ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 ชายคาเดียวกัน
บทที่ 2 ชายคาเดียวกัน
ดวงตากลมโตปะทะเข้ากับแผงอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อมันอยู่ในระดับสายตาของหญิงสาวพอดี กับสภาพสภาพที่โป้เปลือยท่อนบนไม่ต่างจากเมื่อครู่ ทั้งที่ไม่รู้จักไม่สนิทชิดเชื่อ แต่อีกฝ่ายก็กล้าที่จะทำตัวสะดวกสบายราวกับไม่มีเธออยู่ร่วมชายคา มือบางจึงทำท่าจะดึงประตูปิดกลับ ทว่ามือหนาขยับดันบานประตูไว้เสียก่อน
“ถ้าโรสไม่ออกมาพี่จะเข้าไปข้างใน”
ดวงตาสีมรกตวาววับภายใต้แสงไฟ เธอรู้ว่าเขาพูดจริง มันทำให้โรสิตายิ่งเหม็นขี้หน้าชายหนุ่มมากขึ้นไปอีก สามเดือนกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ มันจะไปรอดหรือ... ดูท่ามันจะไม่ราบรื่นเสียแล้ว...
“คุณมีอะไรจะคุยก็ว่ามา”
ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่ถือวิสาสะรวบข้อมือหญิงสาวแล้วลากมายังโซฟาตัวใหญ่ ที่ตั้งอยู่ตรงระเบียงด้านหน้าซึ่งติดกับห้องของเธอ โรสิตาทั้งหยิกทั้งสะบัดข้อมือด้วยความไม่พอใจ นอกจากพอพลจะไม่ยอมปล่อยแล้วเขายังบีบข้อมือเธอแน่นขึ้นจนกระดูกแทบแหลก และเมื่อถึงที่หมายเขาจึงยอมปล่อย
ร่างบางจำกระแทกตัวลงนั่งอย่างไม่เต็มใจ เสดวงตาทอดมองออกไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า และหากหญิงสาวมองเขาสักนิดเธอจะเห็นแววตาอันอบอุ่นของอีกฝ่าย แน่นอนว่าดวงตาชายหนุ่มไม่ได้คลาดเคลื่อนจากใบหน้านวลเนียน ที่ปราศจากเครื่องสำอางสักนิด เมื่อครู่ที่ว่างามล้ำตอนนี้พอพลได้มีโอกาสสำรวจเครื่องหน้าของเด็กสาวได้อย่างถี่ถ้วน มันสดใสน่ารักปนดื้อรันตามธรรมชาติแลดูมีชีวิตชีวา
แล้วก็มีอีกหนึ่งอย่างที่หนุ่มนักรักอย่างพอพลไม่พลาดจะสำรวจ นั่นคือทรวงอก ทำไมหนอทั้งที่ร่างบางดูโตกว่าแต่ก่อน แต่ไยหน้าอกหน้าใจมันจึงยังดูแบนราบจนน่าสงสัย ขัดกับรูปร่างอย่างเห็นได้ชัดแลดูไม่สมส่วน
“จะจ้องอีกนานไหม ไหนว่ามีอะไรจะคุยไง”
“โทษที” ชายหนุ่มเหมือนจะรู้ตัวว่าเผลอสำรวจเธอมากไป และเพียงเห็นใบหน้างอง้ำ เขาก็ถึงกับต้องกลั้นยิ้ม
“ยิ้มอะไร”
“ทำไมล่ะ หรือโรสจะให้พี่ร้องไห้เป็นการต้อนรับ”
นั่นทำให้หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น คนแบบนี้ก็มีด้วย ทำเรื่องน่ารังเกียจยังจะมีแก่ใจระเริงรื่น
“ฉันเห็นการต้อนรับของคุณแล้ว”
“แล้วประทับใจไหมล่ะ หรือว่าตกใจ”
“คุณพอพล!”
“ครับผม”
เขายั่วเธอเสียอีก แน่นอนเขาไม่มีอะไรจะคุยกับหญิงสาวเลยสักนิดเดียว แต่เพราะดวงตากลมโตที่ตื่นตระหนกตกใจเมื่อครู่ของหญิงสาว กลับอยู่ในห้วงคำนึงของเขาใคร่อยากจะมองหน้าเธอให้เต็มตา จนต้องสร้างเรื่องเรียกเธอมาสนทนากลางดึก
เด็กเอ๊ย...เธอไม่มีวันทันเขาหรอก...เจอยั่วนิดเดียวก็เดือดแล้ว...ช่างอ่อนหัดเสียจริงแม่สาวน้อย
“ถ้าคุณไม่มีอะไรฉันจะ...”
“วันนี้เดินทางมาเหนื่อยไหม”
ยังไม่ทันจะจบประโยคอีกฝ่ายก็แทรกถามเบี่ยงประเด็นเอาดื้อๆ
“ไม่” ตอบแบบกำปั้นทุบดิน
“พี่ต้องขอโทษด้วยที่ทำอะไรประเจิดประเจ่อให้โรสต้องตกใจ คือพี่ลืมไปว่าโรสจะมาวันนี้ แล้วก็ต้องขอโทษที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับด้วยตัวเอง”
“ไม่จำเป็น”
“โกรธพี่หรือ”
“ทำไมฉันต้องโกรธคุณด้วย คุณเป็นเจ้าของที่นี่คุณจะทำอะไร จะสมสู่กับใคร จะพลอดรักกอดรัดฟัดเหวี่ยงสุดสวิงริงโก้กันมุมไหนมันก็เรื่องของคุณ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาขอโทษฉัน หากคุณเรียกมาเพียงเรื่องไร้สาระแค่นี้ละก็ ฉันขอตัว”
พูดจบร่างบางที่ใบหน้าหงิกงอก็ลุกพรวด ทำท่าจะเดินหนีแต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนตัวมาขวางไว้รวดเร็ว เธอจึงแลดูตัวเล็กไปถนัดตา ก่อนจะเงยหน้าสบตาเจ้าบ้านหนุ่มด้วยความไม่พอใจ
“หลีก...ฉันจะไปนอน”
“โรสไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ ทำไมถึงพูดจาดีๆ กับพี่บ้างไม่ได้”
“ไม่มีเหตุผล”
“พี่ไม่เชื่อ” ดวงตาสีมรกตยังดึงดัน และร่างหนาใหญ่ที่ปราศจากเสื้อทำให้ร่างบางต้องผงะถอย ยอมรับว่าค่อนข้างประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจจะเพราะสัญชาตญาณบางอย่างในตัวเขา มันบอกว่าชายหนุ่มไม่หน้าไว้ใจ และอย่าได้เข้าใกล้หากไม่จำเป็น
“นั่นมันก็เรื่องของคุณ อ้อ...ถ้าจำไม่ผิด ฉันเคยบอกคุณไปแล้ว ว่าฉันมีพี่สาวเพียงแค่คนเดียว”
“แต่ลิลลี่เป็นน้องสะใภ้พี่ ส่วนโรสซึ่งเป็นน้องสาวของลิลลี่ ก็เปรียบเสมือนน้องสาวพี่เช่นกัน”
“แต่ฉันไม่อยากมีพี่อย่างคุณ ไม่อยากมี แล้วก็ไม่เคยคิดที่จะมี”
คำตอบนั้นทำให้ดวงตาสีมรกตหรี่ลงอย่างคาดคั้น ก่อนเจ้าตัวจะถามออกไปเสียงเข้ม
“พี่มันน่ารังเกียจมากเลยหรือไง”
“ใช่ และฉันก็เหม็นขี้หน้าคุณด้วย ทีนี้ได้ยินชัดเต็มสองหูแล้วใช่ไหม ถ้าหายข้องใจแล้วรบกวนหลีกทางด้วย”
นอกจากร่างหนาใหญ่แบบฉบับลูกผสมจะไม่หลีกหลบให้เธอแล้ว เจ้าตัวยังสาวเท้าเข้าใกล้คนตรงหน้ามากขึ้น จนร่างเล็กบางเป็นฝ่ายต้องถอยร่นไปด้านหลัง
“พี่ไม่หลีก จนกว่าโรสจะหาเหตุผลให้ฟังขึ้นกว่านี้”
“หน้าคุณมันไม่ถูกชะตาฉัน แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ”
“ใช่ และมันก็ฟังไม่ขึ้นเลยสักนิด นี่หรือคือเหตุผลของคนมีความรู้ระดับปัญญาชน รึว่าการศึกษาระดับปริญญาตรีไม่ได้ช่วยสอนวิธีคิด วิธีผูกมิตรไมตรีกับคนรอบข้างให้โรสบ้างเลย และถ้าหากโรสยังใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ต่อให้จบเป็นดอกเตอร์ลงทุนทำอะไรมันก็คงจะมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง เพราะโลกทัศน์ของโรสมันแคบมาก”
“ไอ้บ้า!”
เธอสวนกลับไปทันที ร่างบอบบางกำมือแน่นขบฟันดังกึก โกรธจนตัวสั่นกับคำสบประมาทที่กล่าวหาอย่างไม่ไว้หน้า
“พอพี่พูดความจริงก็รับไม่ได้”
เขายังตำหนิหญิงสาวตรงๆ แม้เจ้าหล่อนจะน่ารัก แต่ปากคอเราะร้ายมันทำให้เขาอยากกำหลาบ คนอย่างนายพอพล ชาเวลล์ เขตตะวันไพศาลสิทธิ์ ไม่เคยเลยสักนิดที่จะใช้ถ้อยคำว่ากล่าวสตรีให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ แต่กับคนตรงหน้าที่ดื้อดึงไม่ยอมลงให้เขาง่ายๆ ทั้งที่จะต้องมาอยู่ร่วมชายคากันเป็นเดือนๆ กลับทำให้เขาต้องมาหงุดหงิด จนอยากจะเอาชนะ
”ฉันจะเป็นอย่างไงมันก็เรื่องของฉัน คุณไม่ต้องมายุ่ง ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะเด็กฝึกงาน เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นที่คนอย่างคุณจะต้องลดตัวมาสนทนาด้วย เชิญไปพลอดรักสมสู่กับบรรดาคู่ขาของคุณโน่น”
“ผู้ใหญ่พูดสอนสั่งยังไม่ฟังอีก”
“คุณไม่ใช่พ่อฉัน”
“โรสิตา!”
เจ้าบ้านหนุ่มตวาดเรียกชื่อหญิงสาวเต็มยศ ด้วยความโมโห ตัวเล็กนิดเดียวแต่เถียงเขาคำไม่ตกฟาก และยังหาญกล้าจ้องตาเขาไม่มีหลบ
“ทำไม”
“อย่ายั่วโมโหพี่นะ”
“ก็คุณไม่ใช่พ่อฉันจริงๆ และฉันก็ไม่ใช่แม่ปลากระดี่พวกนั่น ที่กระสั่นซ่านอยากจะได้น้ำคุณ”
เมื่อเห็นดวงตาสีมรกตลุกวาว ริมฝีปากอวบอิ่มเชิดนั่นจึงหยักโค้งมุมปากสะใจ แต่ไหนแต่ไรเธอกับเขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด แล้วมันเรื่องอะไรกันเล่าที่เธอจะต้องยอมลงให้กับคนที่เคยดูถูกเธอด้วย
“มันจะมากไปแล้วนะ”
ไม่เพียงเสียงที่รอดไรฟัน แต่มือหนาขยุ้มหัวไหล่ของเธอเต็มแรง จนโรสิตารู้สึกเจ็บพยายามแกะมืออีกฝ่ายออก แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อแขนอีกข้างของชายหนุ่ม ตวัดรอบแผ่นหลังและรั้งเธอเข้าหาตัวรวดเร็ว
“ทำไม ก็มันจริงนี่นา ฉันไม่ใช่แม่พวกสมองกลวงพวกนั้น ที่จะได้เออออห่อหมกร่านสวาทอยากได้เงินของคุณ จนยอมแผ่หลาอ้าขาสนองกิเลสให้กับคุณไม่เลือกที่”
ประโยคจิกกัดด้วยถ้อยคำรุนแรงของหญิงสาว เสมือนประจุไฟฟ้าที่มากระตุ้นให้ร่างหนาเดือด จนออกแรงกระชับร่างบางให้แนบลำตัวมากขึ้น จนหญิงสาวนิ่วหน้าด้วยรู้สึกราวจะแหลกคาอกอีกฝ่ายเสียให้ได้
“เจ็บหรือไง”
“ไอ้บ้า ปล่อยเดี่ยวนี้นะ”
“ไม่ปล่อย จนกว่าโรสจะขอโทษพี่ เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าหัดพูดจาแก่แดดเกินตัว”
ชายหนุ่มดุเสียงกร้าว จ้องมองสีหน้าเจ็บปวดของหญิงสาวนิ่ง อย่างไม่มีทีท่าจะคลายอ้อมแขนออกง่ายๆ
“เรื่องอะไรฉันจะต้องขอโทษคุณด้วย ไอ้บ้า ปล่อยเดี่ยวนี้นะไอ้ซาดิส ไอ้หน้ารังแก้ผู้หญิง ไอ้มักมากในกาม ไอ้คนทุเรศ ไอ้หน้าไม่อาย ไอ้ดีแต่ใช้กำลัง”
แต่ละคำที่พ้นออกมาจากเรียวปากอิ่มนั้นฟังไม่ได้สักคำเดียว ซึ่งตลอดชีวิตที่เกิดเป็นตัวเป็นตน มาสามสิบสามปี พอพลไม่เคยได้ยิน และก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนจะพูดให้เขาต้องระคายหู แต่กับเด็กสาวในอ้อมแขนนี้ทั้งที่ห่างกับเขาตั้งรอบ เจ้าหล่อนกลับขุดสารพัดคำด่าใส่หูเขาชนิดน้ำไหลไฟดับ
“ถ้าโรสไม่ขอโทษ พี่จะทำมากกว่านี้อีก”
“คุณก็ว่าฉันเหมือนกัน เรื่องอะไรฉันต้องขอโทษด้วยเล่า ปล่อยนะ ไอ้บ้า ปล่อย...”
“ขืนยังดื้อพี่จะทำโทษโรสเดี่ยวนี้ หนึ่ง...”
“ไม่...ไม่ขอโทษโว้ย...ไอ้บ้าหูแตกหรือไง บอกว่าไม่”
“สอง...สาม...”
“อื้อ...ไอ้บ้า...”
แล้วก็รวดเร็วเกินร่างบางจะตั้งตัวได้ เมื่อริมฝีปากหน้าทาบลงบนกลีบปากที่อ้าของโรสิตา ก่อนเจ้าตัวจะสะบัดหน้าหนีทันควัน ชายหนุ่มจึงทาบลงบนแก้มนวลแทน ก่อนสาวเจ้าจะขุดคำดาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษมาว่าเขาจนแสบแก้วหู
“นี่แน่ะ จะปล่อยไหม”
“โอ้ย! ยัยเด็กแสบ ยัยเด็กปากตลาด”
และโดยที่พอพลเองก็คาดไม่ถึง เมื่อริมฝีปากจิ้มลิ้มคู่งาม งับลงที่ใบหูข้างขวาของเขาจนจมเขี้ยว เจ้าตัวสะดุ้งร้องกับความเจ็บที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ ว่าเด็กสาวจะฤทธิ์เยอะขนาดนี้ ความเจ็บทำให้อ้อมแขนแกร่งคลายออก จนร่างบางเป็นอิสระ
และเมื่อไร้ซึ่งพัฒนาการจากอีกฝ่าย โรสิตาจึงไม่รอช้า หมัดน้อยๆ ซัดเปรี้ยงเข้าที่เบ้าตาซ้ายของเจ้าบ้านเป็นการต้อนรับทันที
“พลั่ก!”
“โอ้ย!”
เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มต้องร้อง เพราะความไม่ทันตั้งตัวทำให้ผู้ชายที่เคยแต่เป็นฝ่ายลุกไล่เรือนกายสาว ต้องพ่ายให้กับเด็กสาวตัวเล็กอย่างง่ายดาย มืออีกข้างกุมหูขวา มืออีกข้างกุมตาซ้าย แทบสิ้นลายไม่เหลือเค้าหนุ่มนักรักเลยสักนิด และเป็นภาพที่แลดูน่าสมเพชสำหรับโรสิตาเป็นที่สุด
“สมน้ำหน้า จำไว้อย่ามาประมาทคนอย่างโรสิตา นี่แค่สั่งสอน”
คำพูดถากถางพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ย เรียกให้ดวงตาสีมรกตเข้มวาววับอย่างคาดโทษ
“เด็กบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ” เขาตะโกนไล่หลังร่างบางที่เดินหนีไปอย่างสบายใจเฉิบ
“รีบมาเอาคืนด้วยล่ะ ไม่ชอบรับฝากจากพวกมักมากในกาม แบร้...”
ร่างบอบบางหันมายิ้มเยาะ แถมแลบลิ้นปลิ้นตาให้ราวกับเด็กน้อย ทำให้เขานึกถึงเจ้าหล่อนในคืนงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของเรวิน นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ระหว่างเขากับยัยเด็กห้าวนั่นเจอกันแบบจังๆ สองปีผ่านไป อะไรๆ อาจจะเปลี่ยนแต่นิสัยและความเกลียดในตัวเขากลับยังคงเดิม
ก่อนพอพลจะขยับลุกนั่งบนโซฟาด้วยความโมโห ทั้งเจ็บทั้งโกรธไม่สบอารมณ์สักอย่าง คาดโทษหญิงสาวไว้ในใจ เป็นเหตุให้เพลย์บอยลือชื่อต้องขบคิดวิถีปราบพยศผู้มาเยือน
‘เราได้เห็นดีกันแน่สาวน้อย คนอย่างพอพลไม่เคยสักครั้งต้องมาพลาดท่าเสียทีผู้หญิง และไม่เคยมีใครมาตะโกนด่าป่าวๆ อย่างที่เธอทำ คอยดูนะยัยกุหลาบป่าเผลอเมื่อไรเห็นดีกันแน่’
แล้วร่างหนาใหญ่จึงพาร่างอันบอบช้ำ ทั้งหูทั้งตาจัดแจงหาน้ำเข็งมาประคบอย่างทุลักทุเล แต่กระนั้นยามล้มตัวลงนอนเขาก็ไม่อาจข่มตาลงได้ แม้จะผิวเผินที่ได้แตะกลีบปากอวบอิ่มดื้อรั้น แต่มันช่างนุ่มนวลและเย้ายวนเลือดในกายเขาเหลือเกิน
โอ้...ไม่นะ เธอยังเด็กที่สำคัญเป็นน้องด้วย เขาจะต้องสั่งสอนในฐานะพี่ชายเท่านั้น ย้ำ พี่ชายเท่านั้น ชายหนุ่มเตือนตัวเอง
เมื่อสมองซีกที่เห็นแก่ตัวกำลังออกคำสั่งให้เขาปราบพยศเจ้าหล่อนด้วยวิถีเห็นแก่ตัว ซึ่งมันค้านกับสมองซีกศีลธรรม จนชายหนุ่มต้องปัดความคิดสองแพร่งนั่นออกไปแล้ว แต่มีบางอย่างสะกิดใจเขาจนอยากจะหาคำตอบ ตอนที่โอบรัดร่างบางอยู่นั้น ดูเหมือนว่าข้างในเสื้อนอนตัวใหญ่ไม่ใช้เนื้อแท้ เจ้าหล่อนทำไมต้องรัดตัวเองไว้ด้วย หรือกลัวอ้วนเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ชอบใช้สะเตรัดหน้าท้อง พอคิดมาถึงตรงนี้ชายหนุ่มจึงสรุปเอาเองว่าเด็กสาวกลัวอ้วน
ส่วนโรสิตาพอล้มตัวลงนอนได้ หญิงสาวก็สาปส่งสวดยับให้กับเจ้าบ้านหนุ่ม ยาวเสียยิ่งกว่าคาถาใดในพระคำภีร์ไตรปิฎก อยากมาแกล้งคนอย่างโรสิตาดีนัก คุณรู้จักฉันน้อยไปแล้วละคุณพอพล พรุ่งนี้ผลงานของฉันบนตัวคุณได้ประจานแน่
แล้วพอนึกขึ้นได้ว่าเธอโดนเขาปล้นจูบชนิดเฉียบพลัน ก็ให้โมโหเสียนัก จนต้องทุบมือลงบนที่นอนหลายบึกเพื่อระบาย ไอ้คนฉวยโอกาส ก่อนมือบางจะยกขึ้นถูไถริมฝีปากตัวเองไปมาอย่างรังเกียจ ขณะก่นด่าเขาในใจยาวเหยียดอีกชุดใหญ่ นี่แค่วันแรกยังไม่ข้ามคืนด้วยซ้ำ แล้วหากต้องยาวนานเป็นเดือนในบ้านหลังนี้ มันจะไปสิ้นสุดตรงไหนนะ เธอคิดอย่างพร่าเลือนซึ่งก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ รู้แต่ว่าเขาคือผู้ชายอันตรายที่เธอควรอยู่ให้ห่างอย่างที่สุด
ร่างอวบของแม่บ้านสูงวัยที่กำลังสาละวนกับการตักข้าวสวยใส่จานเป็นอันชะงัก เมื่อเหลือบแลเห็นใบหน้าเจ้านายหนุ่ม มีรอยคล้ำช้ำเขียวปนม่วงบริเวณเบ้าตาซ้าย แม้จะไม่ได้มากจนแลดูน่าเกลียดแต่มันก็ยังมองเห็นได้ชัดในระยะใกล้ จนเกิดคำถามว่ารอยนั้นท่านได้แต่ใดมา
“มีอะไรเหรอป้าแก้ว”
แม้จะรู้ว่าแม่บ้านมองเขาด้วยสาเหตุใด แต่ชายหนุ่มก็ยังทำตัวปกติราวกับไม่มีสิ่งผิดแผกบนใบหน้า ก็ในเมื่อร่างบางที่นั่งทานอาหารอยู่ขวามือเขายังไม่เดือดร้อน แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องลุกขึ้นมาตีโพยตีพาย
“หน้าคุณพอลไปโดนอะไรมาคะ ทำไมมันถึงได้ช้ำขนาดนั้น แล้วประคบหรือยังค่ะนั่น”
ผู้สูงวัยถามด้วยความห่วงใหญ่ หลังจากตักข้าวสวยร้อนๆ ลงบนจานกระเบื้องเคลือบให้ชายหนุ่มแล้ว
“เรียบร้อยแล้วครับ พอดีเมื่อคืนผมดื่มหนักไปหน่อย ระหว่างเดินเข้าบ้านเลยชนกับกิ่งไม้ มันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น”
“ต้นไม้ต้นไหนกันนะ มันน่าฟันทิ้งนัก ดูสิคนเดินอยู่ดีๆ มาเกะกะขวางทางเสียได้”
แล้วก็เป็นโอกาสของคนตัวเล็กที่พูดขึ้นลอยๆ ไม่ได้หวังผล ทว่า คำโต้ตอบกลับมาของคนหัวโต๊ะ ก็ถึงกับทำให้มือบางที่กำซ่อมอยู่ต้องตวัดสายตามองไม่พอใจ
“ใช่...น่าฟัน”
“งั้นเดี่ยวป้าจะให้ตามีไปจัดการให้นะคะ”
เสียงของผู้สูงวัยแทรกขึ้นอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ด้วยไม่รู้ความนัยกับประโยคแอบแฝงของหนุ่มสาว ซึ่งกำลังฟาดฟันกันทางแววตาในขณะนี้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ต้นมันยังเล็ก ไว้ให้มันโตกว่านี้สักหน่อย เดี่ยวผมจะเป็นคนฟันเอง”
แล้วชายหนุ่มก็เป็นคนจบบทสนทนาอย่างเป็นต่อ เมื่อดวงตากลมโตวาววับขุ่นขึ้นมาทันตาเห็น กับประโยคท้ายที่พอพลเน้นย้ำ
“แต่ถ้าหากมันเกะกะคุณพอลบอกป้าได้นะคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนตักอาหารเข้าปากอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ไม่วายลอบมองสาวน้อยด้านข้างตลอดเวลา ดวงตากลมโตที่ถึงแม้จะคอยมองเขาด้วยความกรุ่นโกรธและชิงชัง แต่มันก็เป็นแววตาใสซื่อที่แสดงออกอย่างเปิดเผยไร้ซึ่งมารยาปรุงแต่ง รับกับคิ้วเรียวยาวและแพขนตาที่ยาวงอนตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องอาศัยมาศคาร่ามาปัดให้น่ารำคาญ จมูกโด่งรั้นรับกับริมฝีปากอวบอิ่ม โดยเฉพาะริมฝีปากบนที่เชิดขึ้นบ่งบอกลักษณะนิสัยเจ้าของได้ดี ว่าดื้อรั้นเพียงไหน
ยามข้าวแต่ละคำถูกละเลียดตักใส่ปากช่างเถียงนั้น ชายหนุ่มก็แทบอยากจะกลายเป็นช้อน เพื่อจะได้เข้าไปอยู่ในปากเธอ ริมรสความหวานใน...
แล้วชายหนุ่มก็ต้องตกใจกับความรู้สึกด้านมืดของตัวเอง บ้าน่า นี่เรามานั่งคิดอกุศลอะไรกับเด็กแต่เช้าวะเนี่ย พอพลต้องรีบปัดความคิดบ้าๆ ให้ออกไปจากหัวรวดเร็ว ก่อนที่มันจะเตลิดเปิดเปิงไปกว่านั้น
“วันนี้ไปออฟฟิศกับพี่นะ”
ชายหนุ่มพูดขึ้นลอยๆ ซึ่งโรสิตาก็รู้ว่าเขากำลังพูดกับเธอ
“ค่ะ” ตอบรับสั้นและห้วนอย่างเสียไม่ได้
ตลอดทางที่รถกอล์ฟคันเล็กแล่นมาตามถนนคอนกรีต คนบนรถเงียบกริบไม่ใครยอมปริปากชวนคุย พอพลซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับอยากจะเอ่ยถามอยู่เหมือนกัน แต่เพราะสาวเจ้าเอาแต่หันมองไปอีกด้านจนคอจะหัก ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะเงียบไม่อยากเซ้าซี้
ความเงียบเข้าครอบงำจนโรสิตารู้สึกว่า ระยะทางจากบ้านพักไปถึงออกฟิศของที่นี่ มันช่างยาวนานเสียเหลือเกิน และเมื่อรถกอล์ฟคันเล็กจอดนิ่งสนิท มันก็ทำให้เธอคลายความอึดอัดลง เมื่อแลเห็นพนักงานเดินกันให้ขวักไขว่ในส่วนที่เป็นศูนย์กลางการประสานงานของ ‘ธาราสยามรีสอร์ท’
ร่างหนาใหญ่ที่เดินนำหน้าเธอเข้าไปด้านในนั้น โรสิตาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาช่างผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างหาตัวจับยาก แม้แต่ด้านหลังเขาก็ยังดูดีและดึงดูดต่อเพศตรงข้าม เธอจึงไม่แปลกใจหากเขาจะมีสตรีล้อมหน้าล้อมหลังเข้าแถวให้เลือกพาขึ้นเตียง
ผู้ชายนัยย์ตาสีมรกตที่เวลาทำตาเจ้าชู้เขาก็แลดูทรงเสน่ห์อย่างร้ายกาจ แน่นอนว่าเวลาเขาดุกร้าวมันก็หน้ากลัวชวนหวาดผวาอย่างที่สุด เมื่อคืนตอนเขาบังคับให้เธอขอโทษ ทั้งที่กลัวจนอยากหลีกหนีให้ไกล แต่เพราะเธอทิฐิที่มีมากกว่า จึงทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา เรื่องอะไรจะให้เขามาล่วงรู้ว่าเธอหวั่นเกรงในตัวเขามากแค่ไหน
เพราะมัวแต่ขบคิดอะไรเพลินในหัว เมื่ออีกฝ่ายหยุดเท้าลง ร่างบางจึงเข้าปะทะกับร่างหนาแกร่งด้านหลังอย่างจัง
“อุ้ย!”
“มัวแต่ใจลอยไปถึงไหน” เขาถามเสียงทุ้มกึ่งแย้มกึ่งยิ้มเลื่อนหน้าเข้าใกล้ จนเธอต้องรีบขยับหนีห่าง ทั้งที่รอบเบ้าตามีรอยช้ำอยู่เขาก็ยังไม่อายใครต่อใครที่พบเห็น ยังคงทำตัวปกติราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนสาวเจ้าหมั่นไส้
“เปล่า”
“เปล่าได้ไง เมื่อกี้พี่หยุดโรสยังไม่รู้ตัวเลย”
“ก็คุณนั่นแหละ จะหยุดทำไมไม่บอก อยู่ดีๆ ก็หยุดเดินดื้อๆ ใครจะไปตั้งตัวทันล่ะ”
นอกจากจะดื้อรั้นแล้ว เจ้าหล่อนยังเป็นคนปากแข็งไม่ยอมรับอย่างหาตัวจับยาก ชนิดที่เพลย์บอยขั้นเทพอย่างพอพลไม่เคยพบไม่เคยเจอ
“คนเราบางทีก็ต้องหัดยอมรับความจริงบ้าง ไม่ใช่สักแต่จะเถียงยืนกระต่ายขาเดียว โรสก็รู้อยู่แก่ใจนะว่าพี่หรือโรสกันแน่ที่ผิด”
“คุณ...”
เธอพูดได้เพียงนั้นก็ต้องหุบปาก เมื่อชายหนุ่มหันกลับไม่สนใจจะฟังเธอ แล้วผลักบานประตูกระจกเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นซอยเล็กๆ ที่มีพาติชั่นกั้นแบ่งโต๊ะทำงานเดี่ยวๆ ก่อนเขาจะพาเธอเดินเข้าไปจนสุดทาง ซึ่งมีสาวใหญ่วัยกลางคนนั่งอยู่ตรงนั้น และเพียงเธอคนนั้นเห็นอีกฝ่ายก็ลุกขึ้นยืนทันที
“คุณสมร นี่โรสิตาน้องสาวของลิลลี่ ที่จะมาฝึกงานในส่วนออฟฟิศกับคุณ ฝากด้วยนะ”
“ค่ะคุณพอล”
“อืม...แล้วนทีไม่ได้อยู่นี่หรือ”
“ออกไปไซด์งานที่ก่อสร้างโรงแรมนะคะ ตอนแรกก็รอคุณพอลเหมือนกัน แต่เห็นว่ายังไม่มาเขาเลยออกไปก่อน”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“ผมฝากคุณดูแลโรสิตาด้วยนะ ที่จริงเธอจะเริ่มฝึกงานสัปดาห์หน้า แต่ผมอยากให้ทำความรู้จักกันไว้ เลยพามาแนะนำ”
“ค่ะ ไม่มีปัญหา”
“โรสนี่คุณสมร เลขาของพี่ที่โรสจะต้องทำงานด้วย”
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
หญิงสาวยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อมสวยงาม ซึ่งสมรก็รับไหว้เช่นกัน พร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร
“เช่นกันค่ะคุณโรสิตา”
“เรียกโรสก็ได้ค่ะ”
ฝ่ายนั้นพยักหน้ารับ มองเห็นความเป็นมิตรจากหญิงสาวตรงหน้า พลอยให้ใจชื้นขึ้นมาบ้างว่าคนรอบข้างล้วนแล้วแต่อัธยาศัยดี ยกเว้นเจ้าบ้านที่เธอเหม็นขี้หน้าไม่อยากจะญาติดีด้วย
“เดี่ยวผมจะไปไซด์งาน มีอะไรก็ช่วยแนะนำโรสด้วยแล้วกันนะ”
“ค่ะ”
“พี่ไปก่อนนะ ยังไงบ่ายๆ จะให้นทีพาไปชมรอบๆ เกาะ”
“อืม” ห้วนและสั้น ราวกับไม่อยากเสวนากับเขา
มันทำให้ชายหนุ่มผู้ที่เคยมีแต่สตรีมาคอยพะเน้าพะนอต้องหงุดหงิด แต่เขาก็เลือกที่จะเก็บเอาไว้ไม่แสดงออก เพราะตอนนี้อยู่ในที่ทำงานมันจะเป็นผลเสียต่อการปกครองคนหมู่มาก หากให้ลูกน้องต้องมาเห็นและรับรู้ความไม่ลงรอยระหว่างเขากับเด็กสาว ซึ่งรู้ไปถึงไหนคงจะอายไปถึงนั้นที่คนอย่างพอผลต้องมาทะเลาะกับเด็ก
“คุณโรสน่ารักกว่าที่คิดอีกนะคะ”
เพียงลับร่างหน้าเกรงขามของบุรุษหนุ่มเจ้าของรีสอร์ส คุณสมรเลขาวัยสี่สิบกะรัตก็เอ่ยชมเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง จนคนถูกชมปั้นหน้ารับไม่ทัน
“ไม่หรอกค่ะ โรสไม่ได้น่ารักเลยสักนิด”
“ใครว่าล่ะคะ ตอนคุณท่านโทรมาบอกพี่ให้เตรียมเป็นคนสอนงานให้คุณโรส พี่นี่เกร็งไปหมดกลัวไม่ถูกใจ แต่พอเห็นรอยยิ้มของคุณโรสแล้ว พี่ดีใจมากเลยผิดกว่าที่จิตนาการไว้แยะ”
คนพูดป้องปากพูดอย่างขวยเขิน ก่อนจะลากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ มาให้หญิงสาวนั่ง
“ชมกันแบบนี้โรสอายแย่เลย แล้ว...เออ...พี่สมรไม่ต้องเรียกโรสว่าคุณหรอกนะคะ เรียกว่าน้องก็ได้ โรสว่ามันดูเป็นกันเองดี”
“ยิ่งพูดแบบนี้พี่ยิ่งแปลกใจ”
“แปลกตรงไหนเหรอคะ” สาวใหญ่สูดลมหายใจเข้าปอดเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อ
“บอกตรงๆ เลย ว่าพี่คิดว่าน้องโรสจะเออ...เป็นพวกคุณหนูไฮโซที่เอาแต่ใจ หยิ่งๆ อะไรประมาณนั้น พี่กับพนักงานที่นี่ยังแอบคิดกันเลยว่า จะวางตัวอย่างไงไม่ให้เกะกะลูกตา แต่แล้วมาวันนี้ ทุกอย่างมันกลับเป็นหน้ามือหลังมือเลยค่ะ”
คำตอบของคนตรงหน้าเรียกเสียงหัวเราะคิกให้กับคนฟัง
“การมาของโรสทำให้ทุกคนรู้สึกแย่ ขนาดต้องเตรียมตัวเตรียมใจกันเชียวหรือคะ”
“ก็พี่เห็น สาวๆ ของคุณพอลแต่ละคน ก็เปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟัน แถมเอาแต่ใจสุดๆ พี่ก็เลย...”
“ไม่ต้องกังวลหรอกคะ โรสกับเพื่อนเป็นคนง่ายๆ พวกเราชอบธรรมชาติ เวลาปิดเทอมก็มักพากันไปบำเพ็ญประโยชน์บนดอยบ่อยๆ ทุกคนที่นี่สบายใจได้”
“พี่ค่อยเบาใจหน่อย”
“ว่าแต่...คุณพอลเขาพาผู้หญิงมาที่นี่บ่อยหรือคะ”
สาวใหญ่หันซ้ายแลขวา เพื่อระวังหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ก่อนจะค่อยก้มลงกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันเพียงสองคน
“คุณพอลไม่เคยพามาเองหรอกคะ ส่วนมากแม่พวกนั้นจะมาหาเอง เหมือนมาเอาเงินมากกว่า หรือบางทีเพื่อนคุณพอลก็จะหิ้วมาด้วย มากันทีเป็นกลุ่มใหญ่เชียวค่ะน้องโรส”
“เพื่อนสมัยเรียนที่เมืองนอกหรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ สมัยเรียนที่อเมริกา นางแบบแต่ละคนสูงยาวเข่าดีทั้งนั้น มาทีก็เอาเรือสำราญมาเทียบเชียวค่ะ”
นั่นเป็นข้อมูลใหม่ที่โรสิตาต้องบันทึกไว้ในสมอง เมื่อพี่สมรเลขาสาวเล่ารายละเอียดชนิดหมดเปลือกให้เธอฟังแบบอันลิมิเต็ด ยิ่งเด็กสาวใคร่รู้ถามมากเท่าไร อีกฝ่ายก็เล่ามากเท่านั้น
คราแรกสมรก็ไม่อยากเล่าเท่าไร ด้วยตำแหน่งเลขาทำให้ไม่อาจจะเสวนาเรื่องเจ้านายให้ใครฟังได้ แต่ประสาผู้หญิงที่ได้รู้ได้เห็นแต่ไม่สามารถเม้าท์กับใครได้ มันจึงพรั่งพรูออกจากปากเธอชนิดหมดเปลือก ด้วยโรสิตาก็สัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้กับใคร และตลอดทั้งเช้าหลังจากฟังเรื่องของเจ้าบ้านหนุ่มแล้ว สมรก็พาเด็กสาวสำรวจไปทั่วออฟฟิศ ซึ่งที่นี่เป็นเพียงหน่วยงานเบื้องต้น เพราะออฟฟิศใหญ่ที่จัดการเบ็ดเสร็จอยู่ที่กรุงเทพ พนักงานส่วนออฟฟิศจึงมีไม่กี่สิบคน
จากนั้นสาวใหญ่จึงพาเด็กฝึกงานในความดูแล สำรวจวิลล่าแต่ละหลังซึ่งจะมีชื่อเรียกจำเพาะ ความงามภายนอกที่ว่าสวยยังน้อยกว่าภายในที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหรามีระดับ ประกอบกับวิวทิวทัศน์ด้านนอกที่เป็นท้องทะเลกว้างสุดลูกหูลูกตา ตลอดเส้นทางที่รถกอล์ฟคันเล็กพาเธอกับพี่สมรแล่นผ่านนั้น โรสิตาก็ยังหาที่ติวิมานบนดินแห่งนี้ไม่ได้เลยแม้แต่จุดเดียว
**** มาแล้วจ้า ฝากติดตามด้วยนะคะ แล้วก็ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ตามอ่านมาตั้งแต่เรื่องที่แล้ว และก็ขอบคุณคนอ่านหน้าใหม่ด้วยนะคะ หากมีคำผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ คนแต่งพึ่งแต่เสร็จหมาดๆ
รักกันชอบกัน สละเวลากดโหวตให้สักนิดนะจ้า คนแต่งจะได้มีกะลังใจอิๆ
รักคนอ่านนะจ้า
ช่อศิลาญา (จิ๊บ)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น