คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Destine love in my heart 4 : Get ready bride
Destine love in my heart 4 : Get ready bride
~~ บ้านใหญ่~~
“ต้องการแบบไหนคะ น้องปุ่น”เสียงของพี่ปุย ดีไซเนอร์ชื่อดังของเมืองไทย ดังขึ้นหลังจากที่เราเลือกชุดแต่งงานกันมาซักพัก
“แบบไหนกได้ค่ะ ปุ่นได้ทั้งนั้น”ฉันบอกปัก ตอนนี้ฉันอยุ่บ้านใหญ่ หลังจากที่ทำใจอยู่นานเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานที่ใกล้เข้ามา ทุกวันๆ
“ปุ่น แกมานี่ทีสิวะ ข่าวใหญ่นะเว้ย แกไปทำอะไรไว้”เสียงไอ้จีนดังมาแต่จากห้องนั่งเล่น
“ข่าวไรวะแก เอะอะโวยวายไปได้”ฉันถามจีนออกไป
“ก็ในหนังสือพิมพ์นี่ไงมันพาดหัวข่าวว่า
นักธุรกิจสาวลึกลับนามว่าญี่ปุ่น ประกบปากกับนักธุรกิจมังกรหยก ทายาทเครือไดม่อน ณ ห้างดังใจกลางกรุง
“เฮ้ย ต้องเป็นตอนนั้นแน่ๆเลย”
“ตอนไหนเหรอจีน”
“อ๋อ ป่าวๆ ไม่มีอะไรหรอกจีน”ฉันปดคำโตออกไป
“ปุ่น แกคิดว่าฉันเป็นเพื่อนแกรึป่าว”จีนจับผิดฉัน
“ก็ ๆ ชะ..ใช่น่ะสิ แกก็ต้องเป็นเพื่อนฉันแน่นอน”ฉันตอบอย่างทุลักทุเล
“งั้นเหรอ แล้วทำไมแกต้องปิดบังฉัน หา! ไอ้ปุ่น”จีนทำเสียงขู่ฉัน มันคงเริ่มจะโกรธฉันแล้วแน่ๆ
“ไอ้จีน นี่แกก่ะจะต้อนฉันให้จนมุมเลยใช่ไหมเนี่ย”ฉันถามไอ้จีน
“ก็แกปิดบังความลับกับฉันนี่”จีนมองฉันอย่างคาดคั้นคำตอบ
“เออ ๆ ๆ ฉันขอโทษแล้วกันที่ไม่ได้บอกแกไป คือฉันอายอ่ะ แล้วตอนนั้นมันก็ทำอะไรไม่ถูกด้วยW
“แล้วตกลงว่าแกจะบอกฉันรึป่าวเนี่ย ว่าไปเอ่อ ไปจูบปากกับคุณชายปาร์คเค้าได้ไง”
“โหแก นี่ยกยอกันเป็นคุณชายเลยเหรอวะ”
“อ่ะ แน่นอน เออๆอย่านอกเรื่อง แกไปจูบก่ะคุณชายได้ไง”
“ก็”
“น้องปุ่นคะ มาดูซิคะว่าแบบนี้ได้ไหม”เสียงพี่ปุยดังขึ้น ช่วยชีวิตฉันไว้
“ไว้จัดการเรื่องนี้เสร็จ ฉันจะเล่าให้ฟังนะ”ฉันบอกแล้วตั้งท่าจะเดินไปที่พี่ปุย
“อย่าเบี้ยวนะโว้ย ไอ้ปุ่น งานนี้ฉันไม่ไว้แกแน่”
“ค่า คุณแม่”ฉันตะโกนบอกไอ้จีน
--------------------------------------
“ตกลงน้องปุ่นเอาแบบนี้นะคะ”พี่ปุยถามฉัน หลังจากที่เรานั่งเลือกชุดแต่งงานกันอยู่นาน
“ค่ะ พี่ปุย ปุ่นไม่ชอบอะไรที่ยุ่งยาก”
“งั้นเรื่องการ์ดเนี่ยกับของชำร่วยเนี่ย น้องปุ่นโอเคแล้วนะคะ ไม่เลี่ยนแปลงนะ”พี่ปุยถามย้ำฉันอีกครั้ง
“ค่ะพี่ปุย ไม่เปลี่ยนแน่”ฉันพูดแล้วก็ยิ้มบางๆให้พี่ปุย
“งั้นพี่กลับก่อนนะคะ จะต้องเอาการ์ดไปให้เขาจัดพิมพ์ แล้วก็ประสานงานกับฝ่ายทีมงานอีก โอ้ย มากมายค่ะ นับไม่ถ้วนค่ะ งานนี้งานใหญ่ แล้วก็เวลากระชั้นชิด เสร็จงานนี้พี่ต้องน็อตหลุดแน่ๆค่ะ”พี่ปุยบ่นให้ฉันฟัง
“พี่ปุยคะ แล้ว เอ่อ เจ้าบ่าวคือใครคะ เอ่อ พอจะบอกปุ่นได้ไหม”ฉันถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“อ๋อ คุณบอยบอกสั่งห้ามบอกคุณปุ่นเด็ดขาดค่ะ พี่ต้องขอโทษด้วยนะคะน้องปุ่น”
“ไม่เป็นไรคะพี่ปุย”ฉันตอบพี่ปุยอย่างเซ็งๆ
“ตั้งแต่พี่เคยจัดงานมาเนี่ย พี่ยังไม่เคยเจองานไหนพิลึกเท่างานนี้เลยนะคะ มีอย่างที่ไหน แต่งงานกันทั้งที ไม่รู้จักกันเลย”พี่ปุยบอกถึงความประหลาดของงานแต่งงานของฉัน
“ไอ้ปุ่นเสร็จแล้วใช่ป่ะวะ” เสียงไอ้จีนดังมาจากอีกห้องหนึ่ง เมื่อกี้มันคงไปวัดตัวมาแน่เลย
“คุณจีน วัดตัวเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ”พี่ปุยหันหน้าไปถามจีน
“ค่ะพี่ปุย เรียบร้อยโรงเรียนจีนเลยค่ะ”จีนบอกพี่ปุยอย่างทะเล้น
“งั้นพี่ไปก่อนนะจ๊ะน้องจีน น้องปุ่น”พี่ปุยบอกลาเราสองคน
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่ปุย”ฉันบอกขอบคุณพี่ปุย จากนั้นพี่ปุยก็เดินออกจากห้องไป
++หลังจากพี่ปุยขับรถออกไป++
“ปุ่นจ๊ะ ลืมอะไรรึป่าว”เสียงจีนดังขึ้น มันทวงสัญญาแล้ว
“จ๊ะ ๆ บอกแล้วๆ”
จากนั้นฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่ยังไม่ได้เล่าให้จีนฟัง จนหมดเปลือก ทั้งเรื่องการพบกันกับคุณชายของยัยจีน แล้วก็เรื่องจูบ นั่งเล่ามันจนหมด ไม่หมดมันก็ยังจะเค้นให้ฉันเล่าอีก ฉันล่ะเหนื่อยใจก่ะยัยเพื่อนรักคนนี้จริๆ
“เป็นอย่างนี้เอง แล้วแกจะทำไงต่อไปล่ะ”
“ก็ไม่รู้สิ ว่าแต่ นามบัตรคุณปาร์คนั่นอยู่ที่แกใช่ป่ะ แกเอามาไหม”ฉันถาม
“ก็น่าจะอยู่ในกระเป๋านะ รอแป๊บเดี๋ยวไปหาให้”
ระหว่างนั่งรอ ฉันก็คิดอะไรไปเพลินๆ นายปาร์คนั้นจะรู้เรื่องนี้รียังเนี่ย หรือว่ามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานเลยไม่สนใจโลกภายนอกเลย แล้วฉันล่ะ ปล่อยให้ฉันนั่งเครียดอยู่คนเดียวอย่างนี้เหรอ ไม่ได้การแล้ว นายมังกรหน้าเลือด
“เจอแล้วไอ้ปุ่น อ่ะ นี่ไง นามบัตรคุณสปาร์ค”จีนพูดพร้อมกับยื่นนามบัตรคุณชายของมันมาให้ฉัน
“อืม ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร ว่าแต่ แกมีแผนอะไรรึป่าวเนี่ย”
“ก็คิดว่ามีนะ ทำไมล่ะ”
“ป่าว ฉันก็แค่ถามเฉยๆ”
“เอาน่า อย่าคิดมาก ฉันก็แค่คิดว่า นายสปาร์คนั่น น่าจะได้รับรู้อะไรซะบ้าง ไม่ใช่วันๆ จมหัวอยู่แต่กองเพชร เจ้าหญิง เจ้าชาย อะไรนั่นน่ะ”ฉันไขข้อข้องใจให้จีนฟัง
“ตามใจแกนะไอ้ปุ่น จะทำอะไรก็ทำ ฉันไม่ห้ามแกแล้ว”จีนบอกฉัน มันคงจะปล่อยวางซะแล้วล่ะมั้ง ก็เพราะฉันชอบทำอะไรตามใจซะขนาดนั้น
“จ้าคุณแม่”ฉันตอบจีนไปอย่างหมั่นไส้ ในความเจ้ากี้เจ้าการของมันนัก
“นี่ไอ้ปุ่น คำก็คุณแม่ สองคำก็คุณแม่ ที่แกเรียกเนี่ย มันทำให้ฉันดูแกไปเยอะเลยนะเว้ย”จีนโวยวาย
“เค้าล้อเล่นน่า ตัวเอง ตัวเองอย่าโกรธเค้านะ”
“อย่ามาทำหน้าตาน่ารัก ฉันไม่ชอบ เพราะมันทำให้ฉันดูน่ารักน้อยกว่าแก เข้าใจไหมคะ คุณญี่ปุ่น”
“เข้าใจค่ะ คุณจีน”ฉันตอบยิ้มๆ
“งั้นฉันกลับก่อนนะ มีอะไรโทรหาละกัน”
“แล้วแกจะกลับยังไง ให้คนขับรถฉันไปส่งไหม เดี๋ยวฉันบอกให้”
“โอ้ย ไม่ต้องหรอกคุณหนูปุ่น ฉันพารถมา ไม่อยากบกวนคุณหนูมากไปกว่านี้แล้วค่ะ แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว”จีนตอบฉันมาอย่างกระแนะกระแหน
“เกรงใจอะไรเล่า”ฉันบอกปัด
“เอาน่าๆ งั้นไปล่ะ บาย”พูดจบมันก็เดินไปที่ มินิคูเปอร์คันสีเขียวคู่ใจที่เพิ่งถอยมาสดๆร้อนๆ เมื่อเร็ววันนี้
“แล้วมีอะไรคืบหน้าจะโทรไปนะ ขอบใจมากเพื่อน”ฉันตะโกนบอกจีนไล่หลังมันไป
หลังจากจีนกลับไปฉันก็เดินคิดอะไรเพลินๆไปเรื่อยๆที่บริเวณสวน ในบ้านใหญ่ นานมากแล้วที่ฉันที่ไม่ได่มาเหยียบที่นี่ นับจากวันที่ คุณแม่จากเราไป บ้านใหญ่หลังนี้ เดิมทีเป็นบ้านของครอบครัว บรมวงศ์สุนทร ครอบครัวของฉันนั่นเอง แต่ก่อนเราจะอยู่กันอย่างมีความสุข แต่แล้วคุณแม่ก็ประสบอุบัติเหตุทางอากาศ เนื่องจากเครื่องบินตกที่โตเกียว ประเทศที่คุณแม่ชื่นชอบ จากนั้นฉันเลยต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว หลังจากที่คุณแม่เสียไป คุณพ่อก็บ้างานเป็นบ้าเป็นหลัง โดยที่ไม่ได้มาดูแลฉันเลย ทิ้งฉันให้ทนเดียวดายกับความเหงา ตลอดระยะเวลา 1 ปีครึ่ง ช่วงนั้นฉันอายุได้ 8 ขวบเศษ พ่อกลับมาสนใจฉันอีกครั้ง เนื่องจากฉันได้เขียนจดหมายไปหาท่าน ฉันบอกเล่าความเหงาตลอดเวลาที่ผ่านมาให้ท่านฟัง จากนั้น คุณพ่อจึงส่งฉันไปอยู่ที่อังกฤษ ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันก็โตมาที่เมืองนอกเสมอ จีนบินไปเยี่ยมฉันตลอดในทุกๆซัมเมอร์ มันเลยถือโอกาสเรียนพิเศษไปด้วยในตัว ฉันเลยสนิทกับมันมากๆ จนเมื่อ อายุครบ 23 ปีเศษ ก็กลับมาเมืองไทย แต่ก็ไม่ได้มาอยู่ ณ บ้านหลังเดิม ฉันขอคุณพ่อไปอยู่คอนโด โดยฉันบอกเหลุผลคุณพ่อไปว่า ฉันไม่อยากให้บรรยากาศความเหงาของวันเก่าๆกลับมาหลอกหลอนฉันอีกครั้ง คุณพ่อเลยยอมให้ฉันไปอยู่คอนโด และวันนี้ ฉันได้เข้ามา ณ บ้านใหญ่ บ้านที่ฉันจะไม่มีวันลืมตราบชั่วชีวิต
ฉันเดินสำรวจบริเวณรอบๆบ้าน มันยังคงสภาพเหมือนเดิม ซึ่งเปรียบเสมือนว่าได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี
“คุณหนูญี่ปุ่นคะ คุณพ่อโทรมาค่ะ”เสียงของป้าน้อมแม่บ้านดังขึ้น ดึงสติของฉันให้กลับมา
“ขอบคุณค่ะป้าน้อม” ฉันรับโทรศัพท์มาถือไว้
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ”ฉันทักทายคุณพ่อ
“ดีจ้า ปุ่น สบายดีนะลูก”เสียงคุณพ่อดังมาจากปลายทาง
“สบายดีค่ะ แล้วตอนนี้คุณพ่ออยู่ไหนแล้วคะเนี่ย”ฉันถามออกไป
“พ่ออยู่อิตาลี ดูงานอยู่น่ะ”พ่อตอบกลับฉัน
“เหรอคะ”
“จ๊ะ แล้วเป็นไง พร้อมรึยังสำหรับการเป็นเจ้าสาวน่ะปุ่น”พ่อถามฉัน น้ำสียงท่านดูเป็นห่วงฉันอยู่ไม่น้อย
“ก็ คงพร้อมแล้วมั้งคะ”ฉันตอบปัด
“อ้าว ทำไมล่ะปุ่น”
“คุณพ่อก็ จะให้หนูพร้อมร้อยเปอร์เซ็นมันก็คงยากนะคะ หนูจะทำอะไรได้ล่ะ”อยู่ๆคุณพ่อก็มาบอกแบบนี้ มันเป็นอะไรที่ช็อคมากนะคะ สำหรับปุ่น หนูทำใจลำบาก”ฉันบอกความอัดอั้นที่สุมอยู่ในอก บางครั้งฉันก็ควรที่จะระบายให้ใครได้รับรู้บ้าง ไม่ใช่มานั่งทุกข์อยู่คนเดียว
“เอาน่าปุ่น ถือซะว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นของขวัญให้แม่เค้าแล้วกัน เพราะว่าผู้ชายที่ลูกจะแต่งงานด้วยคนนี้ เค้าคือคนสำคัญของแม่เหมือนกันนะลูก แม่รักผู้ชายคนนี้มากเหมือนลูกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้”พอบอกความจริง ที่ฉันไม่เคยได้รับรู้มาก่อน
“จริงเหรอคะคุณพ่อ”
“จริงสิ พ่อจะโกหกปุ่นไปทำไมล่ะลูก”พ่อย้ำอีกครั้ง
“งั้นปุ่นก็น่าจะเคยรู้จักเค้ามั่งสิคะ แต่นี่ปุ่นไม่รู้จักเค้าเลย กระทั่งหน้าตา ปุ่นก็ไม่เคยที่จะได้เห็น” ฉันบอกคุณพ่ออย่างน้อยใจ มีความจริงอะไรก็ไม่เคยจะบอก พอเวลาคับขันอย่างนี้ก็เพิ่งจะมาบอก มันน่าน้อยใจนัก
“ยังไงก็ตามนะปุ่น ขอให้ลูกเชื่อใจพ่อ พ่อคิดว่าพ่อเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับลูกแล้วและพ่อก็จะไม่มีวันเสียใจที่ได้ทำสิ่งนี้”พ่อบอกฉันแน่วแน่
“ค่ะคุณพ่อ ปุ่นก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะต่อไปนี้ อนาคตของปุ่นก็อยู่ที่ผู้ชายที่พ่อเลือก พ่อวางใจเถอะค่ะ”ฉันบอกพ่อเพื่อให้พ่อคลายความกังวล
“งั้นโชคดีนะปุ่น แล้วพ่อจะรีบกลับไปก่อนถึงวันงานนะลูก”พูดจบ พ่อก็วางสายไป
ต่อไป ชีวิตฉันก็ต้องเดินไปข้างหน้า แต่ฉันจะเดินมันไปในทิศทางใดล่ะ มันจะไปในทางที่ดีขึ้น หรือมันจะไปในทางที่แย่ลง ใครก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ โชคชะตาจะเล่นตลกกับเราตอนไหนหรือเมื่อไหร่ ฉันก็ไม่อาจรู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ฉันต้องเดินต่อไป และฉันต้องบังคับตัวเองให้อยู่ในเส้นทางที่ควรจะไป อย่าให้หลงเลยออกนอกเส้นทาง
++++++++++++++++++
จบตอนที่ 4
+++++++++++++++++++++++++
ขอคอมเม้นท์ หน่อยได้ไหมคะ เศร้าๆๆ
ความคิดเห็น