คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [Fiction HKS] Just Love รักหมดใจให้เพียงเธอ : ตอนที่ 2
2
...บ้าจริง คนบ้าอะไรก็ไม่รู้
ธนทัตรำพึงกับตนเองหลังจากที่กลับมาถึงแฟลตของเธอ รอยยิ้มโปรยเสน่ห์กับแววตาเจ้าชู้อย่างนั้นทำให้ร่างบางรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...ร้ายกาจอย่างนี้นี่เอง คนรอบๆตัวเขาหลายคนถึงได้ติดบ่วงเสน่หาของอิสริยะอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ถ้าเป็นอย่างนี้เห็นที ‘แผนการสั่งสอน’ ทำท่าจะยากมากขึ้นซะแล้ว หากพลาดขึ้นมาอาจต้องน้ำตาตกอย่าง ‘เหยื่อชิ้นเก่า’ ที่เพิ่งพบเห็นมาก็เป็นได้
แม้จะคิดว่าอยากแก้แค้นแทนเพื่อน และสั่งสอนให้ชายหนุ่มรู้สำนึกเสียบ้าง แต่ธนทัตกลับยุ่งเกินกว่าจะทำเช่นนั้น เด็กหนุ่มยังคงนั่งอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์แล็บ เพื่อเขียนโปรแกรมที่มีกำหนดส่งในอีกสามวันข้างหน้า
“ไหนว่าจะคอยดูผมเสียใจไงครับ อยู่หน้าคอมพิวเตอร์แบบนี้จะได้เห็นเหรอ”
เสียงทุ้มดังมาจากเก้าอี้ข้างตัวทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้ง... เมื่อตอนที่มีคนเดินเข้ามานั่งข้างๆ เธอไม่ได้สนใจว่าเป็นใครเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากโดยปกตินักศึกษาก็เดินเข้าออกกันเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว
“นาย ...” นึกแล้วก็แปลก ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงชอบโผล่มาแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวเลยนะ
อิสริยะมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา วันนี้ธนทัตดูแปลกไปด้วยแว่นกรอบดำที่เมื่อสมแล้วดูโตเกินวัย บวกกับทรงผมที่ยังไม่ได้จัดแต่ง ถึงว่า...ทำไมอิสริยะจึงไม่คุ้นหน้าเขา คงเป็นเพราะปกติธนทัตแต่งตัวแบบนี้ละมั้ง
แย่ล่ะ...แผนการสั่งสอนที่ว่าจะเริ่มจากการแต่งตัวน่ารัก ทำตัวอ่อนโยนดึงดูด กลับกลายเป็นเขามาเห็นในสภาพเด็กน้อยจืดสนิทเช่นนี้ ธนทัตคิดอย่างเจ็บใจตัวเองแต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งคิดเสียใจแล้วเมื่อแกล้งทำตัวน่ารักไม่ได้ก็เป็นตัวของตัวเองนี่แหละ
เมื่อคิดได้อย่างนั้น ร่างบางจึงออกปากไล่อย่างไม่เกรงใจ
“ฉันจะทำงาน อย่ามารบกวนจะดีกว่า”
“ก็ทำไปสิครับ ไม่ได้ตั้งใจมารบกวนซะหน่อย”
“เอ๊ะ นายนี่”
“แค่จะมานั่งเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง นั่งคนเดียวเหงาน้า...”
“แต่ฉันว่ามันเป็นการเกะกะรบกวนคนอื่นมากกว่า มีคนต้องการจะใช้คอมอีกเยอะ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่ามานั่งขวางทางคนอื่นเลย”
ชายหนุ่มมองไปรอบๆก่อนหันมาตอบ “แต่ผมว่ามีเครื่องว่างอยู่อีกเยอะเลยนะ แค่นี้ไม่เกะกะหรอก เอาเถอะน่า แค่อยากอยู่เป็นเพื่อน...ไม่รบกวนจริงๆผมสัญญา”
พูดแล้วอิสริยะก็ทำท่าตะเบ๊ะล้อเลียน ทำให้ธนทัตแอบยิ้ม...ตามใจ อยากอยู่ก็อยู่ไป...อยากรู้เหมือนกันว่าจะทนรอได้นานแค่ไหน
ไม่น่าเชื่อว่าอิสริยะจะทำตามที่พูดจริงๆ ...เวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ชายหนุ่มได้แต่เปิดเว็บไซต์ต่างๆระหว่างฆ่าเวลารอร่างบาง เขาไม่ปริปากสักคำจริงๆจนกระทั่งท้องฟ้ามืดมิด ...ทั้งห้องคอมพิวเตอร์เหลือเพียงพวกเขาสองคน อิสริยะจึงได้ทัก
“ไม่หิวเหรอครับแกงส้ม นี่มันก็ดึกแล้วนะ
...สี่ชั่วโมง...ร่างบางนึก เขาแอบลอบมองนาฬิกาที่อยู่มุมขวาล่างของจอคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา...อดทนใช้ได้เหมือนกันนี่
“ยังไม่ค่อยหิวหรอก ถ้านายหิวก็กลับไปก่อนเถอะ”ถึงแม้ว่าจะพูดเช่นนั้น แต่ในความเป็นจริงธนทัตอยากตะโกนร้องออกไปว่า ‘หิวสิ หิวมากๆเลย ตั้งแต่บ่ายยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง’ แต่เรื่องอะไรจะไปบอกให้เขารู้ว่าเธอจงใจอยู่เพื่อแกล้งเขากันล่ะ
“หิวก็ยอมรับมาเถอะน่า...เอ้านี่กินซะ แล้วค่อยไปหาข้าวกินกัน”
อิสริยะส่งขนมปังแฮมชีสหน้าตาน่าอร่อยมาให้...ไม่น่าเชื่อเขารู้ได้อย่างไรว่าธนทัตชอบขนมปังแบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขนมปังที่วางขายในประเทศนี้ส่วนมากมีแต่แบบแห้งๆ แข็งๆ และรสชาติไม่ต่างไปจากขอนไม้สักเท่าไหร่
“ผมไม่ได้ใส่ยาพิษไว้หรอกน่า..ยังไม่คิดจะฆ่าคุณหรอก ก็บอกแล้วไงแค่อยากทำให้ร้องไห้เฉยๆ” ชายหนุ่มบอกอย่างร่าเริง ธนทัตจึงมองค้อนเขาอย่างหมั่นไส้
...มั่นอกมั่นใจซะเหลือเกินนะว่าจะทำให้ฉันร้องไห้ได้
“งั้นเหรอ...ถ้าอย่างนั้นขนมปังนี่คงมียาเสน่ห์ละมั้ง อย่างนี้นายคิดว่าฉันควรกินเหรอ”
อิสริยะหัวเราะเสียงดัง...จากคำพูด เขาพอจะเดาได้ว่าธนทัตกำลังระวังตัวอยู่เช่นกัน ...แต่ก็น่าอยู่หรอกนะ เขาเล่นหยอดไปซะอย่างนั้นนี่
“ไม่มีหรอก อย่างผมไม่จำเป็นต้องใช่ของแบบนั้นหรอก จริงมั้ย”
หึ...หลงตัวเอง ไม่เข้าใจจริงๆว่าคนพวกนั้นหลงกันเข้าไปได้ยังไง
แต่ผลสุดท้ายคนหลงตัวเองก็ทำให้ธนทัตผู้แสนเย็นชาจำเป็นต้องไปรับประทานอาหารเย็นกับเขาจนได้ ที่แรกธนทัตหลงคิดว่าเขาจะต้องพาไปร้านอาหารฝรั่งหรูหราบรรยากาศดีไม่ผิดโรงแรมห้าดาว ที่ไหนได้เขากลับพากธนทัตไปร้านอาหารไทย !
Bangkok House เป็นร้านอาหารไทยที่จัดว่าสวยงามและค่อนข้างหรูหราของออกซ์ฟอร์ด ซึ่งอยู่ห่างจากออกซ์ฟอร์ดซิตี้เซ็นเตอร์ออกไปเล็กน้อย ตัวร้านอาหารตั้งอยู่บริเวรสะพานที่มีผับชื่อดังของออกซ์ฟอร์ดอย่าง The Bridge อยู่ตรงข้าม...ธนทัตเคยมารับประทานอาหารที่นี่ในบางครั้ง เมื่อเพื่อนชาวต่างชาติของเธอชักชวนให้มาเป็นเพื่อน แต่ก็ไม่บ่อยนักเนื่องจากเด็กหนุ่มยุ่งวุ่นวายกับการเรียนมากเสียจนมักจะประทังชีวิตด้วยอาหารแบบง่ายๆและแทบไม่มีโอกาสได้แตะอาหารไทย
ถึงแม้ไม่ชอบใจนัก แต่ธนทัตก็ต้องยอมรับว่าอิสริยะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษมาก เขาเปิดประตูให้ร่างบางเข้าไปในร้านก่อน เลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง ถามความเห็นก่อนสั่งอาหารให้
...เอาใจเก่งอย่างนี้นี่เอง คนพวกนั้นถึงได้หลงเสียขนาดนี้ ช่างไม่รู้กันเสียเลยนะว่าทั้งหมดนั่นก็เป็นแค่ภาพลวงตา
แต่ธนทัตเข้าใจผิด อิสริยะเป็นชายหนุ่มที่มีนิสัยเช่นนี้เองตามธรรมชาติ เขาจึงดูแลคู่ควงสาวๆได้อย่างน่าประทับใจโดยไม่จำเป็นต้องฝืน ใครก็ตามที่ได้ไปเดตกับเขาแม้เพียงวันเดียวจะมีอาการรอคอยโทรศัพท์จากชายหนุ่มสำหรับเดตครั้งที่สองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือต่างชาติก็ตาม
“ไม่จำเป็นต้องเกร็งขนากนั้นก็ได้แกงส้ม ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”
“ทำไมถึงได้รู้จักชื่อฉัน” อันที่จริงก็แว่วๆว่าเขาเรียกชื่อมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่แล็บแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นไม่ได้ทักออกไปเท่านั้น
“ชื่อของคนน่ารักๆรู้ได้ไม่อยากหรอกครับ” อิสริยะยิ้มเจ้าชู้ตามนิสัย ธนทัตส่งสายตาค้อนให้เขาอีกครั้ง
...น่ารักงั้นเหรอ เข้าใจพูดดีนี่ เห็นเราในสภาพอย่างนี้แล้วยังชมว่าน่ารักได้ นายนี่มันเพลย์บอยมืออาชีพจริงๆ
แน่จริงๆ เด็กคนนี้...อิสริยะทึ่งเมื่อเห็นคนตรงหน้าไม่มีท่าทีเขินอายเลยแม้แต่น้อย
“อย่าพยายามเลย เสียเวลาเปล่า...ฉันไม่หลงกลนายหรอก” ราวกับอ่านความคิดเขาออก ธนทัตพูดดักคอออกไปในที่สุด อิสริยะยังคงยิ้มและยิ้มกว้างมากขึ้น
“ทำไม...ถ้ามากกว่านี้กลัวตัวเองจะอดใจไม่ไหวรึยังไง”
“จะบ้าเหรอ” ร่างบางแหว อิสริยะหัวเราะในลำคอ..นั่นไง ในที่สุดเด็กนี่ก็หน้าแดงจนได้คิดอยู่แล้วเชียว หยอดไปเรื่อยๆยังไงก็ต้องมีผล
“ผมพูดแทงในดำใช่มะ ...อ๊ะ ไม่ต้องปฏิเสธหรอกเพราะหน้าคุณน่ะแดงเป็นตูดลิงแล้ว”
“บ้า ทุเรศ เปรียบเทียบได้น่าเกลียดจริงๆ”
อิสริยะหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าของคนตรงหน้า ไม่รู้จะเคยมีคนบอกเขาบ้างไหมว่าเขาเป็นคนที่ทำหน้ายุ่งๆได้น่ารักที่สุดเลย...เร็วเท่าใจคิด เขาพูดชมธนทัตในสิ่งที่เพิ่งจะคิดออกไป คราวนี้คนถูกชมเองก็ไม่รู้จะทำหน้ายังไงโชคดีที่มีระฆังช่วยชีวิต อาหารมาเสิร์ฟเสียก่อนเด็กหนุ่มจึงได้รอดตัว
“รีบกินแบบนั้นเดี๋ยวก็ติดคอหรอก คนน่ารักๆแต่อาหารติดคอแล้วจะไม่น่ารักหรอกนะครับ”
ชายหนุ่มยังคงยั่วเย้า เมื่อเห็นร่างบางตรงหน้าตักอาหารใส่ปากอย่างรวดเร็วเพื่อกลบอาการเขิน แต่ธนทัตไม่สนใจ...ให้ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องสนทนากับผู้ชายคนนี้ ผู้ชายอะไร..พูดด้วยแล้วกลับมายอกย้อนเข้าตัวเขาได้ทุกครั้ง
หลังมื้ออาหารอิสริยะแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษอีกครั้งด้วยการรับผิดชอบค่าอาหารและเขายังอาสาที่จะเดินไปส่งเด็กหนุ่มที่แฟลตที่อยู่ไม่ไกลจากซิตี้เซ็นเตอร์นั่นเอง... ทีแรกธนทัตยังคงอิดออดไม่สะดวกใจให้เขาไปส่ง หรือพูดให้ถูกคือไม่อยากให้เขารู้จักบ้านของเธอนั่นเอง...แต่ผลสุดท้ายเธอก็จำยอม เนื่องจากมันไม่ปลอดภัยนักที่เด็กหนุ่มหน้าหวานร่างบางอย่างเขาจะเดินอยู่ข้างนอกคนเดียวในเวลาเกือบห้าทุ่ม แม้ว่าที่ออกซ์ฟอร์ดจะเป็นเมืองที่ปลอดภัยมากก็ตาม แต่คนเมาที่เดินอยู่ตามถนนก็มีไม่น้อย
เพิ่งคิดไปไม่ทันไรก็มีคนเมาท่าทางน่ากลัวเขามาทักธนทัตจนได้ แม้ว่าเด็กหนุ่มจะพยายามปฏิเสธหลบเลี่ยงเพียงใดเจ้าคนนั้นก็ยังคงเดินตามตื๊อไม่เลิกรา
“Leave his alone !” อิสริยะที่เดินอยู่ข้างหน้าเพิ่งรับรู้ถึงสิ่งที่ผิดปกติจึงเดินกลับเข้ามาช่วย เจ้าขี้เมานั่นมองหน้าธนทัตกับเขาอย่างสงสัย เขาจึงเอื้อมมือไปโอบเอวบางออกเดินไปด้วยกัน
“นี่ ! จะบ้าเหรอ ปล่อยฉันนะ” ธนทัตหรอกพลางพยายามดึงตัวออกห่างแต่แขนที่แข็งกลับรั้งเขาแน่นเข้า
“นี่เบาๆสิ คนเมานั่นยังมองเราอยู่นะ อยากไปให้มันกอดแทนที่จะเป็นผมรึไง ห๊า” อิสริยะกระซิบดุที่ข้างหู ธนทัตจึงแอบเหลือบมองไปด้านหลัง...จริงเสียด้วย เมืองนี้นี่มันยังไงกันนะ หรือว่าจะเป็นทุกที่ ถ้าผู้หญิงหรือผู้ชายหน้าหวานๆอยู่คนเดียวหรือเป็นกลุ่มจะต้องมีผู้ชายทั้งเมามากและเมาน้อยมาลามปามตามตื้อ แต่ถ้ามีผู้ชายเดินด้วยแม้แต่คนเดียวจะไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามด้วยเลย
ด้วยความจำใจ ธนทัตจึงต้องยอมให้อิสริยะโอบเอวอยู่อย่างนั้นไปจนเลี้ยวที่หัวมุมถนน ซึ่งก็ใกล้แฟลตของเด็กหนุ่มเต็มที เขาจึงขอให้อิสริยะปล่อย ซึ่งผิดคาด...เพราะอิสริยะยอมปล่อยแขนออกจากเอวเขาอย่างว่าง่าย
“อย่ามองผมอย่างนั้นสิ...ผมไม่ใช่พวกฉวยโอกาสนะ ผมแค่ตั้งใจช่วยเท่านั้นเอง”
“ขอบคุณที่ช่วยแต่ทีหลังกรุณาใช้วิธีอื่นนะ”
“เช่นอะไรล่ะ ...อ๋อหรือว่าแทนที่จะให้โอบ ให้เป็นจูบโชว์เลยหรือยังไงเขาจะได้เชื่อสนิทใจ”
รอยยิ้มกวนบนใบหน้าของชายหนุ่มกลับมาอีกแล้ว...สายตาก็วิบวับมากขึ้นกว่าเดิม
แทนคำตอบ...ร่างบางส่งสายตาเย็นชายิ่งกว่าที่เคยให้ ฤทธิ์ของสายตาคู่นี้คงจะรุนแรงมากถ้าหากไม่มีแว่นกรอบดำมาขวางกั้น
“ถึงบ้านฉันแล้ว ราตรีสวัสดิ์” ธนทัตรีบเอ่ยปากลาอย่างรวดเร็วเมื่อทั้งสองเดินมาถึงหน้าแฟลตแห่งหนึ่งที่เขาพักอยู่...หรืออีกนัยหนึ่งคือเอ่ยปากให้อิสริยะกลับไปได้แล้ว
“กู๊ดไนต์ นอนหลับฝันดีนะครับ”
ผิดคาดจริงๆ ...ธนทัตคิดว่าคนอย่างเขาจะไม่ยอมกลับไปเสียอีก ร่างบางถึงอ้าปากค้างอย่างลืมตัว จนกระทั่งอิสริยะทักขึ้น
“อ้าว อยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่บอก ผมไม่กลับก็ได้นะครับ”
“บ้า !” ร้องออกไปได้เท่านี้เนื่องจากความอับอาย...หมดกันเสียฟอร์มจริงๆ เขาคงจะคิดว่าเราชอบเขาทำนองนั้นแล้วสิ...ไม่น่าเลย
อิสริยะมองท่าทางของร่างบางอย่างนึกขัน คิดเหรอว่าเขาจะทำท่าอิดออดอยากจะอยู่กับธนทัตต่อให้โดนไล่ตะเพิดเอา เรื่องอะไร...เสียคะแนนที่ทำมาทั้งหมดเปล่าๆน่ะสิ...เขาไม่โง่พอที่จะทำแบบนั้นหรอก เขารู้ดี...ถ้าจะคิดชนะใจคนใจน้ำแข็งก็ต้องทลายกำแพงน้ำแข็งให้หมดลงเสียก่อน !
มาอัพตอนที่สองแล้วนะคะ เป็นไงบ้างโอเคมั้ยยยย ? พอดีมัวแต่ฟังเพลงของบีเอพีอยุ่เลยอัพช้าไปหน่อย ปล.เพลง CRASH น้องโล่น่ารักมากเลยยยย เฮ้ย!ไม่เกี่ยวว ยังไงก็อ่านแล้วเม้นหน่อยนะ เม้นเยอะก็มีแรงอัพนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ J
ความคิดเห็น