ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic]When I do love เมื่อฉัน...จะรัก!

    ลำดับตอนที่ #9 : Special Fic ... HAPPY VALENTINE … แสนล้านนาที *64

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 54




    S
    pecial Fic ...

     HAPPY VALENTINE … แสนล้านนาที


     

    Title: HAPPY VALENTINE … แสนล้านนาที

    Pairing : NoGeng

    Genre : One-Shot

    Author : หมวยเกี๊ยว

    A/N : Sweet

     

    14 Feb

    วันนี้สินะที่นักบุญวาเลนไทน์ถูกฆ่าตาย ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมทุกคนรอบๆตัวถึงต้องยิ้มย่องดีใจ บ้างก็ถือดอกกุหลาบ บ้างก็ถือของขวัญหอบพะรุงพะรัง ทั้งๆที่ประวัติของวันนี้มันน่าเศร้าชะมัด แต่ทุกคนก็ยังมีความสุข...หึหึ คงเหมือนกับ..ผมสินะ

    ทั้งๆที่เมื่อก่อนผมก็ออกจะแอนตี้เทศกาลนี้อยู่ไม่น้อย ก็นะคนมันไม่มีคู่ แต่วันนี้คงไม่แล้วแหละเพราะผมมีไอ้ตัวซีดจอมจุ้นจ้านอยู่ข้างๆ

    “พี่โน่ววววววว”

    นั่นไงล่ะ คิดถึงยังไม่ทันขาดความรู้สึก ร่างบางๆก็วิ่งแจ้นพร้อมกับหอบดอกไม้ช่อเบ้อเร่อมวิ่งมาทางผมซะแล้ว ใบหน้าขาวๆยิ้มร่าปากแทบฉีกถึงหู ผมล่ะขำกับท่าทางโก๊ะๆแบบนั้นจริงๆอยากจะจับมาฟัดซะตรงนี้ถ้าไม่ติดว่าเราอยู่กันกลางกรุงลอนดอน ฝรั่งมากหน้าหลายตาเดินสวนกันไปมาแต่ถ้าจะทำก็คงไม่แปลกเพราะคงเป็นเรื่องธรรมดา วะฮ่าๆๆๆ

    “คิดอะไรอยู่อ่ะพี่โน่ หน้าหื่นเชียว”

    มือขาวๆโบกไปๆมาๆข้างหน้าผม ความคิดของผมมันแสดงออกทางสีหน้าขนาดนั้นเลยหรอ?--‘

    “คิดว่า....คนตรงหน้าพี่นี่มันน่ารักชะมัด”

    “อื้อออ”

    พูดจบผมก็คว้าตัวบางๆขาวๆเข้ามารัดซะแน่นราวกับว่ากลัวว่าคนๆนี้จะหายไป ใบหน้าคมๆของผมซบลงกับไรผมประกายสีน้ำตาลทองแล้วสูดดมกลิ่มน้ำหอมอ่อนๆที่คุ้นเคย...คิดถึง คิดถึง คิดถึง

    “พี่โน่ เก่ง หะ หายใจไม่ออก แอ่ก”

    มือเล็กๆทุบหลังผมพลางดิ้นตะเกียกตะกาย ผมคลายอ้อมกอดออกช้าๆก่อนจะหัวเราะด้วยความเอ็นดูคนตรงหน้า

    “ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีกนี่นา พี่ก็อยากจะกอดแน่นๆๆๆๆ ให้หายคิดถึง”

    ผมพูดพลางหยิกแก้มคนตรงหน้าด้วยความหมั่นเขี้ยว มือขาวๆยกขึ้นลูบหน้าตัวเองป้อยๆพร้อมกับบ่นขมุบขมิบ

    “พี่โน่ เหงาหรือเปล่า”

    ฮะฮะ ก็นิสัยอย่างนี้แหละน้าทำให้ผมไปหาใครอีกไม่ได้ ดวงตากลมโตของคนข้างหน้าเรื่อมหลุบต่ำลงเหมือนว่าตัวเองกำลังทำผิด ผมส่ายหัวเบาๆสองสามทีก่อนจะดึงคนข้างๆเข้ามากอดไว้หลวมๆ

    “ก็มันเป็นอาชีพของเก่งนี่นา เก่งบอกว่าเก่งมีความสุขที่ได้เที่ยว พี่เห็นเก่งมีความสุขพี่ก็มีความสุขครับ”

    ผมฝังรอยจูบไว้บนหน้าผากน้อยๆของไกด์ทัวร์ในอ้อมกอด ใช่ครับเก่งเป็นไกด์ท่องเที่ยว บินไปประเทศโน้นประเทศนี้อยู่เรื่อย เลยทำให้เราไม่ค่อยได้เจอกันแต่การติดต่อเราก็ไม่เคยขาด แต่ก็อย่างว่าแหละได้ยินแต่เสียง ไม่ได้สัมผัสรูป กลิ่น รส มันก็คงว้าเหว่อยู่ไม่น้อย

    คนตัวซีดช้อนตาขึ้นมามองผม น้ำตาใสๆเริ่มคลอที่ดวงตาจนผมต้องเกลี่ยมันออกให้อย่างเบาๆ

    “ร้องไห้ทำไมครับ พี่ว่าเราไปเที่ยวให้มันคุ้มดีกว่าเนอะ ง่าคนเก่งของพี่ไม่ขี้แยอย่างนี้นี่นา”

    มือเล็กเอื้อมจับข้อมือหนาของผมที่ยังประคองใบหน้าหวานนั้นอยู่ก่อนจะคลี่ยิ้มน้อยๆออกมา

    “นั่นสิเนอะ เก่งจะมาร้องไห้ทำไมเนี่ย อ่ะดอกไม้ช่อนี้เก่งให้พี่โน่ตั้งใจทำมากๆเลยนะเนี่ย”

    “แน่ใจนะว่าทำเอง ให้ร้านดอกไม้เขาจัดไม่ใช่หรอฮะเรา”

    “ก็..ก็...”

    ว่าไปแล้วก็นึกขำกับท่าทีลุกลนของเก่ง ทำไมผมจะไม่รู้ ก็ฝีมือการเป็นแม่ศรีเรือนของเก่งนี่ให้คะแนนแล้วเกือบจะติดลบซะด้วยซ้ำ

    “ก็ตั้งใจเป็นกำลังใจให้คนทำไงเล่า ใช้พลังจิตเยอะมากๆเลยนะกว่าจะออกมาได้สวยขนาดนี้”

    ไอ้ตัวซีดของผมมันยังคงแถได้อีก นับถือครับ นับถือ

    “ถ่ายรูปกันมั๊ย พี่โน่”

    “เอาสิ”

    แชะ แชะ แชะ ~~

    เสียงกดชัดเตอร์รัวจากคนตัวเล็กๆที่ซบหัวลงกับแผ่นอกกว้างของผมฉีกยิ้มจนตาแทบปิด ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มนั่นทำเอาผมยิ้มตามไปด้วย

    จุ๊บ

    แชะ~

    ใบหน้าหวานเขย่งขึ้นมาหอมแก้มผมโดยที่ผมไม่รู้ตัวพร้อมกับกดชัตเตอร์ ผลเป็นยังไงผมก็เหวอสิครับ รูปที่ออกมาทำเอาเก่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง - -‘

    “หุหุ ฮ่าๆๆ พี่โน่หน้าเหมือนลิงถูกแย่งกล้วยเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆ กร๊ากๆๆๆ”

    ดู ดูมันสิครับ หัวเราะไม่เกรงใจฝรั่ง คนแถวนั้นที่เดินไปเดินมาเริ่มหันมาให้ความสนใจกับไอ้เจ้าตัวประหลาดนี่ที่หัวเราะจนลงไปนั่งกองกับพื้น

    ลิงถูกแย่งกล้วยมันน่าขำขนาดนั้นเลยหรือไงฟระ

    “พอได้แล้วเก่ง”

    ผมเริ่มทำเสียงเครียด ก็ใครมันจะอยากมาเป็นตัวตลกโดนหัวเราะเยาะอย่างนี้เล่า

    เมื่อเห็นสีหน้าที่เริ่มเครียดของผมเหมือนเขาจะสำนึกได้ ลุกขึ้นยืนพร้อมกับจับมือผมเดินไปข้างหน้า

    “อื ม อึก หึ หึ คุคุ อืม หึ”

    แต่รู้สึกว่าไหล่เล็กๆนั่นจะสั่นอย่างรุนแรงเนื่องจาก...

    มันกำลังกลั้นหัวเราะ- -‘

    “ลำบากมากมั๊ยเก่ง อยากขำก็หัวเราะออกมาดังๆเลยไป”

    ผมประชด เท่านั้นแหละใบหน้าหวานๆหันมามองเหมือนสำนึกผิด

    แต่ผมก็คงคิดผิดถนัด

    “อ อุ ฮะ ฮ่าๆๆๆๆ พะ พี่โน่ ไม่ ฮะๆๆ ไหวแล้ว ฮ่าๆๆๆ ปวดท้อง  ฮึๆ ฮ่าๆๆๆๆ ทะ ท้องแข็ง ฮ่าๆ หมะ หมดแล้ว กร๊าก ฮ่าๆๆๆๆ”

    “ให้พี่ช่วยอะไรมั๊ย”

    ดูแล้วน่าสงสารชะมัด นี่กรูตลกขนาดนั้นเลยหรอฟระ

    เก่งพยักหน้าหงึกๆประมาณว่า ช่วยทำอะไรก็ได้ให้ผมหยุดหัวเราะที ฉี่จะแตกแล้วT^T’

    ผมจัดการคว้าตัวบางๆเข้ามาใกล้ก่อนที่จะ...

    “คิคิ ฮ่าๆๆ หะ อะ อ..อื้ม”

    ประทับรอยจูบเข้ากับริมฝีปากเล็กนั่น ได้ผลครับ เสียงหัวเราะถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ ผมจูบเน้นย้ำที่กลีบปากบางไล้วนไปทั้งขอบปากบนและล่างก่อนจะขบเม้มเล็กๆเพื่อเป็นการลงโทษ มือเล็กๆขยำเสื้อผมแน่นเมื่อรับรู้สึกถึงการแทรกสอดลิ้นอุ่นๆเข้าไปสำรวจความหวานภายในโพรงปาก เจ้าตัวซีดให้การตอบรับสัมผัสที่แสนหวานอย่างดี จนเมื่อผมรุกหนักขาเล็กๆทั้งสองเริ่มอ่อนระทวยจนผมต้องประคองเอวบางๆไว้

    “พะ พอ ก..ก่อน”

    ใบหน้าหวานผละออกเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด

    ผมเริ่มหัวเราะกับท่าทีคนตรงหน้าที่หายใจเข้าออกอย่างแรงจนอีกคนหันหน้ามาค้อมขวับๆ

    “จะได้เที่ยวมั๊ยเนี่ยวันนี้ หึหึ หิวหรือยังไปหาอะไรกินก่อนมั๊ย”

    ผมรีบเบี่ยงเบนประเด็นเพราะไม่งั้นได้มีโวยวายอีกแน่

    “หิวสิ เก่งยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวไส้จะขาดแล้วววว”

    ไม่พูดเปล่ายังเอาหัวมาถูกับแขนผมไปๆมาๆ เวลาอ้อนมันน่ารักอย่างนี้แหละน้า ผมอดไม่ได้ที่จะเขกหัวน้อยๆนั่นไปหนึ่งที ก็มันน่าหมั่นไส้นี่นา

    ในที่สุดเราก็มานั่งกันอยู่ในร้านอาหารเล็กๆที่ตกแต่งด้วยพร็อบน่ารักๆไปทั่วร้านให้เข้ากับเทศกาลวันตายของนักบุญวาเลนไทน์--‘

     

     

    เอ่อ เปลี่ยนเป็นวันแห่งความรักคงจะเวิร์กกว่าสินะ

    เก่งได้แต่วุ่นอยู่กับเมนูในอาหารจนไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังหันไปเรียกใครเพื่อทำอะไรบางอย่าง

    “พี่โน่จะกินอะ อ้าววว โห้วววว”

    ใบหน้าขาวๆทำตาโต อ้าปากค้าง กับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เด็กฝรั่งหน้าตาหน้ารักสี่ห้าคนที่วิ่งมาพร้อมกับลูกโป่งสวรรค์ในมือคนละสี่ห้าลูกพร้อมกับดอกกุหลาบขาวช่อโตและไวท์ช็อกโกแล็ตกล่องใหญ่ที่เจ้าตัวบอกว่าชอบนักชอบหนา

    Happy Valentine

    Happy Valentine

    Happy Valentine

    Happy Valentine

    เสียงอวยพรเจื้อยแจ้วจากเด็กๆทำเอาเก่งยิ้มไม่หุบก่อนจะกล่าวขอบคุณและจุ๊บเด็กๆไปคนละที ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มหันมามองผมอย่างขอบคุณก่อนจะทำเก้ๆกังๆว่าจะเอาไอ้ลูกโป่งพวกนี้ไปไว้ที่ไหน

    “ผูกไว้กับเก้าอี้สิ”

    เก่งทำหน้าตาเหลอหลาเหมือนจะนึกขึ้นได้แล้วหันหลังไปพันเชือกไว้กับพนักเก้าอี้

    “เหมือนเด็กคนนั้นเลยแฮะ”

    ผมชี้ให้เก่งดูเด็กคนหนึ่งที่มากับพ่อแม่นั่งอยู่ไม่ไกลโดยมีลูกโป่งผูกไว้ที่เก้าอี้เหมือนคนตรงหน้าผมตอนนี้ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

    “พี่โน่อ่ะ”

    เสียงฮึดฮัดไม่พอใจที่ถูกล้อ แต่จู่ๆก็ยิ้มออกมาพร้อมกับคำพูดที่เชือดเฉือนผมยิ่งนัก

    “ขอบคุณนะครับคุณลุงที่ทำให้ผมดูเด็กลง ฮิฮิ”

    เฮ้อ สุดท้ายผมก็แพ้ทุกทีสิหน่า เรานั่งทานอาหารกันไปหยอกกันไปจนทานเสร็จ ไอ้ตัวซีดนี่ก็ยังเหมือนเดิมกินเปรอะกินเลอะเหมือนเด็กไม่มีผิดเพี้ยน

    “เก่งเลอะเทอะหมดแล้วนั่น”

    ผมพูดพลางเอื้อมมือไปเช็ดคราบไอศกรีมบนขอบปาก แต่แทนที่จะขอบคุณกับตักไอศกรีมเข้าปากอย่างไม่ลดละ แถมเปรอะเลอะกว่าเดิมอีกมั้งนั่น

    “ถ้าไม่กินดีๆพี่จะไปป้อนนะ”

    “ง่ำๆๆ อืม ป้อนหน่อยสิ นะๆๆๆ ง่ำๆๆ”

    ผมส่ายหัวอย่างปลงๆ ไปเอานิสัยขี้อ้อนนี้มาจากใครนะ ผมดึงถ้วยไอศกรีมเข้ามาใกล้ก่อนจะตักเป็นคำเล็กๆแล้วส่งเข้าปากเรียวๆนั่น เก่งอ้าปากหวอรอรับเหมือนเด็กๆ แฟนกรูจะปัญญาอ่อนไปไหม--‘

    “อร่อยกว่ากินเองอีกเนอะๆๆ”

    “แหงสิ ก็พี่ใช้ใจป้อนนี่นาน ฮ่าๆๆ”

    เสี่ยวครับ เสี่ยวๆๆ ผมจัดการป้อนไอศกรีมจนหมดถ้วยแล้วเช็คบิลเพื่อไปเที่ยวกันต่อ เพราะเวลามันก็ลดน้อยลงทุกทีๆ

    “ไปไหนดีครับ”

    ผมเอ่ยถามเมื่อรู้สึกว่าเราจะเดินกันไปเรื่อยๆเหมือนไม่รู้จุดหมาย

    “สวนสนุก”

    ผมออกความเห็น

    “ง่า มีเกือบทุกฟิคและ”

    “สเก็ตน้ำแข็ง”

    “เรื่องเก่าก็มีนะ”

    “บ้านผีสิง”

    “เก่งไม่กลัวอ่ะ”

    “งั้นเก่งเลือกเองดีกว่า พี่บอกไปอะไรๆๆก็ไม่เอาๆๆ”

    “ง่า...งั้นไปลอนดอนอายส์

    หืม? ชิงช้าสวรรค์ยักษ์นั่นหน่ะนะ

    -------------------------------------------------------------

    ในเมื่อเราทั้งสองก้าวเข้ามาในลูกกลมๆใบใหญ่เพื่อรอให้มันหมุนพาชมทัศนียภาพรอบกรุง พื้นที่ส่วนตัวแบบนี้ผมเลยฉวยโอกาสซ้อนตัวเข้าไปกอดร่างบางๆจากด้านหลังทำเอาเก่งตกใจ ใบหน้าขาวๆเริ่มมีสีแดงเรื่อ ยิ่งเห็นอย่างนั้นยิ่งอยากแกล้ง

    “สวยจัง”

    ผมเอ่ยกระซิบข้างหูแต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไหร่เพราะคนตรงหน้าเอาแต่ชมวิว ชมนก ชมไม้ด้านนอก

    “ใช่ สวยมากๆเลยพี่โน่”

    เก่งกล่าวอย่างเพ้อๆ จนผมอดไม่ได้ที่จะกดจมูกลงที่แก้มเนียนใส เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมาค้อนขวับๆ

    “ที่ว่าสวยหน่ะ เราต่างหาก”

    ว่าแล้วผมก็ขยี้หัวเล็กๆนั่นไปสองสามทีด้วยความหมั่นเขี้ยวแล้วผลักลงมาซบที่อกผมเบาๆโดยที่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ท่าจะเคลิ้มแฮะ

    เราสองคนยืนกอดกันเงียบอยู่อย่างนั้นจนอีกฝ่ายเริ่มปริปากพูดออกมา

    “พี่โน่ ถ้าจากกันคราวนี้แล้ว จะได้เจอกันอีกตอนไหนอ่ะ”

    เอาล่ะสิครับ คำถามที่หาคำตอบยากซะยิ่งกว่างมมหาสมุทรในเข็ม

    “อืม..”

    “...”

    เงียบครับ เฮ้อ ก็ผมคำนวณเวลาได้ที่ไหนล่ะ งานของผมเองก็ใช่ว่าจะมีเวลาว่างเยอะซะที่ไหนครั้งล่าสุดที่ได้เจอกันนี่คงห้าเดือนที่แล้วมั้งนั่น

    “เก่งขอโทษ”

    “ไม่เอาหน่า เก่งไม่ได้ผิดสักหน่อย เปลี่ยนเรื่องดีกว่าเดี๋ยวก็ได้ดราม่าน้ำตาแตก หึหึ”

    “...”

    อีกฝ่ายเงียบเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ผมก็ทำได้แต่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นพร้อมกับเอาคางไปเกยหัวทุยๆของเจ้าตัวยุ่งนี่เอาไว้ ก่อนที่จะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนมนาเพื่อไม่ให้มันเงียบจนวังเวง

    “มีคนเคยบอกพี่ว่า...”

    ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังตั้งใจฟังเพราะเริ่มขยับขยุกขยิกตัวนิดๆ

    “คนเราหน่ะ มีคู่แท้อยู่บนโลกนี้ตั้ง 40,000 คน”

    “พี่โน่จะบอกเลิกเก่งหรอ”

    เอาอีกและ คิดมากอีกแล้วว ผมบอกตอนไหนเนี่ยว่าจะเลิกกับกระต่ายน้อยที่น่าฟัดน่าเหวี่ยงตัวนี้

    “มีคำไหนหรือยังครับที่พี่พูดเหมือนจะบอกเลิกเก่ง หืมม”

    “....ก็เก่ง..นึกว่าพี่โน่ให้เก่งไปตามหาคู่แท้ที่มีตั้ง 40,000 คน โอ๊ย”

    ผมเขกหัวเจ้าตัวซีดไปทีนึง หมั่นไส้><

    “ฟังให้จบก่อนสิ”

    “ขอโทษคร๊าบบบ”

    เสียงเก่งที่กล่าวออกมาแบบสำนึก? แล้วก็เอนหัวมาพิงกับอกผมต่อ

    40,000 คนเนี่ย ไม่ได้จะเจอกันง่ายๆสักหน่อย มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก เพียงแต่ว่าหนึ่งในนั้นเราจะเจอเขาที่ไหน บางคนอาจจะเจอกันตอนเดินข้ามถนน ใช้เวลาตามหาเพียงไม่กี่นาที หรือบางคนอาจจะต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตกว่าจะเจอ แต่ก็มีบางคนที่โชคร้าย...เดินตามหาทั้งชีวิต...ทั้งๆที่มี เเต่...ไม่เจอ”

    “...”

    เก่งเงียบไปสักพักก่อนจะหมุนตัวเพื่อหันหน้ามาสบตากับผม...

    “แต่เก่งคิดว่าเก่งคงไม่ต้องเหนื่อยเพราะเก่งเจอแล้วแหละคู่แท้ของเก่งทั้งๆที่เก่งใช้ชีวิตกับการเดินทาง แต่ระหว่างทางก็ไม่ต้องคอยมองหาคู่แท้ 39,999 คนที่เหลือ เพราะคู่แท้ที่เก่งจะวางหัวใจไว้ให้ มีเพียงคนเดียว คือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเก่ง ...ตรงนี้”

    คำพูดหวานๆบวกกับสายตาที่ดูมุ่งมั่นนั่นทำเอาผมคลี่ยิ้มออกมา แขนเล็กๆโอบรอบคอผมทั้งสองข้างเพื่อให้ระยะที่ห่างประชิดกันมากขึ้น เราสองคนสบตากันเนิ่นนานที่สามารถสื่อความหมายได้หลายหลายโดยไม่ต้องใช้คำพูด ผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหูของเก่งแล้วกระซิบเบาๆว่า...

    “คู่แท้ของพี่ก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้วเหมือนกัน”

    จุมพิษที่แสนหวานที่มอบให้กับคนตรงหน้าครั้งนี้ที่เติมเต็มไปด้วยความรัก และคำสัญญาว่าผมและเขาจะอยู่เคียงข้างกันตลอดไป....

    รสจูบที่แสนหวานต่างพากันตกอยู่ในห้วงแห่งความสุข ริมฝีปากที่บวดเบียดแนบชิดกันไปมาพร้อมกับจังหวะการหายใจที่ยาวนานพาลเอาร่างบางแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง อีกทั้งสัมผัสอุ่นๆที่แทรกเข้ามาในโพรงปากเพื่อเก็บเกี่ยวน้ำหวานดั่งน้ำผึ้งพระจันทร์ มือหนายกขึ้นประคองท้ายทอยใบหน้าเรียวเพื่อปรับองศาในการสัมผัส จากหนึ่งนาที เป็นสองนาที...จนเกือบจะ...แสนล้านนาที...

    ร่างสูงถอนจูบออกช้าๆก่อนที่จะประทับรอบจูบอีกครั้งบนหน้าผากของวาโยไว้เบาเบา...

    “ไม่ว่าอีกกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี ที่เราจะต้องแยกกัน แต่จำไว้นะครับว่าหัวใจดวงนี้ของพี่ จะอยู่ที่เก่งตรงนี้ทุกวัน ทุกนาที และทุก...วินาที”

    ร่างบางโผเข้ากอดคนรักไว้แนบแน่นเพื่อบันทึกความทรงจำเป็นความรู้สึก พร้อมกับปล่อยของเหลวใสให้ไหลรินจากดวยตา หากแต่มันไม่ใช่เพราะความเสียใจ...แต่คงเป็นความตื้นตันใจต่างหาก

     

     

    “ขอบคุณนะครับ คนดีของเก่ง”

    “รักนะครับ คนเก่งของพี่”

    --------------------------------------------------------------------------------------------------


    7
    months later.

    “ครับ แล้วนี่ก็คือหอคอยนัมซาน เป็นที่ๆเชื่อกันว่าหากเราเขียนชื่อเรากับคนรักไว้ที่แม่กุญแจคนละอันแล้วคล้องไว้ด้วยกัน พร้อมกับโยนลูกกุญแจทิ้งลงไป เรากับคนรักของเราก็จะไม่พรากจากกันครับ”

    ไกด์ทัวร์หนุ่มจัดแจงอธิบายรายละเอียดไปตามหน้าที่ เมื่อปล่อยให้นักที่องเที่ยวได้ถ่ายรูปและพักผ่อน ตัวเองก็ตรงมาที่ที่มีแม่กุญแจหลายหลายอันร้อยคล้องกันเต็มไปหมดก่อนที่ตัวเองจะหยิบแม่กุญแจมาหนึ่งคู่แล้วจัดการเขียนชื่อตัวเองกับคนรักลงไป...

    “เก่งคิดถึงพี่นะ...พี่โน่”

    มือที่กำลังจะล็อกแม่กุญแจทั้งสองไว้ด้วยกันกลับต้องชะงักเมื่อหางตาเหลือบไปเห็นลายมือและชื่อที่คุ้นตาอยู่ที่แม่กุญแจคู่หนึ่ง...

    มือเล็กๆเริ่มสั่นเพื่อที่จะเอื้อมไปหยิบมาดูด้วยความสงสัย

     

     

     

    ไม่ผิด

     

    ไม่ผิดแน่

     

    เขาจำลายมือนี้ได้ขึ้นใจ

     

    ตัวอักษรแบบนี้

     

    เขียนไม่รู้เรื่องแบบนี้

     

    จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว....

     

    “ร้องไห้อีกแล้วคนขี้แย”

    เสียงทุ้มคุ้นหูดังก้องในโสตประสาท นี่ตามมาหลอกหลอนถึงเกาหลีเลยหรือเนี่ย??

    ร่างบางสะบัดหัวสองสามทีเพื่อไล่ความคิดที่ฟุ้งซ่าน

    “ไม่จริง ไม่ใช่ บ้าไปแล้วไอ้เก่ง ร้องไห้จนหูเพี้ยนเลยหรือไง”

    “หันมาข้างหลังซิ”

    ถึงแม้ว่าจะคิดว่าตัวเองฟุ้งซ่านแต่ขาเจ้ากรรมกลับหันไปช้าๆ

    ตามเสียงของหัวใจที่เรียกร้อง....

    ภาพตรงหน้าปรากฏร่างสูงงที่ยืนอยู่ไม่ห่าง สายตาที่คุ้นเคย รอยยิ้มที่ตรึงใจ คิ้วสวยๆที่เขาชอบแกล้งล้อว่าเหมือนชินจัง ริมฝีปากเรียวที่ชอบฉวยโอกาสสัมผัส ใบหน้าคมที่คอยสยบความรั้นทุกครั้ง ความเป็นเขาที่เก่งไม่เคยลืมเลือน....

    “พี่โน่...ฮึก”

    ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไรร่างบางๆก็ถูกคว้าไปกอดอย่างรวดเร็ว

    “คิดถึง...”

    “ฮึก ก เก่..ง ก็ คิ ด...ถะ ถึง พี่ เหมือน...กั น”

    มือหนายกขึ้นลูบหัวเล็กๆที่แนบอยู่บนอกของเขาอย่างแผ่วเบาพร้อมกับก้มหน้าลงทาบริมฝีปากเรียวลงกับสัมผัสที่โหยหามานาน...

    พี่คล้องมันไว้แล้วนะครับความรักของเรา...

    พี่โน่....คน(ของ)เก่ง^^

     

     

    -THE END-

     

     

     

    กรี๊สสสส เป็นครั้งแรกที่ผันตัวมาเขียนฟิคแบบหวานๆ และใช้ตัวละครบรรยายไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง

    หายหัวจากฟิคไปยาวนาน คิดถึงรีดเดอร์ คิดถึงคอมเม้น ฮ่าๆๆ ตอนนี้เรียนหนักจริงอะไรจริง

    อ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ชอบกันไหมอ่ะ จะบอกว่าไม่เคยแต่แนวหวานๆๆๆเลยจริงๆ

    ส่วนมากจะพาไปดราม่าหมด ฮ่าๆๆ ติชมกันหน่อยน้า เพื่อเป็นกำลังใจให้กับผลงานชิ้นต่อๆไป

    โอ๊ยยยย คิดถึงรีดเดอร์ทุกคนมากมาย ไม่รู้ว่าลืมกันไปหรือยัง???

    รักทุกคนนะคะ สวัสดีวันแห่งความรัก

     

     

     

     

     

     

     







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×