คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
เสียงอึกทึกดังไปทั่วซอยบริเวณบ้านของผมในเวลาตีสองกว่าๆ ซึ่งผมที่มัวแต่นั่งถ่างตาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้าม.4 จึงหยุดชะงัก และเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อดูต้นเหตุของเสียงนั้น ...เสียงนั่นไม่ได้ดังมาจากไหนไกลหรอก ...เพราะมันอยู่หน้าบ้านผมนี่เอง!!
เนื่องจากบ้านของผมเป็นบ้านที่อยู่ลึกมาก ซึ่งเป็นแทบเป็นบ้านเดียวในซอยที่ติดหลอดไฟไว้หน้าบ้าน เผื่อจะมีโจรงัดแงะ แต่ทว่า...กลับมาพวกนักเรียนอาชีวะกับนักเรียนอีกโรงเรียนหนึ่งกำลังตีกันนัวเนีย โดยอาศัยพึ่งพิงจากแสงไฟหน้าบ้านผม
ส่วนผมน่ะเหรอ...คนธรรมดาอย่างผมคงไม่ลงไปเป็นวีรชนคนกล้าหาญ รับมีดสปาต้าหรือมัดใหญ่ๆนั่นหรอก (หรือคุณบ้าขนาดนั้น?) แถมพวกอาชีวะมันมากันตั้งเจ็ดคน ส่วนอีกโรงเรียนที่มีผมเห็นเครื่องหมายลางๆ คาดว่าคงเป็นโรงเรียนเอกชนสักแห่งมากันอยู่แค่สามคน ใครตายคุณก็คงรู้นะ... แต่จะให้มันอึกทึกอย่างนี้ทั้งคืน ใครจะไปอ่านหนังสือต่อรู้เรื่องฟะ!! ใช่...ถึงผมจะคิดอย่างนั้น แต่ผมก็ไม่โง่ถึงขั้นไปแลกตัวเจ็บ และที่สำคัญกว่านั้น ผมยังงงๆอยู่ว่ามันตีกันออกจะดังขนาดนี้ ทำไมถึงไม่มีใครตื่นขึ้นมาดูเหตุการณ์บ้าง??
ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่ทิ้งไว้บนโต๊ะ มากดๆเบอร์หาตำรวจ สักพักก็มีคนรับสาย
“สวัสดีครับ คือหน้าบ้านผมมีคนตีกันน่ะครับ ตอนนี้เลือดโชกเลย คุณตำรวจช่วยมาไกล่เกลี่ยหน่อยได้ไหมครับ อ๋อ ครับๆ บ้านผมอยู่ที่หมู่บ้าน... ครับๆอยู่ด้านซ้ายสุดทางเลยครับ ครับๆรีบมาหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ” คุยกับตำรวจเสร็จ ผมก็วางสาย แล้วก็มานั่งเก้าอี้นั่งอ่านหนังสือเหมือนเดิม
ไม่ถึงสิบนาที ก็มีเสียงรถมอเตอร์ไซต์ประมาณสองคันดังมาไกลๆ แล้วมีเสียงโหวกเหวก คล้ายว่าบอกให้รีบหนีๆ ตำรวจมาประมาณนั้น ผมเลยรีบเดินไปดูที่กระจก เห็นตำรวจมาแล้วจับพวกที่มากันสามคนได้ ส่วนอีกเจ็ดคนที่เหลือหายไปกับสายลม - - ที่สามคนนั้นหนีไปไม่ทัน เพราะโดนรุมยำนอนแผ่อยู่ที่พื้นไงครับ (น่าจะเดากันได้)
พอพวกตำรวจลากคอสามคนนั้นไปเสร็จ ผมก็ยิ้มโล่งอก เพราะมันโล่งหูผมล่ะ ผมก็กลับไปอ่านหนังสือเรียนต่ออย่างตั้งใจ จนกระทั่งถึงเช้า...
“ตายแล้วลูกแม่!!! ไปทำอะไรกับตามาน่ะ คล้ำเชียว” แม่ผมแซวผมในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเมื่อคืนผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ตลอด ผมทำหน้างอนๆแม่ แม่เลยเข้ามาลูบหัวผมแล้วผลักเบาๆ ผมเลยหัวเราะออกมาหน่อยๆ
ผมรีบเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร เพราะผมใช้พลังงานของข้าวเย็นเมื่อวานหมดไปกับการอ่านหนังสือ เลยต้องรีบเพิ่มหลัง ก่อนที่จะไปสอบเข้าเรียนต่อในวันนี้
พ่อผมที่นั่งกางอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะ ด้วยความสามารถของพ่อ เชื่อไหมล่ะว่าพ่อผมกางหนังสือพิมพ์ให้ตั้งอยู่ได้ด้วยมือเดียว แล้วใช้อีกมือตักโจ๊กกินโดยไม่หกน่ะ
“คุณนี่ก็ รีบๆกินหน่อย เดี๋ยวต้องไปส่งเท็มไปสอบเข้านะ” แม่ผมบ่นๆกับพ่อ ในขณะที่พ่อผมก็วางหนังสือพิมพ์ลง แล้วก็หัวเราะหน่อยๆ
“คุณนี่ตื่นเต้นแทนลูกมันนะเนี่ย นี่เพิ่งเจ็ดโมงเอง เข้าสอบตั้งแปดโมงครึ่ง คุณจะให้ผมไปช่วยยามเปิดโรงเรียนให้นักเรียนเข้าไปสอบรึไง” พ่อผมเล่นกับแม่ทีนี่ เหมือนตลกคาเฟ่ยังไงไม่รู้ เล่นเอาผมที่ตักโจ๊กเข้าปากที่แทบพ่นเลยอ่ะ...
แม่หัวเราะน้อยๆแล้วตบบ่าพ่อดังปั่ก ซึ่งพ่อก็คงเจ็บน่ะ หน้าเบี้ยวเลยนั่น ...คิดไปคิดมา บ้านผมมันก็เพี้ยนๆดีอ่ะนะ เอ้อ...ว่าแต่เหมือนขาดใครไปคนนึงแหะ...
“เอ้อ แม่ครับ แล้วไอ้ทิ้วล่ะครับ” ผมถามหาน้องชายตัวแสบที่ห่างจากผมสองปี ที่นานๆทีผมจะได้เห็นหน้ามันตอนเช้าสักครั้ง - - (มันชอบตื่นสายไงครับ)
“ออกไปล่อนกับเพื่อนๆมันตั้งแต่หกโมงแล้ว ไม่รู้มันเป็นอะไรพักนี้คึกจริงๆ” แม่ผมบอกพลางตักโจ๊กเข้าปาก
“ห๊ะ มันเนี่ยนะ ตื่นเช้า พระเจ้า โลกแตก!” ผมบ่นๆ พร้อมกับหัวเราะนิดๆ...สงสัยจะกินยาลืมเขย่าขวดแหงๆ มันถึงได้บ้าตื่นเช้า เพื่อไปสอบซ่อม...- - เฮ้อ...เหนื่อยใจนะครับ มีน้องชายโง่ๆเงี้ย ได้2.30 แต่ผมน่ะ 3.91 โดยความจริงแล้ว ผมน่ะเรียนยากกว่ามันนะ เกรดมันยังต่ำกว่าผมเลย คิดดู มันโง่แค่ไหน (ย้ำตลอดแหละครับ ฮ่าๆ เพราะผมไม่มีอะไรที่ดีกว่ามัน นอกจากเรื่องนี้ไง)
“จะเขี่ยชามเปล่าอีกนานไหม ลูก เดี๋ยวจานเป็นรอย แม่เสียดาย” แม่ผมก็ตลกคาเฟ่อีกคน เอาซะผมหัวเราะค้างเลย ฮ่าๆๆ
“คร๊าบบบ คุณแม่” ผมตอบรับ แล้วยกชามพ่อกับแม่ไปไว้ในครัว ก่อนจะไปเดินไปที่โรงรถ (บ้านผมรวยนะครับ ขอบอกๆ) ผมขึ้นรถไปกับพ่อ จนมาถึงโรงเรียนที่เป็นเป้าหมาย
...ณ โรงเรียนสหเทพวิชา...
โรงเรียนดังในแทบบ้านผมที่ติดอันดับของประเทศในอันดับต้นๆ ซึ่งพ่อกับแม่ผมก็จบมาจากที่นี่น่ะแหละ...- - ผมถึงต้องมาสอบ เพราะพ่อแม่กรอกหูทุกวันและหวังไว้สูงมาก ว่าจะให้ผมเป็นหมอ ...หมอสุนัขล่ะพอทน แต่หมอคนผมคงไม่เก่งพอน่ะครับ ฮ่าๆๆๆๆ (ฮาไหมนั่น)
“สอบแค่ให้เข้าได้ก็พอแล้วลูก ได้คะแนนดีรึเปล่าไม่ต้องสนใจนะ” พ่อผมพูดแล้วชูนิ้วโป้งให้ผม แบบให้กำลังใจ...ซึ้ง...ตรงไหนฟะ!?
ผมพยักหน้าหงึกหงัก แล้วลงจากรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม...กับผีสิ เครียดเป็นนะนิ หันมามองทั้งโรงเรียนเลยง่ะ...ไม่ได้มองเพราะผมหน้าตาดีหรอกนะ แต่มองว่าผมมารถแบบหรูโคตรไง (ก็บอกแล้วว่ารวยจริง) แบบบีเอ็มดับบิว สีดำป้ายแดง แบบเกินหน้าเกินตาน่ะครับ หึๆ
ผมก็ไม่ได้สนใจนะ เดินเลี่ยงๆสายตา เข้าไปในโรงเรียนเอา หันซ้ายหันขวา หวังจะมาเจอไอ้เพื่อนรักโรงเรียนเก่าที่ได้ข่าวมาว่าก็มาสอบเกือบสิบคน
พลั่ก!!
อะไรบางอย่างมาชนหลังแบบแรงมากๆ จนผมแทบกระเด็น (อย่างเว่อร์) ผมหันขวับไปดูเจ้าที่มากระแทกหลังผม ...ไม่ยาก คงเดาได้นะครับว่าอะไร ...รองเท้าไซส์41 แบบเต็มๆหลังเลยครับ... ผมมองหาเจ้าของรองเท้า ซึ่งก็ดันไม่ใช่ใครที่ไหน ยืนเรียงกันหน้าสลอนมันทั้งเจ็ดคนเลย ไอ้คนที่ไม่มีรองเท้าอีกข้างก็มีอยู่คนเดียว...
“ไอ้อาร์ต แสบนะเอ็ง!!!” ผมกระชากเสียง หยิบรองเท้ามันขึ้นมา แล้ววิ่งไล่มันไปทั่ว มันก็คงรู้แหละครับว่าผมจะทำอะไรมัน มันเลยรีบวิ่งตีโค้งหายไปในสนามฟุตบอลที่มีพุ่มไม้ขวางอยู่ ผมเลยรีบกระโดดตามไป หมายจะเอารองเท้ามันปาหัวสักที
“ก็ข้าแสบน่ะสิ ถึงได้เป็นเพื่อนเอ็งไง ไอ้ซื่อบื้อ” ไอ้อาร์ตมันยังหันมาล้อเลียน ทั้งๆที่วิ่งอยู่ มันเลยชนกับอัฒจรรย์ ข้างสนามซะ ล้มลงไปกองกับพื้นเลยน่ะสิ ผมเลยต้องหัวเราะเยาะทับถมมัน ในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นก็เดินตามผมมา แล้วเห็นสภาพไอ้อาร์ต มันก็หัวเราะกันใหญ่
“เป็นไงล่ะเอ็ง แพ้ภัยตัวเองนี่เจ็บไหมวะ” ไอ้ต๋อง ที่เป็นคนที่เรียนเก่งมากๆ (มากที่สุดในกลุ่ม) มันถากถางด้วยสีหน้าที่บ่งบอกได้ว่าโคตรสะใจ แถมมันยังไปช่วยเอาเท้าเขี่ยๆที่ขาไอ้อาร์ต ประหนึ่งว่าเห็นมันเป็นศพหนูตายก็ไม่ปาน ที่เหลือก็ได้แต่หัวเราะจนตัวงอไม่หยุด
“สมน้ำหน้า ข้อหาทำเสื้อข้าเป็นรอย เอานี่ไปกินซะเหอะว่ะ” ผมเอ่ย ทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ ผมเอารองเท้ามันตบไปที่หัวเจ้าของรองเท้าไปทีหนึ่งแบบแรงมากๆ (เพราะผมลืมยั้งมือ - - ) ไอ้อาร์ตมันเลยร้องโอดครวญซะ อย่างกับกะเทยโดนข่มขืน แล้วหันมาด่าสาดเสียเทเสีย ด่าพ่อแม่อาก๊งอาม่าผมซะเยี่ยงนั้น
แต่ผมไม่ได้สนใจมันไง ก็ผมเอาคืนแล้ว ผมเลยได้แต่หัวเราะหึๆ แล้วโยนรองเท้าเน่าๆไปให้เจ้าของซะ
ปิ๊ง~ป่อง~
เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นจากลำโพงใกล้ๆสนามฟุตบอลที่พวกผมนั่งอยู่
[นักเรียนที่มาสอบเข้าชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กรุณาไปรวมกันที่สเตรเดียมที่อยู่ฝั่งซ้ายมือของอาคาร 7 โดยด่วน ก่อนเวลาเก้าโมง ก่อนที่ทางเราจะตัดสิทธิ์ทันที...ขอบคุณค่ะ]
ปิ้ง~ป่อง~
“แม่ง ...เรียกแล้วว่ะ ไปได้แล้วไอ้อาร์ต สำออยอยู่ได้” ไอ้เอก เพื่อนสนิทของไอ้ต๋อง ซึ่งมันก็เรียนเก่งพอๆกับเพื่อนมันบอก แล้วลากคอไอ้อาร์ตให้ลุกขึ้น เพราะมันเล่นสำออยไม่ลุกไปไหนเลย กะจะให้ผมขอโทษมั้ง แต่คงยากว่ะเพื่อน ไม่ดิ มันจะหาโอกาสแกล้งผมแบบในหนังมากว่า แบบยื่นมือมาช่วยแล้วดึงลงไปนอนแทนไรเงี้ย - - ผมรู้ทันมันน่า
“ไปๆๆ ข้าเซ็งแล้ว สอบติดไม่ติด ข้าไม่สนล่ะ ยังไงโรงเรียนเก่าก็มีให้เรียนต่อเหมือนๆกัน” ไอ้บอส ที่ชีวิตทั้งชีวิตมันมีแต่ความชิลด์ และความหน้าตาดีที่พกมาแต่เกิดไล่พวกผมให้รีบๆไปตามที่เขาบอกได้แล้ว ซึ่งพวกผมรวมทั้งไอ้อาร์ตที่โดนลากให้ลุกขึ้นทั้งที่สีหน้ายังบูดเบี้ยวก็ยอมไปแต่โดยดี (กลัวพ่อมันยิงไส้ผมแตกน่ะครับ ก็พ่อมันเป็นสารวัตรอ่ะ - -...)
ข้อสอบมันเป็นอะไรที่ง่ายเว่อร์อย่างที่ผมไม่อยากจะเชื่อ ปัญหาโดลกแตกชัดๆ มีอะไรเอ่ยด้วยอ่ะครับ พี่น้อง - -... (เอากับมันดิ) ปัญหาเชาว์เงี้ย แล้วไอ้ที่ผมอ่านมามันจะมีความหมายห่าอะไร!!!!!!!!!
เรื่องใหม่ (มาอีกแล้ว) ค่า ^^ ฝากด้วยน้า รักคนอ่านน้า กรุณาอย่าเกลียดคนเขียนเลย
ดีไม่ดียังไงก็บอกด้วยนะคะ ห่างเหินจากนิยายมานานมากกกกกก เพิ่งกลับมาเขียนอ่ะค่ะ
หรือเนื้อหาแย่ยังไงก็บอกมาเลยค่ะ เม้นท์ๆด้วยนะ ใครเม้นท์ขอให้มีแฟนหน้าตาดี (เหมือนคนเขียน) 555+
ความคิดเห็น