
“...” คุณฮิบาริเลิกคิ้วขึ้นนิดๆอย่างแปลกใจก่อนจะกระตุกยิ้มเย็นแล้วยักไหล่ทีนึงก่อนจะเดินออกไปจากห้อง “งั้นฉันจะไปบอกทุกคนว่านายยกเลิกการประชุมวันนี้เองแล้วกัน คนอื่นเขาก็มีการมีงานต้องทำเหมือนกัน”
ปัง
“....” ไปแล้ว...
ผมยกมือเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาจากหน้าผากจนถึงคางเบาๆด้วยความโล่งอก เหนื่อยจริงๆ เหมือนกำลังเล่นเกมตำรวจจับผู้ร้ายยังไงยังงั้น แล้วประเด็นคือเราต้องเป็นผู้ร้ายนี่สิ เฮ้อออ แล้วมันก็ไม่สนุกเลยนะที่ตำรวจจะเป็นคุณฮิบาริ แล้วมีเบียคุรันเป็นเพื่อนร่วมงานของเราน่ะ
พรวด
“สึนะโยชิคุง!”
หมับ!
“อะ...” ผมไหวตัวหน่อยๆที่อยู่ๆร่างที่อยู่ในตู้ก็โผล่พรวดเข้ามากอดซะเร็วขนาดนี้ “ยะ... อย่าเสียงดังสิ ถ้าเกิดเขาเดินกลับมาอีกรอบแล้วได้ยินเข้าเล่า”
“ก็ช่างปะไรสิ ถ้ามันขัดขวางพวกเราสองคนนักก็ฆ่าทิ้งซะก็สิ้นเรื่อง”
“บะ... เบียคุรัน” ผมสะดุ้ง “ทำไมพูดแบบนั้น”
“ผมล้อเล่นน่ะ” ร่างสูงเหยียดยิ้มพลางวางหน้าผากขอวงตัวเองลงบนหน้าผากของผมเบาๆด้วยท่าทางกึ่งเล่นกึ่งจริง “ถ้าคุณไม่อยากให้ผมทำแบบนั้นผมก็ไม่ทำหรอก”
“...” ผมเม้มริมฝีปากเบาๆ สีหน้าเริ่มแดงระเรื่อเมื่อเห็นใบหน้าคมคายของเขาใกล้ขนาดนี้ เบียคุรันค่อยๆวางนิ้วลงบนมือของผมก่อนจะค่อยๆทาบมือลงแล้วบีบมันไว้แน่น
“ข้างนี้รึเปล่าที่หมอนั่นจับเมื่อกี๊”
“เอ๊ะ?” ผมหน้าร้อนฉ่า “อ๊ะ... อื้อ”
“ชิ ให้ตายสิคุณนี่ น่าโมโหชะมัด ผมละเกลียดหมอนั่นชะมัดเลย สึนะโยชิคุงเองก็เหมือนกัน คิดจะนอกใจผมรึไงกันทำไมยอมให้เขาจับได้ง่ายๆแบบนั้น”
“ก็... ก็เมื่อกี๊มันตกใจนี่... เพราะนายน่ะแหละ เบียคุรัน แล้วนี่ตกลงวันนี้ฉันเลยไม่ได้ประชุมเลย เห็นไหมเนี่ย กว่าจะนัดรวมได้ครึ้งหนึ่งมันไม่ใช่ง่ายๆนะ”
“เอาน่าๆ คราวหน้าเอาใหม่นะครับ ไม่บ่อยเหมือนกันนะที่ผมจะมาหาคุณตอนกลางวันแบบนี้น่ะ หืม?”
“...” ผมถอนหายใจ “มันก็จริงอยู่หรอก แต่ที่แฟมิลี่นาย ไม่มีการมีงานให้ทำรึไง”
“...” ร่างสูงชะงักนิดๆ ก่อนะจเหยียดยิ้มเร็วๆ “งานจะไปสำคัญกว่าคุณได้ยังไงล่ะ จริงไหม”
“โอ้... งั้นเหรอ” ผมเลิกคิ้วทั้งๆที่ตอนนี้หน้าตัวเองมันแดงไปถึงหูแล้ว “จริงๆก็แค่อยากดอดออกมาอยู่แล้วไม่ใช่รึไงเล่า ทำเป็นพูดซะ...”
“อ่า... นั่นสินะครับ ว่าแต่... ไหนๆเราก็ว่างด้วยกันทั้งคู่ตอนนี้อยู่แล้วไปหาอะไรทำข้างนอกด้วยกันไหมครับ” ผมมองหน้าเขานิ่งๆอย่างแปลกใจ
“ข้างนอกเหรอ? อืม... นั่นสินะ เดี๋ยวนี้แทบไม่ได้ออกไปไหนเลยนี่เนอะ” ผมงึมงำในขณะที่ร่างสูงยิ้มกว้าง “อ๊ะ แต่... งานฉันยังไม่เสร็จเลยนะ จะให้โดดออกไปทั้งๆอย่างนี้น่ะเหรอ เฮ้ย!”
หมับ
ผมอุทานอย่างตกใจเมื่อจู่ร่างตรงหน้าก็ช้อนตัวผมไว้ในอ้อมแขนเขาซะดื้อๆ
“งานน่ะ ทำให้ตายยังไงก็ไม่เสร็จหรอกครับ ไปกันเถอะ ก่อนที่พวกเขาจะไหวตัวทัน”
“อะ... อะไร ใครคือพวกเขากันละฮะ? นี่... ปละ... ปล่อยฉันลงนะ! อย่า...อย่าอุ้มฉันลงตุ้นไม้ทั้งๆแบบนี้นะ!!!”
ความคิดเห็น