ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fiction HKS] Just Love รักหมดใจให้เพียงเธอ 

    ลำดับตอนที่ #2 : [Fiction HKS] Just Love รักหมดใจให้เพียงเธอ : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 55


     

    2

    ...บ้าจริง  คนบ้าอะไรก็ไม่รู้

            ธนทัตรำพึงกับตนเองหลังจากที่กลับมาถึงแฟลตของเธอ  รอยยิ้มโปรยเสน่ห์กับแววตาเจ้าชู้อย่างนั้นทำให้ร่างบางรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...ร้ายกาจอย่างนี้นี่เอง  คนรอบๆตัวเขาหลายคนถึงได้ติดบ่วงเสน่หาของอิสริยะอย่างถอนตัวไม่ขึ้น  ถ้าเป็นอย่างนี้เห็นที  แผนการสั่งสอน’  ทำท่าจะยากมากขึ้นซะแล้ว  หากพลาดขึ้นมาอาจต้องน้ำตาตกอย่าง  เหยื่อชิ้นเก่า’  ที่เพิ่งพบเห็นมาก็เป็นได้

            แม้จะคิดว่าอยากแก้แค้นแทนเพื่อน  และสั่งสอนให้ชายหนุ่มรู้สำนึกเสียบ้าง  แต่ธนทัตกลับยุ่งเกินกว่าจะทำเช่นนั้น  เด็กหนุ่มยังคงนั่งอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์แล็บ  เพื่อเขียนโปรแกรมที่มีกำหนดส่งในอีกสามวันข้างหน้า

             “ไหนว่าจะคอยดูผมเสียใจไงครับ  อยู่หน้าคอมพิวเตอร์แบบนี้จะได้เห็นเหรอ”

            เสียงทุ้มดังมาจากเก้าอี้ข้างตัวทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้ง...  เมื่อตอนที่มีคนเดินเข้ามานั่งข้างๆ  เธอไม่ได้สนใจว่าเป็นใครเสียด้วยซ้ำ  เนื่องจากโดยปกตินักศึกษาก็เดินเข้าออกกันเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว

             “นาย ...”  นึกแล้วก็แปลก  ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงชอบโผล่มาแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวเลยนะ

            อิสริยะมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา  วันนี้ธนทัตดูแปลกไปด้วยแว่นกรอบดำที่เมื่อสมแล้วดูโตเกินวัย  บวกกับทรงผมที่ยังไม่ได้จัดแต่ง  ถึงว่า...ทำไมอิสริยะจึงไม่คุ้นหน้าเขา  คงเป็นเพราะปกติธนทัตแต่งตัวแบบนี้ละมั้ง

            แย่ล่ะ...แผนการสั่งสอนที่ว่าจะเริ่มจากการแต่งตัวน่ารัก  ทำตัวอ่อนโยนดึงดูด  กลับกลายเป็นเขามาเห็นในสภาพเด็กน้อยจืดสนิทเช่นนี้   ธนทัตคิดอย่างเจ็บใจตัวเองแต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งคิดเสียใจแล้วเมื่อแกล้งทำตัวน่ารักไม่ได้ก็เป็นตัวของตัวเองนี่แหละ

            เมื่อคิดได้อย่างนั้น  ร่างบางจึงออกปากไล่อย่างไม่เกรงใจ

             “ฉันจะทำงาน  อย่ามารบกวนจะดีกว่า”

             “ก็ทำไปสิครับ  ไม่ได้ตั้งใจมารบกวนซะหน่อย”

             “เอ๊ะ  นายนี่”

             “แค่จะมานั่งเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง  นั่งคนเดียวเหงาน้า...”

             “แต่ฉันว่ามันเป็นการเกะกะรบกวนคนอื่นมากกว่า  มีคนต้องการจะใช้คอมอีกเยอะ  ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ามานั่งขวางทางคนอื่นเลย”

            ชายหนุ่มมองไปรอบๆก่อนหันมาตอบ  “แต่ผมว่ามีเครื่องว่างอยู่อีกเยอะเลยนะ  แค่นี้ไม่เกะกะหรอก  เอาเถอะน่า  แค่อยากอยู่เป็นเพื่อน...ไม่รบกวนจริงๆผมสัญญา”

            พูดแล้วอิสริยะก็ทำท่าตะเบ๊ะล้อเลียน  ทำให้ธนทัตแอบยิ้ม...ตามใจ  อยากอยู่ก็อยู่ไป...อยากรู้เหมือนกันว่าจะทนรอได้นานแค่ไหน

     

     

            ไม่น่าเชื่อว่าอิสริยะจะทำตามที่พูดจริงๆ ...เวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า  ชายหนุ่มได้แต่เปิดเว็บไซต์ต่างๆระหว่างฆ่าเวลารอร่างบาง  เขาไม่ปริปากสักคำจริงๆจนกระทั่งท้องฟ้ามืดมิด ...ทั้งห้องคอมพิวเตอร์เหลือเพียงพวกเขาสองคน  อิสริยะจึงได้ทัก

             “ไม่หิวเหรอครับแกงส้ม  นี่มันก็ดึกแล้วนะ

    ...สี่ชั่วโมง...ร่างบางนึก  เขาแอบลอบมองนาฬิกาที่อยู่มุมขวาล่างของจอคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา...อดทนใช้ได้เหมือนกันนี่

             “ยังไม่ค่อยหิวหรอก  ถ้านายหิวก็กลับไปก่อนเถอะ”ถึงแม้ว่าจะพูดเช่นนั้น  แต่ในความเป็นจริงธนทัตอยากตะโกนร้องออกไปว่า  หิวสิ  หิวมากๆเลย  ตั้งแต่บ่ายยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง แต่เรื่องอะไรจะไปบอกให้เขารู้ว่าเธอจงใจอยู่เพื่อแกล้งเขากันล่ะ

             “หิวก็ยอมรับมาเถอะน่า...เอ้านี่กินซะ  แล้วค่อยไปหาข้าวกินกัน”

            อิสริยะส่งขนมปังแฮมชีสหน้าตาน่าอร่อยมาให้...ไม่น่าเชื่อเขารู้ได้อย่างไรว่าธนทัตชอบขนมปังแบบนี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขนมปังที่วางขายในประเทศนี้ส่วนมากมีแต่แบบแห้งๆ  แข็งๆ และรสชาติไม่ต่างไปจากขอนไม้สักเท่าไหร่

             “ผมไม่ได้ใส่ยาพิษไว้หรอกน่า..ยังไม่คิดจะฆ่าคุณหรอก  ก็บอกแล้วไงแค่อยากทำให้ร้องไห้เฉยๆ” ชายหนุ่มบอกอย่างร่าเริง  ธนทัตจึงมองค้อนเขาอย่างหมั่นไส้

    ...มั่นอกมั่นใจซะเหลือเกินนะว่าจะทำให้ฉันร้องไห้ได้

             “งั้นเหรอ...ถ้าอย่างนั้นขนมปังนี่คงมียาเสน่ห์ละมั้ง  อย่างนี้นายคิดว่าฉันควรกินเหรอ”

            อิสริยะหัวเราะเสียงดัง...จากคำพูด  เขาพอจะเดาได้ว่าธนทัตกำลังระวังตัวอยู่เช่นกัน  ...แต่ก็น่าอยู่หรอกนะ  เขาเล่นหยอดไปซะอย่างนั้นนี่

             “ไม่มีหรอก  อย่างผมไม่จำเป็นต้องใช่ของแบบนั้นหรอก จริงมั้ย”

    หึ...หลงตัวเอง  ไม่เข้าใจจริงๆว่าคนพวกนั้นหลงกันเข้าไปได้ยังไง

            แต่ผลสุดท้ายคนหลงตัวเองก็ทำให้ธนทัตผู้แสนเย็นชาจำเป็นต้องไปรับประทานอาหารเย็นกับเขาจนได้  ที่แรกธนทัตหลงคิดว่าเขาจะต้องพาไปร้านอาหารฝรั่งหรูหราบรรยากาศดีไม่ผิดโรงแรมห้าดาว  ที่ไหนได้เขากลับพากธนทัตไปร้านอาหารไทย !

     

            Bangkok  House  เป็นร้านอาหารไทยที่จัดว่าสวยงามและค่อนข้างหรูหราของออกซ์ฟอร์ด  ซึ่งอยู่ห่างจากออกซ์ฟอร์ดซิตี้เซ็นเตอร์ออกไปเล็กน้อย  ตัวร้านอาหารตั้งอยู่บริเวรสะพานที่มีผับชื่อดังของออกซ์ฟอร์ดอย่าง  The  Bridge  อยู่ตรงข้าม...ธนทัตเคยมารับประทานอาหารที่นี่ในบางครั้ง  เมื่อเพื่อนชาวต่างชาติของเธอชักชวนให้มาเป็นเพื่อน  แต่ก็ไม่บ่อยนักเนื่องจากเด็กหนุ่มยุ่งวุ่นวายกับการเรียนมากเสียจนมักจะประทังชีวิตด้วยอาหารแบบง่ายๆและแทบไม่มีโอกาสได้แตะอาหารไทย

            ถึงแม้ไม่ชอบใจนัก  แต่ธนทัตก็ต้องยอมรับว่าอิสริยะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษมาก  เขาเปิดประตูให้ร่างบางเข้าไปในร้านก่อน  เลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง  ถามความเห็นก่อนสั่งอาหารให้

    ...เอาใจเก่งอย่างนี้นี่เอง  คนพวกนั้นถึงได้หลงเสียขนาดนี้  ช่างไม่รู้กันเสียเลยนะว่าทั้งหมดนั่นก็เป็นแค่ภาพลวงตา

            แต่ธนทัตเข้าใจผิด  อิสริยะเป็นชายหนุ่มที่มีนิสัยเช่นนี้เองตามธรรมชาติ  เขาจึงดูแลคู่ควงสาวๆได้อย่างน่าประทับใจโดยไม่จำเป็นต้องฝืน  ใครก็ตามที่ได้ไปเดตกับเขาแม้เพียงวันเดียวจะมีอาการรอคอยโทรศัพท์จากชายหนุ่มสำหรับเดตครั้งที่สองเสมอ  ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติก็ตาม

             “ไม่จำเป็นต้องเกร็งขนากนั้นก็ได้แกงส้ม  ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”

             “ทำไมถึงได้รู้จักชื่อฉัน”  อันที่จริงก็แว่วๆว่าเขาเรียกชื่อมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่แล็บแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นไม่ได้ทักออกไปเท่านั้น

             “ชื่อของคนน่ารักๆรู้ได้ไม่อยากหรอกครับ”  อิสริยะยิ้มเจ้าชู้ตามนิสัย  ธนทัตส่งสายตาค้อนให้เขาอีกครั้ง

    ...น่ารักงั้นเหรอ  เข้าใจพูดดีนี่ เห็นเราในสภาพอย่างนี้แล้วยังชมว่าน่ารักได้  นายนี่มันเพลย์บอยมืออาชีพจริงๆ

            แน่จริงๆ  เด็กคนนี้...อิสริยะทึ่งเมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่มีท่าทีเขินอายเลยแม้แต่น้อย

             “อย่าพยายามเลย  เสียเวลาเปล่า...ฉันไม่หลงกลนายหรอก”  ราวกับอ่านความคิดเขาออก  ธนทัตพูดดักคอออกไปในที่สุด  อิสริยะยังคงยิ้มและยิ้มกว้างมากขึ้น

             “ทำไม...ถ้ามากกว่านี้กลัวตัวเองจะอดใจไม่ไหวรึยังไง”

             “จะบ้าเหรอ” ร่างบางแหว  อิสริยะหัวเราะในลำคอ..นั่นไง  ในที่สุดเด็กนี่ก็หน้าแดงจนได้คิดอยู่แล้วเชียว  หยอดไปเรื่อยๆยังไงก็ต้องมีผล

             “ผมพูดแทงในดำใช่มะ ...อ๊ะ  ไม่ต้องปฏิเสธหรอกเพราะหน้าคุณน่ะแดงเป็นตูดลิงแล้ว”

             “บ้า  ทุเรศ เปรียบเทียบได้น่าเกลียดจริงๆ”

            อิสริยะหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของคนตรงหน้า  ไม่รู้จะเคยมีคนบอกเขาบ้างไหมว่าเขาเป็นคนที่ทำหน้ายุ่งๆได้น่ารักที่สุดเลย...เร็วเท่าใจคิด  เขาพูดชมธนทัตในสิ่งที่เพิ่งจะคิดออกไป  คราวนี้คนถูกชมเองก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงโชคดีที่มีระฆังช่วยชีวิต  อาหารมาเสิร์ฟเสียก่อนเด็กหนุ่มจึงได้รอดตัว

             “รีบกินแบบนั้นเดี๋ยวก็ติดคอหรอก  คนน่ารักๆแต่อาหารติดคอแล้วจะไม่น่ารักหรอกนะครับ”

            ชายหนุ่มยังคงยั่วเย้า เมื่อเห็นร่างบางตรงหน้าตักอาหารใส่ปากอย่างรวดเร็วเพื่อกลบอาการเขิน แต่ธนทัตไม่สนใจ...ให้ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องสนทนากับผู้ชายคนนี้  ผู้ชายอะไร..พูดด้วยแล้วกลับมายอกย้อนเข้าตัวเขาได้ทุกครั้ง

     

     

            หลังมื้ออาหารอิสริยะแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษอีกครั้งด้วยการรับผิดชอบค่าอาหารและเขายังอาสาที่จะเดินไปส่งเด็กหนุ่มที่แฟลตที่อยู่ไม่ไกลจากซิตี้เซ็นเตอร์นั่นเอง...  ทีแรกธนทัตยังคงอิดออดไม่สะดวกใจให้เขาไปส่ง  หรือพูดให้ถูกคือไม่อยากให้เขารู้จักบ้านของเธอนั่นเอง...แต่ผลสุดท้ายเธอก็จำยอม  เนื่องจากมันไม่ปลอดภัยนักที่เด็กหนุ่มหน้าหวานร่างบางอย่างเขาจะเดินอยู่ข้างนอกคนเดียวในเวลาเกือบห้าทุ่ม  แม้ว่าที่ออกซ์ฟอร์ดจะเป็นเมืองที่ปลอดภัยมากก็ตาม  แต่คนเมาที่เดินอยู่ตามถนนก็มีไม่น้อย

            เพิ่งคิดไปไม่ทันไรก็มีคนเมาท่าทางน่ากลัวเขามาทักธนทัตจนได้  แม้ว่าเด็กหนุ่มจะพยายามปฏิเสธหลบเลี่ยงเพียงใดเจ้าคนนั้นก็ยังคงเดินตามตื๊อไม่เลิกรา

             “Leave  his  alone !”  อิสริยะที่เดินอยู่ข้างหน้าเพิ่งรับรู้ถึงสิ่งที่ผิดปกติจึงเดินกลับเข้ามาช่วย  เจ้าขี้เมานั่นมองหน้าธนทัตกับเขาอย่างสงสัย  เขาจึงเอื้อมมือไปโอบเอวบางออกเดินไปด้วยกัน

             “นี่ ! จะบ้าเหรอ  ปล่อยฉันนะ”  ธนทัตหรอกพลางพยายามดึงตัวออกห่างแต่แขนที่แข็งกลับรั้งเขาแน่นเข้า

             “นี่เบาๆสิ  คนเมานั่นยังมองเราอยู่นะ  อยากไปให้มันกอดแทนที่จะเป็นผมรึไง ห๊า”  อิสริยะกระซิบดุที่ข้างหู  ธนทัตจึงแอบเหลือบมองไปด้านหลัง...จริงเสียด้วย  เมืองนี้นี่มันยังไงกันนะ  หรือว่าจะเป็นทุกที่  ถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายหน้าหวานๆอยู่คนเดียวหรือเป็นกลุ่มจะต้องมีผู้ชายทั้งเมามากและเมาน้อยมาลามปามตามตื้อ  แต่ถ้ามีผู้ชายเดินด้วยแม้แต่คนเดียวจะไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามด้วยเลย

            ด้วยความจำใจ  ธนทัตจึงต้องยอมให้อิสริยะโอบเอวอยู่อย่างนั้นไปจนเลี้ยวที่หัวมุมถนน  ซึ่งก็ใกล้แฟลตของเด็กหนุ่มเต็มที  เขาจึงขอให้อิสริยะปล่อย  ซึ่งผิดคาด...เพราะอิสริยะยอมปล่อยแขนออกจากเอวเขาอย่างว่าง่าย

             “อย่ามองผมอย่างนั้นสิ...ผมไม่ใช่พวกฉวยโอกาสนะ  ผมแค่ตั้งใจช่วยเท่านั้นเอง”

             “ขอบคุณที่ช่วยแต่ทีหลังกรุณาใช้วิธีอื่นนะ”

             “เช่นอะไรล่ะ  ...อ๋อหรือว่าแทนที่จะให้โอบ ให้เป็นจูบโชว์เลยหรือยังไงเขาจะได้เชื่อสนิทใจ”

            รอยยิ้มกวนบนใบหน้าของชายหนุ่มกลับมาอีกแล้ว...สายตาก็วิบวับมากขึ้นกว่าเดิม 

            แทนคำตอบ...ร่างบางส่งสายตาเย็นชายิ่งกว่าที่เคยให้ ฤทธิ์ของสายตาคู่นี้คงจะรุนแรงมากถ้าหากไม่มีแว่นกรอบดำมาขวางกั้น

             “ถึงบ้านฉันแล้ว  ราตรีสวัสดิ์”  ธนทัตรีบเอ่ยปากลาอย่างรวดเร็วเมื่อทั้งสองเดินมาถึงหน้าแฟลตแห่งหนึ่งที่เขาพักอยู่...หรืออีกนัยหนึ่งคือเอ่ยปากให้อิสริยะกลับไปได้แล้ว

             “กู๊ดไนต์  นอนหลับฝันดีนะครับ”

            ผิดคาดจริงๆ ...ธนทัตคิดว่าคนอย่างเขาจะไม่ยอมกลับไปเสียอีก  ร่างบางถึงอ้าปากค้างอย่างลืมตัว จนกระทั่งอิสริยะทักขึ้น

             “อ้าว  อยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่บอก  ผมไม่กลับก็ได้นะครับ”

             “บ้า !” ร้องออกไปได้เท่านี้เนื่องจากความอับอาย...หมดกันเสียฟอร์มจริงๆ  เขาคงจะคิดว่าเราชอบเขาทำนองนั้นแล้วสิ...ไม่น่าเลย

            อิสริยะมองท่าทางของร่างบางอย่างนึกขัน  คิดเหรอว่าเขาจะทำท่าอิดออดอยากจะอยู่กับธนทัตต่อให้โดนไล่ตะเพิดเอา  เรื่องอะไร...เสียคะแนนที่ทำมาทั้งหมดเปล่าๆน่ะสิ...เขาไม่โง่พอที่จะทำแบบนั้นหรอก  เขารู้ดี...ถ้าจะคิดชนะใจคนใจน้ำแข็งก็ต้องทลายกำแพงน้ำแข็งให้หมดลงเสียก่อน !

     

            มาอัพตอนที่สองแล้วนะคะ  เป็นไงบ้างโอเคมั้ยยยย ? พอดีมัวแต่ฟังเพลงของบีเอพีอยุ่เลยอัพช้าไปหน่อย ปล.เพลง CRASH น้องโล่น่ารักมากเลยยยย เฮ้ย!ไม่เกี่ยวว ยังไงก็อ่านแล้วเม้นหน่อยนะ เม้นเยอะก็มีแรงอัพนะ  ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ  J

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×