ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Girlfriend [สไปรท์xของขวัญ] Hormones (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #29 : Hormones' Part : 16

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.81K
      23
      6 ต.ค. 56

     


     


     

     

     

    ประสาท ไม่ต้องไม่เป็นความจริง เชื่อกันไปได้ยังไง บ้าไปแล้ว!!

     

     



     

    ฮะแฮ่ก

     

     

     

    ร่างกายมันเหนื่อยแต่เธอไมคิดจะสนใจ
    คนมองเยอะแยะแต่เธอก็ไม่หยุดที่จะก้าวเดินเร็วๆจนเกือบจะเป็นวิ่งที่มีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือ
    ...

     

     

    ห้องพักครูที่เธอคุ้นเคย

     

    ตอนเช้าแบบนี้มันใกล้ถึงเวลาที่ทุกคนต้องใจจดใจจ่อกันการรวมกลุ่มใต้ลานอเนกปรสงค์แต่ไม่มีซักคนจะสนใจทำในเมื่อมีเรื่องร้ายแรงกว่าที่ดึงความสนใจไปได้ซะหมด สมองเธอตื้อ คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าอะไรคือความจริง ภาพที่ได้เห็นมันชัดทุกความเคลื่อนไหวแต่แค่นั้นมันไม่เพียงพอจะให้ตัดสินว่าอะไรคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง    อีกแค่ไม่ไกลจะถึงที่หมายและขวัญก็ยิ่งเร่งฝีเท้าเรื่อย เดินดุ่มๆเร่งผ่านเสาหินเรียงรายที่กางเหมือนเป็นอนาเขตบ่งบอกถึงที่พักของครู เธอรีบเร่งอยากจะถามทุกสิ่งที่ต้องการรู้ และเหมือนเธอคงจะมาถูกจังหวะคนที่สามารถตอบคำถามได้ถึงเดินลงมาจากบันไดเพื่อที่จะเข้าไปห้องพักครู


     

    ครูอ้อ

     

    จากแค่ก้าวเดินเปลี่ยนเป็นวิ่ง เร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วเมื่อครูเดินตรงมาหวังจะถามแต่กลับต้องเบรคแทบไม่ทันเมื่อครูเปิดประตูเลี้ยวเข้าห้องพักครูหลบหน้ากัน ของขวัญยืนลุกลี้ลุกลนอยู่หน้าห้องพักครูอย่างร้อนใจ ทุกอย่างมันทำให้เธอมึนงงไปหมด ครูอ้อทำอะไร เรื่องจริงมันคืออะไรกันแน่ สองคนที่ตอบคำถามได้ แน่นอนคนแรกคือครูที่รีบชิ่งเข้าห้องพักราวกับอับอายเรื่องฉาวที่เกิดขึ้นจนทนมองหน้านักเรียนไม่ไหว และอีกคนที่ไม่อยากจะเฉียดใกล้แม้แต่จะใช้อากาศร่วมหายใจ

     



     

    นายชัยชนะ

     

    เราไม่ได้สนใจกัน และเขาไม่ได้ระรานเธอเหมือนทุกที
    เอาแต่ชะเง้อพยายามมองเข้าไปให้องพักครูหมือนช่เธอเพราะคงมีเรื่องที่ร้ายแรงยิ่งกว่า

     


     

    แกร๊ก

     

    ประตูกระจกทึบตรงหน้าเปิดออกพร้อมด้วยร่างของครูอ้อที่อ้อมแขนแบกลังกระดาษ
    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันหมายถึงอะไร

     

    ขวัญรีบโพล่งเรียกครู ใช้น้ำเสียงพยายามจะทำให้มันเป็นปกติ

    “ครูอ้อคะ” ครูมองเธอ แต่สายตาครูอ้อไม่เหมือนทุกที
    ดวงตาครูสั่นระริกเหมือนไม่กล้าจะมองหน้าลูกศิษย์คนโปรดแต่เธอยังเลือกทีจะถามต่อ

     

    “คือ...มันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราเห็นใช่ไหมคะ”

    คำถามง่ายๆ ที่ครูกลับเม้มปาก ดวงตาครูคลอไปด้วยน้ำตาเหมือนไม่อยากแม้แต่เปล่งคำพูด เธอรอฟังแต่ครูอ้อกลับหันไปทางนายวินที่ยืนอยู่ด้านหลัง สายตาเหมือนครูใช้มันตั้งคำถามแทนที่จะเอ่ยปาก ทำแบบนี้กับครูได้ยังไง เธอแปลมันออกแค่นั้น และมันยิ่งทำให้พูดไม่ออก

    สีหน้านายวินซีดเผือก ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากอะไรทั้งสิ้นจนสุดท้ายครูอ้อเป็นฝ่ายเดินหนีไปอย่างรวดเร็วจนเธอได้แต่รั้งไว้ด้วยเสียงเรียกที่ไม่เป็นผล ได้แต่ยืนมองตาม หน้าผากเธอมันปวดด้วยคิ้วขมวดเข้า ไม่ใช่เพราะความผิดหวัง แต่แค่ต้องการคำตอบในเรื่องบ้าๆพวกนี้

     

    ขวัญมองตามหลังครูที่เธอรักและเคารพ
    และจนถึงตอนนี้หรือแม้แต่วันต่อๆไปทุกความรู้สึกที่มอบให้ครูก็จะเหมือนเดิม

     

    ส่วนคนที่กล้าทำร้ายคนสำคัญของเธอ

    ขวัญตะหวัดสายตามองนาย ชัยชนะ อะไร ครั้งนี้เขาต้องการชนะอะไรอีกถึงทำเรื่องบ้าๆพวกนี้ได้
    นั่นคือครู ใช่ ครูที่ให้ความรู้และความเอาใจใส่พวกเรามาโดยตลอด กล้าทำ....ได้ยังไง

     

    สีหน้าวินอาจจะรู้สึกผิด หรือแสร้งทำเป็นรู้สึกผิด แต่นั่นก็ช่างหัวมันเพราะเธอมันไม่ใช่สิ่งที่เธออยากรู้ ขวัญรีบหันหลังกลับ เดินดุ่มๆแยกตัวออกไปทันที ในเมื่อครูอ้อไม่อยู่ให้คำตอบและถึงแม้คนที่คงจะตอบคำถามได้จะยืนอยู่ตรงหน้า แต่เธอก็ไม่คิดจะเสวนาด้วย

    มันร้ายแรงเกินไป เรื่องครั้งนี้มันเกินกว่าที่เธอจะรับได้ และสิ่งที่วินทำมันยิ่งทำให้เธอ....




     

    กระชากมันทิ้งได้ทั้งหมด เศษความรู้สึกที่เคยฝังแน่นอยู่ในใจ




     

     

    ..

    .

    .

    .

     

    .


     




     

     

    “โห มึง ...แม่งงง คุณวินอะไม่น่าเลยยยย”

     

     

    เสียงเพื่อนตุ๊ดมันดังเข้าหูแต่เธอไม่คิดจะสนในเมื่อคลิปที่มันเปิดให้ดูดึงความสนใจไปได้ซะหมด
    ปากเธออ้าค้างด้วยตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น

    ครูอ้อกับวิน?
    เหมือนเพื่อนจะเริ่มวิจารณ์กันอย่างมันส์ปาก บ้างก็ด่าไอ้วิน บ้างก็บอกว่าครูอ้อเล่นด้วย


     

    สไปรท์เม้มปากแน่นละสายตาจากภาพการเคลื่อนไหวบ้าๆนั่นก่อนจะลุกพรวดจากโต๊ะรีบวิ่งไปทั้งที่ไม่รู้ที่หมาย
    แต่จุดหมายของเธอคือคนเดียว ที่ถ้าจะให้เดาคงต้องแอบไปทำบ่อน้ำตาตื้นอยู่แน่ๆ


     

    ขวัญ


     

    .


     

    ..

     









     

     

    “ครูอ้อเป็นครูที่ดี ใส่ใจพวกเราทุกเรื่อง ในเวลาเราเสมอ ไม่ว่าเรื่องเรียน หรือเรื่องส่วนตัว”

     

    แค่เสียงก็รู้ว่าใคร ขามันเปลี่ยนทิศไปยังจุดหมายที่ได้เห็นหลังบางๆของขวัญ ตรงหน้ามีพวกคู่รักวีอาร์ซอสที่ดูจะไม่กระดี้กระด๊าในการกระจายข่าวฉาวอย่างทุกที สีหน้าทุกคนเจื่อน แต่เธอไม่รู้ว่าสีหน้าขวัญเป็นแบบไหนหรอก แต่แค่ไหล่ที่ลู่ลงเหมือนโดนความเศร้าโศกกดทับมันทำให้แทบอยากจะเข้าไปกระชากมากอดให้รู้แล้วรู้รอด แต่กลับต้องยั้งตัวเองไว้เพื่อจะฟังทุกสิ่งที่ขวัญอยากจะเอ่ยผ่านสื่อเดียวของโรงเรียน

     

    “ครูอ้อเคยสอนพวกเราว่า...ความเชื่อใจ

     

    ถ้าอยากได้            ก็ต้องให้ก่อน
     

    แปลกดีที่เธอคิดว่าเสียงขวัญสั่น ไม่ใช่เสียงที่เอ่ยจากปาก
    แต่เป็นเสียงในใจที่กำลังสั่นคลอนเพราะความอ่อนแอ

     

    “ครูอ้อเชื่อใจพวกเรา ถ้าเราอยากทำอะไรครูก็จะคอยให้คำแนะนำ คอยเตือน

    และครูก็เชื่อใจเราว่า... เราจะรับผิดชอบมันได้


     

    ครูจึงใจดีกับพวกเรา และก็ให้โอกาสพวกเราเสมอ”

     

    อีกครั้งที่ขวัญหยุดการพูดเพื่อสูดลมหายใจ นานพอดูลยหล่ะ
    เหมือนกับว่าขวัญกำลังต่อสู้กับความอ่อนแอที่มันดั้นด้นจะออกมาทางเบ้าตาให้ได้

     

    “พอมาวันนี้ วันที่................. เกิดเรื่องขึ้น

     

    ถึงแม้จะไกลพอดู แต่หลังบางนั่นกลับสั่นขึ้นมาเหมือนกับจะทนแรงกดดันไม่ไหว
    แต่ยังพยายามต้านมันเพื่อจะเอ่ยคำออกไป




     

    หนูเชื่อใจครูนะคะ

     

     

     

     

     

    แค่นั้น... คงหมดแล้วที่ขวัญอยากบอก พวกคู่รักวีอาร์ซอสถึงค่อยลดกล้องลง รับไมท์ที่ขวัญส่งคืนให้ และแทบจะทันทีที่ขวัญหมุนตัวกลับเพื่อมุ่งทิศจะไปห้องน้ำ เธอคิดว่าแบบนั้นนะ ร่างกายของเธอมันก็ขยับทันควัน รีบรุดวิ่งไปดักหน้าขวัญให้หล่อนชะงักฝีเท้า สไปรท์ทำแค่ยืนมองคนที่ก้มหน้าก้มตามองพื้นกระเบื้องโง่ๆและค่อยเงยหน้าขึ้นเลื่อนสายตาให้ดวงตาชุ่มช่ำไปด้วยของเหลวใสสบกับเธอ

    ไปรท์
    เหมือนจะได้ยินเสียงในใจที่หล่อนเอ่ยเรียกกันถึงได้ยิ้มอ่อนๆไปให้


     

    ฟุ่บ

     

    ร่างบางเซถอยไปนิดเมื่อร่างตรงหน้าพุ่งเข้าสวมกอด รัดคอซะแน่นจนแทบหายใจไม่ออก กดฝังใบหน้าลงกับไหล่บางๆของเธอและสไปรท์ก็ยกขนขึ้นกอดตอบ ลูบหลังสั่นระริกเหมือนปลอบใจเด็กน้อยของเธอ ไม่เป็นไร ทุกอย่างมันต้องดีขึ้น เธอกระซิบบอกไปแบบนั้นแม้จะไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นจริงรึเปล่า ไหล่เธอมันเปียกชื้นไปหมดเพราะน้ำตาที่ขวัญปล่อยใส่ ถึงแม้จะไร้เสียงสะอื้น  แต่ก็มากพอที่จะทำให้เธอปวดใจเหมือนพยายามดึงความเจ็บปวดที่ขวัญได้รับปักไว้เข้าที่ตนเองบ้างก็ยังดี ฮึก....


     

    เราก็เชื่อใจ ครูอ้อของเธอเหมือนกัน

     

    คำกระซิบข้างใบหูที่ทำให้ขวัญยิ่งรัดลำคอแน่นขึ้น หล่อนกดริมฝีปากจูบที่คอเธอมือนจะสื่อคำจากใจ

    ขอบคุณนะ ขอบคุณมาก....

     

     

     

     

    ขอบคุณจริงๆ

     

     

     

     

     

     

    **

     

     

     

    เปรี๊ยะ!!!!

     

     

    “เงียบ!!”

     

     

     

    เสียงเซงแซ่เม้าประเด็นร้อนมันเงียบลงทันที เมื่อครูปกครองฟาดไม้เรียวใส่โต๊ะดึงความสนใจนักเรียนแห่งห้องมัธยม5/1ได้ซะหมด

    นั่นรวมถึงเธอที่ค่อยเงยหน้าขึ้นหลังจากการเอาแต่นั่งก้มหน้ามองสีกระโปรงทึมๆของตัวเองซะนานสองนาน
    เธอรออย่างใจจดใจจ่อทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่คาบภาษาอังกฤษจะถูกสอนด้วยครูคนเดิม อีกครั้ง ที่ครูฝ่ายปกครองนั่นพูด

     

    “คาบภาษาอังกฤษครูจะมาสอนแทนเอง”

    ประโยคนั่นทำให้เธอถอนหายใจออกมา คาบภาษาอังกฤษที่เคยชอบนักหนาคงต้องเปลี่ยนมุมมองแล้วหล่ะ

    มือชาๆของเธอมันยิ่งกำแน่นเมื่อครูตรงหน้าแสยะยิ้มขึ้นเหมือนพอใจอะไรตามด้วยพ่นประโยคที่ทำเอาเล็บมันจิกเข้าไปในอุ้งมือ

     

    “พอดีว่าเกิดเรื่องเลวๆขึ้นในโรงเรียนของเรา”

     

     

    ครืด!!!!

     

    เสียงขาเก้าอี้ลากพื้นมันเรียกความสนใจคนทั้งห้องได้หมด ของขวัญหันไปตามต้นเสียงที่เจอกับร่างของนายวินที่ลุกขึ้นพรวด หน้าตาของเขามีแต่ความโกรธเคือง เธอสมควรจะรู้สึกยังไงดี สมน้ำหน้า? สะใจที่โดนถากถาง? ก็คงจะไม่ผิด  ครูปกครองค่อยเดินถือไม้เรียวไปประชันหน้ากับนายชัยชนะ เขาไม่แสดงท่าทีหยี่ระซักนิด เรียกว่าติดจะพอใจในท่าทางโมโหร้ายของนายวินเสียมากกว่า
     

    “มีปัญหาอะไรหรือ นายชัยชนะ”

     

    เขาคงอยากต่อยครูใจแทบขาดจากมือที่กำหมัดแน่น  
    น่าตลกดีที่เธอกลับภาวนาให้เขาเกิดสติหลุดเสยหมัดใส่หน้าครูปากมากนี่ไปซักทีคงสะใจพิลึก
    มันมีแต่สายตาแข็งกร้าวราวกับกำลังสาปแช่งปละความเงียบที่เขาส่งให้ครูปกครอง

     

    “พักกลางวันไปพบครูที่ห้องปกครองด้วย

    ทางโรงเรียนได้แจ้งผู้ปกครองเธอให้ทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

     

     

    แค่นั้น ที่ครูพูดแล้วหมุนตัวกลับมายังหน้าห้อง
    เปิดปากสอนราวกับตัดเชือกบุกเบิกหนทางการเรียนภาษาอังกฤษที่สุดแสนจะน่าเบื่อให้บรรยากาศอึมครึมมันปกคลุมไปทั้งห้องอีกครั้ง

     

    ขวัญหันมองวินแค่เพียงให้เห็นใบหน้านั่นลางๆที่หางตา ก่อนจะกลับมาสนใจสมุด


     

     ที่ยังคงมีชื่อครูผู้สอนคนเดิมแปะหลาแปะหลาอยู่หน้าปก  

     

     

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     

     

     

     

     

     

    ออดดดดด
     

     

    ทันทีที่พักแรกเริ่มต้น ชัยชนะรีบรุดออกจากห้องเรียนน่าอึดอัดนั่น สีหน้าเยาะเย้ยของครูนั่นมันยิ่งทำให้เขาฉุนยิ่งกว่าคำว่าโกรธ
    แทบอยากจะประเคนหมัดใส่ปากดีๆของมันซักครั้งให้สมกับท่าทางพยอง

     

    เด็กหนุ่มเดินดุ่มๆออกจากห้องไม่แคร์แม้เพื่อนสนิทจะวิ่งตามอย่างเป็นห่วงหรืออะไรก็ช่างหัวมัน
     

    ”เห้ยไอ่วิน  มึงใจเย็นนะเว้ย

    อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้นะมึง”

     

    เสียงหมอกมันทำให้เขากันหลับไปอย่างหงุดหงิด ตามกูทำไมวะ!
     

    มึงอย่าเสือกได้ปะ

    หันกลับไปพ่นคำด่าตอกใส่หน้าให้หมอกมันเลิกตามที่ได้ผลชะงักเลยหล่ะ
    เหมือนมันจะสบทไล่หลังแต่นั่นก็ช่างหัวมัน เบื่อเต็มทนกับเรื่องห่วยๆที่ต้องเจอ

     

    ขายังคงก้าวพาร่างของตนไปยังทางที่ไร้ทิศ เดินกระแทกไหล่ไปหลายคนที่เขาไม่สนใจ

    และไอ่พวกขี้ขลาดนั่นก็ไม่คิดจะเอาเรื่อง ปอดแหก ปอดแหกกันหมด!






     

     

    ปึ๊ก!  โอ้ย!!

     

    ขากำลังจะก้าวผ่านอย่างไม่แคร์เพื่อนร่วมโลกเหมือนทุกที  นี่เขากำลังจะไปไหน? วินเงยหน้ามองทางตรงหน้าที่มันร้างผู้คนราวกับใช้สัญชาติญานสั่งให้ก้าวเดินมากกว่าสมองนำทาง โรงยิม เขามาทำบ้าอะไรวะเนี่ย จิ๊ปากอย่างหงุดหงิดตัวเองก่อนจะก้มลงมองร่างที่กองอยู่แทบเท้า ใบหน้าคุ้นๆของคนเคยคุ้นเคยมันทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้น

     

     

    สไปรท์?

     

    ไม่รู้ทำไม แค่เห็นหล่อนกลับยิ่งทำให้ความโกรธยิ่งทวีคูณ น่าตลกดีนะ ขนาดผู้หญิงมั่วไปทั่วอย่างยัยนี่ขวัญยังสะเออะให้ความสำคัญ แล้วทำไม.... ถึงไม่คิดจะเลือกเขาบ้างวะ วินทำแค่ยืนมอง คนที่กุมข้อศอกตะหวัดสายตามองกันอย่างเคืองๆ  เขาแสยะยิ้ม ยื่นมือราวกับจะยื่นความหวังดีที่สไปรท์เมินมันตามที่คาด หล่อนดันตัวขึ้นปัดตามเสื้อแล้วรีบรุดจะเดินหลบราวกับรังเกียจกันมากมาย รังเกียจ? หึ

     

     

    หมั่บ!

    ร่างนั่นหันกลับมาทันทีที่เขาคว้าแขนไว้ ไม่จำเป็นต้องใช้แรงมากมายเลยซักนิด
    แรงน้อยหรือตั้งใจไม่สู้เหมือนตอนทำเรื่องอย่างว่ากันนะ ทุเรศ

    วินยิ้มเยาะเมื่อสไปรท์เริ่มส่งสายตาหาเรื่องให้เขาหรี่ตาลง มองปากบางๆเปล่งเสียงน่าฟัง......เสียงครางพร่าที่ข้างหูจริงๆ

     

    ปล่อย

    “ถ้าบอกว่าไม่หล่ะ”

     

    จิ๊!! สไปรท์จิ๊ปากอย่าดังเลยหล่ะ ท่าจะรำคาญท่าทางกวนประสาทน่าดู หล่อนกระชากแขนออกอีกครั้งทีตัวเขาแทบไม่ขยับซักนิดถึงได้แต่กัดฟันกรอดๆส่งสายตากินเลือดกินเนื้อมาให้กัน “จะเอาไง” วินหัวเราะหึในลำคอหรอกตามองรอบข้างที่มันปลอดคนดีถึงย้อนสายตากลับมาสบกับเด็กสาว

    “จะเอาเธอไง”

     

     พูดตอกไปแบบนั้นแต่สไปรท์กลับยิ้มเยาะ

    ทำสีหน้าเย้ย หลุบตามองเหยียดเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าที่มันเรียกให้ความโกรธมันกระหน่ำตีใส่จนอกแทบระเบิด
     

    “ก่อนจะเอาคนอื่น เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ”

     

    ปากดีเนอะ

    วินล้วงกางเกงมืออีกข้างก็ไม่ยอมปล่อยแขนสไปรท์ที่นางก็จ้องหน้าสู้อย่างไม่ยอมกัน

     

    “ได้ยินว่า..... เดี๋ยวนี้ยากแล้วหรอ”

    เห็นสไปรท์เปลี่ยนสีหน้าเป็ขมวดคิ้วขึงอย่างกับรอฟังประโยคจากปากเขานักหนานี่กลับทำให้ยิ่งกระหยิ่มใจ

    สาเหตุหน่ะไม่รู้หรอก แต่น่าตลกดีที่ยัยนี่เลิกมั่วตั้งแต่ขวัญยอมกลับไปคบเป็นเพื่อน เพื่อน? แค่นั้นจริงดิ


    กดเสียงต่ำจนแทบกระซิบ พูดตามที่คิดหวังจะให้คนตรงหน้าปรี๊ดแตกกระตุ้นความสะใจเล่น

     

    “หรืออยู่ในช่วงทดลอง ทำตัวง่ายกับผู้หญิงหล่ะ

     



     

    พุ่บ! หมั่บ!!

     

    วินพุ่งมือคว้าแขนที่วาดหวดอากาศหมายจะฝาดหน้าเขา ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าแขนทั้งสองของสไปรท์อยู่ในกำมือของเขาไปโดยปริยาย นางขืนจนแขนสั่นที่สู้แรงเขาไม่ได้อยู่ดี วินยิ้มเยาะใส่คนตรงหน้าที่กัดฟันกรอดจ้องเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ ตะหวาดใส่หน้าเขา

     

    “พูดให้มันดีๆนะเว้ย!!

     

    “พูดดีๆไม่เป็นหรอก มีแต่ความจริง อยากฟังไหมหล่ะ”

    เก็บปากไว้ด่าตัวเองเหอะ

     

    คำพูดคุ้นๆเลยเนอะ วินยิ้มใส่คำด่าที่ราวกับลอกเพื่อนสนิทมา ของหัวเราะกวนๆที่มันกระตุกต่อมโมโหสไปรท์ได้มีประสิทธิภาพสุดๆ
    ถึงได้จะกระทืบใส่เท้าที่เขาชักหลบทัน พ่นคำต่อเร่งให้ผู้งหญิงตรงหน้าเลิกพยายามกลบสันดานตัวเองซักที

     

    “ความจริงก็คือ ผู้ชายมันถึงใจกว่าเยอะ เออ...ที่จริงเธอก็น่าจะรู้ดีที่สุดแล้วมั้ง

    แต่อยากลองทบทวนความจำอีกครั้งรึเปล่าหล่ะ ถ้าเป็นท่าที่ขวัญชอบ เรา...ช่วยแนะนำได้นะ”

     

    เขายิ้มมุมปากเมื่อเรียกสีหน้สไปรท์ให้เคียดแค้นได้เป็นเท่าตัว
    สบกับดวงตาแข็งกร้าวกัดฟันกรอดเหมือนจะพ่นคำด่าใส่หน้าเขาซะน่าหัวเราะซะจริงๆ

     

    ไอ่เชี่ย!

     

     อื้อ!

     

    เขาอุดปากเก่งๆของคนตรงหน้าด้วยริมฝีปากนี่แหละ สนุกดีที่สไปรท์ครางอู้อี้พยายามสะบัดหน้าหนีที่สู้แรงเขาไม่ได้ตามเคย วินดึงสไปรท์เข้ากอดรัดไม่ให้หนีได้ ถึงจะโดนเล็บคมๆของยัยคนอวดเก่งข่วนใส่ซะแขนแสบยิบแต่ไม่คิดจะปล่อย ผงกหน้าตามทิศที่สไปรท์พยายามสะบัดหลบไม่ให้ริมฝีปากมันหลุดจากกัน

     

     

    พลั่ก!!

     

    เขาเซออกด้วยแรงกระชากตามด้วยพลักซ้ำอย่างแรงจนตัวเซไปด้านหลัง  
    และกว่าที่เขาจะตั้งหลักได้กลับโดนภาพตรงหน้ายิ่งทำให้สมองมันมึน

     

    วินพยุงตัวให้ตั้งตรง สบกับใบหน้า ของขวัญ ที่จ้องเขาด้วยสีหน้านิ่งสนิทแต่ดวงตาคู่นั่นกลับลุกไปด้วยไฟโกรธ
    ราวกับต้องใช้พลังในการหักห้ามไม่ให้หวดมือใส่หน้าเขาอย่างสุดความสามารถ

     

    อย่า....ยุ่ง

     

    ไม่รู้ว่าทำไมคำพูดปากกล้าของเขากลับหายลงคอหมด

    ได้แต่มองริมฝีปากนั่นเปล่งคำพูดแค่แผ่วแต่กลับชัดก้องได้ยินเต็มสองรูหู

     

    “กับของของเรา

     

    ของ....ขวัญ งั้นเรอะ สไปรท์เนี่ยนะ? วินมองตามร่างที่คว้ามือคนที่ยังถูปากตัวเองไปมาอย่างกับรังเกียจมันนักหนาให้ตามไปราวกับไม่อยากเสียเวลาแม้เสี้ยววิเพื่อต่อบทสนทนาอีก วินกัดฟันจนสันกรามปวด โพล่งไปราวกับหวังจะใช้คำพูดชุ่ยๆรั้งของขวัญได้

     

    “ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้จะเป็นไงวะ!

     

    ได้ผล ขวัญชะงักทันที

    หล่อนยืนนิ่งเพียงนิดและเหมือนสไปรท์จะเริ่มเลิ่กลั่ก สีหน้าหวั่นแต่คนที่ตีหน้านิ่งใส่กันตะหากที่เขาสนใจ

    ทำแค่มองรอดูท่าทีของขวัญ จะทำอะไรได้ ด่าเขา? หรือทำปากดีใส่เหมือนสไปรท์หล่ะ

     

     

     

    “อยากทำอะไร ก็เชิญ

    วินกำหมัดแน่นและร่างที่หมุนตัวเดินไปอีกครั้งมันทำให้ขาเขาขยับ รีบวิ่งเข้ากระชากแขนบางที่ขวัญสะบัดออกแทบจะทันที เขาร้องเหอะเมื่อภาพสไปรท์ที่พยายามขยับมาบังคนตรงหน้ากลับถูกขวัญกระชากให้หลบอยู่ด้านหลัง รักกันดีเนอะ เด็กหนุ่มมองเหยียดร่างที่ขวัญพยายามปกป้องนักหนาเพียงนิดถึงเสตากลับมาสบกับดวงตาที่ขวัญพยายามทำให้ดูนิ่งสนิท
     

    “แน่ใจนะว่าจะเอายัยนี่ อ๊อ แต่อย่างว่าแหละ สไปรท์ของเธอหน่ะ”

     

    วินเพยิดหน้าไปทางสไปรท์ หรี่ตาลงเหยียดมุมปากที่เธอไม่คิดว่ามันเป็นรอยยิ้มเลยซักนิด

    ขวัญบีบมือสไปรท์ที่เธอกุมอยู่แรงขึ้นอย่างลืมตัวเมื่อปากของไอ่คนตรงหน้ามันพ่นคำใส่ให้เธอนึกอยากหวดมือใส่หน้ามันซักที

     

    “ยิ่งตอนอยู่บนตัว... ซ่าถึงใจโคตรเลยหว่ะ”

     

     

     


     

    ขวัญโกรธ แน่อยู่แล้ว ไม่งั้นแววตาจะวาวโรจน์เหมือนแทบจะพุ่งเข้าขย้ำคอเขาอยู่แบบนี้หรอ วินยิ้มเยาะ

    นี่จริงจังกันมากเลยรึไง คิดจะจริงจังกับคนอย่างสไปรท์เนี่ยนะ เขาทำแค่มองร่างที่ยังไม่คิดจะปริปาก
    ถึงแม้คนที่อยู่ด้านหลังจะพยายามกระตุกแขนขวัญเหมือนไม่อยากให้รับรู้สิ่งที่เขาพ่นมาก็เถอะ

     

    “ที่อยากพูด มีแค่นี้ใช่ไหม”

     

    เขาไม่ได้ตอบแต่กลับยักไหล่นึกขันท่าทางโกรธจัด
    กำลังจะใส่ไฟอีกซักนิดแต่ปากบางๆของคนตรงหน้ากลับโพล่งขึ้นมาก่อน

     

    “งั้นช่วยฟัง และจำเข้าไปในสมองเธอด้วยก็ดี”

     หล่อนกระตุกแขนให้สไปรท์ถลามาเคียงข้าง
    กดน้ำเสียงเหมือนใช้เรี่ยวแรงมากมายในการกดไม่ให้มันดังเกินความจำเป็น

     

    “ที่ผ่านมาสไปรท์จะไปทำซ่าให้เธอพอใจมากแค่ไหนเราไม่สน นั่นมันเรื่องในอดีต

    แล้วรู้ไหม ว่าเรากำลังมองคนที่พยายามกลบเกลื่อนความอ่อนแอของตัวเองด้วยการดูถูกความรักของคนอื่นว่ายังไง

     

     ช่างเถอะ ถึงไม่อยาก เราก็จะบอกไว้ให้”

    น้ำเสียงที่เขาเคยชอบนักหนากดลงต่ำแทบจะกระซิบที่มันกลับดังชัดสองหู กรามมันปวดเพราะการกัดฟันอย่างบังคับตัวเองไม่ได้
    ไม่รู้ว่าปากบางๆของคนตรงหน้าจะพ่นคำพูดอะไรแต่ความอวดดีงี่เง่ามันวิ่งไปหลบมุมอยู่ไหนหมดวะ
    !

     

     

    อย่าลดคุณค่าของตัวเองด้วยการกระทำอย่างกับหมาจนตรอก

    นั่นคือคำเตือนด้วยความหวังดีนะ วิน”

     

    ทิ้งคำพูดสุดท้ายให้เขาได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ราวกับโดนทิ้งให้ว้าเหว่เหลือแต่ความเงียบกระหลั่วๆที่มันยังอุส่าห์อยู่เป็นเพื่อน

    สองตายังคงจับจ้องแผ่นหลังบางๆของผู้หญิง ที่เดินเคียงข้างกันอย่างกับพยายามใช้ความอ่อนแอปกป้องกันเอง วินก้มหน้าลง
    แววตากวนประสาทกลับกลายเป็นหม่นหมอง มองมือที่กำจนสั่นเหมือนจะย้ำให้รู้ว่ามันคือความจริง

     

     

    ครั้งแรก ....ที่รู้สึกเหมือนโดนทิ้งให้โดดเดี่ยวในโลกโสมมใบนี้

     

     

    .

    .

    .

    .

     


     

     

    ตึกๆๆๆๆๆ

     

     

    โอย...เดินช้าๆหน่อยได้ไหมเนี่ย

    สไปรท์ถลาตามของขวัญที่ไม่คิดจะชะลอฝีเท้าถึงจะเดินออกจากโรงยิมนั่นแล้วก็เถอะ

    สไปรท์มองแผ่นหลังของคนด้านหน้าที่เดินกระแทกเท้าซะผมหางม้าปัดไปมา หายใจเข้าลึก ตัดสินใจพูดกับคนที่ดูเหวี่ยงขั้นสุด

     

    “คือเราแค่บังเอิญเจอวินแล้วมีเรื่องกันนิดหน่อย แต่เราไม่คิดว่ามันจะทำเรื่องบ้าๆนี่เลยนะ”

    เห็นขวัญไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจึงพูดเสียงแผ่ว ถอนหายใจใส่ท่าทางโมโหเงียบ

     

    ขวัญ...โกรธเราหรอ

     

    “เธอไปโรงยิมทำไม”

    ตอบคำถามด้วยคำถาม ชะงักกึกหันกลับมาประชันหน้าเธอ
    แอบน้อยใจนิดๆเหมือนกันนะเมื่อรู้สึกเหมือนจะโดนขวัญเหวี่ยงใส่

     

    อ้อมแอ้มตอบไป

     

    “เราหลับในคาบ เอ่อ...มันคาบพละหน่ะแต่คาบนี้ครูสอนทฤษฎีบนห้อง
    ครูเลยให้เอาสมุดเพื่อนมาส่งที่โต๊ะครู”

     

    เธอเห็นขวัญถอนหายใจแรง จึงกัดปากแน่น ถามไปตามที่คิด

     

     

    “เธอ....คิดว่าเราตั้งใจมาเจอวินใช่ปะ”

    ขวัญชะงักสบตาเธอทันทีตามด้วยส่ายหัวนิดๆก่อนจะกุมไหล่เธอไว้ เอียงคอมองคนที่คงน้อยใจน่าดูหล่ะ

     

    “เปล่า แต่เราคิดว่าวินมันตั้งใจมาเจอเธอ”

    “แล้วมันต่างกันยังไง สรุปคือเธอก็ไม่เชื่อใจเราอยู่ดีปะ”

     

     

    “ไปรท์เราไม่ได้หมายความแบบนั้น”

    บีบไหล่สไปรท์นิดๆเพื่อว่าจะทำงอนสะบัดออก ส่งสายตาจริงจังไปก่อนจะพูดต่อ

     

    “เราเชื่อใจเธอ แต่เราไม่ไว้ใจมัน”

    สไปรท์กัดปากแน่นเมื่อคำพูดนี่มันราวกลับดึงคำพูดในอดีตของคนเก่าเข้าโยนกระแทกใส่หน้า
    เค้นเสียงแผ่ว

     

    “เธอพูดเหมือนตอนที่...”

    ย่นคิ้วแน่นเหมือนกดอารมณ์น้อยใจที่กระหน่ำตีใส่ให้กลับเข้าไปภายใน

     

     

    ไผ่กำลังจะบอกเลิกเราเลยหว่ะ

    ของขวัญนิ่งไปด้วยโดนคำพูดของสไปรท์สตั้น เริ่มมึนเมื่อคนตรงหน้าก้มหน้าลงเหมือนกลัวเรื่องแย่ๆในอดีตมันเกิดขึ้นอีก
    ละมือข้างหนึ่งจากไหล่บางเข้ากุมแก้มอุ่นเพื่อจะเชยให้เรียวหน้าสวยเงยขึ้นสบกับดวงตาของเธอ

     

    “นี่ ฟังนะ ไผ่ก็คือไผ่ แต่นี่เรา คนละคนกัน

    แค่คำพูดเหมือนไม่ได้แปลว่าเราต้องทำแบบเค้าซะหน่อย”

     

    เห็นสไปรท์ไม่หลบตาเหมือนเก่าราวกับเปิดใจฟังมันทำให้เธอวาดยิ้มอ่อนๆไปให้

    เกลี่ยนิ้วหัวแม่โป้งลูบผิวเนียนนุ่มแค่แผ่วราวกับหลงใหลมันนักหนา เปล่งคำ ที่เธอต้องการสื่อให้เข้าใจตรงกัน

     

    “เราเชื่อใจเธอแต่เราไม่ไว้ใจวิน เพราะเรากลัวมันจะทำร้ายเธอ

    ที่เราพูดแบบนั้นไปมันหมายความว่า...

     

     

    เราเป็นห่วงเธอนะไปรท์

    สไปรท์ก้มหน้างุดๆเลยหล่ะ ไม่รู้ว่าเข้าใจหรืออะไรถึงถามย้ำ”เข้าใจรึเปล่า”

    ที่ได้เสียงงึมงำไม่ได้ยินให้ถามอีกรอบที่เจ้าตัวตะหวัดสายตาใส่พูดเสียงแผ่วในลำคอ

     “เข้าใจแล้วน่า เลิกถามซักที”

     

    ชอบจัง เวลาสไปรท์เขินกันแบบนี้ ขวัญเอียงคอมองคนน่ารัก
    อา...ไม่รู้ทำไมยิ่งอยู่ด้วยกันกลับรู้สึกว่าสไปรท์ทำตัวน่ารักขึ้นทุกครั้งที่เห็นหน้า
    ขวัญมองเรียวหน้าสวยอย่างเคลิบเคลิ้มและยิ่งรู้สึกหายใจสะดุดขึ้นมาเมื่อปากได้รูปเผยอออก

     

    “ ไอ้วินมันปากหมามากอะ รู้ปะมันบอกว่าจะแนะนำท่าอู้อ้าที่เธอชอบ

    โห่ย! ของแบบนี้ไม่มีใครรู้ดีกว่าเราแล้วปะ!

     

    อู้อ้า? อะไรของไปรท์เนี่ย ยัยลามกเอ้ย

    ขวัญหลุดหัวเราะใส่คำพูดที่สไปรท์พ่นมาไม่ขาดแล้วนางก็เปิดปากขึ้นอีก

     

    “เออว่าแต่...เธอรู้ได้ไงอะว่าเราอยู่นี่”

     

    “ก็ไปหาเธอที่ห้อง ไมค์กี้บอกว่าเธอมาโรงยิม”

    เหมือนสไปรท์จะพูดอะไรอีกแต่กลับไม่ได้เปล่งเสียงเพราะนิ้วเรียวของเธอทาบทับ
    เกลี่ยริมฝีปากนุ่มนิ่มราวกับพยายามลบสัมผัสของคนฉวยโอกาส นางครางงือ....เรียกความสนใจจากเธอที่ได้ผลตามเคย

     

    “แล้วถ้าวินเอาเรื่องของเราไปบอกคนอื่นจะทำไงดีอะ”

    ทำไง? ขวัญวาดยิ้มเอ็นดูสีหน้ากังวลใจของสไปรท์เหลือเกิน

     

    “ไม่เห็นต้องทำยังไง ”

    “อ่าว แล้ว..”

     อื้ม
    กดนิ้วใส่ริมฝีปากนุ่มนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยวขัดการถามซะสไปรท์ทำหน้ามุ่ย เลยกระซิบหยอกไป

     

    ”ถามเยอะจัง เป็นคนขี้สงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”  

    ขวัญหลุบตามองสาวที่ยังจะดึงดันขยับปากถาม อย่าทำหน้างอแงแบบนี้ซี่ นี่ไม่รู้จริงๆรึไงว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน

     จะ...ไม่ทนแล้วนะ

     

    “เราแค่กลัวเธอลำบากใจหรอก ทำไม เลิกแคร์สื่อแล้วเง๊ะ”

    มีเลิกคิ้วใส่ซะหน้าผากย่นเธอก็ยิ้มกว้าง อืม..ครางในลำคอเป็นคำตอบแถมผยักหน้าไปให้สไปรท์ดีใจเล่น

    ยอมอยู่นิ่งปล่อยให้เธอลูบปากบางๆอยู่แบบนั้น

     

     

    “อือ....แล้วขวัญ เชื่อที่เราพูดจริงๆรึเปล่า”

    สายตามองริมฝีปากที่มันดูยั่วยวนขึ้นมาอย่างล่องลอย สไปรท์ที่ขี้ระแวงราวกลับกลัวเสียเธอไปแบบนี้นี่น่า..รัก จริงๆ

    เปล่งคำพูดตามที่ก้อนเนื้อในอกมันสั่ง

     

    “เราจะ...ไม่เชื่อคำพูดของคนที่เรา รัก ได้ยังไง”

     

    ตามด้วยย้ำคำทับใช้ริมฝีปากเบียดรสจูบลบสัมผัสของคนอื่นด้วยริมฝีปากตน อืม... ชอบนะเวลาสไปรท์หายใจแรงรดใส่หน้าเธอแบบนี้ ซึมซับความหวานเพิ่มความชุ่มชื่นให้หัวใจเพียงนิดก่อนจะผละใบหน้าออกให้เห็นดวงหน้าแดงก่ำของสไปรท์จึงลูบเกลี่ยผิวแก้มร้อนแผ่วเบา ถนุถนอมราวกับเป็นอวัยวะของเธอเอง

     

    “เราเป็นของเธอนะขวัญ”

     ทำตัวน่ารักอีกแล้ว

     

     

     

     

     

    “อือ รู้แล้วหน่ะ”

     

    ทางเดินระหว่างตึกเรียนมันมีคนอยู่นิดหน่อยแต่นั่นก็ช่างมัน

     

     

    คนอื่นหน่ะ เธอไม่แคร์หรอก



    TBC.



    ก็ ใกล้จบแล้วนะคะ ยิ่งแต่งแล้วยิ่งผูกพันกับเรื่องนี้มากเลยอะไม่รู้ทำไมฮ่าๆ เอาเป็นว่าแล้วเจอกันโอกาสต่อไปค่ะ

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ ^^


    ปล. ลิงค์เอนซีของพาร์ท13เราแก้ใหม่แล้วนะคะ น่าจะโหลดได้ไม่ติดขัดอะไร

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×