คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2
ผมอาจจะทำบุญน้อยไปก็ได้กระมั้ง ความซวยเหล่านี้ถึงได้มาถึงผม... ใครจะไปรู้ว่า ตัวเองจะตายวันไหน เผลอๆอาจเป็นอย่างผมที่อาจจะตายภายในอีกไม่ถึงสิบนาทีนี้ก็เป็นได้...
อย่าถามว่าที่ผมพล่ามอย่างนี้เป็นเพราะอะไร ...เพราะผมกำลังจะเล่าให้คุณฟังคร่าวๆเดี๋ยวนี้แหละครับ...
...ตอนที่ผมออกมาจากห้องเรียน เพราะโรงเรียนปล่อยให้เลิกเร็วกว่าปกติ เนื่องจากมันเป็นวันเปิดเทอมแรก และในวันพรุ่งนี้ ก็ต้องไปเข้าค่ายรับน้องที่โรงเรียนต่อ ผมเลยต้องออกจากโรงเรียนมากับไอ้เพื่อนที่เหลือที่มันเออออกันเองว่าจะไปเล่นไพ่อยู่บ้านผม ซึ่งมันก็ไปกันทั้งเจ็ดคนแหละครับ ผมออกมาตั้งแต่บ่ายสอง แล้วก็นั่งรถเมล์กันมาจนถึงปากซอยบ้านผม พอผมเดินมาไม่เข้าไร ที่เกือบๆจะถึงบ้านนั่นแหละครับ ผมก็เห็นผู้ชายสามคนท่าทางรูปร่างกำยำเสียเหลือเกิน นั่งอยู่บนมอเตอร์ไซต์หน้าบ้านผม เมื่อพวกนั้นหันมาเห็นผม ก็ยิ้มขึ้นทันที มันกวักมือเรียกผมกับเพื่อนๆ
“เฮ้...ไอ้เท็ม เอ็งรู้จักคนพวกนี้ด้วยเหรอวะ” ไอ้อาร์ตมันกระซิบถามผม ขณะที่เดินไปตามที่พวกนั้นกวักมือ ผมส่ายหน้า
“ไม่รู้จักหรอกว่ะ” ผมบอกเท่านั้น มันก็ทำตาถลนทันที
“แม่ง ...หน้าเชี่ยๆอย่างนั้น ล้านเปอร์เซ็นต์มันไม่ใช่คนดีเลยนะเว้ย สาด...เอ็งพาข้ามาตายเหรอฟะ” มันทำปากขมุบขมิบด่าผม
ไอ้ปิ๊กที่เดินอยู่ใกล้ๆกันเลยหันมาว่า “กลัวห่าอะไร ไอ้เชี่ยอาร์ต ปกติแม่ง ทำเป็นไม่กลัวอะไร ดูพวกเรามากกว่ามันเยอะ จะให้แรงดียังไงก็สู้พวกเราไม่ได้หรอกเฟ้ย มีสมองบ้างสิฟะ มัวแต่เอาสมองไปให้ควายใช้ไถ่นารึไง” ด่าเสร็จ ไอ้นี่ก็เดินลิ่วนำหน้าเย้ยไอ้อาร์ตซะเลย เพราะรู้ว่าไอ้อาร์ตมันไม่ยอมให้ถากถางแน่นอน
“ไอ้สัดนี่ ยั่วข้านี่ฟ่า” มันว่า แล้วกระโดดขึ้นหน้าไปตบหัวไอ้ปิ๊กดังปั่ก จนพวกผมคลายความตึงเครียดลงในที่สุด
พวกผมเดินมาหยุดหน้าพวกท่าทางเหมือนอันธพาลนั่นแล้ว ความรู้สึกกลัวมันก็แผ่ซ่านเข้ามาในตัวผม ก็ไม่รู้หรอกนะครับว่า มันเกิดจากอะไร แต่สายตาที่พวกมันมองพวกผม มันคงไม่ใช่เจตนาดีเลย ...แต่มันคงไม่โง่ที่จะตีพวกผมกลางหน้าบ้านผมหรอก ไม่งั้นแม่ผมคงโทรฯไปแจ้งตำรวจแหงแซะ ยังไงพวกผมก็รอดเหนาะๆ แถมมีลูกชายคุณสารวัตรอย่างไอ้บอสอยู่ก็หายห่วงแหละครับ...
“ไหน ใครเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้” หนึ่งในสามคนนั้นถาม เป็นคนที่นั่งตรงกลาง...ผมคิดว่าเขาคงเป็นหัวเรือใหญ่ เขาใส่แว่นแล้วก็ใส่ชุดเรียนโรงเรียนผม คาดว่าคงเป็นรุ่นพี่ แถมยังตัวใหญ่กว่าคนอื่นๆเยอะเลย
“พ่อผมครับ” ผมออกตัว ชายคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่สบอารมณ์ ส่วนไอ้อาร์ตก็หันมาบีบไหล่ให้ผมซะแล้ว ...อ้าว ก็เขาถามว่าใครเป็นเจ้าของบ้านนี้ไม่ใช่เหรอ ผมก็ตอบตรงๆแล้วนี่ครับ ผมไม่ผิดใช่ไหมครับ...
“ฮ่าๆๆๆ ไอ้นี่ แม่งกวนส้นดีว่ะ” ไอ้คนด้านซ้ายอยู่ดีๆก็หัวเราะขึ้น นายคนนี้ตัวเล็กกว่าคนอื่นๆ แต่กลับมีสายตาที่ไม่สมตัวกับหน้าตาที่ออกจะดูเหมือนลูกคุณหนูเลยแม้แต่น้อย
“กวนอย่างนี้ อยากโดนของดีใช่ไหมวะ” น้ำเสียงของหัวหน้านั้นเริ่มเปลี่ยนไป ส่วนคนทางขวาก็ยังเงียบอยู่ รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นหัวเรือใหญ่
เอื้อก...ผมกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ รู้สึกเสียววาบๆชอบกล
“เปล่าครับ ก็พี่ถามจริงๆนี่ว่าใครเป็นเจ้าของบ้าน ผมก็ตอบตรงๆแค่นั้นเองครับ” ผมพูดจาหว่านล้อม ส่วนไอ้เพื่อนเลวทั้งหลายก็เอาแต่เงียบ...
รอยยิ้มนั้นยิ่งแสยะกว้างขึ้น ...(ปล.นี่ไม่ใช่นิยายแฟนตาซีนะครับ) แต่จู่ๆก็กลายเป็นเสียงหัวเราะเข้ามาแทน
“ถูกใจข้าว่ะ เอ็งเนี่ย ไม่กลัวข้าเลยเหรอวะ” จู่ๆหมอนั่นก็เปลี่ยนท่าที จนพวกผมเริ่มงงกันเป็นไก่ตาแตก หันมองกันเป็นการใหญ่ “เฮ้ยๆ ไม่ต้องงง ข้าไม่ได้มาตีพวกเอ็ง เพราะพวกเอ็งเป็นรุ่นน้องข้า แต่ข้ามาเพราะอยากรู้ว่า เอ็งเป็นคนโทรฯไปบอกตำรวจรึเปล่าว่า ข้าตีกับพวกช่างกลศิลป์รึเปล่าแค่นั้นเอง”
“แล้วตกลงเอ็งใช่ไหมที่เป็นคนโทรฯไปบอกตำรวจน่ะ” ผมพยักหน้าตอบ ทั้งๆที่ขาเริ่มสั่นแล้ว
“ฮ่าๆๆๆๆ กล้าดีนี่หว่า เอ้อ...สนใจมาเป็นพวกข้าไหม” เขาถาม แต่ผมยังมึนๆกับเหตุการณ์อยู่เลยเงียบไป
“...ง่ะ ผมไม่ได้กล้าหรอกครับ ถ้าสังเกตดีๆพี่จะรู้ว่าขาผมสั่นอยู่” ผมชี้ไปที่ขาตัวเองที่ยังสั่นพั่บๆไม่หยุด
“ฮ่าๆ ข้าถือว่า มันคือสั่นสู้ว่ะ เอ้อ ลืมไป...ข้าชื่อ เฮีย ยินดีที่รู้จัก ต่อจากนี้เจอกันไม่ต้องเรียกว่า พี่เฮียนะ มันดูแปลกๆ ฮ่ะๆๆๆ เรียกเฮียก็พอ แค่ชื่อก็เหมือนพี่ล่ะ” เฮียแกพูดอยู่คนเดียวจนผมชักอยากจะเอาสมองตัวเองไปเช็คดู - -... ผมได้แต่พยักหน้ากลับไป
“ถ้าจากข้อมูลที่ได้มา เอ็งอยู่ห้องม.4/13 เลขที่ 13 ใช่มั้ย?”
“ครับ”
“อืมๆ งั้นก็เคยอยู่เหมือนข้านั่นแหละ ข้าอยู่ม.6/13 เลขที่ 13 มีอะไรมาหาข้าได้นะ เอ่อ...ไหนๆก็ไหนๆนะ ฝากไว้หน่อยล่ะกัน เลขนี้มันอาถรรพ์จริงๆ ทางที่ดีนะ เจอไอ้นั่นเมื่อไร ก็รีบมาอยู่กับพวกข้าซะ แล้วเอ็งจะปลอดภัย” เฮียพูดทิ้งท้ายแค่นั้น แล้วใส่หมวกกันน็อคขึ้นมอเตอร์ไซต์ออกไปโดยไม่มีบอกลา -*- ไปไม่ลามาไม่ไหว้จริงๆ...
“อะไรของแม่งวะ ทำข้าตกใจหมด นี่ข้าเตรียมจะเอาปืนมายิงเผื่อฉุกเฉินเลยนะนิ” ไอ้บอสที่นิ่งไปจนผมนึกว่ามันหายไปไหน โพล่งขึ้นมา พร้อมชูปืนให้ดู ทีอย่างนี้แม่ง ร่าเลย สัด -*-...
“เฮ้ยยยยยยยยยย!!!!! แล้วเอ็งเอาปืนขึ้นมาทำไม เก็บๆ ข้ากลัวปืนลั่น” ผมตะโกนว่ามันทันที
“ห่า กระต่ายตื่นตูมว่ะ ข้ายิงเป็นนะ อย่าดูถูกสิ ปืนมันลั่นกันง่ายๆที่ไหน” ไอ้บอสหันมาด่าผมกลับ
“เออ แม่งเสียเวลานานแระ ข้าอยากเล่นไพ่แล้วว่ะ ใครเสียยี่สิบนะเว้ย ฮ่าๆๆ” ไอ้อาร์ตที่เมื่อกี้ยังทื่อๆอยู่ก็หันมาว่าอีกเรื่องหนึ่งแทน
“เออๆ ไปๆๆ ขึ้นบ้าน” ผมเปิดประตูบ้านให้พวกมันเข้าไป มันมองบ้านผมแบบตกใจนิดๆ (แปลกใจว่ามันเพิ่งสังเกตเห็นเหรอ)
“บ้านเอ็งใหญ่ดีว่ะ” ไอ้เอกทักขึ้น
“แน่นอน ฮ่าๆๆ คนแม่งรวยก็เงี้ย” ผมทับถมคำชมมันไป แล้วหัวเราะร่า
“ข้าไม่น่าชมเลย งั้นเอ็งเล่นตานึงแพ้เสียร้อยนะเว้ย” ไอ้เอกมันยิ้มๆขบขัน ก่อนถอดรองเท้าที่หน้าประตู รอให้ผมไขกุญแจประตูบ้าน เพราะแม่ผมไม่อยู่ ดูจากแผ่น open/close ที่ติดอยู่หน้าประตูเอาน่ะครับ ถ้าแม่ผมไม่อยู่ แม่จะเปลี่ยนจากopen เป็นclose แทน ดูๆไป บ้านผมนี่เหมือนร้านตัดผมเลยเน๊าะ - -...
“บ้านเอ็งเหมือนร้านตัดผมเลยว่ะ” นั่น...ยังคิดไม่ทันขาดคำ ไอ้โบ๊ตมันเอ่ยขึ้น เรียกเสียงหัวเราะจากไอ้อาร์ตได้ดี (ไอ้อาร์ตมันมีหูสรน.น่ะครับ)
“เออ - - แล้วผิดเหรอวะ”
“ไม่ผิด แต่ข้ากำลังอยากตัดผมพอดี” มันพูดกวนๆในแบบของมัน แต่ผมรู้สึกเหมือนอยากเอาเท้าก่ายหน้า เพราะผมมักจะคุยกับมันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่แปลกที่คนอื่นคุยกับมันรู้เรื่องน่ะแหละครับ (แกน่ะสิแปลก -*-)
“งั้นเดี๋ยวข้าตัดให้ รับรองหล่อสะบัดแน่เอ็ง” - -+ ไอ้ปิ๊กเล่นกับมันแทนผม พลางส่งสายตาชิ้งๆให้ไอ้โบ๊ตด้วย
ไอ้โบ๊ตยิ้มแหยๆ “เกรงใจว่ะ ว่าแต่ไหนห้องเอ็งวะ ไอ้เท็ม” มันถามผม ผมเลยชี้ไปที่ห้องริมสุดของชั้นสอง
“เดี๋ยวข้าไปเอาไพ่ในห้องนั่งเล่นก่อน ขึ้นไปก่อนล่ะกัน เอ้อ อย่าไปเล่นเครื่องคอมพ์ฯข้านะ ขอเตือน” ผมยิ้มเชิงย้ำเตือนพวกมัน ผมรู้ว่าพวกมันไม่ทำตามหรอกครับ แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ผมมันไฟรั่วอยู่ไงครับ แต่ผมไม่อยากบอก เพราะอะไรก็รู้นะครับ...ฮ่าๆ
ผมไปหยิบไพ่มาเสร็จ แล้วก็เดินขึ้นมาบนห้องด้วยใจลุ้นๆ อยากเห็นคนย่างสดน่ะครับ... (ไอ้นี่แม่งโหด)
พอเดินเข้าไปในห้อง ปุ๊บ ....เงียบ
ตูม!!!!
ไม่ใช่เครื่องคอมพิวเตอร์ระเบิดนะครับ แต่มันเป็นเสียงของเครื่องคอมพิวเตอร์ผมที่พวกมันกำลังออๆกันเล่นอยู่
“อ้าว ไอ้เท็มมาแล้ว ปิดได้แล้ว ไอ้อาร์ต บ้าเกมไม่เลิกนะเอ็ง” ไอ้ต๋องว่ามัน แล้วลงไปนั่งบนพื้นส่วนที่กว้างที่สุดในห้องผม
ไอ้อาร์ตที่ปิดเครื่องคอมพ์แล้วในขณะที่ผมยังงงๆว่า เครื่องคอมพ์มันใช้ได้ตอนไหน ก็ลงมานั่งข้างๆไอ้ต๋อง ผมก็เลยถอนหายใจแล้วลงไปนั่งล้อมวงกัน...เล่นไพ่
“ไอ้อาร์ต ทำไมอยู่ดีๆเครื่องคอมพ์ข้าถึงเล่นได้วะ” ผมถามมัน ส่วนมันก็หัวเราะใหญ่
“ข้ารู้น่า ว่าเครื่องเอ็งแม่งไฟรั่วตอนที่จับ ข้าเลยเอาผ้ามาวางไว้ที่เครื่องแค่นั้นเอง” โธ่ นึกว่า แม่งสามารถซ่อมได้ -*-...หมดอารมณ์เลย
ผมบ่นๆกับตัวเอง แล้วก็เริ่มสับไพ่แจก “ตาละยี่สิบ ห้ามเบี้ยวนะสัด”
“เออ” พวกมันตอบอย่างพร้อมเพรียง
เล่นไปก็หัวเราะกันไปมา
“ข้าป๊อกเก้าว่ะ สัด ฮ่าๆ” ไอ้ต๋องว่า อย่างคนเมาเหล้า คนอื่นๆก็เลยเซ็งกัน ผมหันไปมองนาฬิกาที่ฝาผนัง
“ห้าโมงแล้ว พวกเอ็งกะจะไม่กลับเลยใช่ไหมวะ” ผมหันไปถามพวกมัน ผมเริ่มพาล เพราะยิ่งเล่นยิ่งหมดตัว ไอ้อาร์ตนี่เสียบ่อยสุด ตอนนี้มันจ๋อยไปแล้ว ส่วนคนที่กลับโกยได้มากที่สุด ดันเป็นไอ้ต๋องซะนี่
“เออ ใช่ๆ เลิกๆ เดี๋ยวแม่ข้าด่าบ้านแตกพอดี” ไอ้ต๋องว่า แล้วกวาดเงินที่มันได้มาเข้ากระเป๋า ผมนี่เสียไปตั้งสองร้อย อยากจะเป็นลม
“เออ เลิกๆ” ไอ้อาร์ตสนับสนุน มันนี่ลุกคนแรกเลย
“เสียแล้วพาลนะเอ็ง ฮ่ะๆ” ไอ้ปิ๊กล้อไอ้อาร์ต ไอ้อาร์ตมันเลยทำท่ากระฟัดกระเฟียดเล่นๆพลางหัวเราะ ก่อนจะเตะไอ้ปิ๊กไปทีหนึ่ง
มันเลยวิ่งไล่กันลงไปข้างล่างซะอย่างนั้น ผมเก็บไพ่ไปหัวเราะไป แล้วเดินลงไปส่งพวกมันข้างล่าง
“เออๆ ไปดีมาดี อย่าชนรถใครบุกนะเอ็ง ข้าไม่อยากเห็นแม่เอ็งไปประกันตัว” ผมส่งท้ายวันนี้สำหรับพวกมัน
ไอ้อาร์ตหันมาเตะผมดังอั่กที่ข้อพับไปที แต่ผมก็ยังไม่สะทกสะท้าน มันเลยต้องลากลับไป อย่างสงบ...(เหมือนผีเลยแหะ)
“เออ บายๆๆ” พวกนั้นหันมาลาผมหน้าประตู แล้วก็เฮฮากันไป แม่ผมก็เลี้ยวรถเข้ามาพอดี
“อ้าวมาแล้วเหรอ โทษทีนะเท็ม แม่ทำผมเพลินไปหน่อย” ไปเม้าส์มาสิแม่ - -...ผมรู้หรอก ฮ่าๆ
“ไม่เป็นไรครับ ฮ่าๆ”
“นั่นเพื่อนลูกเหรอ” ผมพยักหน้า
“ตั้งแต่โรงเรียนเก่าแล้วครับ” แม่ก็งืมงำรับไป แล้วก็เข้าไปทำอาหารในบ้าน ผมก็เลยเดินเข้ามาด้วย
...เฮ้อ ในที่สุดวันนี้ก็จบไปอีกวันล่ะนะ...
มาอัพแล้วขอรับท่าน ^^ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์เน้อ รับคนอ่านมากๆๆ
ดีใจที่มีคนอ่านนิยายบ้าๆบอๆของคนเขียนหน้าตาดี(ดูมันชมตัวเอง) 555 ล้อเล่นค่า
อ่านแล้วเม้นท์ๆๆๆ จะได้สวยๆหล่อๆนะเออ 555 ด่าก็ได้จ้า มิเป็นไร(เอามันออกฉากไปก่อนจะบ้า)
ความคิดเห็น