ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่ปรับซาตาน - ตีพิมพ์กับ Simplybook Love & Desire

    ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 13 ล่องเรือหาเรื่อง.....................ลบแล้ว...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.62K
      6
      2 ธ.ค. 53

     มาเก็บ

                ใช่! ต้องเป็นห้องนั้นแน่ๆ ห้องริมสุด เพราะตอนเดินเอากระเป๋ามาเก็บเดินเข้ามาลึก ว่าแล้วดอกแก้วก็เดินเข้าไปจนเกือบสุด ตัดสิ้นใจเลือกห้องขวามือ และพอเปิดประตูเข้าไปด้านในก็เห็นแสงไฟเปิดไว้สลัวเพียงนิด แต่ในนทีนี้ สาวน้อยไม่อยากจะนึกถึงอะไรแล้ว รู้แต่ว่าเธอต้องการนอน ไอ้การเวียนหัวน่าหงุดหงิดจะได้หายไปเสียที

                เท้าเล็กพาร่างบางล้มตัวลงบนเตียงกว้าง มือบางขยับผ้าห่มผืนหนาที่มีกลิ่นหอมจางๆ คลุมร่าง แล้วหลับตาลงด้วยความเพลียๆ การเดินทางไม่คุ้นชินทำให้หญิงสาวเข้าสู่นิทราทีละน้อย

                “มาแล้วหรือทูนหัว...”

                เสียงพร่าต่ำแปลกหู เรียกให้ร่างที่กำลังเคลิบเคลิ้มต้องปรือตา และก่อนที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ดอกแก้วก็ต้องตาเหลือกลาน เมื่อมือหนาของใครไม่ทราบตะปบลงบนหน้าอก เคล้นคลึงหนักๆ จนสาวเจ้าผวาจะลุกขึ้นปัดป้องเป็นพัลวัน

                “หยุด...ยะ...หยุด...อื้อ...”

                ไม่ทันเสียแล้ว ริมฝีปากของใครก็ไม่ทราบเช่นกัน ทาบทับสนิทปิดกั้นเสียงห้าม สาวน้อยทุบตีไปบนเนื้อตัวหนาแกร่งไม่ยั้ง หากแต่แรงเท่ามดหรือจะทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งสะเทือน และการปฏิเสธของคนตัวเล็กนั้น มันยิ่งทำให้ผู้ชายเอาแต่ใจอย่างอิริคยิ่งชอบ

                “เธอไม่ใช่เฮเลน”

                คนตัวใหญ่ยอมผละห่างพูดแผ่วเบา เพื่อจะมองใบหน้าคนใต้ร่างให้ชัดๆ แต่ผมเผ้าที่ยุ่งเล็กน้อยมันทำให้เขาเห็นไม่ถนัด

                “ก็ฉันไม่ใช่นะสิ ปล่อยนะ ปล่อย...”

                “ไม่ใช่ก็ไม่เห็นเป็นไร”

                คนตัวใหญ่สรุปเอาเอง ยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วเทน้ำหนักตัวเองจนร่างบางแทบจมที่นอน มือหนาจับมือเล็กที่กระหนำทุบกดลง แล้วแนบริมฝีปากหนาลงบดเคล้าอีกครั้งรวดเร็วรุนแรง สอดลิ้นลุกไล่เกี่ยวกระหวัดจนแทบหายใจไม่ออก

                “หวาน...หวานมาก...”

                “อื้อ...มะ...เดี่ยว...อือ...”

                ความหอมหวานแปลกใหม่ของสตรีที่เขาไม่แม้จะเห็นหน้า แต่จากสัมผัสที่ได้แนบชิด มันทำให้อิริครู้ว่าคนใต้ร่างน่าจะยังไม่เคยมีใครมอบจูบแรกให้ แน่นอนว่าเขาคือเฟริส์คิสเสียด้วยซ้ำ ความหิวกระหายของเลือดนักล่าทำให้เขาไม่คิดจะสนใจว่าเธอยังใหม่ ต่อสิ่งที่ตัวเองปรนเปรอ ประกอบกับอาการเวียนหัวทำให้ดอกแก้วพะอืดพะอมขึ้นมาอีก

                แล้วจู่ๆ ประตูห้องนอนของเขาก็ถูกเปิดกว้าง

                กรี๊ด!!!

                เสียงกรีดร้องดังลั่นด้วยความไม่พอใจของนางแบบผมบอลน ทำให้โรสิตากับเปรมสินีวิ่งเข้ามาสมทบ หลังจากลงมาดูอาการของรุ่นน้องแล้วพบว่าเด็กสาวไม่ได้อยู่ในห้อง และเสียงกรีดเมื่อครู่มันทำให้ทั้งสองมั่นใจว่า ห้องนอนนั้นจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน

                “ดอกแก้ว...”

                แล้วสองสาวก็ต้องปากอ้าตาค้างเมื่อเห็นภาพบนเตียง ชายหนุ่มร่างเปลือยที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกาย นอนคร่อมร่างบางและกดทับไว้แน่น ใบหน้าอยากจะร้องไห้ของรุ่นน้องทำให้โรสิตาได้สติ และเดินเข้าไปหาในทันที

                “อะ...อ้วก...อ้วกกก...”

                ไม่ทันเสียแล้ว ดอกแก้วให้รางวัลคนตัวใหญ่ไปเต็มๆ อาหารมือเที่ยงถูกคะย่อนออกมาจนเกลี้ยงกระเพาะ

                “นี่เธอ! ห่าเอ้ย!” คนตัวใหญ่สบถอย่างหัวเสีย

                “พลั่ก!

                “โอ๊ย! เธอ...”

                “ไอ้ทุเรศ แกทำอะไรดอกแก้วห่า...”

                ไม่ทันที่อิริคจะทันได้ขยับตัว ร่างหนาก็ถูกมือบางกระชากไหล่เต็มแรง แล้วซัดเปรี้ยงด้วยหมัดรุ่นๆ ไม่ออมมือ มุมปากขวาชาทั้งแถบ ลุกขึ้นยืนจังกามองสบสาวน้อยเจ้าของหมัดด้วยความเดือดดาน

                “ยัยบ้า! เธอเป็นใครถึงกล้าต่อยฉัน รู้ไหมบนเรือนี้ใครใหญ่”

                “ใครใหญ่ฉันไม่สน แต่นายทำเกินไปแล้ว”

                “เธอต่างหากเกินไป แสบมากนะตัวเท่าลูกหมาบังอาจมาทำร้ายคนอย่างอิริค อยากจะโดนดีใช่ไหมห่า”

                แยกเขี้ยวตะคอกกลับอย่างหัวเสีย มืออีกข้างก็ลูบคล้ำใบหน้าตัวเองไปมา

                “พี่โรส...ดอกแก้ว...ฮือ...ดอกแก้วไม่เป็นไรค่ะ อย่ามีเรื่องกับเขาเลย”

                สาวน้อยลุกขึ้นจากเตียงทั้งน้ำหูน้ำตา ผวาร่างเขากอดสาวรุ่นพี่ไว้แน่น น้ำตาไม่รู้จากไหนไหลปานเขื่อนแตก ก้อมหน้างุดสะอื้นตัวโยน จนโรสิตาต้องลูบศีรษะปลอบปะโลม

                เปรมสินีก็เข้ามาดึงรั้งแขนเพื่อนไว้อีกคน ด้วยกลัวจะบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะดูท่าไอ้ยักษ์เผือกตรงหน้าคงใหญ่โตไม่น้อย ไม่งั้นคงไม่ยืนถมึงทึงหน้าบูดเป็นตูดลิงอยู่อย่างนี้หรอก

                “พี่ไม่กลัวหรอก ใหญ่คับฟ้าแค่ไหนมันก็เล็กกว่าโลงอยู่ดีนั่นแหละ” คนตัวเล็กมาใหม่ยังอวดเก่ง

                “ยัยนี่ก็อีกคน จะร้องไห้คร่ำครวญอะไรนักหนา ยังไม่ทันจะเสียตัวเลย ร้องอย่างกับโดนรุมข่มขืนมาอย่างนั้นแหละ บ้าสิ้นดีผู้หญิงประเทศนี้แม่งเห็นห่าอะไรวะ เอะอะก็ร้องไห้ แม่งเอ้ย...”

                ภาษาอังกฤษแสลงหูชัดถ้อยชัดคำ ตอบโต้กลับอย่างไม่ไว้หน้าราวกับไม่ใช่ลูกผู้ชาย ประกายตาสีฟ้าเข้มเหมือนเปลวไฟที่กำลังจะแผดเผาสามสาวให้มอดไหม้

                “หยุดร้อง! บอกให้หยุดไงเล่า”

                อิริคเอ็ดตะโรเสียงดังอย่างรำคาญ แล้วเดินกระแทกเท้าไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมโดยไม่แคร์สายตาใคร

                “คุณนั่นแหละหยุดแหกปากเสียที จะอวดบารมีไปถึงไหน ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ประเทศคุณเขาสอนให้ทำกับเพศแม่อย่างงี้หรือไง”

                คนถูกด่าตวัดสายตาวาววับ เพราะตลอดชีวิต คนอย่าง อิริค ราฟา คาร์ซิยาส ไม่เคยมีใครกล้ามาสั่งสอน และยัยหน้าอ่อนคนนี้เป็นใคร จึงกล้าท้าทายเขา นั่นทำให้ร่างหนาแบบตะวันตกเดินอาดๆ เข้าหาอย่างเอาเรื่อง

                 และก่อนที่จะมีสงครามน้ำลายมากไปกว่านั้น พอพล รอน และโยชิ ก็กรูกันเข้ามาภายในห้องอย่างทันท้วงที หลังจากเฮเลนวิ่งออกไปตามทั้งสามมาห้ามศึก

     

                ใบหน้าบอกบุญไม่รับของเจ้าของเรือ เรียกให้เพื่อนหนุ่มร่วมแก๊งต่างอมยิ้มไปตามๆ กัน เพราะตอนนี้ใบหน้าหล่อเหลาแสนเสน่ห์ของอิริค มีรอยช้ำของสาวน้อยชาวไทยตีตราไว้เห็นเด่นชัด นั่นทำให้เจ้าตัวยิ่งหงุดหงิดงุ่นง่านพาลทะโลมากขึ้นไปอีก

                โรสิตา และผองเพื่อนต่างพากันลุ้น ว่าสี่หนุ่มเจ้าของงานจะว่ายังไง จากรูปกาลแล้วนายอิริคอะไรนั่นคงไม่ใช่ย่อยๆ ดูท่าเขาจะโมโหเธอเอามากๆ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ อยากมารังแกดอกแก้วก่อนทำไมล่ะ หญิงสาวสรุปอย่างเข้าข้างตัวเอง

                “ฉันขอโทษแทนโรสด้วยแล้วกัน”

                “นายพูดขนาดนี้ ฉันคงเอาเรื่องเด็กนั่นไม่ได้ใช่ไหม แม่ครัวบ้าอะไรหมัดหนักชิบ นายไปได้มาจากตลาดสดหรือไงวะพอล” เพื่อนหนุ่มถามอย่างหัวเสีย

                “เธอเป็นน้องสาวฉัน พอดีมาฝึกงานที่รีสอร์ท แต่รับรองเรื่องรสชาติอาหารใช้ได้”

                “น้อง! ยัยนักเลงนั่นเป็นน้องของนาย ญาติฝ่ายไหนวะ” ถามกลับเสียงสูงเหมือนไม่อยากเชื่อ ก็ไอ้เพื่อนตัวดีมันเคยมีน้องสาวเสียที่ไหน

                “เออ...น้องของน้องสะใภ้” คนฟังถึงบางอ้อทันที

                “ช่วยกันทำมาหากินว่างั้น เลยเอามาฝากทำงานที่รีสอร์ทแก”

                “ไม่เชิงหรอก พอดีมันตรงสายงานก็เท่านั้น ไงครั้งนี้ฉันขอนะเพื่อน พวกเธอยังเด็ก นายคงไม่ใจดำใช่ไหม”

                “นั่นสิ อีกอย่างแกก็ผิดจริงๆ แล้วก็ไม่ต้องมาแก้ตัวนะโว้ย ว่าไม่รู้ เพราะผู้ชายที่ผ่านผู้หญิงมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำอย่างแก มีหรือจะไม่รู้ ว่าผู้หญิงที่กอดอยู่ใช่หรือไม่ใช่เฮเลน แค่รูปร่างก็ต่างกันแล้ว นี่ยังจะไปจูบเขาอีก”

                โยชิออกความเห็นอีกคน งานนี้ถึงสาวน้อยชาวไทยอาจจะผิดบ้าง แต่เพื่อนของเขาก็ผิดด้วยเช่นกัน

                “เออๆ เข้าข้างกันเข้าไป นี่ฉันต้องจ่ายค่าทำขวัญให้ยัยเจ่อที่อ้วกใส่ด้วยหรือเปล่า พวกแกถึงจะพอใจเลิกทับถมกันได้”

                “เอาน่า...เพื่อน...ถือเสียว่าเป็นการต้อนรับ พ่อยอดนักล่าจากเมดิเตอร์เรเนียนก็แล้วกัน”

                พูดจบรอนก็หัวเราะอกกระเพื่อม หลังจากหนุ่มละตินหล่อล้ำนั่งฟังทั้งหมดโต้เถียงกันไปมา สุดท้ายดูเหมือนว่าไม่มีแม้สักคนเดียวที่จะเข้าข้างอิริค หนุ่มนักล่าเลือดร้อน

                “ครั้งนี้ฉันอโหสิให้ก็ได้ แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกรับรอง พ่อไล่ลงเรือแน่ ฮืม...แสบนักเด็กของแก...”

                ยังไม่วายเข็นเขี้ยวเคี้ยวฟันมาดร้าย ทั้งอ้วกทั้งหมัด ให้ตายดับ นี่มันวันซวยอะไรของเขากันวะ

                “ตกลงนายไม่เอาเรื่องใช่ไหม”
                “พวกแกออกหน้าให้ขนาดนี้ ถ้าฉันโวยวาย เดี่ยวจะหาว่าผู้ใหญ่รังแกเด็ก”

                “ขอบใจเพื่อน” นั่นทำให้คนฟังต้องหันมองค้อนเพื่อน โดยเฉพาะพอพลที่เป็นคนพามา

                “นายดูแลเด็กของตัวเองให้ดีด้วยนะพอล อย่าให้มาเกะกะลูกตาฉัน ขี้เกียจซวยซ้ำซวยซ้อน อ้อ...เย็นนี้ให้พวกหล่อนทำอาหารให้ฉันด้วยล่ะ อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะอร่อยสักแค่ไหนเชียว กะอีแค่เด็กฝึกงาน”

                พูดจบคนตัวใหญ่ก็ลุกขึ้นรวดเร็ว ก่อนจะถอดเสื้อคลุมวางไว้ แล้วกระโดดลงสระทันที เพื่อดับความโมโห และเพียงร่างหนาเจอเข้ากับน้ำเย็นๆ อิริคก็แหวกว่ายราวกับทีมชาติ เพียงไม่นานชายหนุ่มก็อารมณ์เย็นลง

                เนื่องจากตอนนี้สาวสวยที่เขาหิ้วมาจากปารีสแหวกว่ายเข้ามาคลอเคลียร์ใกล้ๆ โดยเฉพาะเฮเลนคู่ควงคนล่าสุดที่เขามักจะหนีบไปไหนมาไหนด้วยทุกครั้ง ด้วยติดใจในลีล่ายั่วสวาทบนเตียงที่ถึงพริกถึงขิงสู้ได้ทุกท่วงท่าไม่มีโยเย

               

                อาหารคาวหวานหลายอย่าง ถูกลำเลียงมายังห้องอาหาร ที่ถูกตกแต่งสไตล์กึ่งผับนิดๆ ด้วยเย็นนี้มีปาร์ตี้สังสรรค์ตามประสาเพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันมานาน เพราะแต่ละคนนั้นก็มีธุรกิจของครอบครัวให้ต้องดูแล การพบปะจึงไม่ง่ายเหมือนตอนสมัยเรียน

                “เป็นไงรสชาติใช้ได้หรือเปล่า”

                แน่นอนว่าอิริคเคยทานมาบ้าง ซึ่งเขาก็ต้องยอมรับแบบเป็นกลาง ว่าฝีมือเด็กของพอพลอร่อยมากทีเดียว แต่ความกลัวเสียฟอร์มเขาจึงเพียงแค่พยักหน้าตอบรับ

                “แสดงว่าอร่อยใช่ไหม”

                “เออๆ” สุดท้ายคนปากหนักก็ต้องยอมรับ แต่พอเห็นเพื่อนพากันอมยิ้ม เจ้าของในตาสีฟ้าก็ให้หงุดหงิด

                “สนุกกันให้เต็มที่เลยพวกเรา”

                เจ้าของเรือเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะยกแก้วไวน์รสเลิศชูขึ้น ทำให้สาวๆ ส่งเสียงกรี๊ดร้อง พร้อมกับจังหวะเพลงที่อึกทึกครึกโครมเข้ากับบรรยากาศ นทีนี้จึงไม่มีใครอยากจะสนใจอะไรอีกแล้ว นอกจากความมันความสนุกของค่ำคืน เพื่อฉลองการสละโสดให้กับโยชิ รายนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะกำลังได้รับการปรนเปรอ จากนางแบบแถวหน้าจากปารีสชนิดแทบสำลักความสุขตาย

                “พอล...ทำไมคุณถึงหมางเมินกับนาตาลีจังเลยล่ะค่ะ หรือว่า...คุณลืมเรื่องระหว่างเราแล้ว”

                หลังจากหลบเสียงอึกทึกจากด้านล่างมาบนดาดฟ้า นางแบบสาวสวยที่เขาเคยคั่วอยู่ก็ตามขึ้นมาติดๆ พอพลยกแก้วบรั่นดีดื่มนิดก่อนจะวางลง ยิ้มให้ดวงตาวาวระยับ แน่นอนเขาผู้ชายทั้งแท่งมีหรือจะปฏิเสธไมตรีที่สาวเจ้าจงใจหยิบยื่นให้ เพราะระหว่างเขากับเจ้าหล่อนก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล มันก็วัวเคยค้าม้าเคยขี่

                “เปล่า เพียงแต่ตอนนี้ผมให้สัญญากับใครคนหนึ่งไว้”

                “สัญญาอะไรคะ”

                เจ้าหล่อนถามเสียงแผ่ว ขณะเคลื่อนกายเข้าหา ยกมือข้างที่ว่างลูบไล้แผงอกกำยำของหนุ่มลูกครึ่งทรงเสน่ห์

                “ผมจะไม่จูบใครอีก”

                “ต๊าย...สัญญาบ้าๆ แบบนั้นมีด้วยเหรอ อย่าลืมสินาตาลีมาก่อนผู้หญิงคนนั้นนะ”

                “ผมรู้...แต่เธอสำคัญกับผมมาก”

                “พอล...นาตาลีไม่คิดว่าคุณจะทำตามสัญญาปัญญาอ่อนนั่นจริงหรอกนะ...เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน คุณจะให้จบแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ หรือ และหากคุณจะละเมิดมันสักครั้งก็ไม่เห็นจะเป็นไร”

                แม่สาวผมทองยังยั่วเย้าไม่เลิก ความร้อนรุ่มของพอพลจึงเพิ่มขึ้น ผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วยแล้ว มันก็ยิ่งทำให้กายชายร้อนรุ่ม

                “นั่นสินะ ปล่อยไปผมคงโง่”

                เมื่อเจอท่าทีเชิญชวนขนาดนี้มีหรือ หนุ่มนักรักจะปล่อยให้ผ่านเลย สัมผัสและรสสวาทที่เคยคลุกเคล้าเหมือนมีแม่เหล็กดึงดูด ต่างคนต่างต้องการ ต่างคนต่างโหยหา ต่างคนต่างอยากปลดปล่อย และพอพลก็ไม่ใช่พระ เขาจึงไม่คิดจะถอย สำนึกอยู่เนืองๆ ว่าสาวน้อยร่วมบ้านคงไม่มาเห็น เพราะนี่มันก็ดึกมากแล้ว

                เปรมสินีถือถาดในมือเดินเข้าห้องครัวทั้งตัวสั่นๆ ซึ่งอาการนั้นก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของเพื่อนสาวไปได้ อาการหันรีหันขวางตกใจราวเห็นอะไรมานั้น มันชวนสงสัยใช่น้อย

                “เป็นอะไรครีม ดูทำหน้าเข้าสิ ทำอย่างกับโดนผีหลอกมางั้นแหละ”

                ถามไปมือก็สาละวนล้างผักในอ่างสำหรับวันพรุ่งนี้ ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมานั้น เล่นเอาคนฟังถึงกับชาวาบแล้วค่อยกลายเป็นโกรธเกรี้ยว

                “ผีก็ดีนะสิ แต่ดันเป็น...เป็นคุณพอลกับยัยพวกนั้น”

                “ทำไมเหรอ คุณพอลเขาทำอะไร” ความอยากรู้ทำให้เธอลืมตัวถามเพื่อนสาวเร็วรี่

                “ก็พี่ชายแก ฉันเห็นเขายืนกอดจูบกันอยู่ตรงดาดฟ้าโน่นแนะ อี๋...ทำไมบนเรือนี่มันถึงได้มีแต่เรื่องอย่างว่านะ ในผับด้านล่างก็ว่าเยอะแล้ว อ้าว...แล้วริชมันไปไหนละนี่ งานเสร็จหน่อยไม่ได้หายหัวเชียว”

                “ตอนนี้กี่โมงแล้วครีม พอดีฉันถอนนาฬิกาไว้ที่ห้อง” อารมณ์เดือดปุดๆ ทำให้โรสิตาไม่สนใจอื่นใดนอกจาก...

                “เที่ยงคืนกว่า คราวนี้พวกเราคงได้พักผ่อนกันเสียที วุ่นวายมาทั้งวัน อ้าวแล้วนั่นแกจะไปไหน”

                “ไปตามหาริช ไม่รู้แอบไปเดินเล่นแถวไหน ไงครีมก็ไปอาบน้ำอาบท่านอนก่อนเราได้เลยนะ ไม่ต้องรอ”

                เปรมสินีพยักหน้าไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าเพื่อนสาวจะเป็นห่วงเป็นใยอะไรในตัวเพื่อนหนุ่มนักหนา ซึ่งโรสิตาก็แอบอ้างดื้อๆ ทั้งที่จริงแล้ว เธออยากจะปะฉะดะกับไอ้เพลย์บอยตัวพ่อนั่นมากกว่า

                เปรมสินีหันซ้ายหันขวา เมื่อเห็นว่าปลอดคน มือบางจับตะกร้าไวน์รสเลิศราคาแพงหูฉี่ ที่เด็กเสริฟ์บนเรือวางเอาไว้ มันเหลือเพียงค่อนขวดครั้นจะทิ้งก็เสียดาย เธอจึงหยิบแก้วใสทรงสูงแล้วรินมันลงไป ดึกแล้วไม่น่าจะมีใครเห็น พลันนั้นระหว่างเดินออกจากห้องครัว ก็เห็นริชชี่นั่งดื่มพูดคุยกับเชฟฝรั่งอย่างสนุกสนานในห้องเตรียมของ

                เอ...แล้วยัยโรสจะไปตามหาริชถึงไหนกันละนั่น เพราะพ่อยอดชายตัวดีก็นั่งอยู่ในนี้ แม้จะนึกถึงแต่เมื่อดวงตากลมโตเหลือบมองไวน์สีสดในขวดและแก้วที่ตัวเองแอบรินออกมา จึงเลิกสนใจเพื่อนไปในบัดดล แล้วย่องเบาไปยังท้ายเรือ

               

                “พอล...อืม...ทำไมหยุดละคะ...นาตาลีกำลัง...”

                ไม่เพียงหยุด แต่พอพลยังพละห่าง เมื่อสาวน้อยที่เขาคิดว่าน่าจะหลับไปแล้ว กลับปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของพวกเขา ดวงตาสีนิลกาลวาววับแข็งกร้าว และเมื่อนางแบบสาวมองตามจึงรู้ว่าเป็นใคร ทำให้เจ้าหล่อนไม่พอใจเป็นอย่างมาก

                “โรส...” เพลย์บอยหนุ่มเอ่ยชื่อเสียงเบาหวิว

                “นังก้นครัว แกมายืนทำอะไรตรงนี้ไม่ทราบ ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกับพอลทำอะไรกันอยู่”

                “เห็น...แล้วก็เห็นเต็มตาด้วย มักง่ายกันที่สุด”

                “เอ๊ะ! นี่แกกล้าว่าฉันเหรอ ตัวเองเป็นใคร กะอีแค่เชฟฝึกหัด ยังจะเสนอหน้ากล้าตีเสมออีก”

                “หยุดนาตาลี ผมว่าคุณกลับลงไปก่อนดีกว่า”

                “แต่ว่าเรา...”

                “โรสเป็นน้องสาวผม หากคุณว่าเขาก็เหมือนว่าผม”

                “อะไรนะ! นังก้นครัวนี่เป็นน้องสาวคุณ” ถามเหมือนไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อเมื่อชายหนุ่มพยักหน้ารับ

                “แล้วผมก็หวังว่าคุณจะให้เกียรติโรสิตา เหมือนที่ให้เกียรติผม”

                นาตาลีถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก ได้แต่ยืนยักไหล่อย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อมีมารมาผจญจน จนเธออดงาบอดีตหนุ่มคู่ขา

                “ก็ได้ค่ะ แต่พรุ่งนี้หวังว่าพอล จะไม่ปฏิเสธนะคะ”

                พูดจบเจ้าหล่อนก็ถือวิสาสะก้มลงดูดดึงปากชายหนุ่ม แล้วจึงผละห่างอย่างแสนเสียดาย เดินกระฟัดกระเฟียดออกไป ไม่วายเสตามองร่างบางผู้มาใหม่ ตรงนี้จึงเหลือเพียงโรสิตาที่ยืนตาขวางกำมือแน่น

                “พี่อธิบายได้”

                “คนผิดสัญญา คุณมันคนเชื่อถือไม่ได้”

                ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอจึงโมโห และหงุดหงิดไม่มีกะจิตกะใจจะไปนอน เพียงเพื่อนรักบอกว่าอีกฝ่ายกำลังพลอดรักอยู่บนดาดฟ้า ขาสองข้างมันก็พามาจนได้เห็น

                “เดี่ยวโรส...คุยกับพี่ก่อน ระหว่างพี่กับนาตาลีมันไม่มีอะไรจริงๆ จริงอยู่ว่าเมื่อก่อนระหว่าง...”

                “ไม่ต้องมาแก้ตัวหรือพูดอะไรอีก ไม่อยากฟัง จะทำระยำตำบอนอะไรกันก็เชิญ และถ้าโรสทำบ้างก็อย่ามาว่าแล้วกัน”

                พูดเพียงนั้นร่างบางที่กำลังจะเดินออกห่าง ก็ต้องถลาเมื่อมือหนาเข้าสวมกอดเธอไว้แนบอกจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้หญิงสาวโมโห ดิ้นรนขัดขืน เพียงนึกถึงจูบระหว่างชายหนุ่มกับนางแบบสาวเมื่อสักครู่

                “ปล่อยนะไอ้คนทุเรศ สับปลับ มักง่าย ปล่อยโรสเดี่ยวนี้นะ”

                “ไม่ปล่อย จนกว่าโรสจะเข้าใจพี่”

                “ไม่เข้าใจ ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ไม่ฟังโว้ย...” โรสิตาแผดเสียงทุบตีท่อนแขนกำยำเป็นพัลวันจนเหนื่อยหอบ และดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นอีกฝ่ายก็ยิ่งกอดรัดแน่นขึ้นจนรู้สึกได้

                “ถ้าไม่ฟังพี่จะกอดโรสอยู่แบบนี้จนเช้า จะลองดูก็ได้พี่ไม่สนอยู่แล้ว”

                “มันจะมากไปแล้วนะคุณพอล คุณมีสิทธิ์อะไร ตัวเองผิดสัญญาก่อนแท้ๆ โรสต่างหากเล่าที่ควรโกรธ ปล่อยสิ บอกให้ปล่อยได้ยินไหม ไอ้บ้า ไอ้เห็นแก่ตัว” สาวน้อยในอ้อมแขนด่าเป็นชุดดิ้นกระแด่วๆ ไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ง่ายๆ

                “ไม่!

                “แล้วคุณจะเอายังไง เอ๊ะ!

                แล้วโรสิตาก็ต้องสะดุ้งเมื่อจมูกโด่งๆ ของคนตัวใหญ่ กดแนบบนแก้มนุ่ม และเริ่มคลอเคลียลงสู่ซอกคอ

                “หยุดนะ คุณจะทำอะไร คุณพอลไอ้คนลามก ไอ้หัวงู

                “พี่ขอโทษ...แต่ทั้งหมดมันเพราะโรสนั่นแหละ รู้หรือเปล่าว่าพี่ต้องอดทนแค่ไหนที่จะไม่ล่วงเกิน พี่ไม่ใช่พระนะ อะไรที่มันเก็บกดมากๆ พี่ก็อยากระบาย เข้าใจพี่บ้างสิ”

                พอพลอธิบายเสียงต่ำ ก่อนจะหมุนร่างบางตรงหน้าให้หันมาเผชิญ จ้องเข้าไปในดวงตาคู่งามเหมือนจะสื่อให้เห็นว่าตัวเองพูดความจริง

                “ไม่เข้าใจ ไอ้เหตุผลมักง่ายเอาไว้ไปหลอกเด็กปัญญาอ่อนโน่น และคุณจะไปมีอะไรกับใครก็เชิญ แต่สัญญาของเรามันต้องจบ”

                “ไม่! พี่ไม่ยอม พี่เคยบอกแล้วว่าผู้ชายทุกคนเห็นแก่ตัวหมด และพี่ไม่ได้ตั้งใจจะผิดสัญญา แต่ระหว่างพี่กับนาตาลีเราเคยสนิทกันมันจึงไม่แปลกหากพี่กับเธอจะ...”

                “โรสไม่อยากฟังคำแก้ตัว เลิกอ้างอะไรที่ฟังไม่ขึ้นเสียที สัญญาแค่นี้ยังรักษาไม่ได้เลย แล้วโรสจะเชื่อใจคุณได้ยังไง แล้วก็ปล่อยโรสเสียที โรสจะไปนอน”

                คนตัวเล็กแผดเสียงดังดิ้นเร้า พอพลซึ่งได้ดีกรีของแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือดเข้าไปด้วย ความในใจที่ถูกเก็บกดจึงเผยออกมา

                “ถ้าโรสไม่อยากให้พี่ไปจูบกับใครก็มาเป็นแฟนพี่สิ เปลี่ยนจากน้องเป็นแฟน พี่จะได้รู้สึกว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว พี่จะได้รู้ว่าต่อไปนี้หัวใจของพี่ต้องคอยแคร์ใคร”

                แม้จะรู้สึกตกใจกับวาจาของคนตรงหน้า แต่อารมณ์กรุ่นโกรธนั้นมีมากกว่า

                “ได้หรือเปล่า คราวนี้พี่จะได้เป็นของโรสคนเดียว จูบโรสคนเดียว กอดโรสคนเดียว พี่จะได้ไม่อยากมีเซ็กกับใครอื่นอีก”

                เพียะ! เพียะ!

                ฝามือเล็กทรงประสิทธิภาพเมื่อเป็นอิสระจึงยกขึ้นตบไม่ออมมือ อาการมึนๆ เมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง พอพลสะบัดหน้าหันกลับตาลุกวาว คนตัวเล็กถ้อยร่นมองเขาแทบจะกินเลือดกินเนื้อ นึกโกรธกับคำของ่ายๆ ของอีกฝ่าย

                “โรสตบพี่”

                “คนเห็นแกตัว เห็นโรสเป็นอะไร คนคอยสนองตัณหาให้งั้นเหรอ ไม่มีวันเสียหละ คำรักสักคำคุณยังไม่เคยพูดมันออกมาเลย แล้วจะมาขอเป็นแฟนได้ยังไง แล้วถ้าต้องยอม เพียงเพื่อไม่ให้คุณไปมีอะไรกับใครอื่นแล้วละก็ เชิญคุณไปขึ้นเตียงกับพวกโสเภณีไม่ได้ตีทะเบียนพวกนั้นได้เลย ไอ้คนเซ็งเคร็ง!

                ร่างบางเดินกระแทกเท้าลงบันไดไปอย่างหัวเสีย ซึ่งอิริคกับเฮเลน ที่มาถึงได้เมื่อครู่ก็ทันได้เห็นวิวาทะของทั้งคู่จึงนิ่งฟัง โรสิตาไม่สนใจสองร่างที่ยืนขวางทาง เพราะเธอโกรธจนควันออกหู เดินกระแทกไหล่อิริคโดยไม่คิดจะหันมาขอโทษ เจ้าเรือสำราญอมยิ้มหลังจากหายอึ้ง

                เริ่มมีอะไรสนุกๆ ให้ไอ้อิริคคนนี้เล่นแล้วสิ...

               

                เสียงผิวปากฮัมเพลงเบาๆ ดังมาทางด้านหลัง นั่นทำให้ร่างบางที่กำลังยืนดื่มไวน์ที่ขโมยมา ถึงกับรีบกระเดือกมันลงคอจนแทบสำลัก

                “มายืนทำอะไรตรงนี้จ๊ะสาวน้อย”

                เสียงถามเป็นภาษาอังกฤษจากด้านหลัง ทำให้เปรมสินีต้องหันไปรวดเร็ว ก่อนจะซ่อนขวดไวน์แดงไว้ด้านหลัง ด้วยเกรงว่าคนที่มานั้นจะเป็นหนึ่งในสี่เทพบุตรนักรัก แล้วก็เป็นจริงดังคาด

                “คุณรอน...”

                “ใช่ผมเอง แล้วนั่น! เธอซ่อนอะไรไว้ด้านหลังกันหรือสาวน้อย”

                “ปละ...เปล่า...ไม่มีอะไร...” ตอบตะกุกตะกักกำขวดไวน์ไว้แน่น เมื่อเจอสายตาสอดส่ายจัดผิดของหนุ่มละตินตรงหน้า และเขาก็เริ่มสาวเท้าเดินวน ทำให้เปรมสินีต้องหมุนวนตามไปด้วย

                “ไม่มีอะไรแล้วจะหนีทำไม ชูมือออกมาด้านหน้าเดี่ยวนี้”

                หญิงสาวไม่ทำตาม ส่ายหน้าปฏิเสธ ใจดวงน้อยตกไปอยู่ตาตุ่ม หวาดกลัวจะโดนจับได้ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย อย่าให้ไอ้หน้าเหลี่ยม เอ้ยไอ้หน้าหล่อนี่จับได้เลย

                “ผมบอกให้ชูมือสองข้างมาด้านหน้า” เปรมสินีก้มหน้านิ่ง หลับตาภาวนาถึงสิ่งสักสิทธิ์ ทั้งที่เวลาไม่ใช่

                “จะลองดี หรืออยากจะให้มีเรื่อง ก็ได้...”

                คนตัวใหญ่สรุปเอาเอง กางแขนสองข้างออกเดินต้อนสาวน้อยไปจนด้านหลังติดกาบเรือ และคราวนี้คนตัวเล็กก็จนมุม มือหนาขยับเข้ารวบ ทั้งขัดขืนดึงดันกันอุตลุด แล้วคนตัวใหญ่ก็เป็นฝ่ายชนะ เมื่อมือขวาหยิบขวดไวน์รสเลิศราคาหกหลักขึ้นชูอย่างมีชัย

                “เธอ ยัยหัวขโมย”

                “เปล่านะ ดิฉันสาบานได้ว่าไม่ได้ขโมยมา เพียงแต่มันเหลือจากพวกคุณๆ กินแล้ว ฉันเพียงแค่เสียดาย เลย...เลย...”

                “เลยเอามาดื่มเองงั้นสิ” คนตัวใหญ่สรุปให้ ซึ่งสาวน้อยหน้าชะแล้มก็พยักหน้ายอมจำนน

                “นี่มันของดี หมักที่ฝรั่งเศส ปี 1990 ราคามันแพงมาก แต่มันก็ไม่ได้แพงไปกว่าที่ผมจะซื้อมา”

                “ดิฉันทราบว่ามันแพง แต่...อย่างที่บอกว่าเออ...มันเหลือ...แล้วก็ไม่มีใครสนใจ...”

                คนตัวเล็กพยายามอธิบายเป็นที่สุด แต่เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันก็ยังจับจ้องหน้าเธอไม่วางตา พาลให้ร่างสาวสั่นสะท้านขึ้นมาดื้อ

                “แต่เธอก็ไม่มีสิทธิจะดื่ม ของนี่ผมสั่งมาให้บรรดาสาวๆ แต่เธอสาวน้อย...เป็นแค่นางก้นครัว เป็นแค่เด็กฝึกงาน หน้าตาก็ยังเด็กอยู่แท้ๆ ไม่น่าจะขี้เหล้าเมายาเลยนี่นา”

                คำพูดดูถูกปนถากถางนั้น เรียกให้ดวงตากลมโตตวัดค้อนมองอย่างเอาเรื่อง อารมณ์กลัวอีกฝ่ายหมดไป

                “อย่ามาว่ากันนะ ก้นครัวแล้วไง ไม่ใช่คนหรือไง ฉันมีหูมีตาสองแตกต่างจากคุณหรือไง แล้วฉันก็บรรลุนิติภาวะแล้วด้วย กะอีแค่ดื่มไม่กี่แก้ว มันไม่ถึงกับเมามายอะไรนักหนาหรอก อย่ามาดูถูกัน รู้ไหมในจำนวนเพื่อนผู้หญิงทั้งหมดน่ะ ฉันคอทองแดงเชียวหละ รู้ไว้ซะ”

                “งั้นรึ”

                “ใช่” ตอบมาดมั่น คนอย่างเปรมสินีไม่มีทางยอมให้ใครมาดูถูกง่ายๆ เด็ดขาด

                แล้วหญิงสาวก็ต้องดิ้นรน เมื่ออีกฝ่ายฉวยข้อมือฉุดกระชากดึงรั้งเข้าไปด้านใน ขืนตัวไว้เต็มที่แต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านพละกำลังของชายหนุ่มได้

                “ปล่อยนะคุณรอน คุณจะพาฉันไปไหน ปล่อยสิ ปล่อย...”

                “จะแหกปากทำไม เดี่ยวคนอื่นก็แตกตื่นกันหมดหรอก ผมไม่ทำ

     
     รีบลงจะแย่ พิมพ์ผิดพิมพ์ถูก มีคำผิดขออภัยกันล่วงหน้าเลย เผื่อจะมีหน้าใหม่หลงมาอ่าน แต่หน้าเก่าคงชินแล้ว อิอิ

    คนแต่งอ่านทวนแค่รอบเดียวนะคะ ผิดและไม่ลื่นไหลอย่าว่ากันเน้อ อ้อ ขอบคุณทุกกำลังใจ ที่คอมเม้นให้กันนะจ้า แล้วก็คนที่กดโหวตให้ด้วย

    อ้อ...สำหรับตอนที่โดนแบน และอีกหลายตอนที่คงจะโดนแบนติดๆ คนแต่งจะไปลงที่เวปนิยายดอทคอมนะคะ ในเวปนิยายใช้ชื่อว่า อันดามัน ซึ่งเป็นอีกนามปากกา สำหรับแนวดราม่า (ไม่รุ้แต่งไปแต่งมาจะดราม่าหรือเปล่า กลัวออกมาแนวตลกหื่นอีก อิอิ)

    ไว้เจอกันตอนหน้านะจ้า รักคนอ่านที่สูดดดด


    ******* ช่อศิลาญา *********

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×