ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic]When I do love เมื่อฉัน...จะรัก!

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 10 อาการ(กำเริบ)

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 54


    “คุณ??”

    เสียงเล็กๆร้องเสียงหลงเมื่อเห็นภาคิณนั่งอยู่ตรงหน้า ร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมกับกระตุกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก

    “ผมนายแพทย์ภาคิณ จะมาดูแลคุณตัวเล็กที่แสนร้อนแรงต่อจากคุณหมอคนเก่าเองครับ”

    “คุณ!!

    “ผมชื่อโตโน่ คุณลืมหรือไง”

    น้ำเสียงแสนกวนถูกเอ่ยออกจากร่างสูง ยิ่งท่าทีที่กวนประสาทนั่นยิ่งทำให้เรืองฤทธิ์อารมณ์ขึ้น ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่เขาเคยยั่วอยู่วันนั้นจะมาเป็นแพทย์ประจำตัวของเขา

    “หมอ ผมขอเปลี่ยนไม่ได้หรอ”

    ริทหันไปถามหมอหนุ่มอีกคนที่(เคย)ดูแลเขา แต่ตอนนี้หน้าที่นี้คงไม่ใช่นายแพทย์ผู้นี้อีกแล้ว

    “เอาหน่าคุณริท ผมว่าหมอโน่นี่แหละดูแลคุณได้ดีที่สุดแล้ว ประวัติการทำงานเขาไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง”

    “แต่”

    “นี่คุณ เป็นคนไข้ยังจะเลือกหมออีก คุณกลัวผมรักษาคุณไม่หายหรือไง สัญญาว่าผมจะรักษาคุณให้หายทั้งตัวและหัวใจเลย ฮ่าๆๆ”

    “คุณ! ก็ได้ ผมจะให้คุณรักษาผมก็ได้นี่ผมเห็นแก่หมอนะ ผมกลับแล้วนะหมอทำงานที่ใหม่ขอให้มีความสุขนะครับ”

    “ขอบคุณครับคุณริท^^

    เมื่อร่ำลาเสร็จขาเล็กๆก็รีบสาวออกมาจากห้องเพราะเชื่อว่าถ้าขืนอยู่ต่อสงครามน้ำลายไม่มีวันจบลงง่ายๆแน่ๆ

    ในขณะที่เดินออกจากโรงพยาบาลมาเรื่อยๆสมองก็มัวแต่คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    บ้าชิบ ถ้าอย่างงั้นคนที่ดูแลเราก็ต้องเป็นนายนั่นหน่ะสิ แล้วที่ทำไปวันนั้นโอ๊ย ไอ้ริทแกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน????

    อัศเจรีย์ตีกันภายในหัวด้วยความอับอายแต่โดยไม่รู้สึกตัวสักนิดว่ามีรถคันหนึ่งขับมาขวางทางเขาไว้ขณะที่รอแท็กซี่

    “เฮ้ยยยย”

    ยังไม่ทันที่จะสงสัยว่าใครเป็นคนขับคำเฉลยก็ถูกไขออกด้วยกระจกสีทะมึนที่เลื่อนต่ำลงมา

    “คุณกลับกับผมก็ได้เดี๋ยวผมไปส่ง”

    “ไอ้หมอโรคจิต!!!!

    ร่างเล็กตะโกนเสียงดังจนคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลต่างหันมามองและให้ความสนใจกับรถคันนี้เป็นอย่างมาก สังเกตจากการมองที่แทบจะทะลุฟิลม์กันแสงเข้าไปข้างใน

    “คุณผมเป็นจิตแพทย์ไม่ใช่หมอโรคจิต คนมองกันหมดแล้วผมอายเค้านะ ขึ้นมาสิครับเดี๋ยวผมไปส่ง”

    “ไม่ ฉันกลับเองได้”

    “ถ้าคุณไม่ขึ้นมาผมจะบอกทุกคนว่าวันนั้นคุณร้อนแรงขนาดไหน”

    “ไอ้@#%&

    “ผมจะนับนึ่งถึงสามนะถ้าคุณไม่ขึ้นมา”

    หน้ามุ่ยๆหันมาส่งสายตาไม่พอใจ อะไรกันนี่ นี่เขามาทำหน้าที่หมอ หรือมาทำหน้าที่พ่อกันแน่เนี่ย สายตาทั้งสองคู่จ้องกันอย่างไม่วางตา ภายในใจของริทเองก็กลัวถ้าหากอีตานี่มันโรคจิตปากโป้งขึ้นมาจริงๆเขาไม่ต้องอายแทบแทรกแผ่นดินหนีหรอกหรอ ต่างจากอีกคนที่แอบหัวเราะเบาๆก็ใครจะเสียมารยาทขนาดเอาคนอื่นมาประจานในที่สาธารณแบบนี้กันเล่า เขาก็แค่ขู่เล่นๆเพราะเห็นคนลักษณะดื้อรั้นอย่างเรืองฤทธิ์มันน่าหมั่นเขี้ยวต่างหาก

    “สาม”

    ปัง!

    ทันที่ที่เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกไปพร้อมๆกับที่ร่างเล็กแทรกตัวเข้ามาแล้วปิดประตูเสียงดังก่อนที่จะหันไปต่อว่า

    “แล้วหนึ่งกับสองไปไหนล่ะคุณ!

    “ผมนับในใจ คิคิ”

    ใบหน้าที่หล่อเหลาทะเล้นกวนส้น....ทำเอาอีกคนอยากจะกระโดดข่วน ฟัด จิก กัด ให้หายเจ็บใจ แต่ก็ได้แต่เก็บไว้และถอนหายใจออกมาแรงๆ

    “ฮึ่ย”

    “เอ้า งอนอีก งั้นผมให้คุณเอาคืนอ่ะๆ”

    ร่างสูงพูดยิ้มๆพร้อมกับออกสตาร์ทเครื่อง

    “คุณทานอะไรหรือยัง ผมพาคุณไปทานข้าวก่อนดีกว่าหน้าตาดูซีดๆ”

    “คุณจะให้ผมเอาคืนจริงๆหรอ”

    เขาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเมื่อกี๊ของโตโน่สักนิดเพียงแต่ถามกลับเพื่อย้ำคำพูดที่บอกว่าให้เขาเอาคืนเมื่อครู่

    “อ่า ถ้ามันทำให้คุณสบายใจ”

    ได้ยินดังนั้นริมฝีปากเล็กๆก็กระตุกยิ้มเล้กน้อยพร้อมกับเขยิบเข้าไปใกล้ๆ...

    “ริทว่า...วันนั้นมันยังมีอะไรค้างๆคาๆอยู่นะ”

    น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำเอาคนที่ขับรถอยู่แปลกใจไม่น้อย ยังไม่ทันที่จะหันไปมือเรียวเล็กๆก็ยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าคมเบาๆซะแล้ว

    “ริทว่า...เรามาต่อกันให้จบดีกว่าไหม หืม??”

    เสียงเบาหวิวถูกกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบาทำเอาอีกคนขนลุกซู่ มือเล็กๆเริ่มไม่อยู่นิ่งลูบไล้จากลำคอลงมาจนอยู่บนแผงอกกว้างทำเอาอีกคนต้องพยายามสกัดกั้นอารมร์บางอย่างเอาไว้

    “คุณ ผมขับรถอยู่นะ”

    “ก็หยุดสิ ตอนนี้ริทไม่อยากกินข้าวแล้วแหละ แต่ริท...อยากกินหมอมากกว่า”

    คนพูด พูดยิ้มๆพลางไล้มือไปตามชายกระดุมก่อนที่จะปลดมันออกช้าๆเจอแบบนี้ยิ่งทำให้คนไม่เคยถูกรุกอย่างภาคิณถึงกับแข็ง (เอิ่ม ตัวแข็งนะ รีดเดอร์ไม่ได้คิดอะไรใช่ไหม? : ไรเตอร์-->คิดไปเต็มๆ==!)

    เอี๊ยดดดดดดดดดดดด

    รถคันหรูถูกเบรกเข้าข้างทางกระทันหันจนใบหน้าหวานๆกระแทกลงบนแผ่นอกกว้างเข้าอย่างจัง

    “อยากถูกผมจับกดบนรถหรือไง”

    “แล้วหมออยากกดผมมั๊ยหล่ะ”

    “หืม”

    คนที่ได้ฟังถึงกับเหวอ ไม่คิดว่าร่างเล็กจะกล้าพูดถึงขนาดนี้ แต่ก็อย่างว่าดูจากประวัติคนไข้แล้วคนจะจัดจ้านน่าดู

    “หรือจะลอง..อ๊ะ.”

    เสียงเล็กๆขาดหายไปเมื่อรับรู้ถึงการสั่นของโทรศัพท์ภายในกางเกง เรืองฤทธิ์ล้วงออกมาก่อนจะกดรับสายและกรอกเสียงออดอ้อนลงไปเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา

    “สวัสดีครับที่รัก...ของคนอื่น”

    คนข้างๆได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วทันที

    “คิดถึงสิ เมื่อวานพี่ทำริทโกรธนะ พี่ยังไม่ได้บอกรักริทเลย”

    ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใครแต่ก็พอจะเดาได้ว่าต้องเกี่ยวข้องกับโรคที่เรืองฤทธิ์เป็นอย่างแน่นอน

    “ถ้าพี่ไม่พูดริทก็จะไม่วาง พี่พูดสิ บอกรักริทสิ นะ นะ ริทขอ แค่คำเดียว นะ”

    อาการของคนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนไปจากที่พูดด้วยน้ำเสียงปกติกลับเริ่มตึงเครียด มือบางๆกำโทรศัพท์แน่นเหมือนกับ...อาการกำเริบ

    “ริทบอกให้พูดไง พูดออกมาเดี๋ยวนี้นะว่ารักริท พูดสิ พูด พี่เก่ง เดี๋ยวพี่เก่งอย่าเพิ่งวาง พี่เก่ง พี่เก่งงง”

    ร่างเล็กหอบหายใจถี่มือทั้งสองข้างกำแน่นจนจิกเข้าไปในอุ้งมือ ดวงตาเริ่มแข็งกร้าวจนอีกคนต้องแกะมือที่จิกเข้าเนื้อทั้งสองข้างออก ร่างสูงคว้ายาประจำตัวของเรืองฤทธิ์ที่รับมาเมื่อครู่ใส่ปากตัวเองก่อนจะกระดกน้ำตามแล้วทาบริมฝีปากลงไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้ร่างเล็กคลายอาการเกร็งได้ทัน

    ลิ้นอุ่นๆแทรกเข้าไปในโพรงปากเพื่อส่งเม็ดยาสีหวานเข้าไปในลำคอ อัตราการหายใจหอบถี่เริ่มเบาลงกลับมาเป็นปกติ รสจูบที่หอมหวานทำเอาสติเริ่มเลือนลอย

    “อะ อืม”

    เสียงครางเล็กๆทำให้ภาคิณรู้สึกตัวถอนริมฝีปากออกมาช้าๆมือทั้งสองยังประคองใบหน้าหวานด้วยความเป็นห่วง

    “ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”

    คำปลอบโยนที่แสนนุ่มนวลไม่กวนประสาทเหมือนเมื่อก่อนทำเอาร่างเล็กนิ่งด้วยความไม่คุ้นชินกับท่าทีที่เปลี่ยนไป สายตาหวานเบนออกไม่กล้าสบตาพร้อมกับพยักหน้าช้าๆเพื่อเป็นการตอบรับ

    “ขะ ขอบคุณนะ”

    “หึ นี่คุณผมเป็นหมอนะ ยังไงก็ต้องดูแลคุณไม่ปล่อยให้ช็อคตายไปต่อหน้าต่อตาหรอก”

    ใบหน้าหวานหันขวับไปสบตาทันที

    อีตาบ้าเอ๊ย นึกชมอยู่ในใจแท้ๆ ไอ้หมอโรคจิต

    “พาผมกลับคอนโดเถอะ ไม่หิวข้าวแล้ว”

    “อ่าวจะรีบไปกินหมอหรือไงครับ คนไข้แสนร้อนแรง”

    “นี่คุณ คุณผมอยากพักผ่อน และที่สำคัญไม่อยากรบกวนเวลาคุณไปมากกว่านี้ด้วย เดี๋ยวคุณต้องไปดูแลคนไข้คนอื่นอีกผมจะเป็นบาปซะเปล่าๆ”

    “หืม คนไข้ที่ไหนอีก ผมรับเคสคุณแค่เคสเดียว เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงผมจะอยู่กับคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย”

    “ว่าไงนะ!!!!!

     

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------

    อยากจะถามเธอหน่อยถามใจเธอหน่อย

    เธอลืมฟิคเรื่องนี้ได้หรือไร?? ฮือๆๆๆ

    รู้สึกคอมเม้นตอนที่แล้วลดลงอย่างน่าตกใจ

    คงเป็นเพราะระบบมันล่มเลยไม่มีใครเข้ามาอ่านใช่ไหม (ปลอบใจตัวเอง)ฮ่าๆๆ

    ถ้าไอ่การเวิ่นมันทำให้รีดเดอร์ที่รักรำคาญก็ขอโทษด้วยนะคะ^^

    เอาเป็นว่าช่วยกันเม้น โหวตให้ฟิคเรื่องนี้ได้มีแรงเขียนต่อดด้วยเพราะกำลังจะมีโปรเจตเรื่องใหม่อีกเร็วๆนี้

    แต่ไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอน สัญญา^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×