ตอนที่ 1 : ตอนที่ 1 ปฐมบท
ตอนที่ 1 ปฐมบท
สายลมพัดแรงท่ามกลางทะเลอันกว้างใหญ่ลมและคลื่นกลางท้องทะเลดูแล้วน่าหลงไหล เมฆครึ้มก่อตัวเห็นได้จากระยะไกล นกนางนวลกลางท้องทะเลบินว่อน
โฉบกันไปมาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
แต่แล้วกลุ่มนกนางนวลก็ดูเหมือนจะสับสน บินไม่เป็นทิศเป็นทางบ้างก็บินแตกกลุ่ม บางตัวบินชนกันให้ควักไขว่ไปหมด หลายร้อยตัวตกลงไปในทะเล ทำให้ท้องทะเลจากสีฟ้าคราม มีสีขาวราวปุ่ยนุ่นของนกนางนวลแซมไว้ดูแล้วสวยงามแปลกตาไปอีกแบบ
บนท้องฟ้าสูงขึ้นไปมีเมฆก่อตัวหนาเกิดเป็นพายุหมุนวนเป็นเกลียว
สายฟ้าสีแดงสีน้ำเงินแลบแปรบปราบไปทั่วท้องฟ้าดูแล้วน่ากลัว
จนคล้ายกับวันสิ้นโลก
บนท้องทะเลที่คลื่นลมพายุเริ่มก่อตัวน้ำทะเลแหวกเป็นทางจากแรงขับเคลื่อนของเรือสำราญลำใหญ่มหึมา บนดาดฟ้าเรือมีกลุ่มคนจำนวนมากกำลังกินลมชมวิว บางคนก็ถ่ายรูปและบันทึกภาพการก่อตัวพายุฝน และมีส่วนของงานเลี้ยงต้อนรับแขกบนเรือโดยสารของเรือสำราญ
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเปิดตัวเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรือที่มีชื่อเสียงระดับโลกผู้จัดงานได้จัดงานเลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่ในระหว่างการเดินทางครั้งนี้และได้เชิญดาราและคนบันเทิงจากต่างประเทศมามากมายมาแสดงบนเวทีรวมถึงบรรดานายแบบนางแบบที่มีชื่อเสียงเพื่อมาเดินแฟชั่นโชว์ในงานเปิดตัวของเรือที่ยิ่งใหญ่นี้
เสียงร้องเพลงของวงนักร้องดังระดับโลก ผสมปนเปกับเสียงพูดคุยของกลุ่มคน มีทั้งกลุ่มครอบครัวเด็กเล็กและผู้สูงอายุ กลุ่มเพื่อนฝูงหนุ่มสาวมากหน้าหลายตา ต่างก็ทำกิจกรรมต่างๆของพวกเขาอย่างมีความสุข
โดยไม่มีใครสนใจหรือกังวลกับพายุและสายฟ้าที่ก่อตัวค่อนข้างรุนแรงกลางทะเลที่ดูคล้ายกับวันสิ้นโลก
ด้วยพวกเขามีความมั่นใจในความปลอดภัยของเรือสำราญลำมหึมาลำนี้ " Goddess of glory Cruise(เทพธิดาแห่งความรุ่งโรจน์) " ทางบริษัทเดินเรือสำราญรับประกันความปลอดภัยของตัวเรือทุกด้าน ซึ่งทางบริษัทประกาศว่าเทคโนโลยีของเรือลำนี้นั้นล้ำสมัยที่สุด พอๆกับเรือของกองทัพ
ขณะนั้นเด็กหนุ่มที่มีท่าทางแตกต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไป เขาเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาผมสีดำ คิ้วคมเข้มดวงตาสีฟ้าจมูกโด่งใบหน้าค่อนข้างไปทางชาวเอเชียซึ่งถ้ามองดีๆแล้วควรเรียกว่าเป็นลูกเสี้ยวเอเชีย-ยุโรปในวัยประมาณ 17 ปีสวมเสื้อผ้าสบาย ๆ และถือหนังสืออยู่ในมือตอนนี้กำลังขมวดคิ้วและมองไปที่ทะเลอย่างครุ่นคิด
*(หมายเหตุ:ลูกเสี้ยวเอเชียยุโรปหมายถึงพ่อหรือแม่ที่เป็นเอเชีย+กับพ่อหรือแม่ที่เป็นลูกครึ่งเอเชียยุโรป)*
เด็กหนุ่มคนนี้ชื่อ " อัคราช พณาสูร"
เขามีชื่อเรียกเล่นว่า " ราส " ซึ่งจริงๆแล้วเขาก็มีชื่อจีนอีกชื่อว่า
"ถัง เฟยหลง" มันเป็นชื่อและสกุลของพ่อเขา "ถัง มู่จง" ที่ตั้งให้ แต่ตาของเขาและตัวเขาเองก็ไม่ชอบชื่อนี้เขาจึงใช้เพียงแต่ชื่อ อัคราช หรือชื่อเล่นที่แม่เขาชอบเรียกเขาตั้งแต่เด็กว่า เจ้ามังกรน้อย "ราส"
ซึ่งมันเป็นชื่อเรียกของอัศวินมังกรที่แข็งแกร่งที่สุดในนิทานปรัมปราของยุโรป แม่ของเขา "ลอร่า"เป็นลูกครึ่ง
ไทย-ยุโรป ซึ่งคุณตากับคุณยาย
ของ ราส นั้นเคยคบกันสมัยที่คุณตาของเขาไปติดต่อธุรกิจอยู่ที่ สหรัฐอเมริกาและคุณยายของเขาตั้งท้องและคลอดลูกสาว ซึ่งก็คือ ลอร่า แม่ของ ราส นั้นเอง
แต่ทั้งคุณตาและคุณยายของเขาก็ได้เลิกรากันไปหลังจากนั้นไม่นาน คุณแม่ของเขาก็คือ ลอร่า ก็อยู่อาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา กับคุณยายของเขาที่อเมริกาด้วย
จวบจนโตขึ้นลอร่าก็ขอมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไทยและได้มาอาศัยอยู่กับพ่อของเธอซึ่งก็คือคุณตาของ ราส ลอร่าและ ถัง มู่จง
ทั้งคู่มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยนานาชาติ ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทยไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนัก ทั้งคู่คบหากันได้อยู่ปีกว่าๆและลอร่า ก็ตั้งท้องขึ้นและคลอดได้ลูกชายก็คือตัว ราส นั้นเอง
เมื่อ ราส อายุได้ยังไม่ครบขวบปีทางตระกูลถัง ตระกูลคนจีนที่ทำธุรกิจและปักหลักอยู่ที่สิงคโปร์มาแล้วเกือบสองชั่วอายุคน ได้นำกำลังคนมาบังคับพาตัว ถัง มู่จง พ่อของ ราส กลับไปที่ประเทศ สิงคโปร์โดยไม่สนเหตุผลใดๆ และตั้งแต่นั้นมา 16 ปีไม่เคยมีการติดต่อใดๆกลับมาทั้งสิ้น
ซึ่งทำให้คุณตาของ ราส ขุ่นเคืองเป็นอย่างมากด้วยตระกูล พณาสูร เคยเป็นผู้ดีเก่าและสืบเชื้อสายต้นตระกูลมาตั้งแต่ สมัยกรุงศรีฯ แม้ลอร่าจะเป็นเพียงลูกนอกสมรสของเขาแต่เขาก็รัก
ลอร่า และ ราส ทั้งคู่มากเช่นกันและราสก็ยังใช้นามสกุลของตาเขา
เมื่อลอร่ามีเหตุจำเป็นต้องกลับไปที่ อเมริกา ในตอนที่ราสเพียง 9 ขวบเพื่อไปช่วยงานบริษัทที่เกิดวิกฤตที่อเมริกาของคุณยายของราสนั้น
ตาของเขาไม่ยอมให้ ลอร่าพาราสไปด้วยเขาบอกว่ารอให้ราสอายุ
ครบ 20 ปีก่อนจึงจะปล่อยให้ราส สามารถไปที่ อเมริกาได้ แต่ทั้งลอร่าและคุณยายของ ราส ก็มาเยี่ยมและเที่ยวหาราส บ่อยๆ หลายครั้งต่อปี
ซึ่งครั้งล่าสุดที่แม่ของเขามาเที่ยวหานั้น ลอร่าแม่ของเขาได้แอบนำจดหมายปิดผนึกส่งให้กับราส
แอบกระซิบบอกเขาว่าให้นำไปให้พ่อของเขาที่สิงคโปร์กับมือให้ได้หากไม่พบก็ให้เผาทำลายจดหมายทิ้ง ตอนแรกราสก็ไม่ค่อยเต็มใจเนื่องจากเขาไม่อยากเจอหน้าคนที่เรียกว่าพ่อบังเกิดเกล้าของเขาซึ่งไม่เคยพบเจอกันตั่งแต่เขาจำความได้ แต่แม่เขาคะยั้นคะยอ อยู่นานเขาจึงตกปากรับคำ ด้วยไม่อยากปฏิเสธแม่ของเขาและอาศัยโอกาสนี้มาเที่ยวเมืองสิงคโปร์ไปตัว พร้อมกับได้เงินพิเศษจากแม่ของเขาให้มาช๊อปปิ้งตั้ง
ห้าหมื่นดอลลาร์ เขาจึงใช้เวลาช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเดินทางมาที่สิงคโปร์ด้วยเครื่องบิน
เมื่อมาถึงที่สิงคโปร์เขาค้นหาที่อยู่ตระกูลถัง จากในอินเตอร์เน็ตและให้แท็กซี่ไปส่งเมื่อเขาไปถึงที่หน้าประตูคฤหาสน์ของตระกูลและแจ้งเจตนาขอเข้าพบ
ถัง มู่จง พร้อมบอกสถานะความสัมพันธ์ของเขากับ ถัง มู่จงและแจ้งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูคฤหาสน์ทราบ ซึ่งจริงๆแล้วเขาไม่อยากแนะนำตัวแบบนี้แต่มันจำเป็น เพื่อจะได้ทำงานที่มอบหมายจากแม่ของเขาให้สำเร็จ
แต่เมื่อผ่านไปสักครู่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก็กลับมาแจ้งเขาว่า ถัง มู่จง ไม่ต้องการพบเขาและไม่อนุญาตให้เขาเข้ามาในคฤหาสน์
ราส จึงโล่งใจอยู่ส่วนหนึ่งเพราะเขาเองก็ไม่ต้องการพบพ่อเขาเช่นเดียวกัน ราส จึงเดินทางออกจากเขตคฤหาสน์ของตระกูลถัง และแวะหาที่พักแถวๆ มาริน่าเบย์ ของสิงคโปร์ ซึ่งราคาที่พักถือว่าค่อนข้างแพง แต่ราสซึ่งมีเงินมากพอก็ถือว่าไม่เป็นภาระอะไรมากเขาจัดการเช่าห้องพัก และจัดการเผาจดหมายที่แม่เขาฝากมาให้กับ ถัง มู่จง ผู้เป็นพ่อเมื่อไม่มีคนรับเขาจึงทำลายทิ้งตามคำสั่งของแม่
ตัวเขาไม่มีความอยากรู้อยากเห็นในจดหมายของพวกเขา
หลังจากนั้นเขาจึงออกจากที่พักเพื่อเดินเที่ยวและซื้อของ แต่สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เขาถูกตามล่าโดยกลุ่มคนลึกลับ ทำให้เขาต้องหลบหนีออกจากพื้นที่นั้นทันที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนเกือบ 10คนที่ถือมีดเข้ามา แต่ทักษะมวยไทยโบราณของเขาที่เคยร่ำเรียนมาจากในตระกูล พณาสูร ช่วยเขาได้มากเขาสามารถฝ่าวงล้อมของกลุ่มคนถือมีดออกมาได้และได้รับบาดแผลเพียงเล็กน้อยรวมถึงเขาฝึกออกวิ่งในทุกๆเช้าจึงหนีไปซ่อนตัวได้ทัน
เขากำลังจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจแต่กลุ่มตำรวจสายตรวจกลับไล่ยิงเขาแทน
เขาจึงมั่นใจว่าก่อนหน้านี่ไม่ใช่การปล้นอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่เคยมาที่สิงคโปร์ และพึ่งมาถึงยังไม่เคยมีปัญหากับผู้ใดอย่างแน่นอน สาเหตุเดียวที่เหลืออยู่คือ ฝีมือคนตระกูลถัง
หัวใจของเขาเกิดความเย็นชาขึ้นมาทันที แม้ว่าเขาจะไม่ชอบและไม่พอใจพ่อของเขามาก่อน แต่ก็ยังมีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดอยู่ดีแต่ครั้งนี้เขาไม่เหลือความความเคารพแม้เพียงเศษเสี่ยว
หลังจากหลบหนีจากการถูกตามล่าหลายรอบ เขาก็สามารถแอบปะปนเข้ากับกลุ่มคนขึ้นมาบนเรือสำราญลำนี้ได้จนสำเร็จ ซึ่งเรือลำนี้จะเดินทางนำผู้โดยสารท่องเที่ยวจากสิงคโปร์ ไปที่อเมริกา ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของ ราส พอดี
...........
ในเวลานี้ ราส กำลังมองไปที่พายุขนาดใหญ่ที่กำลังก่อตัวขึ้นด้วยความกังวล สัญชาตญาณและปฏิกิริยาระวังภัยในตัวเขาค่อนข้างสูงมาตั้งแต่เกิด และมันเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยชีวิตเขามาแล้วหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์พลิกคว่ำตอนอายุ 14 ปี หรืออุปกรณ์ก่อสร้างชิ้นหนึ่งที่หล่นมาจากตึกสูงที่ทำการก่อสร้างขณะที่เขาเดินผ่านตึกนั้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
และล่าสุดสัญชาตญาณของเขาสามารถหลบเลี่ยงอันตรายจากการถูกตามล่าเมื่อ 4-5 วันที่ผ่านมา
และในขณะนี้ความรู้สึกถึงวิกฤตและอันตรายก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจากการก่อตัวของพายุเมฆและสายฟ้าบนท้องฟ้า
กลุ่มคนบนเรือในขณะนี้ก็เริ่มหันมาสนใจบนท้องฟ้าและเริ่มถ่ายวีดีโอบันทึกภาพกันบ้างแล้ว แต่จากที่สังเกตุพวกเขาพูดคุยกันพวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายแต่อย่างใด
ที่พวกเขาให้ความสนใจก็เนืองด้วยมันดูสวยงามและแปลกตาเท่านั้นเอง
แต่ ราส ตั้งใจสังเกตการเปลี่ยนแปลงมานานแล้ว ปลาจำนวนมาก ลอยตัวขึ้นมาบนทะเลและแม้แต่ฉลามก็ยังแหวกว่ายอย่างกระวนกระวายด้วยความตื่นตระหนกราวกับว่าจะมีภัยธรรมชาติ ร้ายแรงเกิดขึ้น
ในเวลานี้โรเบิร์ตกัปตันชาวอเมริกันในห้องกัปตันบนหัวของเรือ
" Goddess of glory Cruise(เทพธิดาแห่งความรุ่งโรจน์) "
กำลังถามด้วยเสียงอันดัง "แดเนียลฉันต้องการคำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมเรือของฉันยังคงแล่นหมุนเป็นวงกลมอยู่ในทะเลแถบนี้เป็นชั่วโมงแล้วนะ
ถ้ากลุ่มนายทุนและบรรดานักการเมืองผู้มีอิทธิพล เหล่านั้นรู้ความจริงนายก็รู้ว่ามันจะเป็นยังไงฉันและพวกนายทั้งหมดจะได้จบเห่กันแน่”
ต้นหนเรือแดเนียลเคร่งเครียดขึ้นมาทันที "กัปตัน ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระบบดาวเทียมและระบบคลื่นส่งสัญญาณระยะไกลทั้งหมดไม่สามารถใช้การได้ ใช้ได้เพียงคลื่นวิทยุระยะสั้นภายในเรือเท่านั้นครับ"
ก่อนหน้านั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงมาแล้วที่เรือสำราญดูเหมือนจะเจอชั้นหมอกบางๆ เมื่อตัวเรือพุ่งผ่านมันคล้ายกับพุ่งชนฝ่ากำแพงใสทำให้ความเร็วของเรือตกไปเล็กน้อยและหลังจากนั้นไม่นาน เรือไม่สามารถไปไกลได้เกินกว่ารัศมี 20,000 เมตร
เรือหมุนวนไปเป็นวงกลม ระบบวิทยุและดาวเทียมระยะไกลบนเรือเป็นอัมพาตไม่สามารถใช้งานได้ราวกับถูกคลื่นสัญญาณรบกวน หากไม่สามารถมองเห็นท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ และท้องทะเลตอนนี้ ทุกคนในห้องควบคุมเรือ คงคิดว่าหลุดเข้ามาในอีกมิติหนึ่งอยู่เป็นแน่….
จบบท
……………….
**อัคราช อ่านว่า อัก-ขะ-ราช**
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ติดตามครับ