คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [Spoiler#9] Be what's next - by ในมุม
มันเป็นเวลาหนึ่งทุ่มเศษตอนที่ผมนอนเล่นเกมอยู่บนโซฟาบุนวมหุ้มหนังขาดๆ ในห้องชมรมที่ตั้งอยู่หลังตึก B ของคณะวิทยาศาสตร์ซึ่งอับสายตาผู้คนและขึ้นชื่อว่าเป็นโซนอนาถาหนึ่งในสามโซนของมหาวิทยาลัยเพราะในแต่ละวันมีจำนวนคนผ่านไปมาไม่เกิน 10 คน นอกจากจะไม่มีถนนตัดผ่านแล้วยังต้องเดินลัดจากตึก B ที่กว้างแสนกว้างไปตามทางคอนกรีตเส้นเล็กรอบสวนหย่อม ใช้เวลาเดินเสร็จสรรพก็เกือบ 15 นาที กว่าจะมาถึงห้องชมรม
“จะกลับยังอะ”
ผมหันไปถามรุ่นพี่ที่มีตำแหน่งเป็นประธานชมรม เลขานุการ กรรมการ สมาชิกดีเด่น แม่บ้านและภารโรงของชมรม รวมไปถึงปัจจัยหลักและปัจจัยเดียวที่ทำให้ผมยังคงนอนเอกเขนกโดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายอยู่ตรงนี้ได้เป็นชั่วโมงๆ
“ก็บอกให้กลับไปก่อนไง” พี่มาร์คเงยหน้าขึ้นจากบอร์ดขนาด 1 คูณ 1 เมตร หันมาชักสีหน้ารำคาญใส่ผมอย่างที่ชอบทำทุกๆ 15 นาที
“พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อก็ได้นี่นา” ผมบอกพลางลุกขึ้นนั่งมองคนที่ยังเอาแต่ตัดกระดาษไม่ยอมหยุดตั้งแต่มาถึงห้องชมรมเมื่อ 2 ชั่วโมงก่อน
“พรุ่งนี้ต้องเอาไปตั้งโชว์ในงานแล้ว มันจะไปทันได้ยังไงละวะ ถ้าไม่ช่วยก็เงียบๆ ไปเลยคิมยูคยอม”
“ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น ไม่เคยได้ยินเหรอ”
“ถ้าอาจารย์คิมจอมเฮี้ยนนั่นมาเห็นมีหวังโดนตัดงบชมรมอีกปี เผลอๆ สั่งยุบชมรมแล้วใครจะรับผิดชอบ”
“ผมไง รับผิดชอบพี่ทั้งชีวิตยังได้”
“หมายถึงรับผิดชอบชมรมโว้ย!”
แบมแบมเคยบอกว่าผมโรคจิตที่ชอบยิ้มเวลาโดนพี่มาร์คด่าหรือโวยวายใส่ ซึ่งยอมรับกันตรงนี้เลยว่าการบังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้กลั้นยิ้มเวลาที่รู้สึกว่ามาร์ค ต้วนน่ารักมากๆ มันยากเสียยิ่งกว่าบังคับให้ผมกินไชเท้าดองเหม็นๆ ในคิมบับเสียอีก
ผมลุกขึ้นเดินไปดูผลงานบนบอร์ด ‘Let’s fun! Let’s cool! Detective club’ ที่มีบทความสั้นกระชับเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมชื่อดังที่น่าสนใจซึ่งถูกสรุปย่อโดยพี่มาร์คแปะวางสะเปะสะปะบนบอร์ด และมีกองบทความที่ตัดแล้วแต่ยังไม่ทากาววางอยู่ข้างๆ พร้อมกับรูปภาพตกแต่งอีกจำนวนหนึ่ง
ผมได้แต่ถอนหายใจก่อนจะหยิบกาวมาช่วยทาแล้วส่งให้เจ้าของสีหน้าจริงจังข้างๆ เป็นคนติดมันกับบอร์ด
บอร์ดที่ว่าจะถูกตั้งโชว์ในงานนิทรรศการสัปดาห์วันวิทยาศาสตร์ที่คณะเราจัดอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี โดยเปิดโอกาสให้ชมรมต่างๆ ภายในคณะแสดงผลงานและโปรโมทคนให้สมัครเข้าชมรมไปในตัว ชมรมนักสืบของเราก็เป็นส่วนหนึ่งของคณะนี้ ผมค่อนข้างแปลกใจที่รู้ว่าพี่มาร์คหนุ่มสุดฮอตประจำสาขาวิชาเคมีเป็นประธานชมรมนักสืบกิ๊กก๊อกที่จ้องจะถูกปิดอยู่ทุกปี แถมตอนนี้ยังมีสมาชิกในนามจำนวน 5 คนขั้นต่ำพอดิบพอดี (นั่นหมายความว่านับรวมตัวผมและพี่มาร์คไปแล้ว)
ผมเคยเจอพี่มาร์คครั้งแรกเมื่อตอน ม.ปลายปี 3 ที่งาน Open house ซึ่งคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจัดขึ้น ตอนนั้นพี่มาร์คอยู่ปี 2 จำได้ว่าวินาทีที่ผมเห็นรอยยิ้มสดใสของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างบูทสาขาวิชาเคมี ช่วงก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างเคว้งคว้างของผมก็มีจุดมุ่งหมายขึ้นมาทันตา สำหรับคนอย่างผมที่แค่รู้ว่า H2O คือน้ำก็บุญเท่าไหร่คงไม่มีทางดันทุรังเลือกเรียนต่อเคมีเพราะความน่ารักของรุ่นพี่ที่ยังไม่รู้จักชื่อคนเดียวแน่ ผมจึงตัดสินใจสอบเข้าเรียนต่อสาขาฟิสิกส์ของที่นี่ ถึงจะไม่ใช่สาขาเดียวกันแต่อย่างน้อยๆ ตึกของสาขาเราก็อยู่ติดกัน
ผมตามสืบตั้งแต่วันแรกจนรู้ว่าพี่มาร์คเป็นประธานชมรมนักสืบ จำได้ว่าตัวเองยกมือลงชื่อเข้าชมรมแบบแทบจะไม่ผ่านการกลั่นกรองผ่านสมองในวันเลือกชมรมเมื่อเทอมก่อน เป็นครั้งแรกที่ได้รับรอยยิ้มกว้างสดใสเสียยิ่งกว่ารุ้งกินน้ำหลังฝนหยุดตกจากพี่มาร์ค พร้อมกับผมที่เข้าพิธีสาบานตนเป็นทาสความสดใสนั้นเงียบๆ อย่างไม่มีอำนาจใดลบล้างได้
“ทาให้มันดีๆ หน่อยสิว้อย!”
รอยยิ้มกว้างสดใสที่พูดถึงมันก็แค่วันแรกเท่านั้นแหละ...
“ดีที่สุดเพื่อพี่แล้วนะ”
— โปรดติดตามต่อในเล่ม —
ความคิดเห็น