Rainny Girl มันคือรัก... [Yuri]
"นิม"สาวสวยที่มากับฝน เธอกำลังมาเพื่อทำให้ใจของ "เวย์" สั่นคลอน ความรักที่มีคำว่า เพศและความถูกต้องมาคั่นกลางอยู่ มันจะจบลงอย่างไรนะ?...
ผู้เข้าชมรวม
275
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ณ โรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่ง
เป๊าะแป๊ะๆๆๆๆๆ
.ซ่า!!!!!!!!!
ห่าฝนตกกระหน่ำ จนทำให้นักเรียนที่กำลังเดินเข้าโรงเรียนในช่วงเช้า วิ่งกระจัดกระจายกันเข้าอาคารเรียน ขณะที่เวย์ นักเรียนใหม่ที่เพิ่งมาเรียนที่โรงเรียนนี้เป็นวันแรกได้แต่ยืนอยู่หน้าป้อมยาม กับคนอื่นๆที่วิ่งเข้าอาคารเรียนไม่ทัน
เฮ้อ
. แย่จริงๆเลย ทั้งที่ๆเพิ่งจะมาโรงเรียนวันแรก ก็น่าเศร้าซะแล้ว
เวย์มองออกไปข้างหน้าที่มีนักเรียนกางร่มบ้าง วิ่งฝ่าฝนบ้าง คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆเธอก็เริ่มออกวิ่งกันแล้ว แต่ถามว่าทำไมเธอไม่วิ่งกับเขาน่ะเหรอ
ก็เป็นเพราะเธอไม่รู้น่ะสิว่า เธอเรียนอาคารไหน ห้องอะไร วิ่งไป แต่ละอาคารก็ไม่ได้เชื่อมติดกัน แล้วก็ไม่มีกันสาดอีก เธอก็เลยไม่อยากเสี่ยงที่จะวิ่งไปให้เปียกฝนกว่าเดิม
เพียงแต่หวังให้พายุฝนลูกนี้จะหายไปโดยเร็วที่สุด
“โธ่เว้ย! ทำไมวันนี้มันซวยงี้วะ” เด็กสาวอีกคนที่เพิ่งวิ่งผ่านหน้าประตูโรงเรียนเข้ามาหลบฝนใกล้ๆเวย์สบถขึ้น เวย์จึงเพิ่งได้สังเกตว่าตอนนี้มีเธอกับคนๆนี้เท่านั้นที่ยังอยู่ตรงนี้ และเหมือนเธอจะจ้องเขานานไป ทำให้เด็กคนนั้นหันหน้ามามองอย่างสงสัย
“เด็กใหม่เหรอ?” จู่ๆเด็กคนนั้นก็ถามเธอ เวย์ก็เลยชี้นิ้วมาที่ตัวเองเป็นเชิงถามว่า ถามฉันเหรอ?
“ก็ใช่น่ะสิ” เขาพยักหน้าพลางยิ้มให้ เวย์ก็เลยต้องยิ้มตอบอย่างเป็นมิตร
“ใช่” เวย์ตอบเสียงแผ่ว เธอไม่คุ้นกับการคุยกับใคร กับการอยู่ในสังคมใหม่ๆเลยจริงๆ
“ม.เดียวกันเลย อยู่สายอะไรอ่ะ” เหมือนเขาจะพยายามชวนเธอคุย เด็กสาวผมยาวหน้าตาน่ารัก เขาสูงประมาณร้อยหกสิบกว่าได้ล่ะมั้ง
ดูดีขัดกับคำพูดประโยคแรกเมื่อกี้ของเขาเลยแหละ
“วิทย์คณิต” เธอตอบห้วนๆ แต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“เฮ้ย! เหมือนกันเลย หวังว่าเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันนะ เราชื่อ นิม ยินดีที่ได้รู้จักนะ เธอชื่อไรอ่ะ” นิมช้อนสายตาบ๊องแบ๊วใส่เธอ ดูน่ารักเหมือนลูกแมวเลยทีเดียว
“เราชื่อ เวย์ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน” ไม่รู้เพราะอะไร หัวใจมันถึงหวิวๆกับท่าทางอย่างนั้น
อาจจะเพราะอากาศก็เป็นได้ล่ะมั้ง?...
จากวันนั้นก็ผ่านมาสี่ปีแล้ว ยังรู้สึกเหมือนมันคือเมื่อวานอยู่เสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม
“เวย์เว้ยยยยยยยยยยยย!!” เสียงตะโกนดังมาแต่ไกล แต่เป็นคำที่เธอยังอยากจะฟังอยู่เสมอ เพราะเป็นประโยคที่ออกจากปากของคนที่
.
“ว่าไง ถืออะไรมาล่ะนั่น” ตอนนี้พวกเขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้ว เราเอ็นท์ติดมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่คนละสาขา เธอเรียนวิศวกรรมศาสตร์ แต่นิมเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์ แต่มหาวิทยาลัยของเราวิศวะกับสถาปัตย์อยู่รั้วเดียวกัน จึงทำให้เจอกันง่ายๆ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือ เธอกับนิมอยู่หอพักห้องเดียวกัน
“โหยยยยย ดูแค่นี้ก็น่าจะรู้ ผลงานชิ้นใหม่ เอามาให้ดูก่อน เดี๋ยวต้องไปส่งอาจารย์แล้ว” นิมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วยกผลงานโมเดลตึกรูปทรงคล้ายหัวจรวดให้เธอดู มันดูละเอียดสมเป็นผลงานของคนๆนี้เหลือเกิน เห็นอย่างนี้ แต่เวลาตั้งใจทำอะไรแล้ว นิมจะไม่สนใจอะไรรอบข้างเลย
“สวยดี” เป็นคำชมที่อาจจะดูสั้นไป แต่สำหรับนิมที่รู้จักกันมาสี่ปีถือว่า เป็นคำชมที่เธอพอใจที่สุด เพราะตัวเธอเป็นคนที่รู้สึกอย่างไร ก็พูดอย่างนั้น
“จริงนะ ขอบใจมากเลยเวย์ เค้ามั่นใจขึ้นเยอะเลย” นิมยิ้มดีใจจนตาหยีไปหมด เธอเลยได้แต่มองรอยยิ้มนั่น
ไม่อยากให้รอยยิ้มนี้หายไปเลย ไม่อยากให้มันหายไป
“งั้นเค้าไปส่งงานก่อนนะ เดี๋ยวเจอกันที่หอค่ะที่รัก แล้วเดี๋ยวไปกินข้าวกัน” นิมว่า ก่อนจะโบกมือลา เดินจากไป นิมจะเคยรู้ไหมนะว่า คำว่า “ที่รัก” ที่เขาพูดเล่นๆแบบสนุกๆเหมือนสมัยเป็นมัธยมน่ะ มันทำให้ใครที่ต่างรู้จักเรา คิดว่าเราเป็นอย่างอื่นที่มากกว่าเพื่อน เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงสวย ผมยาว น่ารัก เหมือนอย่างนิม แต่เป็นผู้หญิงห้าวๆ เงียบขรึม ผมสั้น รูปร่างก็ค่อนข้างเหมือนผู้ชาย มันจึงทำให้ใครๆต่างเข้าใจผิด ตัวนิมก็รู้ดีว่าคนเขามองกันยังไง แต่นิมบอกกับเธอว่า ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ใครจะมองยังไงก็ช่างมัน
แต่นิมจะรู้ไหมว่า คนอีกคนน่ะมัน
คิดอะไรไปถึงไหนแล้ว
เวย์ได้แต่สะบัดหัวแล้วลุกขึ้นจากม้าหินที่นั่งเล่นรอนิมเมื่อครู่นี้ สะพายเป้ขึ้นหลัง ขี่จักรยานตรงกลับหอพักทันที
อันที่จริงเวย์ก็มีผู้หญิงมาปลื้มมากมาย แต่ส่วนมากจะเข้าใจว่า เวย์คบกับนิมอยู่ จึงทำให้เวย์ไม่ได้มีใคร ส่วนนิมเอง ก็มีผู้ชายมาชอบมากมาย แต่พอผู้ชายเห็นพวกเราอยู่ด้วยกัน ก็คิดว่า นิมคงไม่ชอบผู้ชาย เลยไม่มีใครมายุ่งกับนิมเหมือนกัน มันดีสำหรับเวย์นักที่เหมือนได้ครอบครองคนๆนี้
ให้คนๆนี้เป็นของเธอ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่เคยรู้อะไรก็ตามที
แต่ถ้าวันใด นิมเจอคนที่ใช่ คนที่ดี
คนที่ไม่คู่ควรคนนี้ ก็จะถอยให้อย่างไม่ลังเล
ล่ะมั้ง
และแล้วมันก็ผ่านมาสองปี
“เฮ้อ
เหนื่อยชะมัดเลยอ่ะเวย์” นิมที่เพิ่งเรียนเสร็จมา กำลังนั่งซ้อนท้ายจักรยานของเธออยู่บ่นกระปอดกระแปดพลางเอาหน้าซบถูกับหลังเธออย่างอ้อนๆ เวย์แอบขำเล็กน้อยกับท่าทางนั้น
แต่วันนี้เธอมีบางอย่าง
บางอย่างที่อาจจะเปลี่ยนคนที่ซ้อนท้ายเธออยู่ไปตลอดกาล
แต่เธอมั่นใจว่า สิ่งๆนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับนิม ใช่ดีที่สุด
“เดี๋ยวกลับไปที่ห้อง มีอะไรจะให้ มันทำให้หายเหนื่อยแน่ๆ” เป็นครั้งแรกที่นิมรู้สึกแปลกใจกับคำพูดของเวย์ แต่เขาก็ดีใจที่ดูเหมือนเวย์จะมีเซอร์ไพร้ส์อะไรให้
“จริงนะ!! เวย์น่ารักที่สุดเลย” นิมพูดอย่างลิงโลด แล้วโอบเอวเธอไว้แน่น ถ้านิมขยับถือขึ้นสูงกว่านั้น คงจะรับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจของใครอีกคน ที่กอดอยู่ เสียงหัวใจเต้นแรง แต่มือกลับเย็นเฉียบ
แล้วรถจักรยานก็มาหยุดอยู่หน้าหอ นิมลงไปแล้วหยิบคีย์การ์ดวิ่งเข้าไปข้างในก่อนเลย ท่าทางเธอจะตื่นเต้นมาก แต่เธอจะรู้ไหมว่า ใครบางคน รู้สึกดีใจกับสิ่งที่จะให้ แต่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองอาจจะต้องเสียไป
เวย์วิ่งตามนิมขึ้นไป นิมยังคงยืนอยู่หน้าห้อง และมองมาที่เธอด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ตรึงให้คนๆนี้ยังอยู่ได้ รอยยิ้มที่ทำให้ทั้งโลกสดใส
“เข้าไปสิ” นิมพยักหน้าอย่างว่าง่าย แล้วไขกุญแจเข้าไปในห้อง
สิ่งที่นิมเห็นเบื้องหน้าคือ ชายหนุ่มเพื่อนร่วมคณะที่อยู่ห้องพักฝั่งตรงข้ามกันนี่เอง
“ปราชญ์?” นิมเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างงงงวย แล้วสลับไปมองเวย์ที่ยืนอยู่ข้างหลัง ทำไมนิมจะดูไม่ออกว่าคนด้านหลัง ที่กำลังยิ้มให้อยู่ มันฝืนยิ้มแค่ไหน
แล้วนี่คืออะไร?
“นี่แหละ สิ่งที่เค้าจะให้นิม เรารู้ว่าเธอสองคนใจตรงกัน แล้วปราชญ์ นายทำให้เรามั่นใจว่า ฝากนิมไว้ได้” ปราชญ์เดินเข้ามาหา พลางมองที่เวย์อย่างขอบคุณ
“ไม่ใช่
ทำไมมันเป็นอย่างนี้ล่ะเวย์ อะไรกัน? เวย์คิดอะไรอยู่” นิมถามอย่างสับสน เธอไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอีกแล้ว ปราชญ์เกี่ยวอะไรด้วย?
“โธ่ นิมอย่าพูดอะไรแปลกๆสิ ปราชญ์หน้าเสียแล้วนะ เค้าเป็นเพื่อนกับนิมมาตั้งนาน ทำไมจะไม่รู้ว่า นิมน่ะชอบปราชญ์ ใช่ไหมล่ะ?” เวย์ขยับยิ้มอ่อนโยน แล้วลูบหัวนิมอย่างแผ่วเบา แต่นิมรับรู้ได้เลยว่ามือของเวย์สั่นมาก
“เค้าอยากให้เธอสองคนได้คุยกันจริงจังสักทีน่ะ” พอเวย์พูดจบ นิมก็น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง แม้จะไม่รู้ว่าทำไม เธอไม่รู้ตัวเลยว่า ร้องไห้ทำไม
แต่มันก็อาจจะจริงที่เธอมองปราชญ์บ่อยๆ
แต่นั่นก็เพราะว่าปราชญ์คล้ายคนบางคนที่ทำให้เธอรู้สึกดีตลอดเวลา อย่างคนที่ลูบหัวอยู่นี้
. เธอไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องชอบผู้ชายอย่างเดียวนี่ คนๆนี้เคยเข้าใจความรู้สึกเธอบ้างไหม?
“ปราชญ์คุยกับนิมนะ ดูแลนิมด้วย เดี๋ยวเราไปรอห้องนายก่อนล่ะกัน” เวย์ชูกุญแจที่สลับกับปราชญ์ไปเมื่อเช้า แล้วอมยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินหันหลังออกมา เดินไปเปิดห้องตรงข้าม แล้วปิดประตูลง
เธอไม่อยากรับรู้เรื่องราวหลังจากนั้นตอนนี้แน่ๆ ยังไม่พร้อม
ที่จะรับรู้อะไรทั้งนั้น ยังไงมันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
ใช่ ผู้หญิงมันจะรักกันเองน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก
“เอ่อ
นิมครับ” ปราชญ์ส่งเสียงเรียกความสนใจจากนิม นิมหันมาสบตาคนตรงหน้าที่มีแววสั่นไหว ดูเขาจะตื่นเต้นมาก เหมือนใครคนนั้นเหลือเกิน ทุกนิสัยทุกท่าทาง เขาอยู่คณะเดียวกัน ทำให้ได้เจอหน้ากันบ่อย ยิ่งมองยิ่งเหมือน หน้าตาก็คล้าย ราวกับเป็นฝาแฝด
“หืม ว่าไงปราชญ์ เวย์คงไปบังคับปราชญ์มาอ่าดิ อย่าเครียดๆ” นิมพยายามทำตัวเป็นตัวเองที่สุด เหมือนเวลาคุยกับปราชญ์ปกติ เธอกำลังพยายามยิ้ม ทั้งๆที่ข้างในมันรัดแน่นไปหมด รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน
“ไม่หรอก
เราเองนั่นแหละที่ขอให้เวย์ช่วย
เราอยากขอเป็นคนดูแลนิมต่อจากเวย์น่ะ ได้ไหม?” ปราชญ์ก้มหน้ามองพื้น แล้วค่อยๆกร่อนออกมาทีละคำ ถึงจะแผ่วเบา แต่มันก็หนักแน่นพอที่จะทำให้รู้ว่า คนๆนี้จริงจังแค่ไหน
“เป็นไปไม่ได้หรอก
นิมกับเวย์เป็นเพื่อนกัน แสดงว่า ปราชญ์อยากเป็นเพื่อนเราอ่าดิ” แล้วนิมก็หัวเราะร่วนกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกมา อีกฝ่ายเลยได้แต่อ้ำอึ้งไปไม่ถูก แต่สักพักก็ถอนหายใจออกมา
“ผมอยากขอคุณเป็นแฟน ผมอยากดูแลนิม ได้ไหมครับ” ปราชญ์ลองอีกครั้ง คราวนี้เขาชัดเจนกว่าเดิม นิมยิ้มจาง แล้วหันไปมองประตูอีกฟากของห้องนี้ที่ถูกปิดอยู่
ถ้าเธอไป เวย์คงสบายใจ ไม่ต้องมาดูแลคนอย่างเธอ เวย์จะได้มีอิสระเสียที งั้นเธอทำตามที่เวย์ต้องการก็ได้
“งั้นก็ได้ เราจะเป็นแฟนปราชญ์นะ” ว่าแล้ว นิมก็ยิ้มให้ปราชญ์แม้จะขืนๆอยู่บ้างก็ตาม ปราชญ์เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ อย่างที่นิมเองไม่เคยเห็นเขาเป็นมาก่อน
“จริงนะนิม เป็นแฟนเราจริงนะ” ปราชญ์ถามย้ำ ไม่เหลือเค้าของความหวั่นไหวเมื่อครู่เลย
ถ้าเป็นเวย์ เวย์จะดีใจอย่างนี้ไหม จะกระโดดโลดเต้นจะหมดมู้ดแบบนี้ไหมนะ
“ถามบ่อย เดี๋ยวเปลี่ยนคำตอบซะเลย” นิมพูดติดตลก
คนๆนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เวย์เลือกแล้วนี่นะ นิมเชื่อใจเวย์ที่สุดนะ เวย์รู้ไหม
“งั้นเราไปหาเวย์กัน ป่านนี้คงเป็นห่วงน่าดูแล้ว” ปราชญ์ผายมือให้เธอเดินไปห้องตรงข้าม เธอก็หุบยิ้มลงทันทีที่รู้ว่าจะต้องไปเจอใครบางคน ที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำอย่างนี้
เหนื่อยที่ดูแลเธอเหรอ? อยากมีชีวิตส่วนตัวใช่ไหม? เพราะอะไร
เธอไม่อาจรู้ได้เลย
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องทำให้เวย์ต้องสะดุ้งจากอาการเหม่อลอย แล้วเดินไปเปิดประตู เพราะรู้ดีว่าคนที่เคาะนั่นเป็นใคร
“เสร็จแล้วเหรอ” เวย์แสร้งยิ้มบาง ให้คนทั้งคู่ที่ปราชญ์ดูจะมีความสุข ในขณะที่อีกคนนึงกลับมองเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก นิมไม่เคยใช้สายตาอย่างนี้มาก่อนเลย
“อืม ขอบใจมากนะ เวย์” ปราชญ์กล่าวอย่างอารมณ์ดี แล้วค่อยๆลูบหัวนิม เหมือนตัวปราชญ์จะรู้ถึงปฏิกิริยาแปลกไปของนิม “เป็นอะไรครับนิม” ปราชญ์ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง นิมเลยเงยหน้าขึ้นมามองเขา แล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะส่ายหัว
“งั้นเวย์
วันนี้เราขอยืมตัวนิมไปกินข้าวหน่อยนะ คงไม่ว่ากันใช่ไหม” ปราชญ์ยังเอามือลูบหัวนิมอยู่ แต่หันมาขออนุญาตผู้มีพระคุณตรงหน้าก่อน
“เอาสิ ตามสบายเลย ข้าวใหม่ปลามันก็เงี้ย” เวย์พูดขำๆ เธอพยายามไม่มองนิมให้มากจนเกินไป ไม่อยากแสดงความรู้สึกอะไรให้อีกฝ่ายรู้
“ขอบใจนะ งั้นนิมครับ ไปกันเถอะ เรารู้จักร้านอร่อยๆอยู่ร้านนึง” นิมพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเราทั้งสามคนก็ออกมาจากห้องปราชญ์ ก่อนที่เวย์จะสลับกุญแจคืน และโบกมือลาทั้งสองคน
“โชคดีนะ” เวย์บอก ก่อนจะขอตัวเข้าห้องไป
อยู่ตรงนี้นานๆไม่ได้หรอก ไม่งั้นเธอคงจะต้องพูด พูดรั้งคนทั้งคู่แน่ๆ
“เป็นไงมั่งครับนิม อร่อยไหม” ปราชญ์ถามนิมที่เอาแต่นั่งเงียบแล้วกินอย่างเดียว
“อืม อร่อยดีๆ ปราชญ์นี้เข้าใจเลือกร้านเนาะ” นิมที่ปกติเป็นคนอัธยาศัยดี จึงไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้สึกแย่ เธอจึงยอมคุย คนตรงหน้าเขาก็เป็นดีมากๆ เอาใจใส่เธอเหลือเกิน
“ดีใจจัง ตอนแรกเห็นนิมทำท่าเบื่อๆ เราก็ไม่แน่ใจว่านิมไม่พอใจที่เราพานิมออกมาโดยไม่ขอนิมก่อนรึเปล่า” ปราชญ์พูดแทบจะลิ้นพันกัน เขาดูจะเพิ่งเคยทำอะไรอย่างนี้เป็นครั้งแรก เลยดูลุกลี้ลุกลนไปหมด ตั้งแต่ตอนที่เธอขึ้นมอเตอร์ไซต์เขามาด้วยแล้ว
“ฮ่าๆ ไม่หรอก เราแค่ไม่ชินน่ะ ไม่เคยมีแฟน” ประโยคสุดท้าย ทำไมไม่รู้นิมถึงรู้สึกเจ็บแปล๊บแบบบอกไม่ถูก
“จริงเหรอ? เราก็ไม่เคยมี แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่านิมจะไม่เคยมี”
“ทำไมล่ะ ฮ่าๆๆๆ เราก็ไม่ใช่คนดีอะไรพอให้ใครมาสนใจสักหน่อย”
“ไม่จริงหรอก อะไรกัน? นิมไม่เคยรู้เหรอว่า มีตั้งหลายคนที่ชอบนิมอยู่นะ” ปราชญ์ว่าพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“ไม่รู้สิ เราไม่เคยสนใจน่ะ ปกติเราก็อยู่แต่กับเวย์อย่างเดียว” นิมตอบ ก่อนจะหยุดกินแล้วเงยหน้ามาสบตาคนตรงหน้าแบบตรงๆ
ปราชญ์ชะงักไปเล็กน้อย ที่ถูกจ้องแบบนั้น “เหรอ
นิมกับเวย์สนิทกันมากสินะ” เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ ไม่สิ มันแปลกมานานแล้ว ตั้งแต่เขาพบและรู้จักกับนิม นิมไม่เคยห่างกับเวย์เลยสักนิดเดียว ไม่เคยเลย
“ใช่ จนบางครั้งเราก็รู้สึกว่า เวย์คงต้องการอิสระบ้างล่ะมั้ง ฮ่าๆ” นิมหัวเราะฝืดๆ ก่อนจะเริ่มลงมือกินต่อ “อย่าสนใจเลย กินกันเถอะๆ เดี๋ยวเย็นหมด” ว่าแล้วเธอก็ยิ้มสวยๆให้คนตรงหน้าได้ใจชื้นขึ้นอีกนิด
“อืมครับ” พอได้เห็นรอยยิ้มของคนรัก ปราชญ์ก็ฉีกยิ้มได้อีกครั้ง
เขาคงจะคิดมากไปเอง
คลิ๊กๆ
แอ๊ดดดดดดดด
เสียงประตูห้องเปิดออก เวย์ที่กำลังนั่งฟังเพลงเหม่อๆ จึงต้องหันมามองเพื่อนร่วมห้องที่รู้จักกันมานาน ที่กำลังจ้องมาที่เธอ
“กลับมาแล้วเหรอ” เวย์ปิดวิทยุทิ้ง แล้วหันไปยิ้มให้ผู้มาใหม่
แต่นิมกลับไม่มีรอยยิ้มระบายบนหน้าคืนให้เหมือนทุกครั้ง เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย
“สนุกไหม” ก็ยังไม่มีคำตอบจากคนตรงหน้าที่เดินเข้ามาประชิดตัวเธอ
หมับ!
จู่ๆ นิมก็เข้ามาสวมกอดเวย์แน่น จนคนถูกกอดตกใจ ทำอะไรไม่ถูก
“เหนื่อยมาตลอดใช่ไหม ที่ดูแลเค้า เหนื่อยมากไหม” นิมถามเสียงอู้อี้ ความชื้นที่ไหล่ที่เวย์รู้สึกได้ ทำให้ใจของเธอสั่นไหวอย่างยากจะควบคุม เหมือนมันใกล้จะแตก จะร้าวออกมาเป็นเสี่ยงๆ เมื่อรู้ว่าคนที่กอดเธออยู่กำลังร้องไห้
“ไม่
เค้าไม่เคยเหนื่อย นิมเป็นอะไร?” เวย์กอดตอบ แล้วกระชับให้แน่น เธอกลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไปเหลือเกิน
“แล้วทำไม
ทำไมถึงให้ปราชญ์มา ทำไมต้องให้เขามาดูแลแทนล่ะ” นิมผละออกมามองหน้าเวย์
เวย์พูดไม่ออก เพราะเหตุผลของเธอ เธอรัก
รักนิม แต่แน่นอนว่าความรักนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะยอมรับ ในเมื่อมีคนที่ดี และพร้อมที่จะดูแลนิมได้ เธอก็อยากให้นิมรีบไปกับเขา อย่ามาอยู่กับคนอย่างเธอ เพราะบางทีความผูกพันที่มีมากขึ้น จะทำให้เธอทำอะไรที่ผิดต่อนิมลงไป เธอไม่รู้ว่านิมคิดแบบเดียวกันไหม แต่ถ้ามันไม่ใช่ นี่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เธอจะได้ลืม
ลืมว่ารักคนๆนี้ แล้วกลับไปเป็นเพื่อนรัก ที่ไม่ใช่
รักเพื่อนแบบนี้
“ตอบมาสิ” นิมเร่งเร้า เมื่อเห็นคนเบื้องหน้าเอาแต่หลบสายตา
“เค้าอยากให้นิมมีคนดูแล คนที่ดีกว่าเค้า” เวย์โกหกคำโต
“ไม่มีใครดูแลเค้าได้ดีกว่าเวย์หรอก เวย์เหนื่อยใช่ไหม เวย์ไม่ต้องฝืนก็ได้ มองหน้าเค้าสิ จะหลบตาทำไม” นิมจับหน้าเวย์ให้หันมาคุยกันตรงๆ
“เค้าจะไม่ทำให้เวย์ลำบากใจอีกแล้ว เวย์อยากมีอิสระ ก็บอกเค้าสิ ไม่ใช่เอาใครก็ไม่รู้มาแนะนำให้เค้าอย่างนี้ รู้ไหมว่ามันปวดใจแค่ไหน” นิมค่อยๆปล่อยมือออกจากเวย์ แล้วทรุดลงนั่งคร่อมตักเวย์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ น้ำตาค่อยๆไหลเปื้อนใบหน้าน่ารักที่เวย์ชอบที่จะมองมันเวลาสดใสมากกว่า เธอไม่เคยเห็นนิมร้องไห้มาก่อนเลย เธอเป็นคนที่ทำให้นิมร้องไห้
เวย์เอื้อมมือไปกอดคนตรงหน้ามาแนบอก “ไม่
เค้าไม่เคยลำบากใจ แต่ว่า
.” เวย์คิดไม่ออกเลยว่าควรจะตอบยังไงดี คนตรงหน้าถึงจะหยุดร้องไห้ ถึงจะหยุดเสียใจเพราะเธอ เธอไม่เคยคิดเลยว่า นิมจะคิดมากขนาดนี้
ทั้งๆที่คิดว่านิมจะมีความสุขแท้ๆ
“แต่ว่าอะไรล่ะ? ฮึก.. เวย์ก็ตอบไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เพราะเวย์คิดอย่างนั้นใช่ไหม เข้าใจแล้ว เค้าจะไม่มากวนเวย์อีกแล้ว” นิมขืนตัวออกจากอ้อมกอดเวย์ เวย์ตกใจกับสิ่งที่นิมพูดออกมามาก มันไม่ใช่เลย
เธอไม่อยากให้นิมไปไหนทั้งนั้น
“อย่า! อย่าไปจากเค้านะนิม
” เวย์เผลอตะโกนออกไปตามความต้องการ เมื่อนิมผละออกจากเธอได้สำเร็จ
“ไม่ต้องฝืนหรอก เค้าจะไปเอง” นิมไม่มองหน้าเธอเลย แต่ยังยืนอยู่ไม่ได้ไปไหน เพราะเธอเองก็รอ รอคนตรงหน้าให้ง้อเธอ พูดว่าอยากให้เธออยู่ และบอกเหตุผลกับเธอ..
“ไม่
ไม่เอาอย่างนั้น นิม เค้า
” เวย์ก้มหน้ามองพื้น เธอไม่รู้จะทำยังไงดีในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่เคยคิดเลยว่า นิมจะรู้สึกไม่ดีกับมัน
“เค้าอะไร
เค้าอะไรล่ะ!!! เงียบอยู่อย่างนั้น เวย์คิดอะไรอยู่กันแน่!!” นิมเริ่มขึ้นเสียงอย่างหมดความอดทน ทำไม.. เวย์ถึงไม่ยอมพูด มีอะไรถึงไม่กล้าพูดกันแน่
เวย์ได้แต่กัดปาด ข่มความรู้สึก
อย่า...อย่าบังคับให้เธอต้องพูดอะไรเลย ได้โปรด อย่าทำหน้าแบบนั้น
“พูดอะไรบางเซ่!!” นิมตะโกนสุดเสียง น้ำตาเธอไหลนองหน้า เวย์ลุกขึ้นมาเอื้อมมือปาดน้ำตาบนหน้าที่เธอรักสุดหัวใจ แววตาไหวระริกของคนตรงหน้า ทำให้ใจของเธอเต้นร่ำ น้ำตาปริ่มอยากจะร้องไห้แทน ถ้าทำได้ เธอก็อยากร้อง แต่ทำไม่ได้
ไม่อยากอ่อนแอเพื่อให้นิมสงสาร
“เค้า
ขอโทษ” เวย์พูดได้แค่นั้น
“ขอโทษอะไร”
“ขอโทษที่ทำให้เสียใจ
” เวย์กล่าวเสียงอ่อน แล้วรวบตัวคนตรงหน้ามากอด
“ไม่
ไม่เอา ถ้าเรื่องนั้น เค้าไม่ต้องการคำนี้ เค้าขอเหตุผล
จริงๆ ได้ไหม?” นิมเอาหน้าซุกกับอกของเวย์ ปล่อยน้ำตาให้ไหลเปื้อนเสื้อคนที่โอบกอดเธอไว้
“ไม่
ไม่ใช่ตอนนี้” เวย์พูดเหมือนพึมพำกับตัวเอง แต่นิมได้ยินทุกคำ
“อะไร.. เพราะอะไร ทำไมถึงไม่ได้” นิมตื้อ เธออยากรู้ใจจะขาด ถ้าไม่ใช่วันนี้ เธอรู้ดีว่าถ้าไม่ต้อนให้เวย์จนมุม เวย์จะไม่มีทาง ไม่มีทางที่จะพูดถึงมันอีกเลย
เวย์หลับตาลง
คนๆนี้ทำให้เขาเจ็บได้เสมอเลย เจ็บเพราะนิมดูเจ็บปวดเหลือเกิน กับแค่เพื่อนคนนึง นิมจะเสียใจอะไรขนาดนี้
“พูดมาเถอะ ไม่ว่าจะอะไร เค้าก็รับได้ทั้งนั้น นะ
นะ” นิมเริ่มอ้อน เพราะเธอรู้ว่าคนๆนี้แพ้ท่าทางแบบนี้แค่ไหน แต่เธอจะรู้ไหมว่า เรื่องแบบนี้
มันต่างกัน
“อย่าอ้อนเค้าเลยนิม เค้าไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ”
“ไม่
เค้ารู้จักเวย์ดี เวย์มีอะไรก็พูดมาสิ เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่รึเปล่า”
“ก็เพราะว่าเป็นเพื่อนน่ะสิ...ถึงพูดไม่ได้”เวย์เผลอพูดออกไป จนเธอปิดปากตัวเองไม่ทันแล้ว
“ฮะ
เพราะเป็นเพื่อนถึงพูดไม่ได้ หมายความว่ายังไง” นิมทำหน้าสงสัยทันที
“เปล่าหรอก
” เวย์ปฏิเสธ แต่นิมเริ่มโมโหที่ เวย์หลบตาเธออีกแล้ว ถามดีๆไม่ตอบใช่ไหม
!? ได้
“งั้น
” จู่ๆ นิมก็ดึงเวย์เข้ามาประกบปาก เวย์อึ้งจัด ที่นิมทำอะไรแบบนี้ นิมค่อยๆเบียดริมฝีปากไปมา แล้วเอาลิ้นดันริมฝีปากของเวย์ให้เผยอออก ความรู้สึกที่ส่งผ่านมา ทำให้เวย์ต้องเผยอปากตอบรับ ลิ้นต่างคนต่างพันไปพันมาในโพลงปากของอีกฝ่าย ความร้อนแล่นริ้วไปทั่วร่างกายของคนทั้งคู่ จนกระทั่งเวย์ที่รู้สึกตัว รีบผละตัวออกจากนิม
“ฮ่าๆ.. นี่สินะที่เวย์เป็น ที่เวย์รู้สึก
ทำไมไม่บอกล่ะ” แววตาของนิมอ่อนลง เวย์หัวใจหล่นวูบทันทีเมื่อสบตากับนิม
“
มัน
นิมรู้มานานแล้วเหรอ”
“ไม่
เค้าไม่เคยรู้ เค้าแค่
อยากแน่ใจว่าใช่แบบที่เค้าคิดไปเองเสมอไหม ถ้าไม่ เค้าจะได้ไปตามที่เวย์ต้องการ แต่ว่า
เวย์คงไม่มีข้ออ้างให้เค้าไปไหนแล้วนะ” นิมยิ้มหวาน ปาดน้ำตาออกจากหน้าทั้งหมด
เวย์อ้ำอึ้ง
ทำไมมันกลับตาลปัตรได้อย่างนี้นะ ทั้งๆที่หลีกทางให้เธอได้มีชีวิตที่ดี แต่เจ้าตัวกับวิ่งเข้าหาความจริงซะอย่างนั้น
แต่ก็สมกับเป็นนิมที่สุดล่ะ
“อืม
เค้าชอบนิม ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน” เวย์สารภาพความจริงออกไป แต่ความจริงนั้นทำให้นิมต้องเบิกตากว้าง
“เห้ย! นานขนาดนั้นเลย
แสดงว่าเค้าชอบเวย์ช้ากว่าไปปีนึงสินะ” ว่าแล้วนิมก็หัวเราะคิกๆ
“ห๊ะ...” เวย์ไม่แน่ใจว่าเธอได้ยินถูกรึเปล่า
นิมเองก็ชอบเธอเหรอ?
“ได้ยินไม่ผิดหรอก เค้าชอบเวย์ แต่เค้าก็ไม่แน่ใจว่าเวย์ชอบผู้หญิงรึเปล่าน่ะ เลยขออยู่ข้างเวย์ไปอย่างนี้
ตอนแรกน่ะ เค้าก็เห็นเวย์เป็นเพื่อนคนนึงนั่นแหละ
แต่ตอนม.ห้า เวย์จำได้ไหมว่า ตอนนั้นเค้าโดนผู้ชายที่เรียนพิเศษตื้อ แล้วเวย์ก็เข้ามาบอกว่า เค้าเป็นแฟนเวย์น่ะ รู้ไหม ตอนนั้นแหละที่ทำให้เค้าใจสั่น รู้สึกว่าเวย์นี่แหละที่เค้าวางใจได้ และสบายใจด้วยได้” นิมเล่าไป ก็จับมือเวย์โยกไปด้วย แล้วนิมก็ลากเวย์ให้ลงมานั่งบนเตียงด้วยกัน
“เค้าจะไปบอกเลิกกับปราชญ์นะ”
“เห้ย! นิม ปราชญ์เขาไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ” เวย์ร้องเสียงหลง
“แล้วจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้เหรอ เวย์อ่ะผิด ไปขอโทษเขาด้วยกันเลยนะ” นิมว่าอย่างงอนๆ
เวย์กุมหัว
จริงสินะ เธอเป็นคนทำเองนี่น่า
จะมีใครคบกันเป็นแฟนวันเดียวแล้วเลิกบ้างไหมนะ สงสารปราชญ์ตงิดๆ
“โอเค
ก็ได้ค่ะ ที่รัก” เวย์หันไปจุ๊บที่ขมับคนข้างๆ แล้วหยอกนิดหน่อย
แต่นิมกลับตาโต แล้วยิ้มหน้าบาน “เวลาเวย์กะล่อนก็น่ารักนะเนี่ย เรียกเค้าที่รักให้ตลอดนะ ฮ่าๆๆ ไม่เรียกมีงอนๆ”
“เหวอ
แต่ไม่เป็นไร ก็นิมเป็นที่รักของเค้ามานานแล้วนี่หน่า เนาะ” เวย์ค่อยๆฉีกยิ้มออกมา
ไม่น่าเชื่อว่าวันๆนึงจะมีทั้งทุกข์และสุขได้ขนาดนี้
“แน่ะ!” นิมตีเบาๆที่แขนของเค้า “งั้น
วันนี้อาบน้ำด้วยกันนะ” นิมฉีกยิ้มแหย่อีกฝ่าย เมื่อได้ยินอย่างนั้นเวย์ก็รีบส่ายหัวเป็นพัลวัน แล้ววิ่งหนีนิมรอบห้อง เมื่อนิมทำท่าจะจับเธอลากเข้าห้องน้ำด้วยกันให้ได้
“ไม่เอา!!” และแล้ววันนั้นก็จบลงด้วยเสียงร้องและหัวเราะเป็นระยะๆไม่ขาดสายทั้งคืน
************************
จบแล้วจ้า :D ไม่รู้จะดราม่าเกินไปไหม ตอนแรกว่าจะเขียนต่อ แต่เดี๋ยวมันจะพาดราม่าหนักกว่าเดิม
เราเขียนแนวนี้เป็นครั้งแรก ไม่รู้จะสื่ออารมณ์ได้ดีไหม แต่เราก็พยายามเต็มที่
เนื้อเรื่องอาจจะรวบรัดไปนิดนึง ถ้ามันโอเคดี เราอาจจะเอาเรื่องมาเขียนเป็นเรื่องยาว
แต่ถ้าไม่ก็คงต้องขอไปลับฝีมือใหม่ก่อน แล้วจะมาเขียนใหม่ค่ะ ^^ ขอบคุณที่อ่านกันนะคะ
รักคนอ่านจังงงงงงงงงงงง
ผลงานอื่นๆ ของ หนูกองกอย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ หนูกองกอย
ความคิดเห็น