คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : SPECIAL PART (Irony) : First Part
“ปวดฉี่ ปวดฉี่อะ”
“รู้แล้วๆ อั้นไว้ก่อน อย่าเพิ่งปล่อยนะ!”
ขวัญ กอดเอวประคองคนที่ยืนบิดไปมา มืออีกข้างนี่สั่นหงึกๆเสียบกุญแจไขเปิดห้องอย่างเร่งรีบพอเปิดประตูผ่างก็ รีบคว้าสไปรท์ไว้แทบไม่ทันเมื่อทำท่าจะถลาลงเตียง โยนกระเป๋าของเธอกองไว้ที่ชั้นหน้าทีวีลวกๆส่วนของสไปรท์ก็เขี่ยใส่เตียง ลากแขนให้นางเดินเป๋มาที่ห้องน้ำ ผลักเข้าไปแล้วปิดประตูรอให้ยัยขี้เมาจัดการธุระซะให้พอ
เห้อ... เหนื่อยได้อีก
เธอก็ไปนั่งรอที่เตียงได้ยินเสียงกดชักโครกแต่ยังไม่เห็นวี่แววของคนด้านใน
นั่ง กวาดตามองสภาพหอพักของเราเรื่อยเปื่อย จนสะดุดตากับกรอบรูปที่วางอยู่ที่ชั้นวางหน้าทีวีที่ดันคว่ำเพราะแรงกระแทก จากกระเป๋าหล่ะมั้ง ขวัญเดินไปหยิบมันขึ้น ยิ้มบางๆทั้งมือลูบภาพคู่ของเราในวันฉลองจบการศึกษาม.ปลาย คิดถึงวัยนั้นเหมือนกันนะ ไว้กลับโรงเรียนไปเยี่ยมครูบ้างดีกว่า วางกรอบรูปไว้ที่เดิมมือก็วางแนบเคียงข้างเคาะชั้นไม้ใช้เสียงกึก กึกให้มันคลอเป็นเพื่อน
ก็... ขอแม่อยู่หอพักกับไปรท์ตั้งแต่ปีหนึ่งนั่นแหละ เหตุผลว่าเดินทางสะดวกนี่ช่วยได้เยอะเลยหล่ะ จนตอนนี้ปีสามแล้ว แยกมาอยู่กันเองแบบนี้จากแค่สถานะคนรักเริ่มรู้สึกเหมือนโดนยัดเยียดความ เป็นแม่ให้ยัยเด็กเที่ยวนี่ด้วยน่ะสิ คนอะไร ซกมกแล้วยังชอบเที่ยวอีก
ส่ายหัวหน่ายๆกับพฤติกรรมเด็กชิว แล้วมองเข้าที่ประตูห้องน้ำที่รู้สึกว่านานเกินไปจนชักเป็นห่วงจึงเดินไปเคาะประตู
ก๊อก ก๊อก
“ไปรท์ เสร็จยัง”
เรียก อีกรอบที่ได้แต่ความเงียบตอบสนอง “ไปรท์ งั้นเราเปิดประตูนะ” บอกเตือนไปที่ไม่มีเสียงค้านถึงบิดลูกบิดที่มันไม่ได้ล็อค ดันประตูแง้มเข้าไปให้ต้องถอนหายใจออกมาอีกระรอก เมื่อคนที่เป็นห่วงดันนั่งคอพับพิงกำแพงดูหลับสบายจนน่าหมั่นไส้ ดีหน่อยที่ใส่อะไรๆเสร็จแล้วไม่งั้นนี่จะเทศน์ให้
“เธอนี่มัน”
กัดฟันกรอดๆใส่ยัยขี้เมา เรียนมาก็เหนื่อยแล้วต้องมารับมือกับยัยลำยองอีก ชีวิต
สอดแขนเข้ารัดตัวบางๆร้องฮึ๊บ!ดึง ตัวโงนเงนของสาวขี้เมาให้พิงตัวเธอไว้เพื่อกระเตงพาออกห้องน้ำที่อีกฝ่ายไม่ ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่ ปล่อยสไปรท์ร่วงปุใส่เตียงจนตัวเด้งผมสยาย ยืนเท้าสะเอวมองคนที่นอนแผ่หลาทั้งขายังห้อยเกยพื้นจึงนั่งยองถอดรองเท้าส้น แหลมให้ก่อนจะขยับเข้าทิ้งตัวนั่งข้างสไปรท์ มองคนที่ปรือตาขึ้นทำตาฉ่ำมองเธอ นั่น แล้วจะยิ้มทำไม ขวัญลูบหัวสวยๆให้นางครางงือเหมือนจะสบายตัว
“ไง เที่ยวสนุกไหม”
“อืม.... สนุกมากเลย ขวัญน่าจะไปด้วยกัน”
“ไปได้ไง งานเยอะจะตาย ควิสทุกอาทิตย์อีก”
ตอบไปที่สไปรท์ดันยู่ปากใส่ บ่นหงุบหงิบ
“ก็เห็นเยอะตลอดอะ”
“ใครจะทำตัวว่างได้ตลอดเหมือนเธอหล่ะ”
“งานเราก็มี แต่มันไม่เยอะเท่าเธอปะ เรียนไรเยอะแยะวะ”
เอ๋า นี่เธอผิด? ขวัญหัวเราะทั้งส่ายหน้าใส่คนที่เริ่มเถียงอ้อแอ้ ตบแก้มแดงๆของอีกคนเบาๆ
“นอนดีๆหน่อยดิ” อืม...สไปรท์ครางรับในลำคอตัวก็ขยับเลื้อยถดขาขึ้นจนหัวแปะใส่หมอนที่ขวัญสอดมารองรับพอดี
นอนเอียงหน้ามองขวัญกดมือถือขึ้นดูเวลา ทำท่าเหมือนจะไปหาไอ่กองหนังสืองั่งๆนั่นอีกจึงรีบคว้าแขนขวัญไว้ ช้อนตาขึ้นมอง
“ขอกอดหน่อย”
“หืม... เรายังไม่อาบน้ำเลยนะ”
“ก็ช่างดิ”
ทำดื้อใส่ได้น่ารักขนาดนี้เลยตามใจซะหน่อย โน้มตัวลงสวมกอดที่สไปรท์ซุกเข้าหาทันที
ขวัญกดจูบใส่หัวหอมๆแนบก้มลงกับกลุ่มผมนุ่ม “เป็นอะไรหล่ะเนี่ย อ้อนจัง”
สไปรท์ส่ายหัวซะเธอชักจะจั๊กจี้คางพูดอู้อี้ใส่อกเธอ
“เปล่า ก็แค่... เหงานิดหน่อย”
ขวัญหลุบตาลงมองร่างที่เห็นแต่เส้นผมดัดลอน มือลูบเข้าที่หลังบาง
“เหงาอะไร เห็นเธอเที่ยวเกือบทุกวันเลยนะ ถ้าเงินเดือนหมดนะเราจะฟ้องแม่เธอให้”
“เออ!เธอไม่เข้าใจหรอก”
หน่ะ มีทำเสียงเหวี่ยงใส่ เงยหน้ามาทำตาเขียวปั๊ดใส่กันหนึ่งทีก่อนจะผลุบจากอ้อมกอดไปพลิกตัวหันหลังใส่ให้รู้ว่างอน
ขวัญขยับเข้าใกล้ แตะเข้าที่ต้นแขนกลมกลึงคลึงหัวแม่โป้งลงไปแผ่วเบา “โกรธหรอ”
กระซิบถามพลางลากมือลงตามผิวลื่นจนจบอยู่ที่สะโพกผาย
กระตุกมุมปากนิดเมื่อร่างตรงหน้าหยัดขึ้นเมื่อเธอเน้นน้ำหนักบีบสะโพกล่อตา โน้มหน้าเข้ากระซิบชิดใบหูแดงจัด
“ขอโทษ”
คำ ขอโทษพร้อมกดริมฝีปากร้อนอุใส่ต้นคอหอมกรุ่น มือลากไล้ ตามลำตัวบางที่สไปรท์ไม่ได้ขัดขืนจนจบที่ซิบด้านหลังเดรสตัวสวย ค่อยรูดมันลงให้เผยผิวขาวจัดสู่สายตาตามการแหวกออกของเนื้อผ้าที่เจ้าตัว กลับหันกลับมาวางมือข้างหนึ่งลงกับหมอน อีกข้างแนบไว้ที่แก้มอุ่นๆของเธอ หนุนหมอนมองกันด้วยระยะประชิดจนลมหายใจร้อนผ่าวรดรินใส่ผิวหน้า เธอไม่รู้ว่าดวงตาสั่นระริกของสไปรท์หมายความว่าอะไรและถูกปัดความคิดทิ้ง หมดเมื่อเรียวหน้าสวยผงกเข้าดูดดึงริมฝีปากให้ต้องขยับตอบรับ ขวัญลูบตามร่างยั่วยวนค่อยดึงเดรสน่าเกะกะให้มันร่นเผยความขาวจัดที่สไปรท์ ยิ่งหายใจสะดุดแต่กลับขยับขาช่วยถีบเดรสให้มันหลุดออกจากตัว
อืม....
โนบรา? ขวัญหลุบตาลงมองร่ายกายน่าขย้ำก่อนจะถูกเจ้าตัวดึงความสนใจด้วยรสจูบดูดดื่ม ขวัญนวดคลึงหัวไหล่เนียนรับที่สไปรท์ขยับแกะกระดุมเสื้อนิสิตเธออย่างรีบ ร้อนจนเธอหลุดขำนิดๆ “ใจเย็นสิ รีบไปไหนเนี่ย” ผละเพียงนิดกระซิบแหย่เล่น ปล่อยให้สไปรท์สอดแขนผ่านสาปเสื้อไร้ที่เหนี่ยวเข้ากอดลำตัว ลูบไล้ตามแผ่นหลังให้อารมณ์รักยิ่งโหมกระพือ
ครืด ครืด...
หืม? กำลัง จะหันไปตามเสียงแต่กลับถูกสองมือรั้งหน้าไว้ให้หันไปรับจูบอีก ถูกดูดความสนใจจากเครื่องมือสื่อสารไปได้ซะหมด ขยับตามแรงรั้งให้คร่อมร่างบางลดใบหน้าขบคลึงที่เนื้ออ่อนใต้เรียวคางที่ สไปรท์เชิดหน้าเปิดทางให้อย่างเต็มใจ กำลังเล้าโลมอย่างใจเย็นแต่กลับถูกมือของคนใจร้อนดึงมือให้แตะที่ต้นขา เหมือนเร่งกระบวนการให้นึกขำในใจ
ครืด ครืด ครืด.....
“ห้ามหยุดนะ”
เสียงกระซิบ ขู่ลอดไรฟันที่เธอต้องปัดความสนใจจากเครื่องมือสื่อสารทิ้ง ลูบท้องน้อยสไปรท์จนหดเกร็งตามจังหวะรับการสอดขยุ้มเรือนผมจากร่างเบื้องใต้ ขวัญก้มหน้าก้มตาละเลียดผิวร้อนผ่าวที่อกแต่ตาไม่รักดีดันเฉมองมือถือที่ ขยันสั่นครืดคราดจนรำคาญหู เธอขมวดคิ้วนิดๆเมื่อมันยังคงสั่นไม่หยุดประสานกับเสียงครางในลำคอสไปรท์ให้ เร่งตัดสินใจเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะบนหัวเตียง ตีหนึ่ง?
ฟุ่บ
อือ....
เปลือกตาสวยปรือขึ้นเมื่อสัมผัสสวาทมันวูบหายหมด ลืมเปลือกตาหนักๆหรี่มองร่างที่ดันหุนหันไปคว้าไอ่มือถือสัปรังเคจนได้
“ห๊ะ! เลื่อนวันควิส!เออๆ ขอบใจมาก”
สไปรท์ ขยี้หัวอย่างหงุดหงิด พลิกตัวกระแทกกระทั้นดึงผ้าห่มขึ้นคลุมถึงอก ไม่สนเสียงโวยวายของคนที่ดูท่าจะเลิกสนใจในตัวเธอหมดไปแล้วแน่หล่ะ ถึงได้ลุกจากเตียงไปนั่งแปะก้นที่โต๊ะเขียนหนังสืองั่งๆนั่นแทน สไปรท์เอียงหน้ามองคนที่รีบร้อนกางหนังสือพึ่บพั่บจนลืมแม้กระทั่งจะติดกระดุมให้เรียบร้อย จึงถอนหายใจยาวหันกลับมาฟุ่บก้มแนบกับหมอนใบโตเช่นเดิม เอาเท้าเขี่ยกระเป๋าถือที่ปลายเตียงมาหยิบมือถือก่อนจะปล่อยกระเป๋าร่วงใส่ พื้น มือพิมพ์ยุกยิกใส่แอปเขียวถูกทุกตัวอักษรสภาพมีสติสุด
Sprite: ไม่เห็นได้ผลเลยอิต๊อด!
**
“แหมะ ตาแพนด้าซะ กี่รอบหล่ะครับเมื่อคืน”
“ครึ่งรอบยังไม่ถึงเลยค่ะ”
ตอบห้วนสุดฤทธิ์ ทิ้งตัวนั่งตรงข้ามนังเก้ง คว้าแก้วน้ำของเพื่อนสาวข้างๆมาดูดให้นางโวยวายถลึงตาใส่กัน ตาสอดส่ายมองบรรยากาศใต้คณะเศรษฐศาสตร์ เออก็คณะที่เธอสังกัดนี่แหละ บ้างก็นั่งดีดกีตาร์แหกปากร้องเพลง ถ้าพวกผู้หญิงก็จับกลุ่มเม้ามอยเหมือนเธอตอนนี้ไง สอดส่ายสายตามองบรรยากาศชิวๆใต้คณะไม่ทันไรเพื่อนชะนีนางก็แซะไหล่
“จริงหรอยะ แหม่...แต่เมื่อคืนแม่มึงนี่ของขึ้นใช้ได้นะ กลับห้องแล้วนางไม่มีอารมณ์อยากซั่มสั่งสอนแกบ้างจริงดิ”
สไปรท์กรอกตาใส่ท่าทางอยากรู้อยากเห็นของเพื่อน
“ก็แค่เกือบ”
โวะ สะกิดไรอยู่ได้! ไม่ใช่แขนสาธารณะนะเว้ย
นัง เปิ้ล เออมันชื่อแอปเปิ้ล สาวหมวยผมซอยสั้นทำสีน้ำตาลส้มซะเปรี้ยวจี๊ด
นั่นแหละมันทำหรี่ตาแตะๆคางเหมือนกำลังคิดวิเคราะห์พฤติกรรมแฟนเธอ
“ขวัญเซ็กส์เสื่อมปะวะ รึอะไรๆของแกมันไม่เร้าอารมณ์
เห้ย! ขวัญอาจจะเปลี่ยนมาชอบกล้ามปูมากกว่าแอร์แบคจุ่มจิ๋มของแกก็ได้นะเว้ย!!”
สไปรท์ดันหน้าเรียวๆของมันให้พ้น รำคาญท่าถลึงตาของมันจริงๆ กระแทกเสียงใส่หน้ามัน
“ไม่มีทาง!”
“เอ๋าใครจะรู้ ตอนม.ปลายเพศชายมันยังไม่โตเต็มวัย อาจจะมาติดใจกล้ามโตมหาลัยวัยเจริญพันธุ์ก็ได้”
“ถ้าแกยุให้แตกหักอีกครั้งนะ เงินที่ยืมไปกูคิดดอกเบี้ยนะคะ”
ขู่ไปซะเปิ้ลหุบปากมากๆของมันทันที บ่นหงุบหงิบว่าเธองก งกบ้าอะไร ไม่ งั้นจิกหัวทวงไปตั้งนานแล้วเหอะไม่ปล่อยให้ลูกหนี้มันลอยหน้าลอยตาค้างมาเป็นอาทิตย์แบบนี้หรอก สไปรท์เหลือบมองหน้าสวยๆของเปิ้ลที่มุ่งมั่นในการดูดน้ำปั่น เออมันก็น่ารักดีหรอกนะถ้าไม่ติดว่าพูดมากไปซะหน่อย แบบนี้ไงถึงหาผู้ชายไม่ได้ซักที นั่งเท้าคางมองเพื่อนชายมันตีปิงปองฆ่าเวลาแล้วต้องเฉตามาสนใจเพื่อนเก้ง เออชื่อต๊อด เมื่อหนุ่มหน้าใสสไตล์เกาหลี(แต่ชะนีอดแดกนะคะ)เปิดปากเหมือนจะพูดอะไร
“เอาจริงๆนะ พวกสายเนิ้ดแบบแพทย์ ทันตฯไรก็เรียนหนักอยู่แล้วปะ
ทำตัวเรียกร้องความสนใจแบบนี้ระวังขวัญจะรำคาญให้นะครับ”
“แล้วจะให้ไม่ทำอะไรเลย นอนเฉาอยู่ในห้องเปลี่ยวๆคนเดียวทุกวันงั้นดิ
มีเรียนก็ไม่กี่ตัว ว่างก็เยอะเกิ๊น ว่างมากๆกูฟุ้งซ่านมึงเข้าใจปะ ทุกวันนี้อย่างกับอยู่คนเดียว น่าเบื่อ”
“มึงก็มาเที่ยวกับกูนี่ไงคะ ยัยลำยอง”
เออะ ฉายานี้ใครตั้ง ปัดเหนี่ยว! สไปรท์ถลึงตาใส่เปิ้ลรับประโยคสุดท้ายที่มันพ่นแทรก
“ลำยองไร เมื่อวานกูแกล้งเมาค่ะ เหนื่อยโคตร”
เปิ้ลมันยังยักไหล่ทำเบะปากพึมพำว่าแอคติ้งเนียนเนอะ
เนียนสิ เมื่อคืนมันก็แค่กรึ่มๆเหอะไม่งั้นจะมีสติยั่วขวัญได้ไงหล่ะจริงปะ
สาว ไปรท์ละความสนใจจากเพื่อนสาวกับหนึ่งเก้งเมื่อไอ่คู่รักประจำคณะมันเดินผ่าน
ให้นึกหมั่นไส้ท่าทางสวีทลืมโลกเหมือนช่วงรักโปรโมชั่นให้นึกเฉากับคู่ตัว เอง แล้วเสียงต๊อดมันก็ดึงจากภวังค์
“เข้าใจแฟนแกบ้างสิครับ เลยช่วงโปรโมชั่นมามันก็งี้ แล้วนี่คู่แกกี่ปีแล้ว
คู่รักสามัญชนคนธรรมดามันยังจืดตามเวลาแล้วยิ่งมีหมอเป็นทูนหัว ทำหน้าที่ผัวได้อาทิตย์หล่ะครั้งก็บุญโขแล้วครับ”
ผัวรึ หรือเมียวะ เออช่างมันเถอะ
สไปรท์ เหล่มองคุณต๊อดที่ควักมือถือมาหมายจะสไกป์หาสามีมัน ถอนหายใจยาวซะเปิ้ลแซวว่าตีนตาโผล่แต่เธอก็ไม่ได้ตอบโต้เหมือนทุกที นิ้วเกลี่ยหยดน้ำที่ซึมจากแก้วน้ำเล่น เหม่อมองมันอย่างกับจะใช้เป็นตัวแทนในการรับฟัง
“แต่ความใส่ใจกันก็ไม่เห็นจำเป็นต้องลดลงตามจำนวนปีที่คบกันปะวะ”
พึมพำเสียงแผ่วที่ทำเอาเปิ้ลกับต๊อดหน้าเจื่อนหมดคำปลอบมันทันที
“ถ้าคบกันแล้วมีเวลาไม่พอที่จะเอาใจใส่กันแบบนี้ จะเป็นแฟนกันไปทำไม”
.
.
.
“อือ อยู่กับต๊อด เปิ้ลก็อยู่
รู้แล้วน่า วันนี้ไม่ได้เที่ยวซะหน่อย คอนโดต๊อดมันมีเหล้าซะที่ไหน”
ถ้าเบียร์ก็ว่าไปอย่าง
สไปรท์เอียงคอหนีบมือถือไว้ทั้งมือง่วนกับการยัดข้าวกล่องใส่ไมโครเวฟ
ปรับจำนวนนาทีที่ต้องการแล้วยืนพิงเคาเตอร์ครัวจับมือถือแนบหูแทนที่ต้องทำท่าให้มันเมื่อยคอ
‘แล้วจะกลับกี่โมง’
“ไม่รู้เหมือนกัน ก็อยู่เรื่อยๆแหละ เธอเหอะจะกลับห้องปะเนี่ย”
‘น่าจะนะ ถ้าไม่ติดอะไร’
สไปรท์พยักหน้ารับถึงจะรู้ว่าปลายสายคงไม่เห็นหรอก
“โอเคๆ อย่าดึกมากแล้วกัน อืม..บาย”
ติ๊ด
สไปรท์ โยนมือถือใส่กระเป๋าถือส่งแล้ววางกองที่โต๊ะกินข้าว ได้ยินเสียงตี๊ดของเครื่องไมโครเวฟจึงเปิดเอาข้าวกล่องหอมฉุยควบช้อนส้อมถือไปโซฟาที่เปิ้ลมันนอนครองอยู่ เลยทิ้งก้นทับขามันให้หดหนีแทบไม่ทัน ตาก็ดูละครหลังข่าวมือก็ตักข้าวร้อนๆเข้าปากเคี้ยวหงุบหงับทำเป็นไม่สนเมื่อเปิ้ลมันร้องหิวๆขอส่วนบุญ สไปรท์ถกกระโปรงพีชขึ้นเพื่อจะได้นั่งขัดสมาธิได้สะดวก หูได้ยินเสียงต๊อดกำลังสวีทกับสามีมันผ่านสไกป์ให้นึกหมั่นไส้เล่น
“ไปรท์ๆ ยืมกล้องมึงหน่อยดิ แฟนกูต้องใช้เรียนอะ เอาไปค่ายสองวัน”
ต๊อดมันเสนอหน้าจากห้องนอนพร้อมรีเควสมาแบบนั้น เธอก็พยักหน้าไป
“เลนส์แบบไหน?”
ตักข้าวผัดกระเพราคำโตเข้าปากมองต๊อดมันถามคุณแฟนแล้วเลิกคิ้วหนาๆนั่นขึ้น
“ไม่รู้หว่ะ เอาแบบถ่ายวิวอะ มึงมีปะ”
“เออได้ๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอามาให้ที่ม.แล้วกัน”
ต่อรองเสร็จก็กลับมาสนใจจอทีวีอีกครั้งแล้วต้องเลิกคิ้วขึ้นใส่โฆษณาโปรโมตอุปกรณ์ป้องกันการมีลูก
สไปรท์หรี่ตาลงในหัวก็คิดอะไร ก่อนจะโยนข้าวกล่องลงถังขยะเฉี่ยวหัวเปิ้ลไปนิดเดียวซะเจ้าตัวโวยวายแต่เธอก็ไม่ได้สนใจตะโกนเรียกต๊อด
“ต๊อด!! มึงมีถุงยางปะ”
ห๊ะ! มันเสนอหน้าออกมาทำตาโตใส่
กระซิบกระซาบสไกป์วางหูหวานใจก่อนจะมายืนกอดอกพิงขอบประตู
“ไอ่มีหน่ะก็มี แต่จะเอาไปทำไมครับ จะนอกใจประชดขวัญรึไง”
พูดเหมือนรู้ทันที่สไปรท์กรอกตาใส่ ไม่สนประโยคที่เหมือนจะว่ากัน
“เออ ประชดแต่ไม่นอกใจ ขอซองนึงดิ ยืมก็ได้”
ขอไปที่ต๊อดมันดันส่ายหน้า
“มีอะไรก็พูดกันดีๆสิครับ ทำแบบนี้เลิกกันได้เลยนะเว้ย”
“แค่พูดมันไม่ได้ผลหรอก จะเอามาให้ดีๆหรือจะให้กูไปซื้อเองแล้วแฟนมึงชวดกล้อง เลือกเองนะ”
นังต๊อดมันจิ๊ปาก บ่นหงุบหงิบประมาณว่าเบื่อชะนี แต่ก็ล้วงกางเกงหยิบกระเป๋าตังมาดึงถุงสีเงินสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบนๆนั่นมายื่นส่งให้เธอ
สไปรท์คว้ามาทั้งยิ้มกริ่ม เดินไปเปิดกระเป๋าถือหย่อนของดีใส่เก็บไว้เผื่อจะได้ทำอะไรกระตุ้นอีกคน
**
เอาหล่ะ รู้ว่ากำลังทำตัวไม่น่ารักเอาซะเลย
หมายถึง มันค่อนไปทางแย่นิดหน่อยกับพฤติกรรมใช้ต่อมหึงขวัญให้เป็นประโยชน์
สไปรท์หย่อนมือถือใส่กระเป๋าคู่กับของดี วางไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือที่ยัยหมอฟันใช้ประจำ วันนี้ขวัญบอกกลับเร็ว ก็ไม่รู้ว่าเชื่อได้แค่ไหนนี่ก็ปาไปสามทุ่มแล้วเหอะ เอาเป็นว่าตอนนี้เธออยู่ในชุดพร้อมนอนเสื้อกล้ามกางเกงวอมขาสั้นจุ๊ดแบบเดิม นั่นแหละ ใส่แบบนี้สบายจะตาย
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูทำเอาสไปรท์รีบเด้งตัวนอนพลิกหันหลังให้ประตูดึงผ้าหุ่มคลุมถึงคอแอ๊บหลับสุดความสามารถ
“หืม...นอนเร็วจัง”
ตัวเริ่มเกร็งเมื่อขวัญทิ้งตัวนั่งข้างกัน ไม่รู้ว่าสีหน้าขวัญเป็นยังไงแต่แรงยุบที่หายไปทำให้เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำถึงหรี่ตาขึ้น แอบหันไปด้านหลังเห็นขวัญในชุดนิสิตเต็มยศล้างหน้าลบเครื่องสำอางอยู่ที่อ่างล้างมือ จึงหันกลับหยิบโนเกียรุ่นโบราณมาอยู่ในระดับสายตา ก็ของต๊อดมันนั่นแหละ มันซื้อมาไว้ใช้ตอนที่ไอโฟนมันเจ๊งเลยยืมมาก่อน กดยุกยิกอะไรซักพักเสียงริงโทนมันก็ลั่นจากกระเป๋าถือ สไปรท์หลับตา รอฟังเสียงการเคลื่อนไหวที่ถึงดังจนสายตัดไปแล้วยังไม่รู้ถึงสิ่งที่คาดการณ์ไว้อยู่ดี จึงทำเป็นพลิกตัวทั้งยังหลับตาให้ดูเหมือนนอนเปลี่ยนท่า แล้วหรี่ตาขึ้นนิดให้เห็นขวัญที่ยืนอยู่ใกล้โต๊ะเขียนหนังสือทั้งยังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กซับน้ำตามใบหน้าก่อนจะวางพาดไหล่ กดเปิดโคมไฟก่อนจะเดินไปปิดไฟห้องแล้วกลับมาประจำตำแหน่งเสพความรู้ เห็นนางเลื่อนเก้าอี้ออกทำท่าจะนั่งจึงกดโทรออกอีกครั้งให้ขวัญชะงักหันมองกระเป๋าเธอ
หยิบสิ! นั่นแหละดีมาก
สไปรท์ยิ้มมุมปากแล้วหุบแทบไม่ทันเมื่อขวัญเปิดกระเป๋าแล้วหันมาทางเธอจึงรีบแกล้งตายหลับตาเพริ้ม
มือกดตัดสายทันทีที่บรรลุเป้าหมาย ก็... คงต้องเห็นอะไรบ้างหล่ะวางซะเด่นขนาดนั้น เธอได้ยินเสียงกุกกัก ตามด้วยเสียงพลิกกระดาษได้ปกติซะน่าฉงนจึงลืมตาอีกนิดให้เห็นเรียวหน้าด้านข้างของคนเดิมที่ดันสนใจเทกส์เล่มหนามากกว่าของที่ควรจะตกใจ สไปรท์ขมวดคิ้วเพ่งมองกระเป๋าตน หรือขวัญจะไม่เห็น เห้ย แต่วางถุงยางไว้บนสุดเลยนะ
“เราทำเธอตื่นหรอ”
เฮือก!!
ร่างบางสะดุ้งสุดตัวเมื่อขวัญจ้องเธอซะเต็มตา
สีหน้าห่วงใยในแสงสลัวของโคมไฟมันทำให้เธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“เอ่อ.... เปล่า เราตื่นเองแหละ”
“ไฟแยงตารึเปล่า”
สไปรท์ ส่ายหน้า “เปล่า” ตอบไปที่ขวัญยิ้มอ่อนๆส่งมา ก่อนจะหยิบกล่องพลาสติกใสขนาดพกพา เหมือนจะเป็นกล่องประจำตัวของนักศึกษาทันตฯหล่ะมั้ง ก็เคยเห็นพวกฟันจำลองกับเครื่องมือแพทย์ในนั้น ขวัญเปิดกล่องหยิบเอาพวกฟันจำลองมาวางคู่กับเทกส์บุ๊ค ดูท่าจะท่องจำส่วนต่างๆอยู่นั่นแหละ
เป็นหมอคงต้องใช้ความจำเยอะน่าดู
ขวัญเป็นคนหัวดี ชื่อประหลาดๆของเส้นประสาทไม่ก็กล้ามเนื้อนั่นถึงจำได้หมด
แต่น่าตลกดีนะ วันสำคัญของเรากลับลืมมันไปได้น่าตาเฉย ก็....คงต้องใช้สมองส่วนความจำไปกับไอ่พวกนั้นหมดเลยหล่ะมั้ง
“เรียนเป็นไงมั่ง เหนื่อยรึเปล่า”
“มากกกก จารจับผิดเก่งชะมัดเรากรอฟันผิดไปนิดเดียวโดนกลับมาแก้ใหม่หมด ไม่รู้จะโหดอะไรนักหนา”
นางบ่นทั้งหน้ามุ่ยใส่หนังสือเล่มหนา เธอหัวเราะในลำคอ คงหมายถึงกรอไอ่ฟันปลอมนั่นหล่ะมั้ง
สไปรท์แนบหน้าลงกับหมอนใบนุ่ม มองการเคลื่อนไหวของขวัญที่ยังตรึงสายตาเธอได้เสมอ
“แล้ว..... ควิสเมื่อสองวันก่อน เป็นไงบ้าง”
ขวัญเลิกคิ้วนิดทำหน้าคิดอะไรก็หันมายิ้มอ่อนๆให้เธอ
“ก็พอได้อยู่”
ตอบแค่นั้นแล้วหันกลับไปพลิกหน้ากระดาษ ถือชุดฟันจำลองนั่นเทียบกับรูปในหนังสือ
“แล้วไปรท์หล่ะ เทอมนี้ยากไหม”
“นิดหน่อย แต่ก็พอไหว”
น่าตลกดีที่บทสนทนาก่อนนอนเรากลายเป็นแบบนี้ซะแล้ว อย่างกับแม่ถามลูกตามหน้าที่อย่างไงอย่างนั้น
สไปรท์หลับตาลง พลิกตัวหันอีกทางผ่อนจังหวะการหายใจลงเพื่อดึงตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราให้พ้นไปอีกวัน
ฟรี้.....
กึก
ฟันจำลองถูกวางลงกับหน้ากระดาษเมื่อผู้ศึกษาเลือกที่จะหยุดความสนใจจากมัน
จับพนักเก้าอี้ ดันตัวลุกขึ้นไปยืนข้างเตียง โน้มมองใบหน้าของร่างที่กำลังหลับใหลท่าจะสบายตัว
จริงๆซักที
หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะยกมือชื้นเหงื่อขึ้นคลายแรงกำสิ่งที่ทำเอาความกลัวมันกอบกุมก้อนเนื้อในอก มองห่อพลาสติกสีเงินยับยู่ยี่สลับกับคนที่หลับเพริ้ม หลุบตามองโทรศัพท์รุ่นโบราณที่อีกฝ่ายกุมไว้ จึงดึงผ้าห่มร่นกองอยู่ที่เอวคลุมให้ปิดแขนเปลือยที่โผล่จากเสื้อกล้ามตัวบาง ก่อนจะเสตาหลบละความสนใจไว้บนใบหน้าเรียวสวยแทน
ยิ่งอายุเพิ่มขึ้น สไปรท์ยิ่งสวยจนเธอ...หวงจนแทบบ้าอยู่แล้ว
ขวัญเกลี่ยปอยผมที่ระผิวแก้มอุ่นออกให้ วางมือแนบกับศีรษะได้รูปพลางเกลี่ยผมลื่นมือแผ่วเบาราวกับจะกล่อมให้ฝันดี ภาพสไปรท์ขดตัวด้วยความหนาวอย่างกับลูกแมวมันน่ารักเหมือนเดิมแต่ครั้งนี้ ไม่รู้ทำไม การยกยิ้มมันถึงทำได้ยากขึ้นราวกับโดนบางสิ่งมันถ่วงจนหน่วงเกินกว่าจะยกมุมปาก
ขวัญทิ้งตัวนั่งลงเตียง มองแผ่นหลังบางผ่านความมืดสลัวด้วยแววตาที่หมองลง
แต่ดูท่า.....สไปรท์คงจะไม่รู้ตัวหรอก
**
“มึงท้อง!!”
พรวด! แค่ก!!!
“ ’ท้อ’ ค่ะ กูท้อ ไม่ใช่ท้อง ไอ่เกย์หูตึง!”
มือบางควานทิชชู่ในกระเป๋ามาเช็ดปากเช็ดคางหลังจากพ่นชานมไข่มุกซะเลอะไปถึงคอเลอะเสื้อนักศึกษา
เธอนั่งลงที่นั่งหน้าห้องน้ำในดิจจิตอลเกทเวย์แห่งสยามที่นังต๊อดเกย์เคะมันก็เบะปากใส่ยืนกอดอกค้ำหัวกันอยู่แบบนั้น
ก็ ไม่ได้กะมาสนทนาหน้าสุขาแบบนี้หรอกนะ แต่แฟนมันดันปวดหนักให้เดือดร้อนนั่งรอแทนที่จะไปแกร่วร้านเกะกันซักที นานๆที่นังเปิ้ลมันจะป่วยนอนตายอยู่บ้านไม่มีคนแย่งไมท์ แล้วต้องมาเสียเวลารอหวานใจมันอีก เห้อ.... อยากแหกปากจะแย่แล้ว
ยืนนานต๊อดชักเมื่อยถึงนั่งลงข้างสไปรท์ ยกขาขึ้นไขว่ ถองศอกสะกิดคนข้างตัวซะสไปรท์เกือบสำลักไข่มุก
“ท้ออะไร คอนดอมไม่ได้ผลรึ”
“เออ”
ตอบห้วนๆพลางเอาหลอดเขี่ยนไข่มุกที่อยู่ซะก้นแก้วด้วยแรงสูบมันดูดไม่ขึ้น
“ไม่ซักนิด?”
“ไม่ซัก ไม่เหวี่ยง เมื่อเช้าซื้อโจ๊กมาให้ด้วย นี่ขวัญไม่หึงกูบ้างหรอวะ อย่างน้อยก็น่าจะถามหน่อยดิว่าไอ่ถุง!!”
เอิ่บ คนเยอะอยู่นะ สไปรท์กระแอมเมื่อเสียงมันดังไปซักหน่อย
“นั่นแหละ คือก็น่าจะถามปะว่าเอามาจากไหน จะใช้กับใคร อะไรเทือกนั้น”
ต๊อดลูบคางมองเพื่อนสาวที่ดูหัวฟัดหัวเหวี่ยงเคืองในการตอบสนองขัดกับการคาดการณ์ที่เจ้าตัวคงหงุดหงิดน่าดู
มองสไปรท์เขย่าๆไอ่แก้วชานมไข่มุกหมายจะเอาหลอดทิ่มแป้งหนึบหนับเพราะไร้น้ำจะดูดขึ้น นางจิ๊ปากเมื่อมันยากเกินความสามารถกระแทกแก้ววางไว้ข้างตัว
“มึงไม่คิดบ้างหรอวะ ว่านางอาจจะไม่เห็นจริงๆก็ได้ หรือไม่ก็...”
หรี่ตากดเสียงซะเบาเกินความจำเป็น
“รู้เห็น แต่ไม่พูด
อันหลังน่ากลัวนะกูว่า”
สไปรท์ยักไหล่รวบกระโปรงพีชหย่อนไว้หว่างขาเพื่อไขว่ห้างได้สะดวก
“ไม่หรอก ถุงยังอยู่ในกระเป๋ากูเลย อะ เอาคืนไป”
เกย์ต๊อดร้องเห่ยๆรับถุงของดีแทบไม่ทันเมื่อเพื่อนสาวไร้ยางอายมันหยิบส่งให้ซะดื้อๆ รีบยัดใส่กระเป๋ากางเกง ดีนะคนอื่นมันไม่ได้สนใจ เข็มก็ติดหราบนเสื้อกลัวไม่สร้างความเสื่อมให้มหาลัยหรอวะครับ! นี่ถ้าไม่ติดว่าไปรท์มันขอให้มาเป็นเพื่อนหาหวานใจมหาลัยเจ้าถิ่นสยามเขาไม่มาหรอก โคตรไกลจากบ้านเกิด
“คบกันมากี่ปีแล้วยังจะทำตัวแง๊งแง๊งเป็นเด็กม.ปลายเรียกร้องความสนใจอยู่ได้
ถ้าขวัญเบื่อชะนีคิดหาสามีแท้ขึ้นมากูจะขำให้นะครับ”
พูดไปที่สไปรท์มันหันควั่บจิกตาใส่ทันที
“แค่จะเบื่อกันยังไม่มีเวลาเลยมั้ง แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปหาผู้......”
เสียงมันวืดหายไปตามสายตาที่มองผ่านหน้าต๊อดไปด้านหลังให้เพื่อนเกย์ทำหน้างงหันมองตามถึงเจอกับบุคคลในบทสนทนาดูท่าจะมีธุระกับ
“ชาย”
ต๊อดกลืนน้ำลายดังเอื้อกเมื่อเริ่มรู้สึกถึงรังศีอัมหิตกระแทกใส่หัว ไม่ได้ส่งให้เขาหรอก คงเป็นทางผ่านไปหาใครตรงนู้นที่ดันยิ้มคุยคิกคักอยู่ร้านกล้องกับนิสิตหนุ่ม หน้าตาน่ากินระดับหมอโอ๊ควัยเยาว์ โอเค.... แล้วก็ละสายตาจากภาพชวนสวีทมาที่เพื่อนสาว สไปรท์กำลังเม้มปากหน้านี่โกรธจัดลุกพรวดซะเขาคว้าแขนมันอย่างรวดเร็ว
“เห้ย! มึงอย่าเพิ่งหึงมั่วซั่ว เพื่อนปะวะดูดีๆครับดูดีๆ”
เอาหล่ะ เขาอยากตบปากตัวเองซักสิบแปดรอบ อุส่าห์พูดช่วยแต่เหมือนการที่ขวัญยืนยิ้มให้เจ้านั่นแช๊ะภาพเหมือนจะลองกล้องทำเอาสไปรท์ยิ่งหายใจแรงราวกับกดอารมณ์หึงหวงไม่อยู่ พูดเสียงแผ่วเหมือนจะสนทนากับเขาแต่สายตาอัมหิตจ้องภาพตรงหน้าไม่ยอมละ
“วันนี้กูบอกขวัญว่าจะมาหาที่ม.แต่ขวัญบอกว่าไรรู้ปะ”
สไปรท์เค้นยิ้มที่ราวกับเยาะเย้ยตัวเองกรอกตาใส่ภาพขัดหูขัดตา ขวัญดูมีความสุขดีเนอะ
“ ’มีเข้าแลปบ่าย เราคงไม่ว่างมาเจอไปรท์หรอก’ เหอะ
โกหก“
กดเสียงต่ำตามระดับความเสียใจของเจ้าตัวก่อนจะหุนหันเดินไปอีกทางทิ้งให้ต๊อดทำหน้าเหวอ ยิ้มแหยๆเมื่อคนรักเพศเหมือนออกมาจากห้องปลดทุกข์ทำหน้างงใส่ว่าเพื่อนสาวหายไปไหน ต๊อดเกาคอแกรกๆมองแฟนเพื่อนที่ยังเลือกกล้องได้ไม่รู้ร้อนหนาวว่างานคงจะเข้าในไม่ช้า ส่ายหัวส่งยิ้มให้คนรักสุดหล่อ
“เกะกันนะครับ สองคนนี่แหละ เงียบดี”
**
ตอนเย็นทำตัวให้ว่างแล้วมาดินเนอร์ด้วย
อันนี้คือไม่ได้ถามใช่ไหม
เออ เราสั่ง มาเร็วๆด้วยหล่ะ เดี๋ยวส่งที่อยู่ร้านให้ในไลน์
โอเค เผด็จการจังเลยเธอนี่
เพราะประโยคสั้นๆทางโทรศัพท์เป็นสาเหตุที่เธอยืนอยู่หน้าร้านอาหารในโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาแบบนี้ไง
“ของขวัญค่ะ”
บอกชื่อหวานใจที่ใช้โทรจองโต๊ะแล้วพนักงานก็ก้มหน้าก้มตาหารายชื่อซักพักก็ยิ้มกว้างพายมือเชิญให้เข้าด้านใน บริการดีสมกับราคาหูขาดแหว่ง แหม่ นานๆทีอะนะ สไปรท์เดินนวยนาดพาร่างในชุดเดรสยาวเท่าเข่าไปนั่งตามที่บริกรนำ ยิ้มหวานเป็นเชิงขอบคุณเมื่อเขาเลื่อนเก้าอี้ให้และรับเมนูมากวาดตาอ่านคร่าวๆ หูก็ฟังหนุ่มบริกรสุดเลิ้ดร่ายเมนูน่าหม่ำ เธอเหลือบดูนาฬิกาข้อมือเล็กน้อย อืม.... ห้าโมงสี่สิบห้า สั่งก่อนเลยดีกว่ามั้ง
“ล็อบเตอร์อบชีสร่วมกับหอยนิวซีแลนด์เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านเลยหล่ะครับ และ” “เอาสปาเกตตี้คาโบนาร่ากับเพสโตซอสพาสตา อ๊อแล้วสลัดผักล็อคเกทด้วยนะคะ อืม....ไวน์ขวดนึง แค่นั้นแหละค่ะ”
สั่งรัวซะบริกรเงิบก้มหน้าจดยุกยิกที่ร่ายมามันก็น่ากินหน่ะนะ แต่สั่งแบบที่ขวัญชอบดีกว่า เห็นไม่ทานตั้งนานแล้ว สไปรท์ยิ้มให้เมื่อพนักงานก้มหัวเป็นเชิงขอตัว เธอสูดหายใจเอาอากาศเย็นๆยามหัวค่ำเข้าปอด กวาดตามองภาพแม่น้ำสบายตา เลือกร้านเก่งจริงๆเลยสไปรท์
ว่าแล้วก็ควักกระจกพกพามาส่องผมเผ้ากดต่ำอีกนิดมองเดรสตัวใหม่เอี่ยมที่ถอยมากะให้ขวัญถอด นังไปรท์ลามก! ก่นด่าตัวเองแต่หัวเราะคิกคัก ขยับจัดชุดตามอารมณ์หลุบตามองของดีที่ยัดมานิดหน่อย แหม่ถึงขวัญจะรู้ขนาดจริงก็เถอะ เราไม่ได้คบกันที่ขนาดแอแบคนี่ ก็เอาแค่ให้มีพอใส่เดรสให้มันงามก็แค่นั้นแหละ
สั่งไปก่อนอาหารคงมาพอดีขวัญหล่ะมั้ง สไปรท์วางกล่องขนาดเล็กที่เตรียมมาเป็นของแลกเปลี่ยนในวันสำคัญ คัพเค้กที่อุส่าห์ถ่อไปบ้านเต้ยอ้อนให้นางสอนทำเลยนะ ไม่รู้ว่าอร่อยรึเปล่า แต่ขวัญต้องชอบชัว ดวงตาคู่สวยมองนาฬิกาข้อมืออย่างสุขใจ มองเข็มสั้นยาวมันเคลื่อนตามหน้าที่ที่มันช้ากว่าปกติเพราะต้องมาเป็นฝ่ายรอ เอาเถอะ ยังไงขวัญก็เป็นคนตรงเวลายิ่งกว่านาฬิกาอยู่แล้ว
“เอ่อ ไม่ทราบว่าจะให้อบใหม่ไหมครับ”
“ ก็ดีค่ะ ขอบคุณ”
เธอพูดออกไปเมื่อบริกรหน้าเก่ามาถามไถ่ด้วยความห่วงใย อาหารมันคงชืดจนเขารู้สึกได้หล่ะมั้ง
สไปรท์หลุบตามองเข็มสั้นที่มันชี้เลขแปด พร้อมกับเข็มยาวขยับไปถึงสิบสองพอดี
เธอเป็นคนความอดทนไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ หมายถึงก็ไม่ได้ต่ำอะไรมากมาย โกรธ? เรียกว่าเสียใจมากกว่า
มือเรียวกดโทรออก ฟังเสียงรอสายทั้งสายตาดันเห็นเหล่าผู้ร่วมร้านอาหารที่มาเป็นคู่ได้อย่างน่าอิจฉา
สไปรท์หันหน้าหนีภาพบาดตา คิ้วเริ่มขมวด ขวัญอาจจะมีเหตุจำเป็นก็ได้
อะไรที่มันจำเป็นมากกว่าเธอเสมอ
ติ๊ด
“ขวัญ เธออยู่ไหน”
‘ไปรท์?
อยู่ร้านอาหารแถวม. มีอะไรหรอ’
ร้านอาหาร? สไปรท์อ้าปากค้างไม่เชื่อหู “ร้านอาหาร? อะไร นี่เธอไปกินข้าวกันใคร”
เสียงจอแจเล็ดรอดออกมาให้ได้ยิน จากบทสนาชัดเจนคงไปกันไม่น้อยเลยหล่ะมั้ง
‘อาจารย์ที่ปรึกษานัดนิสิตมากินข้าวเย็นหน่ะ เออ แล้วนี่เธอกินไรยัง ’
ยังกล้าถามอีกนะ สไปรท์กุมหน้าผากเท้าศอกลงกับโต๊ะ ดวงตาหลุกหลิกด้วยโดนคำพูดของขวัญทำร้าย
“กินแล้ว”
เธอโกหก และน่าตลกดีที่ขวัญกลับเชื่อสนิทใจ ขวัญลืม ลืมสนิทเลยด้วย ลืมแบบที่ว่าปล่อยให้เธอนั่งรอเป็นชั่วโมงได้หน้าตาเฉย
เหมือนขวัญจะพูดอะไรที่เป็นการถามไถ่เหมือนทุกครั้งที่เราคุยกัน เรียนเป็นไง งานเยอะรึเปล่า คำถามน่าเบื่อที่เธอนึกเกลียดมันขึ้นทันตา
“กินให้อร่อยแล้วกัน เราง่วงแล้ว นอนก่อนนะ ”
‘อืม ฝันดีนะ’
เธอครางรับในลำคอและกดตัดสายไม่ยื้อเล่นตัวเหมือนทุกที สไปรท์กำมือถือแน่น
และอาหารจานเดิมก็เสิร์ฟใหม่กลิ่นหอมฉุยของมันแตะจมูกอีกครั้งที่กลับตีความสะอิดสะเอียนขึ้นมาแทนเสียได้
“เชคบิลเลยนะคะ”
“ห๊ะ เอ่อ? จะเปลี่ยนเป็นรับกลับบ้านหรอครับ”
“เปล่าค่ะ เชคบิลเลย”
หนุ่ม บริกรทำหน้างงแตกที่เธอก็ปล่อยไปแบบนั้น เขาพยักหน้าและรีบไปจัดการตามที่สาวอารมณ์เปลี่ยนต้องการ เธอวางแบงค์ไว้บนโต๊ะ มันเกิน และเธอก็ไม่มีอารมณ์มารอเงินทอน สไปรท์ลุกจากโต๊ะทิ้งให้อาหารน่าทานมันชมวิวแม่น้ำแทนตัวเธอเอง เดินดุ่มๆเมื่อเห็นบริกรคนเดิมกำลังตรงมาก็ยื่นกล่องคัพเค้กด้วยสีหน้านิ่งสนิท
“ให้ค่ะ”
“อะ อ่า... ขอบคุณครับ”
ทันทีที่เขารับเธอก็เดินผ่านไปยังหน้าร้าน รอแท็กซี่ซักคันที่มันหายยากเหลือเกินในเวลานี้
อะไรมันก็ขัดใจไปซะหมด ไม่ว่าแท็กซี่ แฟนไม่ได้เรื่อง
แล้วยังน้ำตาบ้าๆที่ดันไหลต่อหน้าประชาชีอีก อายชะมัด
--
นั่นหน่ะ เหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อน
กึกๆ
“หืม?
โอเคๆ ขอบใจมาก
แล้วนี่แยกกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
มือที่วุ่นอยู่กับกรอนประตูชะงัก หลุบตามองช่องว่างใต้ประตูทั้งที่ยังเอียงคอหนีบมือถือไว้
ไม่เปิดไฟ? ไม่อยู่ห้องหรอ งงไม่ทันไรก็ต้องเลิกคิ้วกับคำตอบจากปลายสายทำเอาขวัญถอนหายใจหนักเก็บกุญแจใส่กระเป๋า ละมือถือดูเวลาที่เลขดิจจิตอลมันพอตัวเลขหน้าขึ้นสองเกือบวันใหม่ให้ต้องเลิกล้มความคิดจะเข้าห้องพัก จับมือถือแนบหูทั้งขยับกระชับถุงที่ของมันหนักเอาการ
“แล้วบอกรึเปล่าว่าไปไหน
โอเคๆ ไม่เป็นไร ขอบใจนะ”
กดวางสายก่อนจะรีบโทรเข้าเบอร์อีกคน ฟังเสียงรอสายนานเกินให้ยิ่งร้อนใจรีบรุดเดินดุ่มๆไปยังลิฟท์ทั้งยังโทรออกอีกครั้ง กดชั้นหมายย้ำเร่งให้ประตูลิฟท์ปิดเร็วๆก่อนจะยืนมองตัวเลขดิจจิตอลบอกชั้นที่มันไหลลงเรื่อยๆให้รู้สึกช้าเกินไปตามความเร่งรีบในใจ ขวัญออกมาจากตัวลิฟท์ทันทีที่ประตูโลหะเปิดออกหมายจะไปลานจอดรถเตรียมไปยังที่หมายหากปลายสายรับเธอจะได้ไปให้ทันควัน ล้วงกุญแจกดปลดล็อครถกำลังจะสาวถึงตัวรถที่กลับต้องชะงักเมื่อวีออสสีดำขับผ่านหน้าไปจอดทิ่มหัวเข้าซองอย่างสวยงามข้างรถเธอ ไม่ได้จะใส่ใจหรอกนะ ถ้าประตูข้างคนขับที่เปิดออกจะไม่ใช่
สไปรท์
ไม่ใช่แค่เธอ เหมือนสไปรท์ก็ผงะไปเหมือนกันเมื่อหันมาปะทะสายตากันพอดี ขวัญหลุบตามองสภาพการแต่งตัวที่แค่ดูก็รู้ว่าไปไหนมาให้นึกขัดใจกระโปรงที่มันสั้นแค่คืบ ยังไม่ทันจะสาวความกลับเป็นสไปรท์ที่โพล่งขึ้น ยิ้มให้เธอ
“เอ้อ นี่ตีโต้นะ ” หล่อนผายมือไปทางเอ่อ.. น่าจะรุ่นเดียวกันมั้ง แต่อารมณ์ผูกมิตรมันไม่ได้โผล่ขึ้นมาซักนิดที่มันคงออกทางสีหน้าเต็มที่ สไปรท์ถึงได้ทำหลบตาเธอหันไปยิ้มหวานให้ไอ่หนุ่มไถข้างนั่นที่เพิ่งออกมาจาก รถเดินอ้อนมาข้างสไปรท์
“ส่วนนี่ขวัญ
รูมเมท”
รูมเมท?
คำพ่วงท้ายแสดงความสัมพันธ์ทำเอาขวัญหันควับมองหน้าสไปรท์ทันควัน คำพูดโดนดีดกลืนลงคอหมดจนได้แต่อ้ำอึ้ง
ขมวดคิ้วแล้วเค้นหัวเราะเหอะๆ ใส่หน้าสไปรท์ก่อนจะชี้หน้าตัวเอง “รูมเมท? เราเนี่ยนะ”
“อ่า...”
“ไม่! คุณหุบปากไปก่อน!!”
ชายหนุ่มหุบปากฉับเมื่อรูมเมทที่ว่ากระชากเสียงใส่มองเลิ่กลั่กสลับกับสาวที่เพิ่งเจอและหวังจะสานความสัมพันธ์กับอีกหนึ่งสาวที่ถึงการแต่งตัวชุดนิสิตดู จะเป็นสาวเรียบร้อยกว่าก็เถอะ แต่หน้าตาคงไม่พร้อมรับแขกแน่หล่ะ
ขวัญหายใจลึกพยามใจเย็นกับคนที่ทำนิ่งใส่ไม่ยอมมองหน้ากัน
เผยิดหน้าใส่ตีโต้
“เป็นเพื่อนที่ม.?”
นี่เขาพูดได้แล้วใช่ไหม
“อ่า เปล่าครับ”
“งั้นรู้จักกันได้ยังไงทำไมถึงมาส่ง”
เจอคำถามรัวใส่ซะเขาเริ่มมึนกำลังจะขอความช่วยเหลือจากคนที่ยืนนิ่งข้างกัน
แต่แค่ปลายนิ้วกำลังจะแตะต้นแขนกลมกลึงนั่นกลับโดนปัดออกอย่างแรงด้วยฝีมือคนตรงหน้า ตีโต้ผละออกชูสองมือข้างตัว
“โวๆ ใจเย็นครับ ก็เห็นนั่งอยู่ที่บาร์คนเดียวเลยคุยเป็นเพื่อน แล้วเพื่อนคุณจะกลับผมเลยอาสามาส่ง
อ๊อสไปรท์บอกว่าโจ๊กใต้หอพักอร่อยดีเลยว่าจะลองแวะชิมซักหน่อย มีอะไรจะถามอีกไหมครับ”
ลงท้ายกวนๆไป ที่คนตรงหน้าไม่ได้มีอารมณ์ขำด้วย ขวัญละสายตาจากเขาไปคว้าแขนสไปรท์ซะเขาเลิกคิ้วอย่างงงๆ
ใส่ท่าทางยื้อยุดระหว่างสไปรท์กับสาวรูมเมทจนสุดท้ายสาวข้างตัวเขาก็ถลาหาขวัญตามแรงกระชากไปยืนทำหน้าตาบูดบึ้ง
ตีโต้กำลังจะพูดอะไรแต่ขวัญกับแทรกขัดก่อน
“ขอบใจที่มาส่ง และจะขอบคุณอย่างสุดซึ้งถ้าไม่มีครั้งอื่นอีก”
“เห้ มันไม่เหมือนคำขอบคุณเท่าไหร่เลยนะครับ อารมณ์ไม่ดีหรอคุณ
ถ้าคุณไม่รังเกียจไปจอยกับเราก็ได้นะ ผมหิวแล้วด้วย”
ขวัญคิ้วกระตุกทันที เรา? หมายถึงใคร สไปรท์กับมันรึไง เธอเหลือบมองสไปรท์ด้วยหางตา คิดจะยั่วโมโห?
ยินดีด้วย ตอนนี้เธอกำลังจะสติแตกอยู่แล้ว ระดับอารมณ์ออกทางสีหน้าที่สไปรท์คงรู้ดีแต่ก็เมินมองทางมืดๆของลานจอดรถแทน
ขวัญช้อนตาคมกริบกลับมาจ้องหน้าผู้ชายตรงหน้า กดเสียงต่ำ
“นี่คงไม่ได้กะมากินโจ๊กอย่างเดียวหล่ะสิ”
หนุ่มนั่นมันทำหน้าเงิบไปนิด แต่ซักพักก็ยิ้มมุมปากเพยิดหน้าใส่สไปรท์ นึกขันท่าทางหวงเพื่อนเกินเหตุ
“อันนั้นผมก็ไม่ชัว ถามเพื่อนคุณดูสิ ถ้าเธอเล่นด้วยผมก็ไม่ขัดหรอกนะครับ”
รู้ว่าบีบแขนสไปรท์แรงขึ้นจนเจ้าตัวพยายามบิดแขนออกแต่เธอก็ไม่คิดจะคลายมือ
สูดหายใจเข้าลึกกดตัวเองไม่ให้เผลอระเบิดอารมณ์ใส่คนตรงหน้าด้วยผ่ามือก่อน จะเค้นยิ้มเหยียด
“ไม่ต้องถามหรอก เพราะถึงยัยนี่จะเล่นด้วย “
เลือนรอยยิ้มกดเสียงต่ำเค้นรอดไรฟัน
“แต่ฉันไม่อนุญาต
ไปหาผู้หญิงคนอื่นที่ยัง’โสด’ดีกว่านะ”
ทิ้งคำพูดสุดท้ายก่อนจะกระชากให้สไปรท์ถลาเดินตามกลับเข้าตัวอาคาร ไม่ว่าคำพูดมันจะทำให้ชายหนุ่มอึ้งกิมกี่แค่ไหน
ไม่โสด? มีคนรัก? แฟน? โอ้วเอาเข้าไป! ชาย หนุ่มยีหัวซะผมยุ่งก่อนจะเตะล้ออย่างหัวเสียแล้วต้องกระโดดเหยงกุมเท้าเพราะมันเจ็บใช่ย่อย หายใจฟึดฟัดดึงประตูออกกระแทกตัวเข้าในรถอย่างแรงตามความหงุดหงิดเสียท่า กลายเป็นเหยื่อของคู่เลสเบี้ยนหน้าตาดี
เออ ใช่ว่ามีแต่ชายแท้หายาก นี่ผู้หญิงมันก็หันมากินกันเองแล้วเหอะ
เสียดายของชะมัด
TBC.
สองตอนจบค่ะเรื่องนี้ ลืมบอกไป
ความคิดเห็น