ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fiction HKS] Just Love รักหมดใจให้เพียงเธอ 

    ลำดับตอนที่ #1 : [Fiction HKS] Just Love รักหมดใจให้เพียงเธอ : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 55


    1

    ������� “เผียะ !!

    �������� เสียงฝ่ามือกระทบลงบนผิวหน้าดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังเดินเล่นอยู่ในออกซ์ฟอร์ดซิตี้เซ็นเตอร์ ในช่วงบ่ายวันเสาร์ �หลายคนถึงกลับเหลียวหลังกลับมาดูเมื่อเห็นคู่กรณีทั้งสองฝ่ายชัดเจน �ฝ่ายหนึ่งเป็นชายหนุ่มชาวเอเชียที่จัดได้ว่าหน้าตาดีทีเดียว� ส่วนอีกฝ่ายนั้นเป็นหญิงสาวที่ดูออกว่าเป็นสาวเลือดผสมระหว่างตะวันตกและตะวันออก

    ������� “คนบ้า� ผู้ชายอย่างนายมันเลวที่สุด !

    ������� หญิงสาวคนนั้นต่อว่าด้วยภาษาที่ประชากรเกือบทั้งหมดในเมืองคงจะฟังไม่ออก� เนื่องจากมันเป็นภาษาไทย...แต่ดุจากสีหน้าและแววตา� ผู้ที่พบเห็นก็พอจะเดาออกว่าเธอคงจะโกรธมากเลยทีเดียว

    ������� หลายคนคาดเดาว่าชายหนุ่มจะต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงบ้าง ...แต่� เปล่าสักนิด� ชายหนุ่มเพียงแต่ยกมืหนาขึ้นลูบแก้มข้างที่ถูกตบแล้วตอบกลับไปเรียบๆ

    ������� “รู้แล้วก็ดี� ถ้าอย่างนั้นเราก็จบกันแค่นี้”

    เพียงเท่านั้นเขาก็เดินจากไป� ฝ่ายที่เป็นผู้ทำร้ายเสียอีกที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่� ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาท่ามกลางฝูงชนอย่างสุดกลั้น

    �������� ครั้งที่เท่าไหร่ของเดือนนี้แล้วนี่...อิสริยะคิด... 1 ...2 รายนี้เป็นรายที่ 3 แล้ว...ผู้หญิงนี่จะอะไรกันนักกันหน้า� เพียงแค่เขาทำดีด้วย� พาไปกินข้าว� ช้อปปิ้ง� ซื้อของขวัญให้� ทำไมจะต้องเหมาเอาว่าเขาเป็น� “แฟน”� ของเธอคนเดียว� ทำไมไม่คิดกันบ้างนะว่าถ้าเขาเอาใจใส่เธอแบบนี้ได้ก็ต้องเอาใจใส่คนอื่นๆได้เช่นกัน

    ������� ความคิดของชายหนุ่มสะดุดลงเมื่อรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมา� เมื่อเขาหันกลับไปจึงเห็นเจ้าของสายตานั้น� เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าหวานละม้ายคล้ายผู้หญิง และน่ารักชวนหลงมากเลยทีเดียว หากทว่าสายตานั้นกลับมองเขาอย่างดูแคลนไม่ปิดบัง

    ������� “...”� ชายหนุ่มขยับริมฝีปากเตรียมจะพูดบางอย่างออกไป� แต่ช้าไปเสียแล้วเพราะเจ้าของสายตาคู่นั้นเดินหายลับไปที่หัวมุมถนน

    �������� นี่มันอะไรกันนักกันหนา ! �วันนี้เป็นวันซวย... ดวงความรักตกรึไงนะ� ถึงได้มีเรื่องสองครั้งสองคราต่อเนื่องกันอย่างนี้... ��อันที่จริง� ดวงเรื่องความรักของเขาก็แย่มาตั้งแต่คราวจีบน้องริทแล้ว� แต่ก็ไม่เคยย่ำแย่ถึงขั้นนี้

    ������ “เฮ้ย� ไอ้ฮั่น� เป็นยังไงบ้าง”� เสียงเพื่อนผู้ชายชาวไทยดังมาตามสายโทรศัพท์เมื่ออิสริยะกดปุ่มรับสาย

    ������� “ก็ดี”� เขาตอบสั้นๆพลางประคบผ้าเย็นลงไปที่แก้มข้างที่กำลังเป็นสีแดงช้ำ

    ������ “ได้ข่าวว่าวันนี้เจอยัยดี้ตบที่ซิตี้เซ็นเตอร์นี่หว่า� เดือนนี้กี่รายแล้ววะเนี่ย”

    อีกฝ่ายยังคงถามเนื่องจากอยากรู้รายละเอียดของข้อมูลที่เพิ่งจะได้รับมา

    ������� “เออ� รู้เร็วดีนี่� นี่รู้กันหมดทั้งเมืองแล้วรึยัง”

    ������� “น่าจะหมดแล้วละมั้ง� คงไม่ใช่แค่คนไทยที่รู้ด้วย� พวกเจนนี่... โนอากับกลุ่มสาวอังกฤษก็คงจะรู้ทั่วกันแล้ว

    ...ให้มันได้อย่างนี้สิ� กิตติศัพท์ของเขาจะได้ร่ำลือออกไปในฐานะเพลย์บอยตัวจริงที่ถูกสาวตบมาแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คน� ไม่ว่าจะไทยหรือต่างชาติ

    ������� “เฮ้ย� ไอ้ฮั่น� ยังอยู่รึเปล่า”� อีกฝ่ายหนึ่งถามเมื่อเห็นว่าอิสริยะนิ่งเงียบไป

    ������� “อยู่� มีอะไรอีก”

    ������� “แล้วคืนนี้แกยังจะไปปาร์ตี้ที่� The� Yate’s� หรือเปล่าวะ”

    ปาร์ตี้หรือ...� คงสนุกพิลึก� คงจะมีหลายคนที่อยากจะถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้� แต่...เรื่องแค่นี้เรื่องธรรมดา� การที่เขาไม่ไปนี่สิคงจะน่าแปลกยิ่งกว่าการถูกตบหน้ากลางเมื่อเสียอีก�

    ������� “ไปสิ� ทำไมจะไม่ไป� เรื่องแค่นี้สำหรับฉันมันจิ๊บๆ� แค่ถูกตบทีสองที..ชินแล้ว”

    ������� “ดี� ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เจอกัน”

    ...คืนนี้เหรอ..ก็ดีเหมือนกัน� ถึงแม้ช่วงนี้ดวงความรักจะตก� แต่สาวๆในสต๊อกของเขาใช่ว่ามีแค่สองสามคนซะเมื่อไหร่� อย่างน้อยคืนนี้เขาอาจจะได้สาวมาเพิ่มสต๊อกอีกสักคนก็ได้

    ������� “ท่าทางยังสบายดีอยู่นี่”

    ภาคิณทักอิสริยะทันทีที่เดินเข้ามาในร้าน� ข้างกายของเขามีหนุ่มน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มที่ชื่อเรืองฤทธิ์ขนาบข้าง� แต่วันนี้อิสริยะอารมณ์ไม่ดีพอที่จะหยอดคำหวานใส่เรืองฤทธิ์เช่นที่เคยทำ

    ������� “ฮื่อ� ก็ดียังไม่ได้เป็นอะไร”

    ภาคิณและเรืองฤทธิ์มองหน้ากัน...จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง� ธรรมชาติของอิสริยะไม่ใช่คนพูดน้อยเช่นนี้� ปกติแล้วชายหนุ่มจะเป็นคนพูดจาได้ลื่นไหลยิ่งกว่าพ่อปลาไห� แถมยังกวนประสาทได้อย่างร้ายกาจเสียด้วย

    ������� “แน่ใจนะว่าสบายดี”� เรืองฤทธิ์ถามซ้ำเสียงหวาน� เผื่อจะทำให้เขาตอบอะไรกลับมาอย่างสมเป็นเขาบ้าง เช่น แค่รู้ว่าน้องริทเป็นห่วงผมก็สบายดีแล้วครับ(เพราะเชื่อว่าผู้ชายคนนี้มีปฏิกิริยาต่อเสียงหวานๆ)

    ...แต่ไม่มีเลย� อิสริยะได้เพียงแค่ยิ้มๆ� แล้วยืนยันว่าตนสบายอยู่เท่านั้น� เรืองฤทธิ์จึงได้แต่กระพริบจาปริบๆก่อนที่จะชวนให้ไปนั่งที่โต๊ะ

    ������ “เฮ้ย� แกมาจริงๆด้วย”

    ������� วาโยเพื่อที่โทรไปถามอาการของอิสริยะหลังจากรับรู้ถึงวีรกรรม� เอ้ย� โศกนาฏกรรม� ทักทายพลางเลื่อนเก้าอี้ให้ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆตน

    ������� “วันนี้หน้าตาแกไม่ค่อยสบายเลยนี่หว่า� ไหนดูซิ� แก้มที่ถูกตบทำให้หมดหล่อไปเลยรึไง� ...อ้าว� ก็ยังดูเหมือนเดิมนี่หว่า”

    ...ใช่� มันควรจะเหมือนเดิมทุกอย่าง� เพราะไม่มีอะไรที่ผิดเพี้ยนไปจากเมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่ถูกน้องแตมตบที่หน้าคอลเลจ...เพียงแต่วันนี้เขารู้สึกว่ามี อะไรบางอย่าง ที่ไม่เหมือนเดิม

    อะไรบางอย่าง’� ที่เขานึกสงสัยนั้นแสดงคำตอบชัดเจนจากมุมมืดมุมหนึ่ง...สายตาคู่นั้นอีกแล้ว� อิสริยะคิดแล้วหันกลับไปมอง...แม้ภายในผับจะมืดมากแค่ไหน� เขาก็ยังสามารถมองเห็นสายตาวาวที่ไม่เป็นมิตรคู่นั้น� มันมาจากเด็กหนุ่มคนนั้นนั่นเอง... เด็กคนเดิมที่จ้องมองเค้าอย่างดูหมิ่นที่ซิตี้เซ็นเตอร์เมื่อตอนบ่าย

    ������� “เดี๋ยวมานะ”� อิสริยะหันไปบอกวาโยเพียงสั้นๆก่อนจะลุกจากไป

    ������� “มองผมอยู่นาน� สนใจผมรึไงครับ”

    ������� เสียงทุ้มๆที่ดังมาจากข้างหูทำให้ธนทัตถึงกับสะดุ้ง� ร่างบางรีบขยับตัวออกห่างก่อนจะหันไปเผชิญหน้า

    ������� “นาย !” เสียงหวานหลุดปากร้องออกมาอย่างตกใจ...หันไปจิบน้ำแป๊บเดียว� ทำไมบุคคลที่เป็นเป้าสายตาถึงมาอยู่ข้างตัวได้นะ...แถมยังมาอยู่ใกล้ขนาดนี้

    ������� “เห็นมองผมตาไม่กระพริบ� คิดว่าอยากรู้จักผมเสียอีก”

    ������� ไม่พูดเปล่า� ชายหนุ่มยังขยับตัวเข้ามาใกล้ทำเอาธนทัตกระเถิบตัวหนีเสียจนแทบจะตกเก้าอี้...������������� ชายหนุ่มมองท่าทางนั้นยิ้มๆ

    ...โถ� เด็กน้อย คิดว่าจะกล้าที่แท้ก็วางท่าไปอย่างนั้นเอง

    ������� “ใครจะไปอยากรู้จักผู้ชายแบบนายกันล่ะ”

    ������� “งั้นเหรอ”

    ������� ชายหนุ่มยังคงยิ้มยั่วโดยไม่มีทางถอยกลับ� ดวงตาของเขาติดจะวาวมากขึ้นด้วยซ้ำ� เป็นลักษณะท่าทางที่ธนทัตไม่ชอบเอาเสียเลย� เสียงใสๆจึงพูดต่ออย่างเอาเรื่อง

    ������� “ผู้ชายอย่านาย ใครๆ เขาก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าเป็นตัวอันตราย”

    ������� “อ๋อ� แต่อย่างคุณคงเป็นพวกชอบเสี่ยงอันตรายสินะ” เมื่อเห็นร่างบางทำท่าขัดอกขัดใจ� เขาจึงพูดต่อ� �“ไม่อย่างนั้นคงไม่พยายามเรียกร้องความสนใจจากผมหรอก จริงมั้ย?”

    �������� ธนทัตแทบจะต่อยหน้าอิสริยะเมื่อได้ยินถ้อยคำทั้งหมด� “นี่! ฉันจะบอกให้นะว่าทำไมฉันถึงจ้องนายอย่างนั้น� ทั้งหมดเป็นเพราะว่าบรรดาคนที่นายเพิ่งบอกเลิกไปทั้งหมดเค้าเป็นเพื่อนของฉัน� �ดีนะที่คราวแคนนายจีบเค้าไม่สำเร็จไม่อย่างนั้นเค้าคงต้องเสียใจร้องไห้ฟูมฟาย”

    �������� ร่างบางพูดพลางเงยหน้าจ้องมองเขาอย่างเกรี้ยวกราดไม่ลดละ� แต่นั่นไม่ทำให้ร่างสูงเปลี่ยนสีหน้า� ตรงกันข้ามเขากลับเพิ่มรอยยิ้มโปรยสเน่ห์บนใบหน้า

    ������� “แล้วคุณไม่อยากลองเป็นคนที่ต้องเสียใจบ้างรึไง”

    ������� ร่างบางชะงักไปครู่หนึ่งกับวาจาของเขา� แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่กวนประสาทนั่นร่างบางก็โพล่งคำพูดออกไปดังใจคิด

    ������� “ไม่มีทาง� คนอย่างฉันไม่ทางจะยอมเสียใจให้กับคนอย่างนายเป็นอันขาด”� คนพูดเน้นเสียงคำว่า คนอย่างนายทำให้คนถามยิ้มกริ่มก่อนจะถามซ้ำ

    ������� “แน่ใจนะ”

    ������� “แน่เสียยิ่งกว่าแน่� จะบอกให้นะ� คนอย่างฉัน� เกลียดผู้ชายแบบนายมากที่สุด� ผู้ชายเจ้าชู้อย่างนายฉันรับประกันได้เลยว่าถ้าวันนึงไปรักใครเข้าจริงๆคนคนนั้นจะไม่รักนาย� แล้วนายก็จะต้องมานั่งเสียใจเหมือนที่นายทำกับหลายๆคนที่ผ่านมา� จำคำฉันเอาไว้ให้ดี !

    ...รักงั้นเหรอ� ทำไมใครๆถึงให้ความสำคัญกับคำคำนี้กันนักนะ� ไม่เข้าใจจริงๆว่าถ้ารักแล้วต้องเสียใจ...ต้องเสียน้ำตา� แล้วยังจะไปใฝ่ฝันถึงมันเพื่ออะไร

    ������� “ผมเสียใจ� แต่ผมไม่เคยเชื่อในความรัก� ผมไม่เชื่อว่าคนเราจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมัน”

    ������� “แล้วคอยดู� สักวันนายจะเสียใจ” ร่างบางพูดตอบ

    �������� “หึ� ผมก็จะคอยดูเหมือนกันว่าสักวันหนึ่งคนอย่างผมจะต้องทำให้คนอย่างคุณร้องไห้ให้ได้...อย่างแน่นอน”

    ทั้งสองประสานสายตากันอย่างท้าทาย� น่าแปลกที่ความคิดของทั้งคู่ตรงกันอย่างไม่น่าเชื่อ

    ...อยากจะเป็นคนที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเสียใจ

    ������� “ไปไหนมาวะ� ฮั่น”� วาโยถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเดินกลับมาที่โต๊ะอย่างอารมร์ดีผิดจากตอนที่ลุกออกไปราวกับเป็นคนละคน

    ������� “ทักทายเพื่อนนิดหน่อยน่ะ”

    ������� “ไหน� คนไหน”� วาโยสอดส่ายสายตามองหา

    ������� “คนน่ารักๆ� ที่นั่งตรงมุมโน้นไง”� อิสริยะใบบอกเพื่อนพลางจิบเบียร์เย็นๆอย่างชื่นใจ

    ������� “อ๋อ� น้องแกงส้ม”

    ...ชื่อแกงส้มเหรอ� ชื่อฟังดูน่ารักดีนี่...

    ������� “เฮ้ย� นี่อย่าบอกนะว่า เหยื่อ รายใหม่ของแกงคือน้องแกงน่ะ”� วาโยร้องอย่างตกใจ� ในขณะที่คนถูกถามยิ้มที่มุมปาก

    ������ “กำลังคิดอยู่”

    ������� คนเป็นเพื่อนส่ายหน้าก่อนวิจารณ์ตรงๆ “ยาก คนนี้จีบยากมากกกกกก เห็นอย่างนั้นก็เถอะไม่มีใครคนไหนกล้าตอแยได้นานซักคนไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย� แถมคนนี้เป็นเพื่อนสนิทดีดี้เสียด้วย� นายทำเพื่อนเขาเจ็บขนาดนั้นเขาคงจะโง่ปล่อยให้นายหลอกง่ายๆหรอก”

    ������� “ไม่ลองไม่รู้”

    ...จะจีบยากสักแค่ไหน� ผลจะเป็นยังไง� เขาไม่คิดจะปล่อยเด็กนั่นไปแน่นอน ... แกงส้มนายต้องมาเป็นตุ๊กตาชั่วคราวให้ฉันควงเล่นเป็นรายต่อไป !

    เป็นไงบ้างคะ ? โอเคมั้ย ? แปลงได้เท่านี้ไม่รุ้ว่าจะถูกใจรึเปล่า ? ชอบไม่ชอบก็คอมเม้นหน่อยนะคะ จะเอาไปปรับปรุง เพราะว่ามะปรางเองก็ยังไม่มั่นใจกับการใช้คำพูดของตัวเองเหมือนกัน 555555555

    คุยกันได้น้า @meprang_tp จ้า ^_______^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×