ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Girlfriend [สไปรท์xของขวัญ] Hormones (Yuri)

    ลำดับตอนที่ #2 : CH 02

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 56


     


     

     

    เคยไหม แค่อยู่ร่วมใช้อากาศหายใจใกล้กันก็มีความสุขจนตัวแทบพองอยู่แล้ว







     

    ถึงแม้ว่าแกงส้มรสจี๊ดของคุณแม่จะแซ่บเวอร์เกินลิมิตไปซะหน่อยก็เถอะ

     

     

    ซี๊ด......

     

    “เห้ย ปากแกแดงมากอะไปรท์ ไหวไหมเนี่ย”

     

    “สะ...สบายมาก” ห๊า~

     

    “อะน้ำๆ”

     

    ของขวัญรีบเทน้ำใส่แก้วเปล่าไม่ขาดช่วงเมื่อสไปรท์ทำเสียงซี๊ดซ๊าดน้ำตาปริ่มกระดกน้ำอึกๆ ถึงจะดูเผ็ดขั้นสุดแต่ก็ยังทำซ่าตักแกงส้มราดข้าวต่อ ปากก็ชมใหญ่ว่าแม่ เอ่อ..หมายถึงแม่ของเธอนี่แหละฝีมือไม่มีตก ทั้งปากแดงก่ำลามไปรอบปากจนแม่ชักห่วงงึมงำกับตัวเองว่าแม่คงใส่พริกเยอะไป

     

    “โหยไม่เลยค่ะแม่ แซ่บแบบนี้แหละไปรท์ชอบ”

    “แต่ครั้งหน้าแม่ลดพริกดีกว่า ดูสิ๊ปากแดงแจ๋เลยนะสไปรท์”

     

    “ได้หมดค่ะแม่ ”

    สไปรท์โบกมือพัดใส่ปากแดงๆของตนแต่ก็ไม่วายทำปากหวานให้แม่ของขวัญยิ้มแก้มแทบปริรับคำชม มองของขวัญที่วิ่งดูรีบร้อนหายขึ้นชั้นบนลงมาพร้อมผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กดูสะอาดสะอ้านไปเปิดตู้เย็นเอาน้ำแข็งใส่ก่อนจะห่อไว้แล้วกลับมานั่งร่วมโต๊ะทานข้าวข้างสไปรท์เหมือนเดิม

     

    “อะ มันเย็นนะ”

    “ก็เย็นหน่ะสิ อยู่นิ่งๆได้ไหมเนี่ย”

     

    ภาพสาวสองดูแลกันคงเป็นภาพที่น่ารักดี ของขวัญดึงคางสไปรท์เหมือนจะล๊อคไม่ให้หันหนี ประคบห่อผ้าติดจะเย็นด้วยอุณหภูมิของน้ำแข็งภายในมาแตะตามริมฝีปากแดงเจ่อ มันคงจะเงียบเกินไปรึยังไงถึงได้ละความสนใจปากแดงก่ำของคนตรงหน้าเลื่อนขึ้นเจอกับดวงตาสวยของสไปรท์ที่ทำค้างอยู่นิ่งดูว่าง่ายทั้งมือยังค้างท่าตักข้าวชุ่มแกงส้ม เลยกระแอมแฮ่ม!ให้สาวเจ้าสะดุ้งกระพริบตาปริบแล้วยัดห่อผ้าผืนเล็กใส่มือหล่อนแทน

    “ทำเองแล้วกัน”

     

    เธอหันกลับมาจัดการจานตัวเองต่อและเห็นลางๆที่หางตาว่าอีกฝ่ายก็เริ่มวุ่นวายกับการประคบลดความร้อนรอบริมฝีปาก


    “แล้วนี่แม่ไปทำงานจังหวัดไหนหล่ะจ๊ะสไปรท์”

    สไปรท์ทำมองเพดานเหมือนคิดอะไรแล้วตอบเสียงฉะฉาน
     

    “กาญจนบุรีค่ะแม่ ไปตั้งสองคืนแหนะ”

    “อ้าวหรอ งั้นมานอนกับขวัญอีกซักคืนก็ได้นะ อยู่คนเดียวเหงาแย่เลย”

     

    “งั้นรบกวนด้วยนะคะแม่”

    ทำหน้ามู่เรียกความเห็นใจดูน่าเอ็นดูพลางจะตักข้ามชุ่มแกงส้มเข้าปากก็เจอขวัญดึงช้อนออก
    เทข้าวคำนั้นไว้ขอบจานแล้วตักผักหวานใส่แทน

     

    “หยุดกินแกงส้มได้แล้ว เดี๋ยวปากก็ระเบิดพอดี”

    “แหม่.... เป็นห่วงขนาดนี้รักตายเลย”


     

    “ตลกละ”

    ก็ดูตลกแต่คงจะเอนไปทางน่ารักมากกว่านะ ภาพสาวฟันกระต่ายเปล่งแก้มแดงขนาดนี้ นางหันไปจ้วงข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็วจนเสียวจะสำลักเรียกรอยยิ้มของเธอได้ดีจริงๆ สไปรท์ยิ้มกริ่มบ้างก็ชวนแม่ของขวัญคุยชวนเบี่ยงประเด็นประโยคแหย่เล่นเรียกเสียงหัวเราะปนรอยยิ้มสร้างความครึกครื้นให้มื้อเย็น นั่น ของขวัญตักผักให้อีกละ ก็บอกเคยบอกแล้วว่าไม่ชอบกินยัดเยียดให้อยู่ได้
     

    “ตักไรเยอะแยะเนี่ย เขียวไปทั้งจานแล้ว”

     

    “กินผักเยอะๆ จะได้ฉลาดกับเค้าบ้างนะยัยโง่”

    ด่าใส่แถมยังดึงแก้มซะแรงให้ครางงื้อเรียกคะแนนสงสารจากผู้ใหญ่ซึ่งได้เป็นคุณแม่ทำเสียงดุปนขำ


    ”ไปว่าเพื่อนแบบนั้นได้ไงเรานี่”

     

    “ก็มันจริงนะแม่ ไปรท์ลอกการบ้านขวัญทุกเช้าเลยอะ นิสัยเสียสุดๆ”

     

    “เอ๋าแล้วจะฟ้องไมเนี่ย   ไปรท์ไม่ได้เป็นคนแบบนั้นนะคะแม่ ตอนนั้นมันฉุกเฉินอะ

    ขวัญนั่นแหละสอนไม่รู้เรื่องแล้วใครมันจะไปทำการบ้านได้หล่ะ”

     

    “อ่าว..พูดแบบนี้ต่อยกันเลยปะ”

     

    สไปรท์ทำยักคิ้วยักไหล่บอก”เอาดิๆ” แต่พอขวัญทำถกแขนเสื้อตั้งท่าจะเหวี่ยงหมัดใส่กลับวิ่งปรื๋อไปกอดแขนแม่แน่นทำซุกหน้าดูสั่นเหมือนหมากลัว “เห็นไหมแม่ ขวัญชอบทำร้ายไปรท์อะ จัดการเลยค่ะๆ” ชี้หน้าทำไมไม่กลัวหรอก แบร่! แลบลิ้นใส่ทำหน้ากวนโอ้ยอีกซักทีให้ขวัญแทบจะพุ่งข้ามโต๊ะเดือดร้อนคนกลางให้ต้องรีบเบรกก่อนเพื่อนสาวทั้งสองจะแหย่กันจนได้เลือดซะก่อน


    “เอ้าๆ ไปทะเลาะกันต่อในครัวเลย ล้างจานให้สะอาดด้วยนะเด็กๆ”

     

    “อยู่แล้วค่ะแม่เชื่อมือหนูเลย”

    ของขวัญทำหายใจฮึดฮัด มองสไปรท์ออเซาะแม่รับคำแข็งขันก่อนชิงเก็บจานสิ่งเข้าห้องครัวให้ได้เห็นหลังไวๆ

    ขวัญขยับรวบซ้อนจานยกเดินตามอีกคนไปแว่วเสียงหัวเราะดูตลกปนชอบใจในความสดใสของเพื่อนรักต่างขั้วที่ดูจูนกันลงตัวได้อย่างน่าแปลก คิดเพลินๆสาวรุ่นใหญ่ก็ขำกับเด็กขี้เล่นที่ปาดฟองน้ำยาล้างจานใส่แก้มขวัญให้ยัยลูกสาวโวยวายสะบัดน้ำใส่เอาคืน




     

    เห็นแล้วคิดถึงตอนกำลังวัยเอ๊าะๆซะจริง

     

     

    **


     

    สไปรท์ นั่นคือชื่อฉันเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่นึกยังไงถึงตั้งชื่อลูกเป็นน้ำอัดลม

    แม่บอกแค่ว่าตอนท้องเห็นไอ่น้ำซ่าๆสีใสนี่แล้วมันเปรี้ยวปากเลยกลายเป็นแรงบันดาลใจใส่เป็นชื่อเล่นซะเลย

    เป็นชื่อเล่นที่ดูมีที่มาดีแหะ


     

    หน้าเรียวสวยนอนคว่ำกอดหมอนมองหลังบางๆของเจ้าของห้องที่ขยับตามการเคลื่อนไหวอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ

    นี่ก็จะขยันเอาโล่รึไงเนี่ย ว่าแล้วก็หาอะไรทำฆ่าเวลาหยิบมือถือเล็งกล้องไปที่คนตรงหน้านี่แหละ กดแช๊ะซักหลายทีที่มันซ้ำภาพเดิมปากก็ยิ้มไม่หุบเงยหน้ามองภาพจริงของแผ่นหลังดูบอบบางที่ไม่เคยเบื่อที่จะมองเลยซักนิด

     

    “เมื่อไหร่จะไปอาบน้ำซักที เตียงเราเลอะหมดแล้วนะไปรท์”

     

    “ก็รอขวัญอ่านหนังสือเสร็จอยู่นี่ไง”

     

    ของขวัญขมวดคิ้วฉงนเอี้ยวตัวพาดแขนกับพนักพิงเก้าอี้มองคนที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงจนกระโปรงร่นเห็นขาอ่อนขาวๆมาล่อสายตาให้บังคับตาไม่รักดีมาจ้องหน้าสาวตาโตที่พลิกตัวนอนคว่ำทำยักคิ้วหลิ่วตามาให้

     

    “เอ๋างง ทำงง..... ก็รออาบด้วยกันไง”

    “จะบ้ารึไง!! ถ้าไม่อาบก็นอนนอกห้องไปเลยนะไปรท์!

     

    สาวขี้เล่นทำเบะปากถดตัวนั่งคิดอะไรซักพักก็มีวาดรอยยิ้มดูไม่น่าไว้วางใจ ก่อนจะถลาพุ่งลงเตียงมาหาของขวัญอย่างรวดเร็วซะสาวคงแก่เรียนผุดลุกขึ้นอย่างตกใจรีบคว้ามือซนๆที่ทำท่าจะมาวุ่นวายกับกระดุมเสื้อนักเรียนของเธอให้ได้


     

    “ทำอะไรของเธอเนี่ย!!

     

    “ไม่กล้าโชว์หรอ เล็กอะดิ”

    โอเค ด่ากันแบบนี่ตบเลยดีกว่าปะ ของขวัญถลึงตาใส่คนตรงหน้าที่ยังทำท่าไม่ทุกข์ร้อนเหมือนเคย รีบดันสไปรท์ออกดังผลั่ก!ซะคนโดนกระทำตัวเซหลุดไม่วายหัวเราะใส่ท่าทางปิดหน้าอกหน้าใจขนาดสมวัยพร้อมใบหน้าแดงอย่างกับกระต่ายเมาเหล้า


    “ฮะ ฮะ ฮะ เห้ยปิดทำไมเราไม่ถือ จิ้มลิ้มแบบนี้แหละน่ารักดี”

    ไม่พูดเปล่ายังไปแกะมือคนที่เบี่ยงตัวหลบไปมาจนนางทำหน้าโหดใส่เป็นว่าจะโกรธจริงนั่งแหละถึงยอมแพ้
    ยกมือข้างลำตัวเป็นอันว่าไม่แกล้งแล้วก็ได้จ่ะ ชี้ๆไปที่ห้องน้ำ

     

    “งั้นเราไปอาบน้ำ.........คนเดียวเนอะ?”


     

    “นอนนอกห้อง!!!
     

    คนเดียวก็ได้...ทำไมต้องดูด้วยหล่ะเนี่ย (   - 3 -)

     

    .

    .

    .

     

     

    .


     

     

    แชมพูกลิ่นใหม่หอมดีแห๊ะ

     

    จมูกโด่งสวยดมฟุดฟิดเข้าที่เรือนผมเปียกหมาดของตัว มือก็ขยี้ผ้าขนหนูผืนเล็กช่วยซับหยาดน้ำตามเส้นผมให้มันหมาดตาก็มองประตูห้องนอนที่ปิดสนิทเหมือนนับเวลารอใครอีกคนที่คงชำระล้างร่ายกายอยู่ในห้องน้ำนอกตัวห้องต่อจากเธอ

     

    สไปรท์เหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียง มันบ่งบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เอาจริงนะมันยังไม่ใช่เวลานอนเลยเถอะ

    เด็กสาวลดผ้าขนหนูลงาดลำคอไว้เมื่อเริ่อมเมื่อยแขน  จับชายเสื้อกล้ามตัวบางสีเทาให้มันพัดโบกลมใส่หน้าท้องเพราะรู้สึกแอร์มันจะเบาไปหล่ะมั้งเลยมองหาหยิบรีโมตแอร์แถวหัวเตียงมาปรับอุณหภูมิซักหน่อย



     

    ครืด ครืด...

     

    เสียงสั่นครืดคราวของเครื่องมือสื่อสารมันเรียกความสนใจไปแทน จึงยืดตัวหยิบเจ้ามือถือที่อยู่ซะสุดขอบเตียงมาถือไว้
    มองหน้าจอเปิดเตือนสายเรียกเข้าแสดงรายชื่อที่ทำเอาเรียวคิ้วมันขมวดจนแทบผูกปม



     

    ต้น

     

    ปากบางถูกขบกัดตามอารมณ์ของเจ้าตัวมือยังคงกำถือโทรศัพท์ของของขวัญที่ยังสั่นเรียกร้องให้รับสายไม่หยุด

    เอาไงดี คิดเร็วๆซี่ไปรท์! ตัดสายเลยดีปะ? ไม่ๆเดี๋ยวก็โทรมาใหม่ได้อยู่ดีอะ สไปรท์เริ่มกำมือถือจนมือสั่นหงึกๆต่อสู้กับความคิดให้วุ่นมองชื่อที่ดูขวางหูขวางตา อา..สายหลุดไปแล้ว ดีมาก

     

    สไปรท์ยิ้มกริ่มแต่ยังไม่ทันจะดีใจไปมากกว่านี้มือถือไม่รักดีก็สั่นอีกรอบด้วยรายชื่อเดิมให้ยิ่งหงุดหงิดทิ้งตัวนั่งใส่เตียงจนตัวเด้งตาหลุกหลิกหาความคิดอะไรที่มันน่าจะเข้าท่ามากกว่าการตัดสาย หื้ม..... เด็กสาวครางเสียงสูงขึ้นจมูกกับวิธีที่ดูน่าจะได้ผลระยะยาวด้วยการสานต่อจากพฤติกรรมเมื่อช่วงกลางวัน เลื่อนปลดล๊อคหน้าจอแล้วยกมันแนบหู


     

    “ฮัลโหล”

     

    “ขวัญ  เอ่อ...นี่ต้นนะ”

    “รู้แล้ว”

     

    ชื่อมันก็โชว์อยู่ จะย้ำคิดย้ำทำหาอะไร

    “... อ่า...นั่นขวัญใช่ปะทำไมเสียงแปลกๆอะ”


     

    “ก็....ไม่ใช่ไง ต้นจำเราไม่ได้หรอ”

     

    ดัดเสียงให้ดูออดอ้อนขึ้นซักนิดให้ปลายสายเงียบไปเหมือนแปลกใจ

    “เอ่อ...”


     

    “สไปรท์ไง คุ้นเสียงบ้างรึยัง”

     

    “อ๋อๆก็ว่าคุ้นอยู่นะ เออแล้วขวัญไม่อยู่หรอ”

     

    ถ้าอยู่ก็รับไปแล้วสินี่โง่จริงหรือโง่มากกันแน่เนี่ย
    สไปรท์พลิกตัวนอนหงายตามองเพดานสีครีม


    “ขวัญไม่ว่างหน่ะ ต้นมีอะไรฝากเราไว้ได้นะ”
     

    “อ่าไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวเราโทรมาอีกทีแล้วกัน”

     

    สไปรท์ขมวดคิ้วหัวก็คิดนึกคำพูดยิ่งเร่งคิดเมื่อปลายสายทำท่าเหมือนจะบอกลาให้ต้องเร่งรั้งเอาไว้


    “เอ่องั้นแค่นี้นะ ”

     

    “เดี๋ยวก่อนสิต้น”

     

    เธอได้ยินเสียงครางอือเหมือนจะรับฟังจึงเปิดปากเปล่งคำพูดที่คิดไตร่ตรองเอาไว้อยู่แล้ว
    กรอกเสียงอ่อนลงให้ฟังดูเบาหูปนความแหบที่รู้ดีว่าคนฟังมันคงจะต้องมีปฎิกิริยาอะไรบ้างหล่ะ

     

    “แล้วเธอ......ไม่มีอะไรจะบอกเราบ้างหรอ”

    “...”

     

     

    เงียบไปนานเลยหล่ะ ท่าทางจะไม่เวิร์คแห๊ะเตรียมกดตัดสายทิ้งแล้วหล่ะแต่เสียงที่เล็ดรอดออกจากลำโพง
    ทำเอามุมปากมันกระตุกยิ้มอย่างมีชัยแนบมือถือของเพื่อนรักเข้าที่หูอีกครั้ง


     

    “เอ่อ.....งั้น






     

    ฝันดีนะไปรท์

     

    “อื้ม ต้นด้วยนะ”



     

    .


     

    .

     

    .


     

     


     

    “ใครโทรมาหรอไปรท์”

    เฮือก!!

     

    ร่างบนเตียงสะดุ้งสุดตัวรีบถดนั่งพิงหัวเตียง ดีนะตัดสายไปแล้ว

    และยิ่งลุกลี้ลุกลนเหมือนเด็กโดนจับผิดเมื่อของขวัญเอียงคอมองมือถือของตนในมือสไปรท์อย่างสงสัย
    ทั้งเดินไปพาดผ้าขนหนูที่ราวแล้วมาทิ้งตัวนั่งร่วมเตียงที่อีกฝ่ายก็รู้งานขยับแบ่งพื้นที่ให้สาวชุดนอนปาจามาทิ้งตัวนั่งข้างกัน


     

    “อ๋อ ต้นหน่ะ แต่เราคุยให้เรียบร้อยละ”

     

    “ต้น? โทรมาทำไมหน่ะ งั้นเดี๋ยวเราโทรกลับไปคุยเองดีกว่า”

    “เห้ยไม่ต้องๆ ”

     

    สไปรท์หลบมือถือมือวางไปอีกฝากของหัวเตียงเมื่อขวัญทำท่าจะคว้าคืนดูมีพิรุจออกนอกหน้า
    ให้ของขวัญยิ่งงงหนักถามด้วยสายตา สไปรท์กระแอมนิดนึงเหมือนเรียกความมั่นใจใส่ตัวอีกครั้ง


     

    “ก็...ถามแค่การบ้านหน่ะแต่เราตอบให้หมดและ”

     

    “ไปรท์เนี่ยนะ ตอบอะไรไป ถูกหรอนั่น”

    โหย..ทำหน้าตาไม่เชื่อได้น่าน้อยใจสุดอะ สไปรท์ย่นจมูกใส่ขวัญแล้วเชิดหน้านิดๆเป็นเชิงว่าเรื่องแค่เนี่ยไม่ระคายสมองซักนิดให้ของขวัญหลุดยิ้มทั้งส่ายหัวเอือมๆกับท่าทางหลงตัวเองไม่หยุดหย่อนแล้วต้องหันหลังตามแรงรั้งจากคนด้านหลังที่ไม่ปล่อยให้สงสัยนานเมื่อสัมผัสนุ่มของผ้าขนหนูกดซับตามเรือนผมของเธอย่างเบามือ ของขวัญปรือตาลงปล่อยให้หัวผงกหงึกหงักตามการเช็ดผมผสมนวดคลึงให้รู้สึกสบายตัว



     

    “เคยบอกใช่ไหมว่าให้เช็ดผมให้แห้ง ป่วยขึ้นมาแล้วจะเดือนร้อนเรา”

    ของขวัญเงยหน้าขึ้นมองคนที่คุกเข่าซ้อนอยู่ด้านหลัง ไล้มองเรียวหน้าสวยจากมุมที่ต่ำกว่าผ่านปลายคางเรียวได้รูปจนจรดเข้ากับดวงตาคู่หวานที่งดงามราวลูกแก้วใสล้อแสงริบหรี่ของโคมไฟ เธอชอบดวงตาของสไปรท์ ไม่รู้สิ ไม่ได้อยากได้มาเป็นของตัวเอง แค่อยากมองแบบนี้ไปเรื่อยๆก็แค่นั้น

     

    “ถ้าป่วยเราก็ป่วยเองจะไปเดือดร้อนเธอได้ไงหล่ะ”

     

    รู้สึกได้ว่าสไปรท์ลดผ้าขนหนูซับที่ปลายผมของเธอ ในห้องมันมีแสงสว่างพอแค่สลัวเพราะเราเปิดแค่โคมไฟให้ห้องนอนมันทอไปด้วยแสงส้มอ่อนสะท้อนเงาดำของเราทอดยาวขยับตามการเคลื่อนไหวจากคนด้านหลัง ที่แทนที่ผ้าขนหนูด้วยมือนุ่มวางบนไหล่ลาดของเธอ  มันคงเงียบเกินไป มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ


     

    ใบหูเธอกำลังร้อนเพราะลมหายใจอุ่รดรินอยู่ที่กกหู
    ตามด้วยเสียงกระซิบแค่แผ่วแต่กลับดังพอที่จะเรียกผีเสื้อนับพันเข้ามาบินวุ่นจนช่องท้องเวียนไปหมด

     

    “เดือดร้อนสิ .....ขวัญไม่รู้หรอ ว่าการรู้สึกเป็นห่วงใครซักคนมากๆ

     

     

     

    มันทรมานจะตายไป

     

     

    เธอถึงได้ยินเสียงหัวใจมันเต้นแรงขึ้นถึงขนาดนี้






    TBC...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×