ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คนึงหาเจ้ากรรณิการ์

    ลำดับตอนที่ #2 : ดวงใจของจิณห์วรา

    • อัปเดตล่าสุด 26 ม.ค. 66


     


     

    จันทร์หอมหันซ้ายแลขวาใช้สายตาสอดส่องค้นหาเจ้าคุณพ่อคนงามไปทั่วเรือนใหญ่ เมื่อเห็นคุณชายประดิพัทธ์นางก็ใช้มือถกผ้าแพรวิ่งเข้าไปหาทันที

    นี่แหละคุณสมบัติกุลสตรีที่ดีงาม อย่าหาทำตามกันเล่า

    รุ่งสางเยี่ยงนี้เจ้าคุณแม่กับพี่หญิงไม่อยู่นางจะกระโดดโลดเต้นอย่างไรก็ได้แล้วแต่นางสะดวก ซนนักนะแม่หญิงผู้นี้

    จันทร์หอมแลเห็นคุณชายประดิพัทธ์ที่กำลังนั่งร้อยมาลัยอย่างตั้งอกตั้งใจบนตั่งนั่งไม้สักเนื้อดีอยู่กลางเรือนใหญ่ ใบหน้าเรียวเล็ก ผิวขาวใสอมชมพู จมูกโด่งรับกับใบหน้างาม ริมฝีปากอวบอิ่มฉ่ำหวานยกยิ้มอารมณ์ดี แววตากระจ่างใสไร้เดียงสาชวนให้ผู้คนที่ได้ยลเห็นใจสั่นมิน้อย

    เจ้าคุณแม่ก็ช่างเลือกหาคู่ครองได้น่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง 

    บุรุษผู้งดงามแห่งเรือนเจ้าพระยาจิณห์วรารายล้อมด้วยดอกไม้งามนานาพันธ์โดยมีบ่าวคนสนิทนั่งอยู่ข้างกาย บ่าวไพร่โดยรอบทั้งบุรุษสตรีต่างก้มหน้าสำรวมกิริยาแต่ก็ยังมิวายแอบเหลือบแลเจ้าคุณชายผู้อ่อนโยนของเรือนเจ้าพระยาบ้างเป็นครั้งคราว

    งามสง่าถึงเพียงนี้ อ่อนช้อยเป็นที่สุด ผู้ใดเล่าจะมิอยากชื่นชม

    คุณชายประดิพัทธ์ได้ยินเสียงตึงตังไร้กิริยาก็ทำได้เพียงถอนหายใจแล้วส่ายหัวเบาๆ ครั้นเงยหน้าขึ้นมองบุตรสาวแสนรั้นดวงตากลมสวยก็เบิกกว้างอย่างตกตะลึง เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักท้วงบุตรสาวแสนดื้อรั้นทันที

    "แม่จันทร์หอม เหตุใดจึงถกผ้าเช่นนั้น!" คุณชายประดิพัทธ์วางพวงมาลัยไม่ทันเสร็จดีลงบนถาด "บ่าวไพร่บนเรือนอยู่ตั้งมากสำรวมกิริยาหน่อยเถิด!"

    "โถ่เจ้าคุณพ่อขา มิมีผู้ใดกล้ามองข้าหรอกเจ้าค่ะ" เธอออดอ้อนเจ้าคุณพ่อคนสวยเสียงหวาน "มันผู้ใดกล้ามองข้าจักเฆี่ยนให้หลังลายเชียว"

    "แม่จันทร์หอมดูเจ้าพูดเข้า บ่าวไพร่มิได้ทำผิดเหตุใดจักต้องเฆี่ยนตี" คุณชายประดิพัทธ์ดุบุตรสาวเสียงแข็ง

    เจ้าคุณท่านอีกคนของเรือนเจ้าพระยาเดินเข้าไปตีมือเรียวงามของบุตรสาวที่กำลังถกผ้าแพรเสียงดังแปะ ไม่เจ็บแค่ยุกยิกเหมือนใบไม้ปลิวมาสะกิด "ปล่อยเสีย เจ้าเป็นสาวเป็นนางทำตัวให้สำรวมหน่อยเถิด หากเจ้าเป็นเช่นนี้จักมีบุรุษใดมาชมชอบเล่า" 

    จันทร์หอมเห็นเจ้าคุณพ่อจับจีบผ้านุ่งลายงามให้นางอย่างตั้งใจแล้วก็รู้สึกผิดเบาๆในใจ เล่นมากเกินไปหรือเปล่านะ

    "มิกลัวเป็นสาวทื่อหรืออย่างไรฮึ!" คุณชายประดิพัทธ์เงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าสำนึกผิดของบุตรสาวก็ใจอ่อนยวบ "พ่อหยอกเจ้าเล่น ผู้ใดเล่าจักมิชอบบุตรสาวผู้งดงามของพ่อ"

    "ลูกมิแต่งก็ได้เจ้าค่ะ ลูกจักเป็นสาวทื่อคาเรือน คอยเลี้ยงดูเจ้าคุณพ่อยามแก่เฒ่าดีหรือไม่เจ้าค่ะ" เธอยอมโสดจนตายดีกว่าแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก เธอยังไม่เคยเจอหนุ่มน้อยหน้ามนที่ถูกใจเลย พูดแล้วก็เศร้า

    "เหลวไหล เจ้าจักมิแต่งงานได้เยี่ยงไร" เจ้าคุณพ่อส่ายหน้า แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเอ็นดูราวกับมองดูเด็กตัวน้อยที่ยังมิทันโต "ให้พ่อเจ้าดูให้ดีหรือไม่ว่าผะ-"

    "ฮืมม~ ลูกได้ยินพี่หญิงทิพย์กล่าวว่าอีกสามวันจักมีงานมงคลที่เรือนพระยาผกามาศหรือเจ้าค่ะ ลูกยังมิได้เตรียมของให้ท่านพระยาเลย งั้นลูกไปก่อนนะเจ้าค่ะ ลูกจักต้องไปหาของดีๆไม่ให้เสียหน้าเรือนเจ้าพระยาจิณห์วรา ระรินไป! รักเจ้าคุณพ่อนะเจ้าค่ะ!" ว่าจบเธอก็วิ่งหนีลงจากเรือนใหญ่ไปที่ท่าน้ำทันที แต่ก็มิวายตะโกนสั่งบ่าวในเรือนใหญ่ 

    "สิน! ภูมิ! ดูแลเจ้าคุณพ่อให้ดี! ยายเฟื่อง! ยายนิล! ดูแลเจ้าคุณพ่อให้ข้าด้วย! พวกเอ็งก็ด้วยเฝ้าเรือนให้ดี! ลูกจักรีบกลับมานะเจ้าค่ะ!" จันทร์หอมพูดจบเธอก็ขึ้นเรือไปพร้อมกับระรินและบ่าวอีกสองคน 

    เจ้าคุณแม่ก็แสนจะอินดี้รักธรรมชาติ เป็นถึงเจ้าพระยาแต่มีบ้านริมแม่น้ำห่างวังไกลโขไม่สงสัยเลยว่าทำไมต้องรีบตื่นแต่เช้า 

    คุณชายประดิพัทธ์ที่เดินออกมาตามหลังเพื่อส่งแม่จันทร์หอมขึ้นเรือถึงกับหยุดชะงัก เจ้าคุณชายเม้มริมฝีปากแน่น แก้มใสแดงระรื่นอย่างน่ารัก

    ช่างเป็นบุตรสาวที่ไร้สาระเสียจริง แล้วจักให้ข้าเอาหน้าไปไว้ที่ใด อับอายบ่าวไพร่นัก 

    "เข้าเรือนเถิดขอรับคุณชาย แตกแดดนานๆเดี๋ยวจักป่วยไข้ แม่หญิงจันทร์หอมรู้เข้าบ่าวคงโดนโบยเพราะดูแลคุณชายมิดีนะขอรับ" สินบ่าวคนสนิทเอ่ยเย้าผู้เป็นนาย

    "ไร้สาระ! เจ้า! ฮึ่ม!" คุณชายประดิพัทธ์กล่าวเสียงดังกลบเกลื่อนความเขินอายก่อนจะรีบจ้ำอ่าวกลับเข้าเรือนใหญ่

    สินยิ้มขบขันก่อนจะเดิมตามผู้เป็นนาย คุณชายน้อยของมันช่างน่าเอ็นดูนัก อ่อนโยนทั้งกิริยาวาจา มารยาท และไร้เดียงสาถึงเพียงนี้ แล้วจักมิให้แม่หญิงจันทร์หอมเป็นห่วงได้อย่างไร

    บ่าวไพร่ทุกคนในเรือนเจ้าพระยารู้ ว่าวงศ์ตระกูลเจ้าพระยาจิณห์วราหวงแหนเจ้าคุณชายของเรือนแค่ไหน มันผู้ใดริอาจคิดมิดีต่อเจ้าคุณชาย จุดจบของมันผู้นั้นคงมิได้สวยงามนักหรอก

     

     

     

    "จักไปตลาดหลวงหรือไม่เจ้าค่ะ" บ่าวที่ทำหน้าที่พายเรือเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นนายยังมิได้บอกจุดหมายปลายทางที่จะไป

    "เข้าท่ากงนรงแล้วกัน ข้าจักไปเยี่ยมตึกสิริมนสักหน่อย" ไม่ได้ไปที่นั่นมาหลายวันแล้วลองแวะไปดูสักหน่อยก็ดี 

    "เจ้าค่ะ" บ่าวสาวตอบกลับเสียงนอบน้อม

    "แม่หญิงเจ้าค่ะ บ่าวได้ยินมาว่ามีร้านเปิดใหม่ในตลาดหลวง เป็นร้านขนมที่อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ" ระรินโค้งตัวมาคุยกับเธอด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "บ่าวได้ยินมาจากบ่าวคุณพระนายเจ้าค่ะ"

    "งั้นหรือ" ขนมไทยมันก็อร่อยเหมือนๆกันหมดมิใช่หรือ จู่ๆนางก็คิดถึงทอดมันปลากราย หิวจังให้เจ้าคุณพ่อทำให้กินดีไหมนะ แต่ก็ไม่อยากให้เจ้าคุณพ่อทำงานหนัก แต่นางก็อยากกินฝีมือเจ้าคุณพ่ออะ "ไปท่าตลาดหลวง"

    เมี่ยงปลาเผาก็อยากกิน เอ้าอยู่ๆก็หิวอะไรเนี่ย ซื้อปลากลับไปเผากินตอนเย็นดีกว่า น้ำจิ้มฝีมือเจ้าคุณพ่อคือดือมาก แต่ไม่อยากให้เจ้าคุณพ่อทำอาหารตอนเย็น 

    บ่าวโรงครัวก็ทำอร่อยอยู่นะ อืม... พอแก้ขัดได้ เย็นนี้ต้องมีปลาเผาในสำรับอาหาร!

    เมื่อเรือเทียบท่าจันทร์หอมก็ขึ้นจากเรือพร้อมกับยกร่มกระดาษตัวสวยขึ้นมากางเพื่อกันแดด แดดไม่แรงมากแต่นางคือคนไทย คนไทยที่แปลว่ากลัวแดด กลัวผิวคล้ำ ฉะนั้นกางเถอะถึงนางจะไม่ใช่ผู้ชายนางก็จะกางใครจะทำไม

    จันทร์หอมเดินออกจากท่าเรือตรงไปที่ตลาดหลวงพร้อมกับระริน วันนี้เธอนุ่งแพรลายดอกสีแดงดิ้นทอง สไบแดงแรงฤทธิ์ คาดเข็มขัดสายทองคำสลักประบุษราคัมเม็ดเล็กเม็ดน้อย เส้นผมสีขลับก็มัดรวบตึง ใบหน้าเย้ายวนทรงเสน่ห์ตกแต่งเพียงเล็กน้อย เพียงแต่ริมฝีปากของนางปาดแต่งให้แดงเป็นพิเศษ 

    แดงทั้งตัวไม่เด่นได้ไงก่อน อันที่จริงนางไม่ได้เด่นขนาดนั้นหรอก นี่แต่งตัวธรรมดาพื้นๆนะ ที่นี่คือตลาดหลวง ตลาดหลวงมีผู้คนเยอะแยะ และแม่หญิงแต่งตัวประชันกันก็ช่างมากมี เครื่องหัวเอ่ย เครื่องประดับเอ่ย ผ้าแพรสไบดิ้นทองจัดเต็มยิ่งกว่านางเสียอีก 

    นางข้าหลวงข้าใจก็เยอะคนต่างเมืองก็มี ถ้าใครแต่ตัวเรียบง่ายก็จะดรอปและกลมกลืนไปกลับฝูงชนธรรมดาเลยล่ะ

    อวดให้รู้ว่าข้าสวยนะย่ะหล่อน บ่าวไพร่เรือนใหญ่ที่มาสอดส่องจักได้มีเรื่องไปพูดกับนายตนว่า เอ๊อแม่หญิงผู้นี้ดี ผู้นั้นสวย ผู้โน้นมีชาติตระกูลเหมาะเป็นลูกสะใภ้บลาๆและก็จะเกิดการนัดหมายพูดคุยอะไรก็ว่าไป ว่าซ่าน

    มาพูดถึงที่มาแสนสั้นของตลาดหลวงกันดีกว่า ทำไมถึงเรียกว่าตลาดหลวง? แต่ก่อนก็เป็นตลาดธรรมดาที่ดูมีระดับกว่าตลาดทั่วไปเพราะค้าขายไม่ใกล้ไม่ไกลกำแพงวังนอกนัก พอนานเข้าก็มีผู้คนต่างเมืองต่างเชื้อชาติเข้ามาค้าขายร่วมด้วย องค์จักรพรรดินีเห็นว่าเอ๊อนี่แหละเส้นทางที่จะทำให้เมืองของข้าเจริญ พระองค์จึงพระราชทานชื่อให้เป็นตลาดหลวงพร้อมเก็บค่าธรรมเนียมเข้าคลังจบ

    ​​​​​อันที่จริงมันก็มีหลายที่นะพวกตลาดร้านค้าน่ะ แหล่งช็อปปิ้งที่มีของดีแต่ละแหล่งไม่เหมือนกัน ก็มีท่ากงนรง ท่าพันธ์กร ท่ากนกพร ท่านิรมันย์ อีกสี่ห้าท่ารอบเมืองหลวงน่ะ

    ตลาดยังคงครึกครื้นเหมือนเคยผู้คนมากมายต่างพากันออกมาจับจ่ายใช้สอย เสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยแลดูมีชีวิตชีวานัก หญิงสาวร่างสูงที่กำลังยืนต่อราคาผ้าผ่อนจากต่างเมือง พ่อหนุ่มอ้อนแอ้นที่กำลังเลือกดูพืชพันธุ์เพื่อนำไปประกอบอาหาร 

    ชายหนุ่มส่วนมากที่ออกมาจ่ายตลาดจะเป็นบ่าวไพร่ ชาวบ้านทั่วไปหรือบุตรชายเศรษฐีใหม่ ส่วนน้อยที่จะเป็นบุตรข้าราชการ ถ้าเป็นบุตรชายของข้าราชการก็คงเป็นบุตรชายของพวกคนยศน้อย เพราะส่วนมากจะไปกระจุกรวมกันที่ตึกราร้านค้าใหญ่ๆเสียส่วนใหญ่ หรือไม่ก็เจอะเจอกันที่สโมสร สวนแสนงดงามที่ผู้ดีมีกระตังเท่านั้นที่สามารถเข้าได้

    บุตรชายข้าราชการใช่ว่าจักได้เห็นหน้ากันง่ายๆ ไม่สนิทชิดเชื่อหรือมีงานใหญ่ในเรือนข้าราชการยศสูง งานจัดเลี้ยงสำคัญ งานรวมตัวจุกจิกที่คุณชายยศสูงจัด งานบุญ งานเลี้ยงในวังหลวงก็อย่าหวังจักได้เห็นเลย 

    ชายหนุ่มบางคนมิได้ออกจากเรือนไปไหนเลยนอกจากวัดก็มี ออกได้อีกทีก็เป็นตอนที่ตบแต่งออกจากเรือนตนไปอยู่เรือนภรรยาแล้ว 

    การแต่งกายของบุตรชายข้าราชการก็ต้องสุภาพเรียบร้อยไม่เผยเนื้อหนังมากเกินไป ปกคอเสื้อชิดติดกระดุมทุกเม็ด แขนเสื้อยาวถึงข้อมือ โจงกระเบนถึงเข่า สวมถุงเท้ายาวสีขาวไม่ให้เห็นเนินผิวอ่อนเยาว์ อย่าให้หญิงสาวที่มิใช่สามีได้เห็นเชียว

    ถ้าเป็นบ่าวหรือชาวบ้านทั่วไปก็อาจจะมีแขนสั้น นุ่งโจงกระเบนธรรมดามิต้องพิธีรีตองมากนัก แต่จะไม่มีการโชว์ซิกแพคซิกใจเป็นอันขาด ว่าแต่ยุคนี้ผู้ชายมีซิกแพคไหมนะ 

    จะถามเจ้าคุณพ่อก็เอิ่มมม... รอดูของคนที่จะมาเป็นสามีของนางล่ะกัน

    แต่ถ้าเป็นชายหนุ่มที่ออกเรือนแล้วก็จะสบายขึ้นมาหน่อย เช่น เจ้าคุณพ่อของนาง ใส่เสื้อทรงแขนสั้นก็ได้ นุ่งผ้าทอเนื้องามลายประณีต ไม่อยากจะขิงแต่เจ้าคุณแม่นางจ่ายไปเยอะมากข้ามน้ำข้ามทะเลเลยก็ว่าได้กว่าจะได้ผ้าทอผืนนี้มาให้เจ้าคุณพ่อนาง คติประจำใจของเจ้าคุณแม่นางคือ สามีของข้าจักต้องได้ใช้แต่ของดีๆ 

    เจ้าคุณพ่อเวลาอยู่บนเรือนจักนุ่งผ้าแบบไม่โจงก็ได้นุ่งธรรมดาทัดเอวใส่เข็มขัดแล้วแต่สะดวก ถุงเท้าถ้าไม่อยากใส่ก็ไม่ต้องใส่ แต่ต้องไม่มีพวกบ่าวหญิงอยู่ใกล้ๆ หรืออาจจะให้พวกบ่าวหญิงนั่งอยู่ไกลๆเพื่อดูแลความปลอดภัย

    เจ้าคุณแม่ของนางเห็นเข้มงวดเต็มไปด้วยกฎระเบียบเช่นนั้นก็ผ่อนเปรอให้เจ้าคุณพ่อของนางไม่น้อย อะไรคิดว่าทำให้เจ้าคุณพ่อสบายก็ให้ทำ ร้อนหรือแขนสั้นก็ดี ไม่อยากใส่ถุงเท้าก็ไม่ต้องใส่ 

    ตามใจแค่คนของใจนั่นแหละ

    ขอแซวเจ้าคุณพ่อนิดนึง เห็นเรียบร้อยอ่อนโยนและมีความเป็นพ่อเรือนสูงแบบนั้นน่ะ ดื้อเงียบนะจะบอกให้

    แค่กๆ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของเรือนนั้นๆนั่นแหละนะ แค่ยกตัวอย่างเรือนของเธอขึ้นมาให้ดู 

    ก็ไอ้คนคลั่งรักมันกลัวเจ้าคุณพ่อเธอร้อน รักมากหลงมากก็เงี้ยแหละ 

    เบื่อพวกคลั่งรัก

    แต่เจ้าคุณพ่อคือน่ารักจริง เห็นแล้วโคตรรักโคตรหวงอะ

     

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×