ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Girlfriend [สไปรท์xของขวัญ] Hormones (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #9 : CH 09

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.37K
      15
      13 ส.ค. 56

     

     

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า  สองอาทิตย์เลยหรอ ไม่กล้ามขึ้นพอดีหรอเนี่ย

     

    แต่ขวัญกลัวน้ำท่วมโรงยิมมากกว่านะคะแม่ ไปรท์ราดน้ำเยอะมากอะ

     
     

    แกร๊ก

     

    หืม...




     

    “ตื่นแล้วหรอไปรท์ มากินข้าวต้มด้วยกันมา”

     

    มือบางยีหัวอย่างคนยังไม่ตื่นดี เดินเอื่อยๆไปนั่งแหมะข้างแม่แล้วมองสำรวจข้ามต้มหอมกรุ่นตรงหน้า

    ใส่ขิงอีกแล้ว สไปรท์ทำหน้าเขี่ยขิงไปขอบชามแล้วจึงตักกิน สูดซ้วบตาก็ช้อนมองคนตรงข้ามที่ยังคุยออกรสกับแม่เธอไม่หยุด
    รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเมื่อของขวัญไม่ได้มีท่าทีอะไรแปลกไป ยังดูร่าเริงเหมือนปกติ

     

    แต่เพราะมันปกตินี่แหละ ถึงได้กังวลหนักกว่าซะอีก

     เธอจะมองนานไปหน่อยหล่ะมั้งของขวัญถึงได้สบตาเหมือนจะรู้ตัวก่อนจะส่งยิ้มมา



     

    ค่อก!

     

    “เอ้า ช้าๆสิไปรท์เลอะหมดแล้ว”

     

    แม่ว่าเอือมๆส่งกระดาษทิชชู่ให้คนที่เกิดสำลักข้าวต้มขึ้นมากะทันหัน ให้ลูกรักเอาไปเช็ดปากเช็ดคาง

    ชุดทำงานเหมือนเมื่อวานเลยแหะ

     

    “แม่กลับมาเมื่อไหร่อะ”

    “เพิ่งเมื่อกี้นี้เลย กินเสร็จแล้วอาบน้ำเลยนะฉันจะได้ไปส่ง”

     

    “ค่า....”

     

    เมื่อกี้? เดี๋ยวนะ

     

    สไปรท์ตักข้าวต้มเข้าปากเร็วๆแล้วหันไปมองขวดอะไรที่จำได้ว่าวางทิ้งไว้ที่โต๊ะรับแขก
    ชะเง้อมองหาก็เจอแต่ความว่างเปล่าให้ถอนหายใจสะดุดตาคนเป็นแม่

     

    “มองหาอะไร ถ้าเป็นจิน(GIN)ฉันเก็บไปแล้ว กินกันเข้าไปได้ยังไงตั้งครึ่งขวด

    ขวัญอย่าไปอยู่ใกล้ไปรท์มากนะลูก เดี๋ยวเสียคน”

     

    “โห นิดเดียวเองแม่ก็... ขวัญอยากลองอะ”

    แน่นอนแม่ทำหน้าไม่เชื่ออย่างกับรู้ว่าเธอนี่แหละยัดเยียดให้เพื่อนกินด้วย
    ขวัญอาจจะบอกแม่ไปแล้วว่าเราแอบมีปาร์ตี้แอลฯเล็กๆ ไม่รู้ว่าเล่าไปมากแค่ไหนแต่เธอเชื่อว่าคงไม่ลงรายละเอียดเรื่องเมื่อคืนหรอก

     

    พอตักคำสุดท้ายเข้าปากแม่ก็ดึงชามไปบอกจะล้างให้แล้วไล่เธอไปอาบน้ำ สไปรท์พยักหน้ารับเนือยๆยกน้ำดื่มอึกๆด้วยคอแห้งสุดๆ ยืนพิงโต๊ะมองแม่กับของขวัญที่วุ่นอยู่กับจานชาม ของขวัญดูปกติดีนะ ปกติทุกอย่างทั้งการหัวเราะ สีหน้าที่สดใสใส่ชุดนักเรียนพร้อมออกจากบ้าน



     

    ยกเว้นจะติดที่ว่าจะยังไม่เปิดปากพูดกับเธอเลยซักคำ


     

    **


     

    ถ้าเธอรู้ว่าฉันรัก เธอจะรักฉันบ้างไหม
    ไม่สนิทใจ จะเป็นเพื่อนกัน
    ถ้าเธอรู้ว่าฉันรัก เฝ้าแต่คิดไปจริงจัง
    อยากให้เธอฟังคำว่ารักเธอ

     

     

    ถ้าเธอรู้แล้วไม่รักไม่เป็นเพื่อนกัน
    ถ้าอย่างนั้นคงต้องเงียบไป
    เก็บเอาไว้ ในใจดีกว่าบอกไป
    จะไม่พูดอะไรสักคำ ถ้าต้องเสียเธอ

     

    ไม่สนิท-นนท์ ธนนท์

     

     

    เสียงเพลงจากคลื่นวิทยุคลอไปเบาๆแต่กลับดังชัดเจนเมื่อภายในรถคันหรูไม่มีใครเปิดปาก

     

    “แล้วแม่กลับไหมอะวันนี้”

    “อืม.....น่าจะกลับนะ”

    สไปรท์ชวนแม่คุยแค่นั้นก็สนใจเส้นทางตรงหน้าต่อ เธอรู้สึกปวดหัวนิดๆเหมือนเป็นผลจากเครื่องดื่มเมื่อวานนั่นแหละ เลยคลึงขมับเบาๆ ภาพรถยนต์บนถนนมันน่าเวียนหัวจนแทบอ้วกแต่ก็กดคอหอยเอาไว้สุดความสามารถ เพลงมันเพราะดี แต่ที่หนักกว่าคงเป็นความหมายที่มันแทงใจดำได้กระอักสุดๆ เลยกดเปลี่ยนคลื่นฟังเพลงสากลแทน อดไม่ได้ที่จะหันมองคนที่นั่งเงียบอยู่เบาะหลัง

     

    วิวภายนอกหน้าต่างมันคงน่ามอง ของขวัญถึงได้เอาแต่เหม่อออกนอกหน้าต่างอยู่ได้

     

     

     

    เอี้ยด...

     

    แกร๊ก

    ประตูรถเปิดออกทันทีที่รถเคลื่อนจอดหน้าโรงเรียน

     

    “ขับรถดีๆนะแม่”

     

    “จ้า เธอก็ตั้งใจเรียนด้วยหล่ะ ก่อเรื่องให้มันน้อยๆหน่อยก็ดี”

    สไปรท์ทำหน้ายู่

     

    “ไปรท์ไม่ใช่เด็กเกเรซะหน่อย ไปละ”

     

    “ให้มันจริงเถอะ แล้วเจอกันนะขวัญ”

    ประโยคหลังแม่หันมาพูดกับของขวัญที่ไหว้กลับทั้งยิ้มอ่อนๆ

    สองสาวยืนโบกมือจนรถคันเดิมเคลื่อนลับสายตาไป และเป็นของขวัญที่เดินนำไปทิ้งระยะห่างเพิ่มความขุ่นในใจคนตาม
    สไปรท์จึงวิ่งไปจับแขนและขวัญก็หันกลับมาเลิกคิ้วให้เป็นคำถามดูไม่ได้ปนความโกรธให้สไปรท์ใบ้กิน ลืมคำพูดหมด

     

    “มีอะไรรึเปล่า?”

     

    เอ่อ....

    สไปรท์พูดเอ่อ เอ่อ... ไม่หยุดจนของขวัญเริ่มขี้เกียจรอ จะเดินไปเข้าแถวซะทีนี่ก็ใกล้เวลาเคารพธงชาติแล้ว ยิ้มทักทายเพื่อนร่วมชั้นไปตามมารยาท ยังไม่ทันจะถึงก๊วนเพื่อนร่วมห้องที่นั่งจับกลุ่มกับอยู่ในลานอเนกประสงค์ คนด้านหลังกลับดึงแขนรั้งไว้ให้เธอชะงักฝีเท้า

     

    “เรื่องเมื่อคืน.. ” “ก็บอกแล้วว่าอย่ากินเยอะ เมาเละเลยอะ อย่าบอกแม่เรานะมีหวังโดนเทศน์ชัว”

    มีหัวเราะใส่จนตาปิดแล้วพยายามแกะมือสไปรท์ที่จับแน่นขึ้นจนเจ้าตัวกัดปาก
    “เจ็บนะไปรท์”

     

    “เธออย่าทำเป็นจำไม่ได้ได้ปะ เรารู้นะว่าขวัญก็รู้สึกเหมือนกันไม่งั้นเธอจะจูบตอบเราทำไม” “ก็เราเมาไง!

    หลุดเสียงตะหวาดใส่ทั้งสีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิทแต่ดวงตากลับสั่นระริก นักเรียนรอบข้างเริ่มให้ความสนใจเพราะประโยคแปลกๆที่หลุดขึ้นเสียงใส่ ยังไม่ทันที่สไปรท์จะต้อนต่อของขวัญก็ขืนแรงจะดึงแขนออกแต่คนตรงหน้าไม่ปล่อยซักทีจึงได้แต่พูดลอดไรฟันว่าให้ปล่อยแล้วต้องร้องเสียงหลงเมื่อสไปรท์ฉุดแขนเธอให้เดินตามขาแทบพันกันไปดุ่มๆ จนเธอเกือบล้มถึงได้ชะลอฝีเท้าลง

     

    “ไปรท์! จะไปไหน!บอกให้ปล่อยไง!!

    “ไปคุยกันให้รู้เรื่อง ”

    สไปรท์ตอบเสียงเรียบแล้วดึงของขวัญให้ตามมาเข้าห้องน้ำหลังโรงเรียน เช้าแบบนี้มันเงียบดีหล่ะคนไม่ค่อยผ่านมาเท่าไหร่ แอบไม่ไปเข้าแถวก็ได้  สไปรท์ดันของขวัญให้เข้าไปด้านในแล้วปิดประตูก่อนจะลงกรอนจึงหันมาผเชิญหน้ากัน เห็นของขวัญพุ่งตัวมาจะเปิดประตูก็จับแขนทั้งสองไว้ ดันให้ถอยไปชิดเคาเตอร์ล้างมือ

     

    “เราจำได้ทุกอย่าง ทั้งเรื่องจูบและที่เราบอกชอบเธอ ขวัญจะทำเงียบไปทำไมทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจ

    มีอะไรก็พูดมาดิ เราจะได้รู้ว่าต้องทำตัวยังไง แบบนี้มันอึดอัดนะรู้ปะ”

     

    “ลืมๆเรื่องนั้นไป

    ทำให้เราได้ไหมหล่ะ”

     

    เสียงเรียบนิ่งสวนกลับด้วยสายตาที่จ้องตอบที่เธอไม่อาจจะคาดเดาอารมณ์หรือรู้ความคิดของขวัญได้ สไปรท์อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อเมื่อของขวัญหลบตามองพื้นกระเบื้องกระหลั่วๆแทนคู่สนทนาให้ยิ่งเคืองก่อนนางจะปล่อยประโยคทำร้ายจิตใจกันต่อ

     

    “ถ้าไม่ได้ งั้นเราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว ”

     

    ทันทีที่ของขวัญเบี่ยงตัวหลบเพื่อจะออกจากห้องน้ำอับๆนี่ไปซะที แรงกระชากจากด้านหลังมันทำเอามือเธอหลุดจากกลอนประตู ยังไม่ทันจะตอบโต้ก็ต้องร้องด้วยความเจ็บจากหลังกระแทกบานไม้อย่างแรง พยายามไม่สบตาคนที่บีบแขนเธอจนปวด พูดเสียงแผ่วบอกให้ปล่อยเป็นรอบที่สิบจนรู้สึกได้ว่าตัวมันสั่นเหมือนจะกลัวคนตรงหน้าไม่กล้าสบดวงตาแข็งกร้าวที่จ้องมา สไปรท์หายใจแรงขึ้นด้วยความโมโห

     

    “แล้วที่ขวัญทำเหมือนหึงเราหล่ะ! ไม่อยากให้เรายุ่งกับต้น กร แล้วยังยอมให้เราจูบง่ายๆอีก

    ถึงจะเป็นเพื่อนเล่นหัวกันมากขนาดไหนคงไม่พิสดารจูบปากกันได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรหรอกนะ

     

    “เหล้าเข้าปากมันก็ทำได้หมดนั่นแหละ

     ถ้าไอ่เรื่องพวกนี้ทำให้ไปรท์เข้าใจผิดก็ขอโทษด้วยแล้วกัน เราไม่ได้รู้สึกกับเธอแบบนั้น”

     

    ปึง!!!

     

    รู้ตัวปะว่าเห็นแก่ตัวมาก!!!!! พูดออกมาได้ไงวะขวัญ

    พอทำให้ชอบเสร็จก็ถีบหัวไล่กันเลยรึไง เห็นแก่ตัวกว่านี้มีอีกมะ! สนุกมากหรอ เราไม่ใช่ของเล่นนะจะได้ให้เธอปั่นหัวกันง่ายๆ!!
    ไม่ชอบก็อย่าให้ความหวังตั้งแต่แรกดิวะ ทำแบบนี้เราเจ็บนะรู้บ้างปะ!!!!”

     

    ตะหวาดไปสุดเสียงจนตัวเองหอบแฮ่ก ฝ่ามือระบมจากการการตบประตูด้วยความโมโหไปสุดแรงจนของขวัญสะดุ้ง ฮึก... แล้วยิ่งกำหมัดแน่นเมื่อขอบตาของคนตรงหน้าเริ่มแดงขึ้นอัดน้ำสีใสให้มันเอ่อพ้นจนไหลลงตามแก้มขาวจัด ภาพของขวัญปาดน้ำตาป้อยๆมันดันดึงความรู้สึกผิดมันแทบจะตีแซงหน้า ลูบหน้าตัวเองแรงๆพยายามสงบสติอารมณ์ ร้องฮื่อ....พ่นลมออกจมูกก่อนจะจับไหล่สั่นเท่าไว้ยิ่งเพิ่มแรงบีบเมื่อของขวัญจะขืนออก ลดน้ำเสียงให้มันอ่อนลง

     

    “ขอโทษ หยุดร้องไห้เหอะ”

    ของขวัญเอาแต่ก้มหน้าปล่อยน้ำตาหยดใส่พื้นแหมะๆ กัดปากกลั้นเสียงสะอื้นที่ยังเล็ดรอดออกมาอยู่ดี
    ทำอะไรไม่ถูกจึงดึงคนขี้แยมากอด ให้นางใช้ไหล่เธอซับน้ำตาเหมือนทุกทีที่ของขวัญเสียใจ
    สไปรท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่กระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นมากขึ้น

     

    “บอกมาสิ เราต้องทำตัวต่อไปยังไง ....แต่ขอร้อง

    อย่าให้เราลืมเพราะมันทำไม่ได้จริงๆ”

     

    ร่างสั่นเทาดึงชายเสื้อเธอเหมืนหาที่ยึดเหนี่ยว

    พยายามกดเสียงสะอื้นพูดอู้อี้ใส่ไหล่บางๆของสไปรท์

     

    “เรา....ยังอยากให้เป็นแค่เพื่อนกัน ไปรท์ทำให้เราได้ไหม”

     

    ทำไม่ได้ เสียงในใจมันตะโกนตอบทันทีที่แทบไม่ต้องกลั่นกรองจากสมอง ประโยคแค่สั้นๆกลับทำเอาหน้าเธอชายิ่งกว่าโดนตบซะอีก อยากจะดื้อต่อ คั้นความรู้สึกที่เธอคิดว่าตรงกันให้ของขวัญยอมรับซะที แต่แล้วจะได้อะไรหล่ะในเมื่อเจ้าตัวปฎิเสธที่จะรับรู้ถึงขนาดนี้

     

    สไปรท์ดึงของขวัญให้ผละออก กุมใบหน้าเปื้อนน้ำตาด้วยสองมือ ปาดนิ้วแม่มือเช็ดของเหลวที่เลอะเต็มสองแก้มให้พ้นทาง ของขวัญที่จมูกแดงแบบนี้ก็น่ารักดีนะ แต่เธอกลับชมไม่ออก ฝืนยกมุมปากต้านความขมขื่นที่มันถ่วงไว้ให้วาดขึ้นเป็นรอยยิ้มที่คงบิดเบี้ยวน่าดู


     

    “อืม.....  

    จะพยายามแล้วกัน

     

    **

     








     

    รับปากไปได้เนอะ

     

     

     

    ใครมันจะไปทำได้

     

     

    เตร่ง... เตรง...เต้ง!!



     

    “สุนิสา ฟังจังหวะด้วยสิ”

     

    ครูดนตรีไทยร่างอวบเตือนอย่างใจเย็นเมื่อเธอทำทีมขิมล่มทั้งทียังไม่ถึงครึ่งเพลงเป็นรอบที่สาม
    เพื่อนร่วมห้องนี่มองเป็นตาเดียวแต่พอครูปรบมือเรียกให้ประจำตำแหน่งเตรียมบรรเลงอีกรอบก็วนใจเครื่องดนตรีไทยตรงหน้ากันต่อ

     

    สไปรท์กระชับไม้ขิมในมือ หูฟังจังหวะนับเลขให้เตรียมตัวแต่สายตาดันไปจ้องแผ่นหลังของคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า วุ่นอยู่กับเครื่องดนตรีชนิดเดียวกัน มือขยับตามตำแหน่งตัวโน๊ตให้เกิดเสียงอย่างที่ควร ให้ห้องสอนดนตรีไทยกังวานไปด้วยเสียงกังวานของขิม หนักแน่นของระนาด รวมถึงความทุ้มใสของฆ้องวงบรรเลงเพลงลาวดวงเดือนให้ครูทำหน้าพอใจจนจบเพลง

     

    “โอเคดีมาก ทีนี้จับคู่กันนะ ให้คนนึงตีฉิ่งอีกคนก็เล่นเครื่องดนตรีของตัวเองไป แล้วสลับกัน
    ก่อนหมดคาบครูจะสุ่มเลขที่เรียกสอบสิบคน”

    เสียงโวยวายดังเป็นระงมเมื่อครูใจดีแค่หน้าเกิดติสอยากเก็บคะแนนไม่บอกกว่า
    แต่นางก็หาได้แคร์เสียงนกเสียงกาของนักเรียน ทำยิ้มดูชอบใจให้นักเรียนยิ่งโวยวายง้องแง้งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

     

    ไม่ต้องเอ่ยปากเราต่างก็รู้ดีว่าต้องคู่กับใคร ของขวัญหันมาหาเธอ ให้สไปรท์ประหม่าแปลกๆเมื่อต้องมาประชันหน้ากันทั้งที่เพิ่งจะเกิดเรื่องไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ในห้องน้ำนั่น แต่ก็ยิ้มอ่อนๆไป เอาแต่นั่งนิ่งจนของขวัญเคาะขิมเธอเบาๆนี่แหละถึงกับสะดุ้งเฮือกซะของขวัญตกใจไม่แพ้กัน ดูมือไม้เงอะงะหลบตาเธอ

     


    “เอ่อ... ไปรท์ตีสิ จะได้พลัดกัน”

    “อะ อ่อ อืม”

     

    สไปรท์ผงกหน้ารับ มือเคลื่อนให้ปลายไม้แตะเส้นโลหะแต่เริ่มเอะใจ
    เมื่อในมือของคนตรงหน้าไม่ได้มีเครื่องดนตรีที่ต้องใช้ร่วมกัน

     

    “ขวัญ ไม่ตีฉิ่งหรอ”

    แล้วจะสะดุ้งทำไม

     

    ไม่! เอ่อ หมายถึง เดี๋ยวไปหยิบก่อนนะ”

    พูดจบก็พรวดพราดลุกไปจนเกือบเตะเพื่อนข้างๆ ให้สไปรท์มองตามไปงงๆ ดูของขวัญรีบซะทำเครื่องดนตรีให้จังหวะนั่นหลุดมือร่วงตกพ้นเสียงดังเรียกความสนใจจากเพื่อนรอบข้าง นั่งรอของขวัญเดินดูยากลำบากเพราะเพื่อนนั่งเกลื่อนเต็มห้อง หูดันสะดุดกับเสียงหัวเราะของไอ่เพื่อนชายที่นั่งตีระนาดไม่ไกลกัน

     

    “ถึงกับทำฉิ่งร่วงเลยหว่ะ ฮะ ฮะ”

     

    อะไรของมัน ขมวดคิ้วมองกลุ่มผู้ชายที่หัวเราะดูตลกอะไรนักหนา แล้วยังจะมองขวัญแต่พอสบตากลับเธอกับทำหน้าเงิบ
    ก้มหน้าก้มตาเป็นตีระนาดต่อ ยังม่ทันจะสงสัยไปมากกว่านี้ก็ต้องหันกลับเมื่อของขวัญมานั่งตำแหน่งเดิม

     

    หูหน่ะได้ยินเสียงให้จังหวะกังวานของเครื่องดนตรีทองเหลือง แต่เป็นเธอเองนี่แหละที่มือมันแข็งกินกว่าจะเคลื่อนตามตัวโน๊ตได้อย่างที่ควรจะเป็น บอกขอโทษไปเบาๆเมื่อทำเพลงเสียงอีกแล้ว และเหมือนเคย ของขวัญไม่ได้หงุดหงิดใส่เธอ
     

    “ใจเย็นๆนะ แล้วตีใหม่”

     

    “อืม”

     

    รับคำไป อยากจะทำให้ได้แต่ตอนนี้แค่บังคับให้ตัวตรงอยู่มันก็แทบจะหมดแรงแล้ว มือขยับลงไม้ตามเส้นสายแต่สายตาไม่รักดียังสะเออะละออกมองของขวัญที่ยังคงสีหน้าปกติ พอเห็นว่าเธอมองอยู่ก็ส่งยิ้มมาเหมือนปกติ เหมือนเดิมเลย.... เหมือนไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเรา ทำได้ไง เก่งเนอะ




     

    ป๊อก!!

     

    ไม้แท่งบางหักเป็นสองท่อนจากการใส่แรงที่เยอะเกินไป สไปรท์ถอนหายใจแรงทั้งสีหน้าหงุดหงิด โยนไอ่แท่งไม้กระหลั่วๆทิ้งใส่ขิมแล้วลุกพรวด “ไปห้องน้ำก่อนนะ” แล้วเดินเร็วๆออกไม่สนเสียงเรียกของครู ปล่อยให้ของขวัญได้แต่มองตาม

     

    มือบางกำเนื้อกระโปรงจนยับยู่ยี่ คิดว่าเธออยากให้มันเป็นแบบนี้รึไง

    ของขวัญพลิกตัวกลับว่าจะสนใจทบทวนบทเพลงดึงความสนใจให้มันหยุดคิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ยังไม่ทันจะหมุนกลับทั้งตัวก็รู้สึกวูบเหมือนถูกมองจึงเงยหน้าขึ้นปะสายตากับกลุ่มเด็กผู้ชายที่จ้องมาไม่วางตาจนอึดอัด

     

     

    **

     

    ออดดดดดดดด

     

     

    หมดคาบแล้วแต่สไปรท์ยังไม่กลับมาอยู่ดี ของขวัญชะเง้อมองไปทางประตูทั้งที่ยังแบกขิมวางเก็บเข้าที่

    เดินกลับมาเอาของอีกคนไปเก็บให้เสร็จก็มานั่งรวมตัวกับเพื่อน บอกทำความเคารพครูก่อนจะเดินเป็นแถวกลับห้องเรียนคาบต่อไป  ระหว่างทางมีแต่เสียงพูดคุยของเพื่อนรอบข้างดังระงม ของขวัญเดินตามเพื่อนที่ได้แต่เงียบคอยมองไปทางด้านหลังเหมือนคิดว่าvk0จะเห็นสไปรท์วิ่งตามมาก็ได้

     

    รู้ว่าสไปรท์เสียใจ แต่จะให้เธอทำยังไงหล่ะ ยิ่งรู้สึกแย่เมื่อสไปรท์ทำเหมือนไม่อยากจะอยู่ใกล้

    มันจะยากแค่ไหนกัน เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วจะกลับไปทำตัวปกติเหมือนที่เราเคยเป็นไม่ได้เลยรึไง

     

    แค่ที่เราเป็นอยู่มันก็มีความสุขพอแล้วไม่ใช่หรอ

    แล้วต้องกัดปากช่างใจก่อนจะตัดสินใจสะกิดแขนเพื่อนแว่นหนาเตอะให้หันมาทำหน้างงใส่

     

    “เอ่อ  เราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ฝากบอกครูด้วย”

    “อ่าฮะ”

     

    พูดจบก็วิ่งออกจากแถวดูรีบเกินความจำเป็นกลับไปยังทิศที่จากมา
    ภาพทั้งหมดมันอยู่ในสายตาของเพื่อนชายคนเดิมที่มองตามหลังของขวัญจนเกือบสุดสายตาถึงบอกเพื่อน

     

    “กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ปวดขี้”

     

    “เออ เรื่องของมึง”

     

    แล้ววิ่งตามเด็กสาวไป

     

    .

    ..

    .

    .

     

     

     

     

    น่าจะห้องน้ำนี้หล่ะมั้ง


     

    แฮ่ก แฮ่ก

    ของขวัญยืนหอบอยู่หน้าห้องน้ำที่คิดว่าสไปรท์น่าจะอยู่เพราะมันใกล้ห้องดนตรีไทยที่สุดแล้ว แต่ภายในกลับเงียบสนิทจนคิดไปว่าสไปรท์อาจจะออกไปแล้วก็ได้ แต่ก็เพื่อความแน่ใจจึงดันประตูหนักๆเข้าไป ยังไม่ทันจะเปิดสุดให้ตัวแทรกเข้าไปได้ก็ต้องชะงัก

     

    “ของขวัญ”

    “??”

     

    เธอทำหน้างงเมื่อหันไปตามเสียงเรียกแล้วเจอกับเพื่อนชายร่วมห้องมายืนซ้อนด้านหลัง
    ถอยออกนิดๆรักษาระยะห่าง

     

    “มีอะไรกับเรารึเปล่า”

    เธอถามไปแบบนั้นแล้วยิ่งรู้สึกกลัวขึ้นมาแปลกๆเมื่อเขากลับยกยิ้มมุมปากเหมือนมีเงื่อนงำอะไร

    เราไม่ได้สนิทกัน และตอนนี้เธอก็นึกไม่ออกเลยซักนิดว่าเธอกับคนตรงหน้ามีเรื่องอะไรที่ต้องปลีกตัวออกมาคุยกันในที่พ้นสายตาคนอื่นแบบนี้  และยิ่งเป็นพวกเด็กเกเรชอบมีเรื่องตีกันยิ่งไม่เข้าข่ายเลยหล่ะ

     

    “ถ้าไม่มีอะไรก็ขอตัวก่อนนะ ” กำลังจะเบี่ยงตัวหลบแต่แรงรั้งที่ไหล่ทำเอาของขวัญสะบัดออกทันที
    และเขาก็ยกมือเหมือนจะเป็นเชิงยอม และถอยไปสองสามก้าว

     

    “มีซี่ มีนิดหน่อยนะ แต่เราอยากรู้มากเลยหล่ะ


     

    เธอกับสไปรท์

    เขาหรี่ตาลง



     

    “กิ๊กกันหรอ”

    “เปล่า!!

    ไม่รู้ว่าเธอแสดงสีหน้าออกไปยังไงเขาถึงหัวเราะแบบนั้น และมันยิ่งทำให้เธอโมโหจนหน้าร้อน แต่ริมฝีปากกลับแห้งผากใจเต้นรัวราวกลับกลัวคนที่พยายามล้วงความลับที่เธอเป็นคนปิดใส่กล่อง ล็อคด้วยกุญแจปลายคมที่ปักใส่หัวใจอีกคนเพื่อไม่ให้ใครคุ้ยขึ้นมาได้ ของขวัญพยายามเดินหนีแต่เขาขยับดักไว้ทุกทางจนเธอได้แต่กำหมัดแน่น เงยหน้ามองคนที่สูงกว่า

    “เธอจะเอายังไง”

     

    “ก็ไม่เอายังไงหรอก แต่เราว่าขวัญโกหกนะ

    รู้รึเปล่า เมื่อเช้าเราไปได้ยินอะไรดีๆมาด้วยหล่ะ”

     ประโยคคำถามที่ยังไม่บอกคำตอบก็ทำเอาปลายนิ้วเธอชา
    รู้สึกได้ว่าเหงื่อเริ่มซึมออกตามไรผมเมื่อใบหน้าเจ้าเล่ห์มันเคลื่อนเข้ามาใกล้ หรี่เสียงลงจนแทบกระซิบ


     

    ไม่ชอบก็อย่าให้ความหวังตั้งแต่แรกดิ ทำแบบนี้เราเจ็บนะรู้บ้างปะ สไปรท์โคตรน่าสงสารอะ ไม่รับรักเพื่อนหน่อยหรอครับ”

    รู้สึกปวดนิดๆเพราะจิกเล็บส่ามือไปเต็มแรง กดเสียงลอดไรฟันใส่คนตรงหน้า


     

    ยุ่ง!

     

    ผลั่ก!

    ขวัญผลักคนตรงหน้าออกจนเขาเซแต่ยังไม่ทันจะหนีได้ก็โดนดึงมาที่เก่า มือเธอดันไล่เขาไว้แต่ดันสู้แรงผู้ชายไม่ได้อยู่ดี เสียงหัวเราะในลำคอยิ่งทำให้เธอโกรธจัด จนน้ำตาปริ่มเอ่ออยู่ที่ขอบตาด้วยหงุดหงิดตัวเองที่ดันนึกถึงใครอีกคนให้เกิดโผล่หัวมาช่วยเธอซักที

     

    “ตอบดีๆสิ เราก็แค่อยากรู้ ตกลงเธอกับสไปรท์ชอบกันจริงๆงั้นดิ

    บอกมาเหอะ เราไม่เอาไปบอกใครหรอกน่า”




     

    .

    .


     

    .

    .


     

    ..

     


     

    ในโลกนี่คงไม่มีใครเข้าห้องน้ำนานเท่าเธอแล้วหล่ะนอกจากพวกท้องผูก

    หลบมามุดหัวอยู่ในห้องน้ำ กะเอาคงซักสี่สิบนาทีได้หล่ะมั้ง

    เห้อ....

     

     

    ร่างบางทิ้งหลังพิงฝาชักโครก เหม่อมองบานประตูที่มีลายปากกาลิขวิตเขียนเต็มไปหมดตามประสาพวกมือบอน

    นั่งอ่านข้อความทั้งบอกรักทั้งด่ากัน บางอันก็เขียนตอบโต้ทั้งที่คงไม่ได้รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ
    แล้วต้องสะดุดกับข้อความเขียนด้วยดินสอที่ถึงจะหลบมุมอยู่ขอบประตูแต่มันกลับเรียกสายตาราวหับอยากให้อ่านมากมาย

     

    คนบางคนมีไว้ให้รักให้คิดถึง แต่ไม่ได้มีไว้ให้เราเป็นเจ้าของ – mushroomQuote

     

    เออแม่งใช่

    เธอเค้นหัวเราะหึหึสมเพชตัวเอง นึกอยากจะดึงไอ่เห็ดนี่มากอดแล้วแทงเข่าใส่ซักที
    ข้อหาคำมันโดนได้เสียบทะลุใจจนอยากจะกระอักเลือดใส่หน้าซะเลย

     

    ออกไปได้แล้วมั้ง

    สภาพอารมณ์มันเริ่มเข้าที่เลยกดชักโครกฟังเสียงน้ำวนดูดสิ่งปฎิกูลที่เธอไม่ได้ปล่อยอะไรลงไป แน่หล่ะ แค่มานั่งแช่เปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้นแหละ ไม่ได้ปวดหนักปวดเบาซะหน่อย ขยับจัดชุดนักเรียนให้เข้าที่แล้วออกจากห้องน้ำกั้นบล็อก ไปล้างมือ เผลอมองภาพใบหน้าตัวเองในกระจกก็เกิดหงุดหงิดขึ้นมาซะเฉยๆเลยกวักน้ำใส่หน้าแรงๆจนเปียกไปถึงผม ยันแขนใส่เคาเตอร์ล้างหน้าปล่อยให้หยาดน้ำหยดตามโครงหน้าและปอยผม

     

    เธอไม่ดีตรงไหนวะของขวัญถึงต้องทำเหมือนไม่ชอบทั้งที่ก็เห็นๆอยู่ว่าใจตรงกัน

     ปาดแขนเสื้อซับตามใบหน้าตาก็พิจารณาภาพสะท้อนหน้าตัวเองในกระจก แล้วต้องส่ายหัวหน่ายๆ

     

    ช่างเหอะ คิดแล้วปวดท้องเมนส์

    สไปรท์สะบัดหัวปัดความคิดฟุ้งซ่านให้มันกระเด็นไปหลบมุมแล้วถอนหายใจ
    เรียกสติสตางก่อนจะเดินเอื่อยๆไปที่ประตู จับลูกบิดเพื่อที่จะออกจากห้องน้ำอุดอู้ไปซะที









     

    ตกลงเธอกับสไปรท์ชอบกันจริงๆงั้นดิ

    บอกมาเหอะ เราไม่เอาไปบอกใครหรอกน่า

     

    กึก

     

    มือชะงักทันทีเมื่อได้ยินประโยคสั้นๆเล็ดรอดออกมาจากภายนอก เธอ? ใคร?

    ยังไม่ทันจะเปิดประตูไปประชันหน้ากับไอ่คนถามให้รู้เรื่อง กลับเป็นคู่สนทนาของคนด้านนอกที่โพล่งขึ้น

    ไม่ต้องบอกก็รู้ เสียงแบบนี้ได้ยินมากี่ปี

     

     

    เราไม่ชอบผู้หญิง!! เลิกถามได้แล้ว!’

     

    รู้สึกเลยว่ามือที่กำจับลูกบิดมันสั่นระริก ไม่สิ ทั้งตัวเลยตะหาก

     เคยรู้สึกอยากจะร้องไห้แต่กลับชาจนเค้นน้ำตาไม่ออกไหม เธอกำลังรู้สึกแบบนั้นเลย

     

    สไปรท์เงยหน้าขึ้นมองเพดานสีหม่นตามอายุของมันแล้วหลับตาลงกดความปวดหนึบไม่ให้มันดั้งด้นทะลักออกมาจนปวดเบ้าตาไปหมด








     

    นี่ใช่ไหม.... เหตุผล


    TBC.


    talk:  ดราม่าเนอะไม่รู้ทำไมแต่งดราม่าแล้วมันส์มือทุกที #โรคจิต แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ

    คุณSone9girl : เราแต่ง เจทิ นะคะ อยู่ในบอร์ดSSFCอะคงเห็นผ่านๆบ้าง แต่ไม่ได้แต่งแนวแอบรักเพื่อนสนิทอะคะแลดูเห็นคนแต่งแนวนี้เยอะแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×