คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Black Magic
Zayn x Perrie Niall x Jade
I'll make you fall in
love.
For a spell that can't
be broken,
One drop should be enough.
Boy, you belong to me,
I got the recipe
And it's called Black
Magic”
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่ส่องผ่านหน้าต่างห้องเข้ามา
ทำให้ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตาขึ้นมา ดวงตาสีฟ้าอ่อนกระพริบถี่ๆ ก่อนเบิกตากว้างอย่างตกใจ มือเรียวสะบัดผ้าห่มออกจากตัวก่อนที่จะลุกขึ้น
หยิบแว่นสายตาหนาเตอะขึ้นมาสวมและจ้องมองไปยังนาฬิกาสีขาวเรียบหรูทางหัวเตียง
และถอนหายใจออกมาเมื่อรู้ว่าตอนนี้เพิ่งจะหกโมงกว่าๆ
จึงรีบเข้าห้องน้ำและจัดการทำธุระส่วนตัว
‘เพอร์รี่ เอ็ดเวิร์ด’ รีบวิ่งลงมาจากบันไดบ้าน
บ้านหลังเล็กๆที่แสนอบอุ่น ที่ๆเธออยู่มาตั้งแต่เกิดและไม่อยากจากไปไหน แต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้
เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เพอร์รี่เรียนอยู่เกรดสิบสองในไฮสคูลแห่งหนึ่งในเมืองเซาท์ชิลด์ และเธอมีความฝันที่จะไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ลอนดอน
และมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเด็กแก่เรียนอย่างเพอร์รี่และเพื่อนอีกสามคน
ได้แก่ ‘เจด เธอรล์วอล’ ‘เจซี่ เนลสัน’และ‘ลีห์แอนน์ พินน็อค’
“เพอร์รี่!!!
แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่งลงบนบันได เกิดพลัดตกลงมาจะทำยังไง”
นางเอ็ดเวิร์ดดุอย่างไม่จริงจังนักในขณะที่นั่งอยู่ทีโต๊ะรับประทานอาหาร
เพอร์รี่ยิ้มแหยๆ
แล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปกอดและหอมแก้มผู้เป็นแม่และพ่อที่นั่งอยู่ด้วย
ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะ และลงมือทานมื้อเช้าที่นางเอ็ดเวิร์ดเตรียมไว้ให้
“แล้วจอนนี่ล่ะคะ”
“รายนั้นน่ะ
เขายังไม่ตื่นหรอก พี่เขามีเรียนตอนบ่ายกว่าจะตื่นก็คงเกือบจะไปเรียนสายนั่นล่ะ ”
นายเอ็ดเวิร์ดหัวเราะขำกับพฤติกรรมของ ‘จอนนี่ เอ็ดเวิร์ด’ ผู้เป็นลูกชาย และพี่ชายของเพอร์รี่
“ใครว่าล่ะครับ”
เสียงทุ้มดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงใหญ่ย่างกรายลงมาจากบันได
“ไง ยัยเฉิ่ม” จอนนี่กล่าวทักทายน้องพลางยักคิ้วให้
เพอร์รี่เบ้ปากใส่อย่างไม่พอใจ
“ผีเข้าหรือไง
ทำไมตื่นเช้าจัง”
“ว่าจะตื่นลงมาหาอะไรกินแล้วค่อยขึ้นไปนอนน่ะ”
“ว่าแล้วเชียว
เพราะมีแต่กินกับนอนไง เลยอ้วนเป็นหมู” เพอร์รี่ยิ้มร้าย สะใจที่ได้เอาคืน
“เพอร์!!!!” ผู้เป็นพี่ขึ้นเสียงดัง เพอร์รี่หัวเราะคิกคัก
“เอาล่ะจ้ะ
แม่ว่าเราควรทานมื้อเช้ากันได้แล้ว” นางเอ็ดเวิร์ด
นั่นเองที่เป็นผู้ห้ามศึกในครั้งนี้
สมาชิกทั้งสี่นั่งทานมื้อเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
พลางถามสารทุกข์สุกดิบกันไปเรื่อย เพอร์รี่ยิ้มอย่างมีความสุข
ในระหว่างคิดถึงเรื่องที่อะไรจะเกิดขึ้นในวันนี้ แต่แล้วเมื่อนึกถึงหน้าใครคนหนึ่งก็หุบยิ้มลงมาทันที
“เออนี่
เพอร์ ลูกควรจะแต่งตัวใหม่ได้แล้วนะจ๊ะ ลูกไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่เสียหน่อย”
นางเอ็ดเวิร์ดพูดอย่างอ้อนวอน
“แม่คะ เราคุยเรื่องนี้อีกแล้วเหรอคะ หนูแต่งตัวไม่เป็นหรอกค่ะ
อีกอย่าง มันจะสำคัญตรงไหนคะ สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ดูที่การแต่งตัวนี่คะ”
เพอร์รี่เอ่ยขึ้น จะอะไรกันนักหนากับการแต่งตัวของเธอ ก็แค่ เสื้อยืดแขนยาวสีชมพู
กางเกงวอร์มตัวใหญ่ๆ ผมหางม้ารวบไว้อย่างลวกๆกับหมวกแก็ปสีชมพูก็แค่นั้น(?)
“ลูกก็กะจะมุ่งเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเดียว
แล้วหนุ่มๆที่ไหนจะมาจีบล่ะเนี่ย” นางเอ็ดเวิร์ดทำหน้าเบื่อหน่าย ความจริงเธอก็ไม่ได้อะไรมากนักกับลูกสาว
เพราะเพอร์รี่ไม่เคยมีเรื่องให้ต้องหนักใจ จะมีก็แต่เรื่องการเข้าสังคมของเธอนั่นหละที่ทำให้แม่ต้องเป็นห่วง
“ไม่ล่ะค่ะ หนูยังไม่คิดเรื่องนั้น”
เพอร์รี่ส่ายหน้าและยิ้มให้ครอบครัวหน่อยๆ
“ให้ไปส่งไหม” จอนนี่ถามขึ้นหลังจากที่ทานมื้อเช้าเรียบร้อย
“ไม่ล่ะ
ขอบคุณค่ะ วันนี้ฉันอยากเดินไปพร้อมสาวๆน่ะ” เพอร์รี่ยิ้มให้อย่างขอบคุณ
นั่นคือกิจวัตรประจำวันของเพอร์รี่
เอ็ดเวิร์ด ชีวิตของเธอส่วนมากทุ่มเทอยู่กับการเรียน ครอบครัว และ เพื่อนๆอีกสามคน
เธอแทบจะไม่ได้คิดเรื่องปาร์ตี้ การแต่งหน้า ทำผม
หรือแม้กระทั่งความรักเช่นเดียวกับวัยรุ่นคนอื่นๆ ไม่ใช่เป็นเพราะที่บ้านกดดันอะไร
แต่เป็นเพราะเธอเองต่างหาก
ความจริงแล้ว
เพอร์รี่ก็ไม่ได้อยากเป็นเด็กแก่เรียนถึงขนาดนี้ แต่เนื่องด้วยตั้งแต่เด็กจนโต
เธอก็เป็นยัยเฉิ่มมาโดยตลอด เพอร์รี่จึงคิดว่าการหันมาเอาดีด้านเรียนอาจจะทำให้เธอมีความน่าสนใจขึ้นบ้างนิดหน่อย
ย้ำว่าเพียงนิดหน่อยเท่านั้น อย่างน้อยเธอก็ได้เจด ลีห์แอนน์ และเจซี่
มาเป็นเพื่อน
ร่างบางเดินเท้ามาตามทางระหว่างบ้านไปโรงเรียน
เพอร์รี่มองเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งที่คุ้นเคย
และเห็นหญิงสาวผมสีดำที่ถักเปียไว้หลวมๆนั้นกำลังเก็บของขึ้นรถยนต์ จะไปไหนกันนะ
“เฮ้! เจซี่ วันนี้อยากเดินไปด้วยกันไหม” เพอร์รี่ตรงเข้าไปทักด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
มือเรียวเอื้อมไปแตะไหล่สาวผิวแทนอย่างอารมณ์ดี
เจซี่สะดุ้งแล้วหันมามองหน้าเพอร์รี่
และหันกลับไปเก็บของขึ้นรถยนต์ต่อ
“เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะเพอร์”
“อยากเดินไปโรงเรียนด้วยกันไหม” เพอร์รี่ยิ้มให้ แต่ถ้าเจซี่ง่วนอยู่กับการเก็บของอย่างนี้คำตอบก็คงจะชัดเจนอยู่แล้วล่ะ
“โอ้! โทษทีนะเพอร์รี่ แต่วันนี้
ฉันกับเชอร์จะไปเยี่ยมพ่อที่เมืองอื่นน่ะ” เจซี่หน้าเสียลงทันที “วันนี้เชอร์ พี่สาวฉันกลับมาจากลอนดอนอย่างกะทันหัน
เพราะพ่อป่วยน่ะ ขอโทษจริงๆจ้ะ”
“อ้อ! เอ่อเป็นไรหรอก ขอให้พ่อหายป่วยเร็วๆนะ ”
เพอร์รี่เสียงอ่อย พลางยิ้มให้
ขาเรียวยาวที่ถูกซ่อนไว้ด้วยกางเกงวอร์มเดินไปอย่างเอื่อยๆ
เจซี่ไม่ว่างก็ยังมีอีกสองหนิ แต่คราวนี้เพอร์รี่เลือกที่จะหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์ลีห์แอนน์
เพราะถ้าเพื่อนสาวผิวสีของเธอไม่วางเหมือนกับเจซี่แล้วล่ะก็เธอจะได้ไม่ต้องเสียเวลากับการเดินไป
‘ไฮ!!!!! ว่าไงจ๊ะเพอร์’
“วันนี้เธอจะเดินไปโรงเรียนด้วยกันไหม”
‘โทษทีนะแต่ฉันคงไม่ได้ไปโรงเรียนวันนี้น่ะ
ฉันจะไปช่วยงานแม่ที่ร้านอาหารน่ะ วันนี้ร้านเปิดวันแรก’
“อ้อ! ไม่เป็นไร
งั้นเดี๋ยวเรียนเสร็จฉันจะไปอุดหนุนนะ บาย”
เพอร์รี่ลองกดเบอร์ไปหาเจด แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ
‘เดี๋ยวฉันจะตามไปโรงเรียนทีหลังนะ’ นั่นล่ะ
“เฮ้อ!” สาวผิวขาวเพียงคนเดียวในกลุ่มถอนหายใจออกมา ถ้ารู้อย่างนี้ให้จอนมาส่งเสียก็ดี
โครม!!!!
เพอร์รี่ลงไปนอนกองกับพื้น สบถออกมาอย่างหัวเสีย นี่มันวันซวยอะไรเนี่ย
ความรู้สึกของเธอตอนนี้คือโลกมันเบลอไปหมด หญิงสาวรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้แว่นตาของเธอคงหล่นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ใครที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือจนชนเธอล้มแบบนี้กันนะ
“ขอโทษนะ
ฉันไม่ทันเห็นน่ะ” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นหยุดความคิดของเพอร์รี่
มือๆหนึ่งซึ่งต้องเป็นมือของเขาคนที่ชนเธอแน่ๆ ยื่นแว่นตาให้ “และนี่ ฉันคิดว่าเป็นแว่นตาของธอ”
เพอร์รี่รับมาอย่างรุนแรงแทบจะกลายเป็นกระชาก
หญิงสาวเงยหน้ามองเจ้าของเสียงอย่างหงุดหงิด
แต่ทันที่ที่เห็นหน้าเขา ความรู้สึกต่างๆเหล่านั้นกลับมลายหายสิ้นไป
กลับกลายเป็นความตกตะลึงในทันที
เขาคือเซน
มาลิค!!!!!
ดวงตาเพอร์รี่เบิกกว้าง
เซน มาลิค หนุ่มที่สาวๆครึ่งค่อนโรงเรียนต่างฝันถึง ซึ่งหนึ่งในนั้นไม่เคยมีเธอ
แต่เมื่อได้มองหน้าของเขาตรงๆแล้ว ดวงตาสีเฮลเซนนั้น
ก็อาจจะทำให้เธอเป็นหนึ่งในนั้นได้ไม่อยากนัก...
“เธอลุกไหวไหม”
“อ้อ
ไม่เป็นไร” เสียงเรียกทำให้เจ้าหล่อนสะดุ้ง
เพอร์รี่ลุกขึ้นเองโดยไม่อาศัยมือที่เซนยื่นมาให้
“ฉันรู้สึกคุ้นๆหน้าเธอนะ
เธอเรียนที่เดียวกันกับฉันแน่เลย” เพอร์รี่พยักหน้า
“ฉัน
เซน ...เซน มาลิค” พร้อมยื่นมือทักทาย
“ฉันรู้ชื่อเธอ”
เพอร์รี่จับมือตอบพลางหัวเราะ “ฉันเพอร์รี่ เอ็ดเวิร์ด”
“ก็แหงล่ะ
ฉันมันคนดังนี่นะ” เซนหยักไหล่ให้
คนฟังหันขวับไปมองหน้าเขาพลางเบ้ปากอย่างหมั่นไส้
“เราควรไปโรงเรียนกันได้แล้วนะ
เดี๋ยวมันจะสาย” เพอร์รี่เบี่ยงประเด็นทันที
“เฮ้! นี่เธอชวนฉันเดินไปด้วยกันเหรอ
เธอชอบฉันใช่ไหมล่ะ” เซนถามด้วยหน้าตานิ่งๆ แต่ก็จับได้เลยว่ามันเป็นการกวนประสาทที่ชวนเขิน ที่สาวๆได้ยินแล้วคงจะละลายทันที
เมื่อก่อนเพอร์รี่อาจจะไม่คิดแบบนี้ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ที่เธอได้มายืนอยู่ใกล้ๆเขาแบบนี้
หัวใจของเพอร์รี่กระตุกขึ้นมาวูบหนึ่ง
“เหอะๆ”
สาวผมบลอนด์เก๊กสีหน้าให้เรียบนิ่ง แล้วรีบเดินไปทันที
ระหว่างทางเดินไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ต่างฝ่ายต่างก้มหน้าเดิน เพอร์รี่กำลังมึนงงและคิดทบทวนว่า
ทำไมจู่ๆเธอได้มาเดินข้างเขาแบบนี้
เธอสังเกตได้ว่าตั้งแต่เดินมานี้มีแต่คนที่มองมายังเธอและเซนและซุบซิบๆ
“บ้านเธออยู่แถวนี้เหรอ”
และแล้วก็เป็นเซนที่ทำลายความเงียบ
“ใช่
แล้วเธอล่ะ ฉันไม่เคยเห็นเธอผ่านทางนี้เลย”
“ทำไมล่ะ
อยากให้ฉันอยู่แถวนี้หรือไง”
“หยุดกวนประสาทแล้วตอบคำถามฉันมาได้แล้ว”
“ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้น่ะ”
และก็กลับมาเงียบอีกครั้ง
สาวแก่เรียนเริ่มเข้าสู่โลกความคิดของเธอ นี่ถ้าเขามาอยู่แถวนี้
ฉันก็จะได้เห็นหน้าเขาบ่อยๆงั้นสิ ดีจัง ไม่ๆ
เพอร์รี่สะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออกไปให้หมด โชคดีที่ถึงโรงเรียนแล้ว
“อ้าว
เธอหยุดเดินทำไมล่ะ” เซนหันหลังกลับมาเมื่อเห็นว่าเพอร์รี่ไม่ยอมเข้าไปในโรงเรียน
“เธอเข้าไปก่อนสิ”
“ทำไม”
เซนทำหน้าฉงน ไม่ว่าจะมองมุมไหนนายก็ดูดีจริงๆ เฮ้ย! ไม่ๆ
“เอ่อ... เธออย่าลืมสิ แฟนคลับเธอ”
“อ้อ
ใช่ บาย” แล้วเซนก็เดินเข้าไปในโรงเรียน
เพอร์รี่มองตามไปจนเซนอยู่ห่างจากเธอประมาณ ร้อยเมตรได้
เธอจึงพอมีความกล้าที่จะเดินเข้าโรงเรียน
หญิงสาวมัวแต่คิดเรื่องบทสนทนาต่างๆระหว่างเธอกับเซน หน้าเพอร์รี่ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
แต่ความรู้สึกที่มีผีเสื้อวิ่งวนอยู่ในท้องก็ดับวูบลงเมื่อเธอก้มมองสภาพตัวเองตอนนี้
ตอนที่เธอยังเป็นยัยป้าแสนจะเฉิ่มแล้ว โอกาสที่เซนจะมามีใจให้นั้นคงจะเท่ากับศูนย์
แล้วที่เขาพูดกับเธอเมื่อกี้ล่ะมันคืออะไร รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
และแล้วก็จางหายไปอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน แต่เขาก็คงจะคุยอย่างนี้กับทุกคนละมั้ง
ความคิดในหัวของหญิงสาวเริ่มตีกันไปหมด
รวมทั้งความรู้สึกแปลกประหลาดที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาเมื่อได้สบตาสีเฮลเซนนั้น
เพอร์รี่มัวแต่คิดเรื่องนี้โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าขาเรียวยาวได้พาร่างกายบอบบางเดินมายังห้องเรียนที่คุ้นเคยโดยอัตโนมัติ
“หวัดดีเพอร์รี่”
เสียงสดใสร่าเริงของหนุ่มน้อยผมสีบลอนด์ดังขึ้น
“เฮ้! ไนออล หวัดดี สบายดีนะ”
เพอร์รี่ยิ้มให้และเดินไปนั่งโต๊ะข้างๆ “ไนออล ฮอแรน” เพื่อนอีกคนของเพอร์รี่ เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่สนิทกับเพอร์รี่และอีกสามสาว
“ดีมาก
หน้าร้อนเป็นไงบ้างน่ะ”
“ก็ดี”
เพอรรี่ยักไหล่ “ก็อ่านหนังสือกับสาวๆ ฟังเพลง และก็อ่านหนังสืออีกครั้ง
แล้วก็เที่ยวกับที่บ้านบ้างนิดหน่อย” ไนออลพยักหน้า
“ไม่อยากเชื่อว่าตอนนี้เราจะอยู่เกรดสุดท้ายแล้ว เธอมีแผนการอะไรบ้างล่ะ”
เพอร์รี่ถามต่อ
“ฉันว่าฉันจะเลือกเรียนดนตรีน่ะ”
“นั่นสินะ
เธอเล่นกีตาร์เก่งมากๆเลยนี่นา” เพอรรี่เอ่ยชม
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า”
ไนออลเกาท้ายทอยแก้เขิน ทำให้คนตรงหน้าอดยิ้มไม่ได้
บทสนทนานั้นถูกหยุดด้วยเสียงวี๊ดแหลมจากด้านนอก
ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร ก็คงจะหนีไม่พ้น ‘จีจี้ ฮาดิด’ สาวสวยสุดป๊อปของโรงเรียน
ที่มีดีกรีเป็นถึงนางแบบของนิตยสารวัยรุ่นชื่อดัง และแน่นอนเมื่อมีคนสนใจเธอมาก
ความหลงตัวเองก็เข้ามาแทนที่และมาพร้อมกับความขี้เหวี่ยงขี้วีนขั้นรุนแรง
จีจี้มีเพื่อนร่วมแก๊งค์นางฟ้าอยู่ด้วยอีกสามคน ซึ่งแน่นอนสาวๆกลุ่มนี้ต้องหน้าตาดีมากๆและต้องสามารถรับมือกับความขี้หงุดหงิดของจีจี้ได้
พวกเธอมักจะหาเรื่องแกล้งเพอร์รี่กับสาวๆเสมอ
เพอร์รี่จะไม่เข้ามายุ่งกับกลุ่มนี้แน่ๆถ้าไม่ติดว่าคนที่มีปากเสียงกับนางแบบสาวเป็น
เจด เพื่อนรักของเธอ
“นี่
มีตั้งสี่ตาน่ะมองไม่เห็นฉันรึไงยะ” เสียงแหลมสูงหวีดร้องใส่สาวน้อยตัวเล็กที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่
“ขอโทษทีจีจี้
ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเดินชนเธอนะ” เจดเงยหน้าขึ้นมาปะทะกับจีจี้ ดวงตาฉายแววขอโทษ
“เหอะ
ไม่ได้ตั้งใจ แล้วของที่อยู่ในกระเป๋าฉันที่เธอทำตกล่ะ แค่กระเป๋าก็ใบละไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
แล้วยังมือถือ กล้องถ่ายรูป เครื่องสำอาง น้ำหอม ถ้ามันเสียหายล่ะเธอจะชดใช้ยังไงฮะ
ยัยป้า!” จีจี้ตวาดใส่
“นี่เรื่องแค่นี้ทำไมต้องตวาดลั่นขนาดนี้ด้วย”
เพอร์รี่ก้าวออกไปประจันหน้ากับจีจี้อย่างไม่เกรงกลัว
“แล้วอีกอย่างของในกระเป๋าเธอก็ไม่ได้เสียหายขนาดนั้นเสียหน่อย”
“อ้อ
เธอนี่เอง วันนี้พวกเธอมากันแค่สองคนรึไง โถ! แล้วอย่างนี้จะเป็น อานท์ตี้เกิร์ล ได้ยังไงกันล่ะ ฮ่าๆ”
จีจี้หัวเราะเสียงดัง ลูกสมุนของเธอก็ร่วมผสมโรงไปด้วย
“แหม! อานท์ตี้เกิร์ลเหรอ ชื่อเก๋ดีนี่ ขอบใจนะ”
เพอร์รี่โต้กลับอย่างยิ้มๆ แก๊งค์นางฟ้าหยุดชะงักทันที
“ฉันคงต้องตอบแทนพวกเธอบ้างแล้วล่ะ ชื่ออะไรดีล่ะ อืม...เอาเป็น สโพลิท(นิสัยเสีย)เกิร์ลดีไหมล่ะ” เพอร์รี่แสยะยิ้ม
จีจี้หน้าเหวอไปและทำท่าทางจะกรี๊ดออกมาและง้างมือจะตบเพอร์รี่
แต่เอเลนอร์ สาวสวยอีกคนของบรรดานางฟ้ามาห้ามไว้
“อย่าจี้
อย่ามีเรื่อง ตอนนี้เซนมาแล้ว เธอคงไม่อยากให้เขาเห็นตอนที่เหวี่ยงหรอกใช่ไหม”
จีจี้ควบคุมสติตัวเองไว้
มือของนางแบบสาวหยิบกระจกสีแดงสดขึ้นมาจากกระเป๋าถือสีเดียวกันตรวจเช็คความเรียบร้อย
ก่อนที่จะวิ่งไปหาเซนสาวสวยได้หันมามองเพอร์รี่
“อย่างเธอน่ะนะ
คงไม่มีผู้ชายคนไหนเข้ามายุ่งด้วยหรอกนะ ไม่สิอย่าว่าแต่ผู้ชายเลย
แค่เพื่อนเธอก็คงจะมีแค่อานท์ตี้เกิร์ลของเธอเท่านั้นแหละน่า ยัยเฉิ่ม”
จีจี้กระแทกคำพูดเจ็บจี๊ดใส่เพอร์รี่ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาเซน
“เจด
เป็นไงบ้างน่ะ ยัยปีศาจนั่นไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม” เป็นไนออลที่วิ่งเข้าไปหาเจด
เพราะเพอร์รี่ยังคงยืนนิ่งเงียบ
คำพูดของนางแบบสาวเมื่อครู่กระแทกเข้าหน้าเพอร์รี่อย่างจัง นั่นสินะ
เธอมันไม่ใช่นางฟ้า(นางมาร)เหมือนจีจี้หนิ
ใครมันจะอยากมายุ่งกับคนอย่างเธอกัน นอกจากสามสาวและไนออลแล้ว
เพอร์รี่ก็ไม่เป็นที่สนใจของเพื่อนๆเลย(ยกเว้นช่วงใกล้สอบ)
“เพอร์
เข้าห้องเรียนกันเถอะ” เสียงหวานของเจดทำให้เพอร์รี่ได้สติ
สองสาวและอีกหนึ่งหนุ่มเดินเข้ามาในห้องเรียน
ภาพที่เห็นตรงหน้านั้นเป็นเรื่องธรรมดาของคนทั้งห้องเรียน
ที่สามหนุ่มสุดหล่อจะถูกรุมล้อมไปด้วยบรรดาสาวๆนางฟ้า โดยมีเอเลนอร์นั่งพูดคุยอยู่กับ
‘ลูอิส ทอมลินสัน’เพื่อนรักของเซน ทั้งเอเลนอร์และลูอิสดูสนิทสนมกันแต่กลับเป็นแค่ความสนิทแบบเพื่อนเท่านั้น
ทั้งๆที่คนครึ่งค่อนโรงเรียนเชียร์ให้ทั้งคู่คบกัน(รวมทั้งเพอร์รี่ด้วย)แต่พวกเขากลับปฏิเสธท่าเดียว
ในความคิดของเพอร์รี่แล้วเอเลนอร์เป็นนางฟ้าที่เป็นนางฟ้าจริงๆ เธอไม่เหมือนคนอื่นในกลุ่มและเป็นคนเดียวที่จีจี้ไม่ขัด
เธอเป็นคนนิสัยดีมากทีเดียว เบลล่าน้องสาวของจีจี้และซาช่านั่งมองหน้า ‘แฮร์รี่ สไตล์ส’ หวานเยิ้มที่เพอร์รี่มองแล้วเลี่ยนจนอยากจะอาเจียนออกมา
แต่แฮร์รี่กลับมองสองสาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มหวานบาดใจ ก็แหงล่ะ
เขามันเพลย์บอยแสนจะเจ้าเล่ห์ ซึ่งแน่นอนว่าคนในโรงเรียนรู้
แต่สาวๆก็ยังพร้อมที่จะพลีกายถวายชีวิตให้ ซึ่งเพอร์รี่ก็ไม่เข้าใจสาวๆพวกนั้น
และจีจี้ที่ไม่ยอมปล่อยแขนเซนเสียทีพร้อมกับจ้องสาวๆที่มองมาอย่างกินเลือดกินเนื้อเพื่อบอกเป็นนัยๆว่า
คนนี้ของฉัน
เพอร์รี่ถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อมองใบหน้าของเซน
ดวงตาสีเฮลเซนกลอกไปมาอย่างเบื่อหน่าย เพอร์รี่ยังหัวเราะไม่หยุด
ในขณะที่เจดและไนออลนั่งคุยกัน ดวงตาคมเข้มมองมายังหญิงสาวอย่างไม่พอใจ
ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก
เซนยืนขึ้นอย่างเต็มความสูง
จีจี้และเพอร์รี่ชะงักทันที เซนเดินตรงมายังเพอร์รี่
ตอนนี้ในห้องเรียนเสียงไม่ได้ดังมาก
ทำให้เซนพูดประโยคที่ทำให้เพอร์รี่และทุกคนเหวอได้สบายๆโดยไม่ต้องตะโกน
“นั่งด้วยคนนะ...เพอร์รี่”
เจ้าของร่างสูงโปร่งนั่งลงข้างๆหญิงสาว ตอนนี้สายตาประมาณสามสิบคู่จ้องมายังพวกเขา
ร่างสูงไม่ได้รอคำตอบจากเธอ เขานั่งลงที่โต๊ะข้างๆเพอร์รี่ทันที
“เย็นนี้กลับบ้านพร้อมกับฉันนะ”
คนฟังอ้าปากค้าง ดวงตาสีฟ้าอ่อนสบกับดวงตาสีเฮลเซน คิ้วขมวดมุ่นเป็นเชิงถาม
ก่อนจะละสายตาไปยังนางแบบสาว เพอร์รี่สงสัยว่าทำไมจีจี้ถึงยอมให้เซนมานั่งข้างๆ
และพูดคุยกับเธอแบบนี้ เหตุผลก็คือ จีจี้กำลังช็อค ไม่ต่างจากคนอื่นๆสักเท่าไหร่
ไนออลและเจดมองหน้ากันงงๆ
กว่าจีจี้จะได้สติ
อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องเรียน(ซึ่งแปลว่าจีจี้คงจะกรี๊ดไม่ทันแล้ว)
เพอร์รี่มองหน้าเซนอย่างไม่เข้าใจ
“เธอทำบ้าอะไร”
เสียงหวานของเพอร์รี่กระซิบถามคนตัวสูงที่ทำหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อน
“ช่วยฉันหน่อยน่า
เธอก็น่าจะเห็นว่าฉันรำคาญจีจี้ขนาดไหน” เซนพูดอย่างสบายๆ
“แต่วันนี้ฉันมีนัดกับเพื่อน
ฉันคงเดินกลับด้วยไม่ได้หรอก”
“ฉันก็แค่อ้างเฉยๆน่ะ
ไม่ได้จะให้เธอเดินไปด้วยจริงๆหรอก”
เพล้งงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!
“แต่ถ้าเธอจะเดินกลับด้วยก็ได้นะ”
นั่น ทำให้ฉันหน้าแตกไม่พออีกรึไง
“เหอะๆ
ไม่เป็นไร” ฉันหน้าชาพอแล้ว
____________________
“โอ๊ยตายล่ะ”
เสียงหวานของเพอร์รี่ดังขึ้นเมื่อเธอเดินลงมาจากอาคารเรียนพร้อมกับไนออลและเจด
เย็นนี้พวกเธอมีนัดไปร้านอาหารเปิดใหม่ของคุณแม่ของลีห์แอนน์
และเพอร์รี่ก็ได้โทรนัดเจซี่ไปที่นั่นแล้วด้วย
“มีอะไรเหรอเพอร์รี่”
ไนออลถาม
“ฉันลืมมือถือไว้บนห้องเรียนน่ะ
เดี๋ยวมานะ”
“เดี๋ยวเพอร์”
ไนออลคว้ามือของเพอร์รี่ไว้
โดยไม่รู้เลยว่าดวงตาสีน้ำตาลอีกดวงจ้องมองอยู่ด้วยสายตาเศร้า เจดนั่นเอง
“ให้ไปด้วยไหม”
“ไม่เป็นไร
เธอกับเจดรออยู่นี่แหละเดี๋ยวฉันมา” พูดจบก็รีบวิ่งขึ้นไปทันที
เพอร์รี่เอื้อมมือไปหยิบมือถือเคสสีขาวขึ้นมาจากบนโต๊ะเรียน
โชคดีที่ยังไม่มีใครหยิบมันไป หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แต่แล้วเสียงปิดประตูห้องก็ดังขึ้น เพอร์รี่รีบหันหลังกลับไปยังประตูห้องเรียนที่ตอนนี้ถูกปิดอย่างสนิทและล็อคไว้โดยฝีมือของเบลล่า โดยที่มีจีจี้และซาช่า ยืนยิ้มอยู่ด้วย
“ดีใจที่ได้เจอเธออีกนะ”
จีจี้ฉีกยิ้มกว้างที่ใช้ละลายใจหนุ่มๆ แต่ดวงตานั้นมันน่าสยดสยองมากในสายตาของคนถูกจ้อง
“จะรีบไปไหนล่ะ
คุยกันก่อนสิ” ซาช่าคว้าแขนที่ถูกคลุมด้วยแขนเสื้อสีชมพูของเพอร์รี่ไว้ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้อง
“เธอรู้จักกับเซนได้ยังไง”
นางแบบสาวเริ่มเปิดประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม ขาเรียวยาวนั้นก้าวมาข้างหน้าช้าๆ
ในขณะที่เพอร์รี่ได้แต่ถอยหลังไปในห้องเรียน ดวงตาสีฟ้าเขียวดูนิ่งและน่ากลัวในคราวเดียวกัน
เธอดูไม่เหมือนคนจอมโวยวายที่เพอร์รี่เคยเห็น
“ฉันไม่ได้รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว
ก็อย่างที่ทุกคนรู้นั่นแหละ เขาน่ะเป็นคนดัง” เธอไม่ได้โกหก
เธอและเขาไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวจริงๆ แต่เพอร์รี่เลือกเก็บประโยคต่อท้ายเอาไว้
ก่อนที่จะได้รู้จักกันเมื่อเช้านี้
“โกหกน่า
เขาจะไปรู้จักชื่อเธอได้ไงถ้าเธอกับเขาไม่เคยรู้จักหรือพุดคุยกันมาก่อน”
เป็นเบลล่าที่มีอารมณ์โมโหแทนพี่สาว ในขณะที่จีจี้ยังมองนิ่งๆ
“ฉันไม่รู้
ฉันไม่รู้ว่าเขารู้จักชื่อของฉันได้ยังไง”
“จะบอกว่าเขารู้เพราะพิศวาสเธองั้นเหรอ
เหอะ” ถึงคราวของซาช่า ในความคิดของเพอร์รี่
มันไม่แฟร์เลยที่จะให้เธอปะทะกับสาวสาวที่มีอิทธิพลขนาดนี้ สาวเนิร์ดมัวแต่คิดเรื่องนี้
จนเพิ่งได้สังเกตว่าเอเลนอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เธอคงจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
หรือไม่สามสาวก็คงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเธอ
“เบลล่า
ซาช่า ช่วยฉันที” จีจี้เริ่มออกคำสั่ง เธอคงจะเริ่มทนไม่ไหวกับการปฏิเสธแบบเด็ดขาดของเพอร์รี่
ทั้งๆที่เซนเหมือนจะรู้จักเธอดีขนาดนั้น
สองสาวรีบตรงเข้ามาล็อคแขนสองข้างของเพอร์รี่ไว้โดยที่เจ้าหล่อนไม่ทันตั้งตัว
ถ้าถามว่าตอนนี้เธอคิดยังไงกับสามสาวนี่ เพอร์รี่สามารถตอบได้เลยว่า ตอนแรกแค่ไม่ชอบ
ตอนนี้อาจจะเกลียดเลยด้วยซ้ำ
“พวกเธอจะทำอะไร
ก็ไม่เข้าใจหรือไงว่าฉันไม่รู้จักกับเซนเป็นการส่วนตัว”
“โกหก!” จีจี้ตวาดดังลั่น
น้ำเสียงของจีจี้ฟังดูโกรธมาก ไม่ใช่แค่เพอร์รี่เท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่เบลล่าและซาช่าก็คงจะหวาดๆด้วย
สองสาวแทบจะหยุดหายใจทันทีที่จีจี้ตวาดใส่ คราวนี้จีจี้คงจะโกรธมากจริงๆ
ไม่เคยมีใครที่มาใกล้ชิดเซน และที่สำคัญเป็นยัยเฉิ่มบ้าเรียนอย่างเธออีกต่างหาก
เพี๊ยะ!!!!!
มือเรียวตวัดลงไปบนหน้าสวยอย่างจัง
ท่ามกลางความตกใจของบรรดาลูกสมุน จีจี้ไม่เคยรุนแรงขนาดนี้มาก่อน
ขนาดเบลล่ายังไม่เคยเห็นพี่สาวเธอน่ากลัวแบบนี้ หน้าหวานมีเลือดอยู่ที่มุมปาก
สายตาที่กลัวตอนนี้ เปลี่ยนไปเป็นจงเกลียดจงชัง ว่าจะแค่ไม่ชอบอยู่แล้วเชียว
ตอนนี้ฉันขอเปลี่ยนเป็นเกลียดเลยดีกว่า
เพอร์รี่ได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ
เธอไม่อยากโต้ตอบ เพอร์รี่ไม่ชอบการใช้กำลังและไม่อยากให้มันเป็นเหมือนละครน้ำเน่าที่
พระเอกหรือใครก็ตามจะมาเห็นตอนที่นางเอกทำร้ายนางร้าย และนางร้ายก็จะใส่ความว่านางเอกเป็นคนทำร้าย
เล็บสีแดงกำลังจิกที่ผมเธออยู่
ข้อนั้นเพอร์รี่รู้ดี เพราะเธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บและการกระชากบริเวณหัว
แต่อีกข้อที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมมือที่จับแขนเธอไว้สองข้างเริ่มจะคายแรงแล้ว
แต่เพอร์รี่กับไม่มีแรงที่จะสะบัดออก
คงเป็นเพราะฝ่ามือของจีจี้ที่ลงมาบนหน้าเธอสี่ห้าครั้งนั้นทำให้เธอหน้าชาไปหมด
และไม่ใช่แค่หน้า แต่มันให้ความรู้สึกเหนื่อยไปทั้งตัว
ฝ่ามือพร้อมกับเล็บสีแดงกำลังจะลงมาที่หน้าเพอร์รี่อีกครั้ง
และดูเหมือนว่าครั้งนี้จะแรงที่สุด แต่โชคดีที่ได้แม่พระมาช่วยเอาไว้
“จี้
หยุด!” เอเลนอร์เปิดประตูเข้ามาในห้อง
สีหน้าของเธอดูจะตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“โอ้! ตายล่ะ เพอร์รี่เธอเป็นยังไงบ้าง ลุกไหวไหม”
เอเลนอร์เดินเข้ามาพยุงเพอร์รี่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือ
“ถอยไปนะจีจี้”
เอเลนอร์ว่าด้วยน้ำเสียงเย็นๆในขณะที่จีจี้ยืนขวางหน้าทั้งสองสาว
“เธอเป็นเพื่อนใครกันแน่เอล”
จีจี้ตวาดลั่น
“ฉันเคยเป็นเพื่อนเธอ
บอกตามตรงนะจี้ ฉันไม่เคยชอบพฤติกรรมที่พวกเธอทำ
แต่ฉันก็อดทนเพราะเราเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เธอด้วยเบลล่า
แต่ตอนนี้ฉันจะไม่ทนแล้ว เธอดูหน้าของเพอร์รี่ตอนนี้สิ
แค่เซนรู้จักเธอถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเลยรึไง พอทีเถอะจี้ ลาก่อนเบล ซาช่า”
เอเลนอร์พาเพอร์รี่ออกไปทันทีที่เสียงหวานกล่าวจบ
ทิ้งให้เบลล่าและซาช่ารับมือกับเสียงกรีดร้องและพฤติกรรมวีนเหวี่ยง
ดวงตาเพอร์รี่มีแต่ความเกลียดชัง
แต่เมื่อเธอหันไปสบตากับเอเลนอร์ เธอกลับดูเศร้าอย่างประหลาด
เพอร์รี่คิดว่าเธอไม่เหมาะกับใบหน้าแบบนี้เลย
เพอร์รี่ชอบเอเลนอร์ที่สดใสร่าเริงมากกว่า
“ขอบคุณนะ
และก็ขอโทษด้วย เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้นะเอเลนอร์”
“ไม่เป็นไรหรอก
ยัยพวกนั้นทำไม่ถูกนี่ เธอก็เป็นเพื่อนฉันเหมือนกัน” เอเลนอร์เงยหน้าขึ้นมา
รอยยิ้มสวยหวานของเธอปรากฏบนหน้า ถึงแม้ดวงตาคู่นั้นจะเศร้ามากก็ตาม
“เพอร์
ตายแล้ว เธอไปโดนอะไรมา” เจดวิ่งมาพร้อมกับไนออล
“จีจี้น่ะ”
เอเลนอร์ตอบเสียงเศร้า “เธอทำร้ายเพอร์รี่ เพราะเรื่องเซน”
“มันเกิดอะไรขึ้น”
ไนออลถามขึ้น “เล่าให้เราฟังหน่อยสิ”
“ไว้ค่อยไปเล่าที่ร้านนะ
ป่านนี้สองสาวนั่นคงรอนานแล้วล่ะ”
“ไปด้วยกันไหมเอเลนอร์”
เจดหันหน้าไปถามคนที่พยุงเพอร์รี่เดินมา
“ไม่ล่ะ
วันนี้ฉันคงต้องรีบกลับ บาย” เอเลนอร์วิ่งออกไปหน้าโรงเรียน
“เดินไหวนะ
ขี่หลังฉันไหม” ไนออลเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
เจดรู้ว่าเวลานี้ต้องเป็นห่วงเพื่อนรัก
ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงหรืออะไรทั้งนั้น แต่เธอก็ไม่อยากจะเห็นภาพบาดตาบาดใจ ในใจได้แต่ภาวนาให้เพอร์รี่ปฏิเสธ
“ไม่ต้องหรอก
ฉันไหว ขอบใจนะไนล์”
____________________
“นี่หล่อนทำร้ายเธอขนาดนี้เลยงั้นเหรอ”
ลีห์แอนน์พูดอย่างโมโห เมื่อเพอร์รี่เล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอ เจด เจซี่ ไนออล
และเชอร์พี่สาวของเจซี่ฟังที่ร้านของคุณแม่ลีห์แอนน์ ตั้งแต่ที่เจอเซนจนถึงตอนที่เอเลนอร์พาออกมา
ตอนนี้ไนออลขอตัวกลับแล้ว
เพอร์รี่พยักหน้า
นั่นยิ่งเพิ่มความโกรธให้กับลีห์แอนน์และเจซี่
“หล่อนมันนางมารร้าย”
สาวผมเปียพูดด้วยอารมณ์เคียดแค้น
หมอนที่วางอยู่บนตักนั้นเป็นที่ระบายอารมณ์ให้เธอในขณะนี้
“ใจเย็นๆเจซี่”
เชอร์เอามือบีบไหล่น้องสาวเบาๆ พลางหันหน้ามาหาคนเจ็บ
“เรียบร้อยแล้วนะจ๊ะเพอร์รี่” เชอร์ยิ้มให้เบาๆ เมื่อเธอจัดการทำแผลให้กับเพอร์รี่เสร็จ
เธอเป็นคนที่สวยมากในสายตาของเพอร์รี่และคนอื่นๆด้วย จนมีคนล้อเลียน เปรียบเทียบระหว่างเธอและเจซี่บ่อยๆ
“ขอบคุณนะคะเชอร์”
เพอร์รี่ยิ้มตอบ ในหัวของเธอตอนนี้คิดแต่เรื่องการปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดูดีขึ้น
และจะแก้แค้นเหล่านางฟ้ายังไง
“เชอร์ พี่ทำยังไงน่ะ
ทำไมเพอร์รี่ถึงไม่มีรอยอะไรบนหน้าเลย” เป็นเจซี่ที่เอ่ยปากถามพี่สาว
เพอร์รี่ถึงได้สังเกตเห็นใบหน้าของเธอไม่มีรอยนิ้วมือหรืออะไรอีกแล้ว
ราวกับว่าไม่เคยโดนทำร้ายมาก่อน
“อ้อ
เอ่อ... เป็นความลับน่ะ แต่รับรองว่าไม่มีอันตรายอะไรแน่ๆ” เชอร์ตอบอย่างมีพิรุธ
ความสงสัยยังอยู่ในใจของเพอร์รี่
แต่เรื่องแก้แค้นสำคัญกว่า ใครกันนะที่จะช่วยเธอได้ ใครกันนะที่สวย มีเสน่ห์
และใจดี
สายตาเพอร์รี่สะดุดกับสาวสวยตรงหน้า
“ใช่แล้ว!” เสียงหวานตะโกนดังลั่น
ลูกค้าในร้านของลีห์แอนน์หันมามองเธอเป็นตาเดียว
“เอ่อ...
ขอโทษค่ะ แหะๆ”
“ใช่อะไรเหรอเพอร์ตะโกนลั่นร้านเชียว”
เจดถามขึ้นอย่างสงสัย ในท่าทีของเพื่อนสาว
“เชอร์คะ
พี่ช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ” เพอร์รี่กระพริบตาพริบๆ
ส่งสายตาอ้อนวอนไปให้พี่สาวสุดสวย
“ฮะ
ให้พี่ช่วยอะไรล่ะ” คนถูกขอร้องทำหน้าฉงน
“ก็พี่น่ะ
ทั้งสวยทั้งมีเสน่ห์ เรียนก็เก่ง ร้องเพลงเพราะมากๆ
แถมยังมีแฟนที่หน้าตาดีและสุภาพบุรุษอย่างเลียมด้วย” เพอร์รี่ยิ้ม เชอร์หน้าแดงเมื่อพูดถึงเลียม
แฟนของเธอ ทุกคนพอจะเข้าใจสถานการณ์ ด้วยความที่ไม่อยากโดนล้อว่าเป็นอานท์ตี้
เกิร์ล ประกอบกับอยากแก้แค้นเหล่านางฟ้าช่วยเพอร์รี่ อีกสามสาวจึงหันหน้าไปขอความช่วยเหลือกับพี่สาวแสนน่ารักของเจซี่พร้อมกัน
“พี่ช่วยเปลี่ยนพวกเราหน่อยนะคะ”
“แต่...” เชอร์จะขัดขึ้น
จะให้ช่วยได้ไงล่ะในเมื่อ...
“นะคะๆ”
สามสาวยังคงอ้อนต่อไป เมื่อเจอลูกอ้อนฉบับอานท์ตี้ เกิร์ลเข้าไป ก็ดูเหมือน
เชอร์จะพ่ายแพ้
“เฮ้อ! ก็ได้ เจซิก้า(ชื่อจริงเจซี่นะคะ)พาเพื่อนๆไปขึ้นรถ ไปที่บ้านเรากัน”
เชอร์บอกน้องสาว เจซี่ขานรับอย่างดีใจ
____________________
มือเรียววางหนังสือลงบนเตียงของน้องสาว
หนังสือเล่มนั้นดูเก่าและน่ากลัวพิลึก แต่ปกสีน้ำตาลแดงที่ไม่มีรอยเปื้อนอะไรนั้นทำให้รู้ว่า
เจ้าของคงจะรักษามันอย่างดี
“อะไรเหรอคะ
เชอร์” ลีห์แอนน์ถามพลางหยิบหนังสือเล่มนั้นมาอ่านดู
“หนังสือ
มนต์ดำ น่ะจ้ะ” เชอร์ตอบเสียงเบาแต่หนักแน่น ใบหน้าของเธอดูจริงจังมาก
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
หน้าตาของสี่สาวดูจะตกใจกับคำพูดของเชอร์มาก
“เอาดีๆสิเชอร์
อย่ามาอำ พี่คิดว่าพวกฉันเป็นเด็ก 5 ขวบหรือไง” เจซี่ถาม คำพูดของเธอดูไม่เชื่อเรื่องนี้
ชั่งขัดกับน้ำเสียงที่ดูไม่มั่นใจและกลัวๆของเธอ
“ว่าแล้วเชียวว่าพวกเธอต้องไม่เชื่อ”
เชอร์ยิ้มอ่อนๆมาให้ เธอกำมือบริเวณจมูกและปากคล้ายๆร่ายมนต์
และแบมือไปทางน้องสาว ตอนนั้นเองที่เกิดแสงรอบๆหัวของเจซี่ ก่อนที่ผมเธอจะปล่อยสยายและดัดเป็นลอนใหญ่
“พี่ทำได้ยังไงคะ”
เพอร์รี่ที่ตกใจในตอนแรก กลับเปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างชอบใจแทน
“ก็บอกแล้ว
ว่าเป็นเพราะตำรามนต์ดำเล่มนี้” เชอร์หัวเราะออกมาเมื่อเห็นดวงตาของสี่สาวลุกวาว
“พี่ทำอะไรได้อีกคะ”
ลีห์แอนน์ถาม เธอวาดรูปไว้ในอนาคตแล้วว่า เธอจะกลายเป็นสาวผิวสีที่สวยและเพอร์เฟ็ค
“จริงๆ
ก็ได้เกือบทุกอย่างเลยนะยกเว้นสิ่งมีชีวิต เงิน
ถ้าฝึกขั้นเบาๆก็จะเสกของเล็กๆได้เช่น พวกกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า
เฟอร์นิเจอร์เล็กๆน้อย ห้องลับสักห้องหรือเสกให้คนสะดุดหกล้ม สะกดจิตสักพักหนึ่งหรือแกล้งอะไรเล็กๆน้อยๆได้
แต่ถ้าฝึกขั้นสูงก็จะได้ทั้งบ้าน รถยนต์
หรือปราสาทราชวังอะไรแบบนี้ได้หมดเลยแล้วก็ทำเรื่องใหญ่เช่น หายตัว บินได้
ประมาณนี้” สาวๆยังคงอึ้ง
“เอาอย่างงี้ละกัน
เดี๋ยวพี่จะแปลงโฉมให้ยัยน้องสาวแมนๆกลายเป็นนางฟ้าสวยๆให้ดู” เชอร์ว่า เจซี่หันมามองพี่สาวตาขวาง
“เดี๋ยวเถอะเชอร์
พี่ว่าใครเป็น... ว้าว!” คำพูดของเจซี่ถูกกลืนลงคอทันที เธอก้มมองชุดที่อยู่บนตัว
และเดินมายังกระจก สาวๆก็ตกใจไม่แพ้กัน
“อย่างนี้พี่ก็เสกบ้านได้ทั้งหลังเลยน่ะสิคะ”
เจดถามขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ไม่ได้หรอก
พี่ฝึกแค่ขั้นพื้นฐานน่ะ”
“อ้าว!ทำไมไม่ฝึกขั้นสูงไปเลยล่ะคะ” ลีห์แอนน์
“พี่กลัว พี่ห้ามตัวเองไม่ได้น่ะสิ”
“แหม!ที่แท้ ที่สวยขึ้น เก่งขึ้น ร้องเพลงเพราะขึ้น
ก็เพราะมีตัวช่วยนี่เอง” เจซี่อดที่จะแขวะพี่สาวไม่ได้
เพอร์รี่คิดว่าพวกเขาเป็นคู่พี่น้องที่น่ารักจริงๆ
“นี่ยัยน้องรัก
ที่เก่งขึ้น ร้องเพลงเพราะขึ้นเนี่ย เพราะพี่พยายามเองจ้ะ” เชอร์ค้อนน้องสาวเบาๆ
“ทำไมพี่ไม่ใช้เวทมนต์เลยล่ะ
ทำให้ตัวเองดีขึ้น” ลีห์แอนน์ถาม ถ้าเป็นเธอเธอจะทำอย่างนั้น
“ความจริงพี่ก็อยากใช้นะ
แต่มันสร้างพรสวรรค์ไม่ได้ หรือได้พี่ก็ไม่แน่ใจเพราะพี่ไม่ได้เปิดดูสูตรปรุงยาที่ด้านหลังของเล่ม”
มีสูตรปรุงยาด้วย ตำราแม่มดชัดๆ เพอร์รี่คิดในใจ “แต่พี่รู้สึกผิดนะ มันเหมือนเราโกหกพ่อ แม่
อาจารย์ เจซี่ ทุกคนบนโลก รวมทั้งโกหกตัวเองด้วย
เพราะมันได้มาด้วยมนต์ดำไม่ใช่ความสามารถของเราจริงๆ”
เชอร์ยิ้มให้น้องอย่างอ่อนโยน
“ถ้างั้นวิธีการฝึกมีอะไรบ้างคะ”
เพอร์รี่ถาม เธอต้องการแก้แค้นให้เร็วที่สุด ขออย่าให้ใช้เวลานานเลยนะ
“มันต้องอาศัยความอดทนสักหน่อยน่ะ
แต่ก็แค่ตั้งสมาธิให้ดี ท่องคาถาตามในหนังสือตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนจนถึงหกโมงเช้าแล้ว…”
“ห่ะ! หกโมงเช้า” สาวๆประสานเสียงพร้อมกัน
“เอ่อ
มันนานมากเลยนะคะ คือเราจะลุกไปไหนไม่ได้เลยงั้นเหรอคะ” เจดถามขึ้น
ทุกๆคนก็ดูจะเป็นกังวลกลับเรื่องนี้ เพอร์รี่เองก็เหมือนกัน
ขนาดเจดซึ่งเป็นคนใจเย็นและมีความอดทนที่สุดในกลุ่มยังดูกังวลมาก
“ใช่จ้ะ
แต่เชื่อพี่เถอะเราได้รับผลดีกลับมาแน่ๆ แต่ถ้าพวกเราไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะ”
เชอร์ยิ้มบางๆให้
จะเอายังไงดีนะ
ถ้าเธอทำเธอก็คงจะไม่ไหว แต่ถ้าไม่ทำเธอก็จะกลายเป็นยัยเฉิ่มแบบนี้ตลอดไป
ความคิดเพอร์รี่ตีกันอยู่ในใจ
“พวกเราจะทำค่ะ”
____________________
“เรื่องจริงเหรอ นางฟ้าจีจี้รุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แล้วยัยเพอร์รี่อะไรนั่นเจ็บหนักแค่ไหนล่ะ”
“ก็หนักพอดูแหละ
เมื่อวานนี้นางฟ้าเอเลนอร์พยุงออกมา สภาพแทบดูไม่ได้เลยนะ”
“จะมีใครกล้าหือกับนางฟ้าอีกไหมเนี่ย
เป็นฉันนะฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเลยแหละ แล้วทำไมจีจี้ถึงรุนแรงขนาดนั้นล่ะ
ยัยนั่นไปกวนใจอะไร”
“เออ
เกือบลืมแหน่ะ เมื่อวานนี้ตอนชั่วโมงเรียนแรกน่ะ จีจี้กับเซนก็นั่งอยู่ด้วยกันนั่นแหละ
แล้วจู่ๆเซนก็ลุกขึ้นไปนั่งกับยัยนั่นน่ะนะ แล้วก็บอกว่าเย็นนี้กลับบ้านด้วยกันไหม
ฉันนี่อึ้งเลย”
“สมควรแล้วล่ะ
บังอาจมายุ่งกับเซนของฉัน”
“นี่ตบปากตามอายุเลยนะยะ
ถ้ายัยนางฟ้ามาได้ยินเข้าน่ะ สภาพเธอหนักกว่านังแก่เรียนนั่นอีก”
สองสาวเพื่อนซี้คุยกันถึงเรื่องของเพอร์รี่และจีจี้เมื่อวาน
และไม่ใช่แค่พวกเธอทั้งสองคนเท่านั้น แต่ข่าวเรื่องนี้แพร่สะพัดไปทั้งโรงเรียนในเวลาอันรวดเร็ว
ทั้งๆที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงเหตุการณ์เดียวเท่านั้น แต่ข่าวลือกลับมีหลายหัวข้อให้พูดถึง
ไม่ว่าจะเป็น ‘จีจี้ทำร้ายร่างกายเพอร์รี่อย่างเลือดเย็น’ ‘เซนไปตกหลุมรักสาวเฉิ่มแบบ
อานท์ตี้เกิร์ลอย่างเพอร์รี่’ หรือข้อสันนิษฐานแปลกๆ เช่น ‘เพอร์รี่กับเซนแอบคบกันลับหลังจีจี้(ทั้งๆที่เซนกับจีจี้ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน)’ หรือ ‘เพอร์รี่ลุกขึ้นต่อสู้จนจีจี้ก็เจ็บหนักมากๆ’ หรือ ‘เอเลนอร์คบกับจีจี้เพื่อเป็นหนอนบ่อนไส้ให้เพอร์รี่’ หรือ ‘จีจี้ไล่เอเลนอร์ออกจากกลุ่มแต่เพอร์รี่เข้าไปช่วยแทน หรือแม้กระทั่ง
‘เซนคบกับเพอร์รี่พร้อมกับจีจี้
แต่สองสาวตกลงกันไม่ได้ว่าจะแบ่งกันยังไง’
เซน
แฮร์รี่และลูอิสเดินเข้ามาในโรงเรียนพร้อมกัน
ความจริงคือเซนแปลกใจมากที่ไม่เห็นเพอร์รี่เดินผ่าน
และแปลกใจยิ่งกว่าเมื่อคนทั้งโรงเรียนมองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเซนคนเดียว
เขาลองปรึกษาเพื่อน แต่ก็ได้เพียงคำตอบจากแฮร์รี่ว่า
“ก็พวกเรามันหล่อนี่หว่า
สนใจอะไรเล่า”
หรือลูอิสที่วิ่งไปหาเอเลนอร์ทันทีเมื่อเจอเธอ
สองคนเดินเข้าไปในห้องเรียนก็ยังไม่วายโดนมองด้วยสายตาแบบนั้น
“เฮ้
เซน แฮร์รี่ ไง”
“ไง
มาร์คัส เป็นไงมั่ง” เซนและแฮร์รี่เดินเข้ามาทักทายผู้ชายผิวคล้ำที่ท่าทางเป็นมิตรหรือมาร์คัส
ประธานนักเรียนและเพื่อนร่วมชั้นของทั้งคู่
“ก็ดี
นายนี่เสน่ห์แรงมากเลยนะเซน ถึงขั้นผู้หญิงมีเรื่องกันเลยนะเนี่ย” มาร์คัสเอ่ยแซว
เซนและแฮร์รี่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมองหน้ากันอย่างงงๆ
“ใครมีเรื่องอะไรกับใครนะ”
เซนถามขึ้น
ผัวะ!
ยังไม่ทันที่มาร์คัสจะได้อธิบายเรื่องราว
ไนออลก็เดินเข้ามาและปล่อยหมัดไปบนหน้าของหนุ่มลูกครึ่งเข้าอย่างจัง ด้วยความตกใจ
เซนจึงสวนกลับไนออลไปอีกหนึ่งหมัด แฮร์รี่และมาร์คัสพร้อมกับผู้ชายคนอื่นๆช่วยกันแยกทั้งคู่ออกจากกัน
“นายมาต่อยฉันทำไม
ไนออล”
“นายยังจะกล้าถามอีกเหรอ
เมื่อวานเอเลนอร์พยุงเพอร์รี่ลงมาจากบันไดอาคารเรียน สภาพเพอร์รี่ดูสะบักสะบอมมาก
รอยนิ้วมือแดงเต็มหน้า มุมปากมีเลือดออก” ไนออลตอบกลับไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น
เซนเริ่มจะเดาเหตุการณ์ได้ และก็เป็นจริงเมื่อไนออลพูดประโยคถัดมา
“จีจี้ทำร้ายร่างกายเธอ
นั่นก็เป็นเพราะนาย ช่วยดูแฟนนานให้ดีหน่อยได้ไหม แล้วก็ไม่ต้องยุ่งกับเพอร์รี่ด้วย
ถ้าเมื่อวานนายไม่ทำเป็นรู้จักเธอ จีจี้ก็จะไม่ทำร้ายเพอร์รี่”
“จีจี้ทำขนาดนี้เลยเหรอ”
เซนเริ่มโกรธบ้าง เรื่องนี้มันชักจะเริ่มบานปลายไปใหญ่แล้ว...
เขาต้องเคลียร์กับคุณหนูฮาดิดให้รู้เรื่อง!
____________________
รถคันหรูของสองสาวฮาดิดที่มีซาช่านั่งพ่วงมาด้วยขับเข้ามาในโรงเรียน
ซึ่งปกติแล้วจะมีนางฟ้าอีกคนติดตามมาด้วย
แต่ก็ไม่ได้เป็นที่แปลกใจเท่าไหร่นักเนื่องจากคนส่วนมากรู้เรื่องเหตุการณ์เมื่อวานมามากแล้ว
ยิ่งมีแค่สามนางฟ้าที่นั่งรถมาก็ยิ่งยืนยันชัดเจนแล้วว่าเรื่องเมื่อวานนั้นเกิดขึ้นจริง
จีจี้เดินมาตามทางเดิมด้วยมาดสาวมั่นเหมือนอย่างที่เคย
ซึ่งเธอและอีกสองสาวก็ไม่ได้สนใจท่าทางซุบซิบนินทาของคนรอบข้างสักนิด
จีจี้มองหาแต่เพอร์รี่และเซน
แต่เธอคิดว่าเพอร์รี่คงไม่แบกหน้ามาถึงโรงเรียนหลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อวานไป
“มิสฮาดิด
ฉันขอคุยกับเธอหน่อย” มือหนาของคนพูดคว้าแขนของนางแบบสาวเอาไว้ เซนพูดเสียงระดับที่มีแค่เขาสองคนและอีกสองสาวเท่านั้น
“อ้าว! เซน แหม! เรียกซะห่างเหินเชียว มีอะไรเหรอ” นางแบบสาวตอบกลับด้วยเสียงที่ค่อนค่างดังเพราะความดีใจ
รอยยิ้มบาดใจชายหนุ่มที่ไม่เคยใช้ได้กับเซนถูกประดับไว้บนหน้า เธอก็เพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้ว่าเซนดูจริงจังและไม่มีรอยยิ้ม
ถึงแม้ปกติเขาจะไม่เคยยิ้มให้เธอเลยก็ตาม
“ฉันว่าเราควรไปหาที่คุยกันนะ”
เซนตอบอย่างใจเย็น
“คุยตรงนี้ก็ได้นี่นา”
“เธอพูดเองนะ”
เขาอุตส่าห์จะไว้หน้าแล้วเชียว จีจี้กลืนน้ำลายลงคอ กลับคำตอนนี้ยังจะทันไหม
“เธอทำอะไรกับเพอร์รี่เมื่อวานนี้”
ดวงตาสีเฮเซลมองเย็นยะเยือก น้ำเสียงเขาจริงจังและน่ากลัว
ความจริงแล้วทั้งคู่ไม่ได้คุยกันเสียงดังมากนัก
แต่เนื่องจากบรรยากาศที่น่ากลัวของเซนและเสียงแหลมสูงของจีจี้ที่เธอพูดออกมาเมื่อครู่ทำให้ผู้คนพร้อมใจกันฟัง
“ทำไมคะ
ยัยนั่นวิ่งไปฟ้องรึไง แหม!เรียกซะสนิทสนมเชียวนะ
ไม่เห็นเคยบอกเลยว่ารู้จักกับหล่อนด้วย”
“ฉันจะรู้จักกับใครมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจำเป็นต้องรู้”
เซนตอบอย่างเรียบๆ คิ้วขมวดเข้าหากัน จีจี้หน้าชา ผู้คนเริ่มซุบซิบนินทา
“แก
ไหนว่าเขาเป็นแฟนกันไง ทำไมพูดกันอย่างนี้ล่ะ”
“นั่นสิแก
สงสัยนังเพอร์รี่นั่นต้องเป่าหูเซนแน่เลย”
“ใช่เหรอ
ฉันว่าจีจี้อาจจะมโนไปเองก็ได้นะ”
“แล้วอีกอย่าง
เธอยังไม่ตอบฉันเลย เมื่อวานเธอทำอะไรเขา” เซนยังคงย้ำคำถามเดิม
“ฉันเปล่า
ฉันก็แค่ถามคำถาม แต่หล่อนไม่ตอบ”
“แล้วเธอก็ทำร้ายร่างกายจนทำให้เพอร์รี่โทรมขนาดนั้นน่ะเหรอ” เสียงทุ้มเริ่มแฝงความโกรธ
“ก็ยัยนั่นโกหกฉัน
หล่อนบอกว่าไม่รู้จักเธอ แล้วเธอจะไปรู้จักแล้วชวนยัยนั่นกลับบ้านพร้อมกันได้ไง
ยัยนั่นต้องมาแกล้งตีสนิทกับเธอแน่ๆ”
“เมื่อวานฉันเดินชนเธอ
แล้วเราก็เดินมาโรงเรียนด้วยกันแค่นั้น ไม่มีอะไรสักหน่อย”
“แล้วทำไมเธอต้องไปชวนยัยนั่นกลับบ้านด้วย”
“เพราะฉันรำคาญเธอไง!!!!!” นางแบบสาวยืนนิ่ง
นัยน์ตามีแววสับสนปนอึ้งอย่างเห็นได้ชัด
เสียงนินทาของผู้คนดังขึ้นโดยที่ไม่สนแล้วว่าทั้งคู่จะได้ยินหรือไม่
เพราะเรื่องนี้มันน่าเม้าท์เสียจนปิดปากไม่อยู่ ลูอิส เอเลนอร์ แฮร์รี่
ไนออลและเพื่อนๆของพวกเขาก็มาอยู่นี่ เบลล่าและซาช่าทำตัวไม่ถูก
เริ่มเป็นห่วงจีจี้
“ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆนะฮาดิด
แต่ฉันเบื่อที่เธอมาทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของฉันแบบนี้ เธอบอกว่าเธอรักฉัน
เธอก็ควรที่จะทำตัวดีๆให้ฉันรัก แต่เธอกลับมาทำตัวใหญ่ มีอิทธิพล
ให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้ ฉันไม่บอกเธอตรงๆเพื่อหวังให้เธอคิดได้เอง
เพราะถ้าเธอทำตัวดีๆ เราก็อาจมาคบกันได้ ”
จีจี้หันมองผู้คนรอบข้าง ทั้งเสียใจ
ทั้งอายที่เซนพูดจารุนแรงกับเธอต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน
“แต่หลังจากที่เธอทำร้ายเพอร์รี่
ฉันก็รู้ว่าฉันไม่ควรคาดหวังอะไรจากเธอ” จีจี้อ้าปากค้าง ไม่มีทาง!เธอไม่ยอมจบแน่ๆ
“เหอะ!ป่านนี้ยัยเพอร์รี่คงไม่กล้ามาโรงเรียนแล้วล่ะเซน
เพราะสภาพเธอคงยับเยิน” จีจี้ยิ้มอย่างเยือกเย็น
เธอไม่ทันสังเกตว่าผู้คนเริ่มเบี่ยงความสนใจไปที่บางสิ่งบางอย่าง
เสียงซุบซิบมีมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นหน้าผู้มาใหม่
หญิงสาวสี่คนเดินเข้ามาในโถงทางเดินของโรงเรียน
ด้วยท่าทางมาดมั่น เสื้อผ้าหน้าผมและใบหน้าสวยหวานของทั้งสี่คนทำให้หนุ่มๆพากันอ้าปากค้าง
แม้กระทั่งสาวๆก็ยังมองด้วยสายตาอิจฉาตาร้อน
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ พวกคุณมาใหม่เหรอครับ ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”
มาร์คัสเดินเข้ามาหาทั้งสี่สาว ทั้งสี่คนหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
มาร์คัสและบรรดาผู้ชายคนอื่นที่หน้าแดงอยู่แล้วยิ่งเหมือนกับทาบลัชออนสีเข้มๆแบบเพิ่มความแดงพิเศษมาเสียอย่างนั้น
เซนและจีจี้หยุดทะเลาะกันก่อนที่จะหันหน้ามามองเหตุการณ์ นางแบบสาวที่โกรธอยู่แล้ว
เมื่อหันมามองหน้าสาวๆที่ทำท่าเหมือนว่าจะมาแย่งชิงตำแหน่งนางฟ้าจากเธอแล้วยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่
เซนมองหน้าผู้หญิงทั้งสี่คนนิ่ง โดยเฉพาะสาวผิวขาวผมสีบลอนด์น้ำตาล
เขาจำดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่สวยนั้นได้...
“ไง
มาร์คัส นี่ฉันเอง เพอร์รี่ไง แล้วนี่ก็เจซี่ เจด ลีห์แอนน์ จำเราไม่ได้เหรอ”
สาวผมบลอนด์ยิ้มกว้างพลางหัวเราะน้อย
เสียงซุบซิบกลายเป็นเสียงพูดคุยกันเสียงดังอย่างตกตะลึง ไม่มีทางที่พวกยัยเฉิ่มเชย
จะกลายเป็นสาวสวยที่มากกว่าแก๊งค์นางฟ้าเสียอีก
“สาวๆ”
ไนออลเดินตรงเข้ามาทัก สายตาของหนุ่มน่ารักดูอึ้งไป ไม่แพ้กับคนอื่นๆ “ว้าว! พวกเธอไปทำอะไรมา”
“ไง!ไนล์” เพอร์รี่ยิ้มหวานส่งมาให้
“ก็แค่ให้พี่เชอร์ช่วยนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก เข้าเรียนกันเถอะ”
สี่สาวเดินมาตามทางเดินและมีผู้คนล้อมหน้าล้อมหลัง
ทุกสายตาต่างจับจ้อง
ไม่เว้นแม้กระทั่งเซนและจีจี้ที่ทะเลาะกันเมื่อกี้ด้วยเรื่องของสาวสวยที่อยู่ตรงหน้า
ลีห์แอนน์และเจซี่ขยิบตาให้กัน สาวผิวแทนจึงดันเพอร์รี่ที่อยู่ข้างๆ
“กรี๊ดดดดดดดดดด”
คนถูกแกล้งหลับตาปี๋ เตรียมใจรอรับความเจ็บ
ไม่ได้ล้มแฮะ
เพอร์รี่ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
สิ่งแรกที่เห็นคือดวงตาสีเฮเซลฉายความเป็นห่วง ดวงตาที่เกือบจะทำให้เธอเคลิ้ม
ดูเหมือนจะไม่เกือบล่ะมั้ง
“เป็นอะไรไหมเพอร์”
เสียงนุ่มนั้นถามคนที่อยู่ในอ้อมแขน ร่างบางตื่นจากภวังค์
ที่แท้ก็เป็นเขาที่รับเธอไว้
“อ้อ! ไม่ๆ ไม่เป็นไร ปล่อยฉันเถอะ” เซนปล่อยมือออกจากร่างบางทันทีที่เธอพยุงตัวเองได้
“กรี๊ดดดดดดดดดดด
เธอกล้าดียังไงมาหว่านเสน่ห์ใส่เขาต่อหน้าฉัน!” คุณหนูฮาดิดเริ่มอาละวาด “แหม! แผลหายเร็วดีหนิ
สงสัยแค่นั้นมันยังไม่พอ อยากลองดีอีกใช่ไหม” จีจี้เริ่มง้างมือ
แต่ขอโทษ
เธอไม่ใช่เพอร์รี่คนเดิมอีกต่อไป
เพี๊ยะ! มือซ้ายของเพอร์รี่จับมือที่ง้างอยู่ของนางแบบสาวไว้
ก่อนที่มือเรียวอีกข้างจะตวัดลงบนใบหน้าเนียนใส
“ฉันไม่ใช่คนที่เธอจะมารังแกได้อีกแล้วจีจี้”
เสียงหวานที่ทุกคนเคยได้ยินแปรเปลี่ยนเสียงเย็นๆ ดวงตาสีฟ้าอ่อนฉายแววน่ากลัว
พลางขวักมือเรียกสาวๆที่เหลือให้เดินเข้าไปในห้องเรียน และเหมือนมีแม่เหล็กติดตัว
ทั้งหนุ่มสาวต่างตามเข้าไปเป็นโขยง ราวกับว่าวันนี้มีกิจกรรมงานเลี้ยงคริสมาสต์ที่ทำให้พวกเขาต้องรีบเข้าห้องเรียนเสียอย่างนั้น
____________________
“หยุดถอนหายใจเฮือกใหญ่แบบนั้นสักทีได้ไหม”
ลีห์แอนน์บ่นให้เพื่อนสาวผมบลอนด์ที่นั่งข้างๆในตอนพักกลางวัน
เธอรู้สึกอึดอัดชะมัดเมื่อมีคนทั้งโรงเรียนจ้องมองมาแบบนี้
แถมยัยเพอร์ยังมานั่งถอนหายใจราวกับเพิ่งโดนหักอกมาหมาดๆ
“เป็นอะไรไป
ยัยตัวแสบ” เจซี่ที่กำลังนั่งเปลี่ยนขนมปังหน้าเนยมันเยิ้มให้กลายเป็นแยมผลไม้ถามขึ้น
เจดและลีห์พยักหน้าและจ้องมองมาที่ ‘ยัยตัวแสบ’ ของพวกเธอ
“เซนดูไม่สนใจฉันเลย”
เพอร์รี่ทำหน้านิ่วพลางถอนหายใจเป็นรอบที่สิบของชั่วโมงนี้ แต่มือยังไม่วายหยิบซูชิที่วันนี้โรงอาหารทำขึ้นเป็นพิเศษเข้าปาก
“แล้วทำไมเธอต้องอยากให้เซน
มาลิค สนใจเธอด้วยล่ะ” เจดที่นั่งตรงข้ามเพอรรี่พูดยิ้มๆหลังจากที่ทำให้เข็มกลัดรูปดอกไม้บนเสื้อกลายเป็นโบว์สีหวาน
“หรือว่า....” สามสาวมองหน้ากัน ก่อนจะมองซ้ายมองขวาและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆกัน
“เธอชอบเซนเหรอ”
เจซี่กระซิบเสียงเบา สามสาวมองหน้ากันอีกครั้งด้วยใบหน้ายิ้มล้อเลียน
“ฉันเปล่านะ
ก็แค่อยากจะแก้แค้นจีจี้เอง” นัยน์ตาสีฟ้าเลิ่กลั่ก
ใบหน้าแดงปลั่งขึ้นเหมือนมะเขือเทศสุก
“ไม่เห็นต้องหน้าแดงเลยนี่นา”
เจดหัวเราะเสียงดัง
“แต่ฉันจริงจังนะ
เซนดูไม่ได้ชอบฉันจริงๆ ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่สนใจเลยต่างหาก”
“เธอก็ปรุงยาเสน่ห์ให้เขาซะเลยสิ”
ลีห์แอนน์โพล่งขึ้น สร้างความตกใจให้กับทุกคน
“จะบ้าหรือไงลีห์
อีกอย่างเราปรุงยาเสน่ห์เป็นซะที่ไหน” เจซี่ถามก่อนจะหยิบขนมปังหน้าแยมเข้าปาก
“ในตำราเวทมนต์ไงล่ะ
ฉันอ่านเจอผ่านๆเมื่อเช้านี้เอง” เพอร์รี่พูดขึ้น “แต่นั่นมันจะดีเหรอ”
“ดีสิ
เธอไม่อยากแก้แค้นจีจี้แล้วเหรอ”
คิ้วหนาที่อยู่เหนือดวงตาขมวดมุ่น
“ฮื่อ! ก็ได้” เพอร์รี่ถอนหายใจออกมา
หวังว่าที่เธอตัดสินใจคงจะมีข้อดีนะ
_____________________
“มันจำเป็นนะ
มันจำเป็นจริงๆนี่นา” ประโยคนี้ออกมาจากปากของเพอร์รี่เป็นร้อยๆรอบตั้งแต่เมื่อเย็นวาน
หลังจากที่สืบเรื่องเซนมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม
เพอร์รี่ก็ได้รู้ว่าเซนจะออกจากบ้านมาเวลากี่โมง เขาชอบกินอะไร ซึ่งก็คือไก่
ด้วยความบังเอิญที่มักจะเจอเซนทุกครั้งไปเวลาไปโรงเรียน
และได้เดินกลับบ้านด้วยกันบางครั้ง เธอจึงล้วงเอาข้อมูลมาได้ไม่ยากเย็น
รวมทั้งข้อมูลอย่างอื่น เช่น เซนมีน้องสาว เขาย้ายมาจากแบรดฟอร์ด เขาเป็นคนอิสลาม
หรือเรื่องอื่นๆที่สาวผมบลอนด์ไม่รู้ตัวว่ารู้สึกดีแค่ไหนที่ได้รับฟังมัน...
ความจริงเพอร์รี่กังวลมากๆ
เพราะเธอรู้สึกว่าการทำเสน่ห์มันเป็นเล่ห์กลที่น่าสมเพช แต่เธอไม่มีทางเลือกมากนัก
แน่ล่ะ เมื่อคืนนี้สาวๆมาที่บ้านเธอหลังเลิกเรียน เจซี่ถือตำราติดมือมา
หรือจริงๆเรียกว่าตั้งใจเอามาด้วย และเริ่มปรุงยาเสน่ห์ ถึงแม้เซนจะชอบไก่มากก็เถอะ
แต่ไม่มีทางที่เพอร์รี่จะเอายาเสน่ห์ใส่ลงไปในไก่แน่
ลีห์แอนน์จึงอบคุกกี้ใส่ยาเสน่ห์ให้ไป เพราะพวกเธอที่เหลือทำอาหารได้แย่มาก
นาฬิกาข้อมือดังแล้ว
ได้เวลาออกปฏิบัติการเสียที
เพอร์รี่หัวใจเต้นโครมคราม
เธอเดินผ่านหน้าบ้านเจซี่มาแล้วเรียบร้อย ใกล้แล้วสินะ ...5... ที่เธอทำไปมันจะดีจริงๆหรือ ...4...
แต่ก็ทำมาแล้วนี่นา ถุงคุกกี้ก็อยู่ในมือแล้วด้วย ...3...
แต่มันแย่มากเลยนะ ...2... เอาเถอะน่า ลองดู ...1...
“เพอร์รี่”
มาแล้ว...
“ไง เซน” ยิ้มหวานๆ
นั่นล่ะ เตรียมใจไว้
“ไง
แล้วนั่นอะไรในมือล่ะ” เซนชี้มาที่เธอ เพอร์รี่ก้มมองของในมือ
“อะ... อ๋อ! นี่น่ะเหรอ ก...ก็คุกกี้ไง ลีห์ทำให้กินน่ะ ลองสักหน่อยไหม” เสียงหวานตะกุกตะกัก
โธ่เอ้ย!
“ก็ดีนะ น่ากินดี
ว่าแต่เป็นอะไรล่ะ พูดจาแปลกๆนะ” เซนรับคุกกี้มาไว้ในมือ และลงมือแกะห่อ
“อ้อ! เปล่า กินคุกกี้สิ” เพอร์รี่ฝืนยิ้มหวาน ความรู้สึกผิดเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ
จนในที่สุด...
“อย่า!” แต่ไม่ทันแล้ว คุกกี้ได้เข้าปากเซนเป็นที่เรียบร้อย
“มีอะไรหรือเปล่า
นี่ลีห์แอนน์ทำใช่ไหม อร่อยมากเลยล่ะ” เซนกระตุกยิ้มมุมปาก แต่แล้วก็หุบยิ้ม
ขนตางอนหนาเป็นแพกระพริบไปมา สายตาเปลี่ยนเป็นหวานหยาดเยิ้ม สาวผมบลอนด์หน้าแดงก่ำ
“เพอร์รี่...”
เซนพูดเสียงเบา แต่ละแวกนี้มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นทำให้เพอร์รี่ได้ยินอย่างชัดเจน
เสียงนั้นมันหวานเยิ้มเสียจนหน้าขนลุก
ร่างสูงค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆ
เพอร์รี่หลับตาปี๋ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เซนค่อยๆพาขายาวของตัวเองเข้ามาใกล้มากขึ้น
มากขึ้น และ...
“เพอร์รี่... เป็นแฟนกันนะ!!!!!!”
เซนตะโกนเสียงดังลั่น ในตาสีฟ้าของเพอร์รีลืมขึ้นมาอย่างงงๆ “ฮะ!”
“อยู่ดีๆฉันก็รู้สึกชอบเธอขึ้นมา
เป็นแฟนกันเถอะ” เซนฉีกยิ้มกว้าง ให้ตายเถอะ!
สาวผมบลอนด์ไม่ชินกับภาพเขายิ้มเสียทีสินะ
“นี่เธอขอผู้หญิงเป็นแฟนด้วยวิธีแบบนี้นะเหรอ”
เพอร์รี่ปั้นหน้าหยิ่งๆ มือสองข้างกอดอกอย่างถือตัว
“ฉันเป็นคนตรงๆแมนๆ
ชอบก็บอกชอบ แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง”
“ทำยังไงเหรอ”
และแล้วภาพของลีห์แอนน์เมื่อคืนวานก็เวียนเข้ามาในหัวเพอร์รี่
‘หลังจากที่เขากินยาเสน่ห์ลงไปเนี่ยนะ เธอก็บอกให้เขาประกาศต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนเลยสิ’
“แน่จริงเธอก็ประกาศให้ทั้งโรงเรียนรู้เลยสิ
ว่าเธอกำลังจะขอฉันเป็นแฟน แล้วฉันจะตอบตกลงทันทีเลยล่ะ” เพอร์รี่ยิ้มหวาน
“ไม่มีปัญหา
รีบไปกันเลยสิ” มือหนาคว้าข้อมือของอีกคนและรีบก้าวขายาวของเขาทันที
____________________
“ทุกคน
ฟังทางนี้หน่อยครับ”
เสียงทุ้มตะโกนกลางโถงทางเดินของโรงเรียนทันทีที่ขาทั้งสองคู่ก้าวเข้ามาถึง ทุกสายตาจับจ้องบุคคลที่เป็นประเด็นข่าวที่น่าทอล์คเมื่อเร็วๆนี้
สามสาวนางฟ้า ลูอิส แฮร์รี่ เอเลนอร์
ไนออลรวมทั้งอีกสามสาวผู้วางแผนการทั้งหมดก็อยู่ที่นี่ด้วย
“เซน เอาจริงเหรอ”
เสียงหวานกระซิบอย่างตกใจ ไม่น่าเลยยัยเพอร์
คนถูกถามไม่ได้ตอบอะไร
เพียงแค่ค่อยๆคุกเข่าลงอย่างช้าๆ ทุกๆคนเหมือนหัวใจหยุดเต้น
นางแบบสาวคนโตของฮาดิดกำลังจะเดินเข้าไปทางที่สองหนุ่มสาวอยู่
แต่ถูกมือบางของน้องสาวรั้งไว้
“เพอร์รี่” เสียงทุ้มพูด
ด้วยความเงียบกริบทำให้ทุกคนก็ได้ยินอย่างชัดเจน “เป็นแฟนกับผมนะ!!!!!”
ทุกหัวใจเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ
และเสียงโห่ฮือฮาก็ดังขึ้นเรากับสั่งได้ สาวผมบลอนด์ที่ยืนอยู่อ้าปากค้าง
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเหมือนแผนการที่ซ้อมกันไว้
“ตกลงค่ะ”
เซนลุกขึ้นและโอบกอดร่างบางเอาไว้ พร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราวของคนนับร้อย จีจี้มองดูตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เธอไม่เคยคิดเลยว่าอะไรๆ มันจะลงเอยแบบนี้ ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไร
รู้เพียงแต่ว่าอยากจะออกไปให้พ้นจากตรงนี้ และไวเท่าความคิดสองขายาวก็ทำตามที่ใจเธอปรารถนา
ไม่ใช่เพียงแค่คุณหนูฮาดิดเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร
เพอร์รี่มองภาพที่จีจี้วิ่งออกไปด้วยหลากหลายอารมณ์
ใจหนึ่งเธอก็สะใจที่เห็นคนที่เธอเกลียดและเกลียดเธอเจ็บปวด
แต่อีกใจกลับรู้สึกผิดและสงสาร
เพอร์รี่คิดไม่ตกจนกระทั่งพักกลางวัน
ตลอดสามสี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้ เซนอยู่ใกล้เธอและคอยดูแลตลอด
นั่นยิ่งเพิ่มความรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ และรู้สึกผิดมากขึ้นเมื่อจีจี้ไม่วีนไม่เหวี่ยงใคร
มันควรจะเป็นเรื่องที่น่ายินดี ถ้าหากเธอแค่ไม่วีนไม่เหวี่ยง
แต่นี่จีจี้กลับไม่ยอมพูดอะไรกับใครเลย ใบหน้าสวยนั้นว่างเปล่าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนคล้ายวิญญาณจะหลุดออกจากร่างไปแล้ว
ฮือออ
พระเจ้าช่วยชี้ทางให้ลูกที
“เป็นอะไรไป
เพอร์รี่”
เซนร้องทักเมื่อเห็นเพอร์รี่ไม่กินซุชิของโปรดเหมือนที่ผ่านๆมาทั้งๆที่ปกติแล้ว
นางสาวเอ็ดเวิร์ดมักจะใส่ใจเรื่องกินเป็นที่สุด
“อ้อ! เปล่า ฉันแค่...แค่...กำลังคิดอยู่ว่าจะไปเอาซูชิมาเพิ่มดีไหม” พูดอะไรออกไปเนี่ย
น่าขายหน้าชะมัด
“แต่ว่าซุชิเธอยังเต็มจาน...อ้าว! หายไปไหนหมดแล้วล่ะ” เซนเอ่ยถามอย่างสงสัย
เขาไม่ทันเห็นซุชิทั้งจานอันตรธานหายไปเมื่อเพอร์รี่ดีดนิ้ว
“ตาฝาดแน่ๆเลย”
เพอร์รี่ยิ้มหวานกลบเกลื่อน “แต่ช่างเถอะ ฉันอิ่มแล้ว... จะว่าไป”
สาวผมบลอนด์เงยหน้าขึ้นมองเซน “ไม่อยากเชื่อเลยเนอะ ว่าเธอจะมาชอบฉันได้
หนุ่มฮอตอย่างเธอกับยัยเฉิ่มที่แทบจะไร้ตัวตนอย่างฉัน”
“ล้อเล่นหรือเปล่า
เธอเป็นคนที่สวยจะตาย น่ารัก และมีเสน่ห์” เซนมองหน้าเธอแล้วยิ้มหวาน เพอร์รี่ไม่รู้ว่าเซนจะรู้ตัวไหม
ยิ้มของเขาวราวกับไปที่จะทำให้คนมองละลายได้ในทันที
“งั้นเหรอ
ไม่หรอกม๊างงงง” คนพูดยิ้มแหยๆ ถึงแม้จะรู้ว่าที่เขาพูดไปเป็นเพราะฤทธิ์ยาก็เถอะ
แต่ลองให้มีหนุ่มหล่อมาพูดแบบนี้ต่อหน้า ก็คงไม่มีใครทนนั่งนิ่งๆได้
“ฉันพูดจริงๆนะ
ใครก็คิดแบบเดียวกันกับฉัน”
“คงงั้นมั๊ง”
“เอ้อ! เสาร์นี้ว่างหรือเปล่า ไปเที่ยวด้วยกันไหม” เซนถาม หัวใจเพอร์รี่กระตุกวูบ
หนุ่มฮอตของโรงเรียนชวนฉันเที่ยว! พระเจ้า!
“ได้สิ
ได้แน่นอน” เพอร์รี่ฉีกยิ้มกว้าง ความดีใจกลบความกังวลเมื่อครู่เกือบทั้งหมด
“ว่าแต่เราจะไปไหนกัน”
“เรื่องนั้นฉันจัดการเอง
รออยู่ที่บ้านนั่นแหละ ฉันจะไปรับ” คำพูดของเซนทำให้เพอร์รี่ยิ้ม
ถึงแม้จะสงสัยว่าเซนจะรู้จักบ้านเธอได้ยังไง เพราะปกติเวลาเดินมาโรงเรียนด้วยกัน
จะเป็นเพอร์รี่ที่เดินผ่านหน้าบ้านเขา
____________________
ตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมา
เซนกับเพอร์รี่สนิทกันมากขึ้น เพอร์รี่ได้เห็นเขาในมุมมองที่แตกต่างออกไป
จากเมื่อก่อนหน้านั้นเขาปฏิบัติตัวเป็นเพื่อนที่แสนดีกับเธอมาตลอด
แต่เมื่อสถานะของทั้งคู่เขยิบขึ้นอีกขั้น เซนก็ยังคงเป็นคนที่แสนดี เขาไม่เคยล่วงเกินเธอไปมากกว่าการจับมือ
หรือการกอด แต่คำพูดและการกระทำของเขาดูใส่ใจและห่วงใยเธอเป็นพิเศษ
จนเพอร์รี่แทบลืมไปแล้วว่าสาเหตุที่เขามาคบกับเธอเป็นเพราะอะไร ส่วนจีจี้
รายนั้นก็ได้คบกับแฮร์รี่เรียบร้อย และเธอไม่หันมามองหน้าเซนและเพอร์รี่อีกเลย
เช้าวันเสาร์
เพอร์รี่ตื่นขึ้นมาแต่เช้า อันที่จริงคือเธอนอนไม่ค่อยหลับ
แน่นอนว่าสำหรับเด็กบ้าเรียนและไม่ค่อยจะมีใครคบ นี่เป็นการเดตครั้งแรกของเพอร์รี่
มันออกจะแปลกๆหน่อยที่เธอข้ามขั้นมาเป็นแฟนก่อนที่จะเดตเสียอีก แต่ก็นั่นแหละ! รอเดตก่อนก็ไม่ทันใจ
เพอร์รี่ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องกังวลเรื่องการออกเดต
และต้องนอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวดีๆเพราะเรื่องนี้ด้วย ในเมื่อเรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแค่สิ่งที่ใช้แก้แค้นจีจี้
อันที่จริงมันควรจะจบตั้งแต่ที่จีจี้วิ่งออกไปจากโถงทางเดินตั้งแต่วันนั้นแล้ว
แต่เพอร์รี่พยายามบอกตัวเองเสมอว่า จีจี้จะดีใจที่เห็นเธอกับเซนเลิกกันเร็วขนาดนี้
ทั้งๆที่ลึกๆในใจนั้นเธอรู้ว่ามีเหตุผลอื่นซ่อนอยู่
แม้ว่าไม่อยากจะยอมรับมันก็ตาม...
นางสาวเอ็ดเวิร์ดเลือกจะแต่งตัวด้วยเสื้อคอเต่าแขนยาวสีดำทับใน
กับกระโปรงลายสก็อต และรองเท้าบู๊ตสั้นสีดำ ก่อนจะลงไปกินมื้อเช้ากับพ่อและแม่
เพอร์รี่บอกพ่อกับแม่ตั้งแต่เมื่อวานว่าเธอมีแฟนแล้ว และมีนัดเดตแรกวันนี้
อันที่จริงพวกท่านสงสัยว่าทำไมถึงได้คบกันก่อนที่จะเดต แต่ก็ไม่ถามอะไรต่อเมื่อเห็นว่าเพอร์รี่ไม่ได้ตอบ
เสียงกดกริ่งหน้าบ้านทำให้หัวใจเพอร์รี่หยุดเต้น
เธอลุกขึ้นไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว และเห็นเซนยืนรออยู่แล้ว เขาอยู่ในชุดสบายๆที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่สามารถทำให้เสน่ห์ของเขาลดลงไปได้
ให้ตายเถอะ! เธอจะตายก่อนเดตแรกจบไหมนะ
“เฮ้! เอ่อ... วันนี้เธอดูสวยดีนะ คือฉันหมายถึง...แบบว่า
เธอสวยทุกวันแต่วันนี้ก็สวย...บ้าเอ้ย”
เพอร์รี่หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นการพูดตะกุกตะกัก และการสบถกับตัวเองเบาๆของเขา
“เราไปกันเลยดีไหม
ว่าแต่จะบอกได้หรือยังว่าเธฮจะพาฉันไปไหน”
“เอ้อ! ก็ดี แต่บอกไปก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ” เซนขยิบตาให้เบาๆ
ส่งผลให้อีกฝ่ายหน้าร้อน
“งั้นก็ไปกันเลยเถอะ”
____________________
วันนี้ทั้งวันคือวันที่วิเศษที่สุดอีกวันในชีวิตของเพอร์รี่
พวกเขาทั้งคู่พากันไปดูหนังกันในช่วงเช้า เหมือนคู่รักอื่นๆทั่วไป ซึ่งหนังที่พวกเขาไปดูนั้น
เป็นการ์ตูนน่ารักๆตามสไตล์สาวกดิสนีย์อย่างเพอร์รี่
นั่นทำให้เซนยิ้มและหัวเราะเอ็นดูหญิงสาวที่ทำตัวเหมือนอายุห้าขวบที่นั่งอยู่ข้างๆ
ต่อด้วยกินข้าวกันตามสเต็ปของการออกเดต
แต่สิ่งที่เพอร์รี่ประทับใจที่สุดก็คงจะเป็นในช่วงบ่าย
“เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม”
เพอร์รี่ถามด้วยความสงสัย มันเป็นที่ที่เธอคุ้นชิน ทะเลสาบกว้างใหญ่ใกล้บ้านที่เธอมักจะมาเป็นประจำเมื่อยามว่าง
การอ่านหนังสือริมทะเลสาบ นั่งมองวิวทิวทัศน์ที่ล้อมรอบด้วยป่าสนและภูเขาลูกเล็ก
ต่ำไม่รู้ว่าเพราะอะไร
เพอร์รี่คิดว่าตอนนี้มันสวยงามและโรแมนติคมากกว่าเดิมหลายเท่า
“ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก
เธอคงจะเคยมานั่งเล่นแล้วล่ะ และก็คงเคยขึ้นเรือนั่นด้วย”
เซนชี้ไปที่ท่าเรือเล็กๆใกล้ๆที่ที่พวกเขายืนอยู่ มีเรือปั่นหลายลำจอดอยู่
เพอร์รี่ส่ายหน้า
“อ่านหนังสือน่ะใช่
แต่เรือนั่น ฉันไม่เคยนั่งหรอก”
“อ้าว! แต่วันนี้ ไม่มีแดดเลยนะ เราไปนั่งกันไหม” เซนเดินนำไปยังท่าเรือ
แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเพอร์รี่ยังยืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม
“มาสิ”
“แต่...”
“มาเถอะน่า” พูดพลางคว้าข้อมือ
และพาเดินมายังจุดให้เช่า เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เพอร์รี่ก้ยังคงยืนตัวแข็งทื่อ
“ขึ้นมาสิ”
เซนยื่นมือมาให้สาวผมบลอนด์ที่ทำท่าทีลังเล เมื่อเขาขึ้นไปบนเรือแล้ว
“แต่ฉันกลัว”
“เอาน่า
มีฉันอยู่เธอไม่ต้องกลัวหรอก” เซนยิ้มมุมปากเล็กๆ เพอร์รี่มองมือที่ยื่นมา ก่อนจะตัดสินใจวางมือลงบนมือที่หนากว่าแล้วก้าวขึ้นไปบนเรือ
บรรยากาศของทะเลสาบนี้สวยงามกว่าที่คิด
เซนและเพอร์รี่ช่วยกันปั่นเรืออย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร ต่างฝ่ายต่างก็กลัว
“เธอรู้เรื่องตำนานของที่นี่ไหม”
เป็นฝ่ายชายที่ทำลายความเงียบทั้งหมด
“ตำนาน ตำนานอะไร ที่นี่มีตำนานด้วยเหรอ”
หญิงสาวถามอย่างสงสัย
“มีสิ เขาว่ากันว่า
ที่ตรงนี้เป็นทะเลสาบแห่งเวทมนต์ เคยมีหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่ง
ทั้งคู่รักกันมาก แต่ฝ่ายชายเป็นคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า พ่อแม่ฝ่ายหญิงจึงกีดกัน
และจะให้เธอแต่งงานกับเศรษฐีคนหนึ่ง ในเมื่อรู้ว่าทำยังไง ก็ขัดพ่อแม่ไม่ได้
เธอจึงอธิษฐานว่า ใครก็ตามที่มานั่งเรือชมทะเลสาบที่นี่ ขอให้สมหวังในความรัก อย่าให้ต้องเสียใจเหมือนกับเธอ
และเธอก็ตัดสินใจกระโดดลงทะเลสาบนี้ไป”
“เรื่องจบเศร้าจังเลยเนอะ
ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ทั้งๆที่อยู่มาตั้งแต่เกิด
ว่าแต่เธอไปรู้ได้ยังไงล่ะเนี่ย” เพอร์รี่ถามขึ้น
ความกลัวที่มีอยู่ก่อนหน้านี้หายไปแล้ว
“ก็ศึกษามานิดหน่อย”
และก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“รู้ไหม
ว่าฉันกลัวมากเลยล่ะ ฉันไม่เคยขึ้นเรือเลย อย่างมากก็อยู่แค่ริมทะเลสาบ
เพิ่งได้รู้ว่ามันสวยมากขนาดไหนก็ตอนนี้แหละ” เพอร์รี่มองภาพตรงหน้าอย่างยิ้มๆ
รู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันก็กลัว” เซนพูด
พลางยิ้มแหย
“อ้าว! แต่เธอเป็นคนชวนฉันนี่นา” เพอร์รี่หันขวับ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“อันที่จริงนะ
ฉันว่ายน้ำไม่เป็น” เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่ทั้งคู่จะหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดัง
“โธ่เอ้ย! เธอจะชวนมาทำไมเล่า” เพอร์รี่ยิ้ม
น่าแปลกที่ทั้งที่รู้ว่าอยู่บนนี้ไม่ปลอดภัย และเซนโกหกเธอ แต่กลับไม่ได้รู้สึกกลัวหรือโกรธเขาเลยแม้แต่น้อย
“ก็ถ้ามานั่ง
เราอาจจะสมหวังในความรักก็ได้ไง” เซนส่งยิ้มให้
ประโยคนี้ของเขาทำให้เพอร์รี่หน้าร้อนผ่าว แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ที่เซนทำอย่างนี้
ก็เพราะฤทธิ์ของยา ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ
สาวผมบลอนด์จึงอยากจะร้องไห้ออกมาเสียอย่างนั้น
“นี่เพอร์รี่
นี่เป็นเหตุผลที่เธออยากรู้ว่าทำไมฉันถึงพาเธอมาที่นี่”
เซนมีสีหน้าจริงจังขึ้นมานิดหน่อย
“แต่ยังมีเหตุผลอีกข้อนึงที่ฉันจะบอกเธอเมื่อถึงเวลา”
เพอร์รี่ไม่ได้อยากรู้เหตุผลอีกข้อของเซนเลย
เพราะมีเรื่องอื่นที่รบกวนสมองและจิตใจเธออยู่ ถ้าหากเซนรู้เรื่องยาล่ะ!
ถ้าหากเขาเกลียดเธอ! ความรู้สึกทุกอย่างประดังประเดเข้ามา
“อ้อ!
แล้วอีกเรื่องที่ฉันอยากจะบอกเธอ”
มือหนาจับใบหน้าของเธอให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา ดวงตาสองคู่ที่คนละโทนสีสบกัน
“ฉันว่ายน้ำไม่เป็น
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เธอ คนที่ฉันรัก ตกลงไปล่ะก็
ฉันจะไม่ลังเลเลยที่จะกระโดดลงไปช่วย” เซนเน้นคำที่ทำให้เพอร์รี่อ้าปากค้าง
“เธอ...ว่า...อะไรนะ”
หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่จับไม่ได้ว่าเธอรู้สึกยังไง ดวงตาดูเปียกชื้น
“ฉันรักเธอ
เพอร์รี่ เอ็ดเวิร์ด” เซนตอบด้วยใบหน้าจริงจัง
ดวงตาของเขาไม่ได้หวานหยาดเยิ้มจนน่าขนลุกเหมือนที่เคยเป็น
แต่มันกลับแสดงออกถึงความจริงใจ ความห่วงใย
และ...มันค่อนข้างหลากลายอารมณ์นะที่ต้องพูดคำนี้... และความรัก
คล้ายๆเวลาหยุดเดิน
โลกทั้งโลกหยุดหมุน สองหนุ่มสาวสบตากันเนิ่นนาน
เพอร์รี่รู้สึกได้ว่าใบหน้าของทั้งคู่ค่อยใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ
และเธอรู้สึกเหมือนมีคนสองคนทะเลาะกันอยู่ในจิตใจ สถานการณ์อย่างนี้มันกดดันเหลือเกิน
เพอร์รี่! ได้ยินใช่ไหม เขารักเธอ เดินหน้าต่อไปเลยจ้ะ
อย่านะ! เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่ตัวตนของเขาจริงๆ
มันเป็นแค่ฤทธิ์ยาสเน่ห์ที่เธอให้เขากินก็เท่านั้น
แต่ดูแววตาเขาสิ
มันไม่ใช่เรื่องโกหกเลยนะ
นั่นมันเป็นเพราะฤทธิ์ยาต่างหาก
เขารักเธอ
เพอร์รี่!!!!!!
“ไม่!!!!!” เสียงของเพอร์รี่ดังขึ้น เธอสะบัดหน้าไปอีกทาง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด
เธอพูดถูกต้องแล้ว...เขาไม่ได้รักฉัน
เสียงและอาการที่เปลี่ยนไป
เหมือนจะทำให้เซนหลุดออกจากภวังค์
“เพอร์รี่
เธอร้องไห้! ฉันขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรเธอนะ”
เขามีสีหน้าตกใจสุดขีด เพอร์รี่รีบเช็ดน้ำตา และหันมายิ้มให้
“อ้อ! เปล่า ฉันคิดว่า ไม่ไหวแล้ว ฉันง่วงแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ”
หญิงสาวพยายามจะฉีกยิ้มให้ได้กว้างที่สุด
แต่ราวกับว่าใบหน้าของเธอโดนเข็มเย็บติดกันไว้
“แต่เธอร้องไห้”
เซนมองหน้าเพอร์รี่ด้วยแววตารู้สึกผิด
“คงจะมีอะไรเข้าตาน่ะ
กลับบ้านกันเถอะนะ ฉันขอร้อง”
ทันทีที่ประตูห้องนอนถูกปิดสนิท
เพอร์รี่นั่งทรุดลงกับพื้นด้วยน้ำตาที่ยังไหลออกมา ความรู้สึกอึดอัดนี้มันคืออะไรกันนะ
เธอไม่รู้เลยว่าเซนคิดยังไงกับเธอกันแน่
เขาอาจจะเป็นไปตามฤทธิ์ยาหรือไม่ก็รักเธอจริงๆซึ่งเปอร์เซ็นต์คงจะน้อยกว่าอย่างแรก
แต่สิ่งที่เธอรู้แล้วแน่ๆ คือ เธอรักเขา...
เพอร์รี่ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปเมื่อไหร่
แต่รู้ตัวอีกทีเมื่อนางเอ็ดเวิร์ดเรียกลงไปทานมื้อเช้า
หลังจากนอนคิดมาทั้งคืนจนหลับไป
เพอร์รี่คิดว่าไหนๆเธอก็จะไปเรียนที่ลอนดอนอยู่แล้ว
เพอร์รี่ขอใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า เธอจะลบความจำตัวเองเรื่องที่เคยทำเสน่ห์ไปชั่วคราว
จนกระทั่งเมื่อถึงวันสอบวันสุดท้าย เธอจะจำได้
และในระหว่างนี้เธอจะสั่งไม่ให้เพื่อนๆพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องยาเสน่ห์โดยเด็ดขาด
เมื่อถึงวันนั้นจะให้ลีห์แอนน์ทำคุกกี้ใส่ยาแก้เสน่ห์เพื่อให้เซน และนั่นคงจะเป็นวันสุดท้ายที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน...
____________________
วันสุดท้ายของการสอบก่อนงานพรอมในคืนนี้
เจด เธอรล์วอล ต้องเดินมาโรงเรียนคนเดียว
เนื่องจากเพื่อนสาวแสนสวยทั้งสามคนบอกว่าอยากแยกกันไปเพราะมีธุระที่ต้องจัดการ
ซึ่งเจดอยากจะรู้นักว่าธุระอะไรจะสำคัญไปกว่าการเดินไปโรงเรียนพร้อมเพื่อนสนิทในวันสุดท้ายก่อนจะไม่ได้เจอกันแล้ว
แต่นั่นแหละ! เธอรล์วอลผู้เงียบขรึมไม่อยากถามอะไรให้มากความ
ถึงแม้จะแอบสงสัยว่าพวกนี้จะทำอะไรลับหลังเธอ
เมื่อพูดถึงงานพรอม
หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่มีคู่ไปงาน เพอร์รี่และเซนต้องไปด้วยกันอย่างไม่ต้องสงสัย
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปด้วยกันได้ดีตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
ถึงเจดจะรู้ว่าพรุ่งนี้เซนก็ต้องรู้ความจริงแล้วก็ตาม แน่นอนว่าต้องมีหนุ่มๆมาขอเธอให้ไปงานด้วยยาวเป็นหางว่าว
แต่เจดก็ปฏิเสธไปเพราะยังมีความหวังว่าใครสักคนที่เธอเฝ้าแอบมองมาสิบกว่าปีจะหันมามองและชวนเธอไปงาน...
เมื่อมาถึงโรงเรียน
เจดคว้ามือถือเคสรูปโบว์คู่ใจออกมา เพื่อโทรหาสาวๆ แต่ไม่สามารถติดต่อใครได้เลย
ให้ตายเถอะ! พวกนี้ไปไหนกันนะ!
ในเมื่อติดต่อไม่ได้
เธอเลยตัดสินใจเดินหา เจดไม่พบพวกเธอเลย ไม่ว่าจะเป็นที่โถงทางเดิน ในห้องเรียน
ห้องน้ำ หรือโรงอาหาร และสาวผมเข้มก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เธอใช้เวทมนต์ตามหาสาวๆได้...
เจดเดินมาตามทางที่เวทมนต์ของเธอบอก
และก็นึกโมโหตัวเองที่ลืมสวนที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารเรียน
แม้จะสงสัยว่าพวกเธอขึ้นมาทำไมกันที่นี่ แต่ขนมเค้กในมือนี้
เธอก็ตั้งใจเอามาฝากทั้งสามสาว รวมถึงไนออล
“เพอร์รี่”
เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อสาวผมสีเข้มเดินขึ้นมาถึงประตู
เจดหยุดชะงักก่อนจะใช้มือเปิดแง้มประตูออกพอให้เหลือช่องให้แอบดู ภาพตรงหน้านั้นบีบหัวใจเหลือเกิน
ไนออลกำลังคุกเข่าอยู่
มือของเขากุมมือของผู้หญิงคนหนึ่งไว้ ซึ่งนั่นก็คือ... เพอร์รี่เหรอ!!!
“บางทีเธออาจจะไม่รู้ตัวนะ ว่าฉันชอบเธอ
ฉันชอบเธอมาก และชอบมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เธอยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ” ไนออลพูด
น้ำเสียงและสีหน้าท่าทางของเขาดูมีความสุขมาก เช่นเดียวกันกับเพื่อนที่เธอรักมากที่สุด
ไหนบอกว่ารักเซนไง!!!
“ฉันอาจจะทำดีกับคนอื่น อาจจะสนิทกับเพื่อนๆของเธอ
แต่คนที่ฉันมองจริงๆแล้ว มีแค่เธอคนเดียว”
มองแค่เธอคนเดียว...อย่างนั้นเหรอ ไม่ไหวแล้วนะ...
ดวงตาของเจดร้อนผ่าว
น้ำตาเริ่มซึมออกมาทีละน้อย เธอเริ่มจะเดาออกแล้วว่าประโยคต่อไปที่เขาจะพูด
คืออะไร...
“เป็นแฟนกับฉันได้ไหม”
แอ๊ด!
ประตูเปิดออก
ก่อนที่ขนมเค้กจะร่วงหล่นจากมือพร้อมกับน้ำตา เจดไม่คิดว่าจะมีอะไรทำให้เธอเสียใจได้มากกว่านี้อีก
แต่เธอกับต้องเปลี่ยนความคิด เจซี่และลีห์แอนน์อยู่ที่นี่ด้วย!!!
“เจด!”
ไนออลร้องขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างตกใจเช่นเดียวกับอีกสามสาว
เขารีบปล่อยมือเพอร์รี่ทันที
เจดน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เธอเดินตรงเข้ามาหาเพื่อนๆอย่างหมดหวัง เสียงที่สั่นเครือนั่นพูดขึ้นว่า
“ไนออล...เธอ...ทำได้ยังไง
เพอร์รี่มีแฟนอยู่แล้วนะ...เธอจำได้...ได้ไหม” แต่ละคำนั้นออกจากปากอย่างยากลำบาก พยายามอย่างหนักที่จะให้มันฟังรู้เรื่อง
ในเมื่อเสียงสะอื้นอาจจะกลบมันหมดแล้ว ไนออลทำท่าว่าจะพูดอะไรออกมา
แต่ก็เงียบไปเมื่อเห็นว่าเจดหันหน้าไปหาเพอร์รี่
“และเธอ เพื่อน...ที่ฉันรัก...รักมากที่สุด
เธอเคยบอกฉันว่าเธอรักเซน และเธอก็รู้ว่าฉัน...” พูดมาถึงตรงนี้ เจดก็เงียบลง
แววตาฉายความผิดหวังออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“แล้วก็พวกเธอ
มาโรงเรียนโดยไม่บอกฉัน...เพราะเรื่องนี้เหรอ ทำไมถึงไม่ห้าม!!!”
ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบ ก่อนจะหัวเราะกันยกใหญ่
เจดมองด้วยความสงสัย หัวเราะกันทำไมนะ
“พอแล้ว! ไปกันใหญ่แล้วเจด” ผู้ชายที่ทำร้ายจิตใจเธอเมื่อครู่บอกก่อนยิ้มกว้าง
“โถ! ยัยหนู กะว่าจะเซอร์ไพรส์ซะหน่อย พังหมดเลย” เพอร์รี่ยิ้มให้เธอ ยิ่งสร้างความมึนงงให้กับคนที่น้ำตาไหลอยู่อย่างหนัก
“เคลียร์กันเองละกันเนอะ” ว่าแล้วเธอก็เดินไปหาอีกสองสาว
“อธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหม”
“อันที่จริงฉันไม่ได้จะขอเป็นเพอร์รี่เป็นแฟนหรอก”
“อ้าว! แต่ที่เธอทำเมื้อกี้...” เจดงงหนักกว่าเดิม ให้ตายเถอะ! มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย
“มันเป็นแค่การซ้อม”
ไนออลมองหน้าเจดด้วยรอยยิ้มหวาน
“ซ้อม? หมายความว่าไง เธอจะซ้อมไปทำไม”
“ฉันก็กะว่าจะสารภาพรักกับผู้หญิงคนนึง
ก็เลยยืมเพอร์รี่มาก่อนแค่นั้นเอง”
“แล้วทำไมทั้งเธอทั้งเพอร์รี่ถึงได้ดูร่าเริงขนาดนั้นล่ะ”
“ให้ตายเถอะเจด มีคนมาพูดหวานๆด้วยแบบนั้นมันก็ต้องเขินบ้างแหละน่า”
เสียงหวานดังมาจากด้านหลังเจด เพอร์รี่นั่นเอง
“แล้วเธอจะสารภาพรักกับใคร” แม้จะรู้แน่ว่าไม่ใช่เพอร์รี่
แต่มันก็ยังเจ็บปวดหัวใจอยู่ดีที่รู้ว่า เขามีคนที่ชอบแล้ว
“เธอยังเดาไม่ออกอีกหรือไง
เพื่อนๆของเธอมารวมกันที่นี่แต่เธอไม่ได้มา แล้วดูรอบๆข้างนี่”
เจดหันไปมองตามที่ไนออลบอก สวนฉันบนมีริบบิ้นสีต่างๆประดับประดาไว้อย่างสวยงาม
“พวกนี้นี่มันคืออะไร”
เจดยืนอึ้งไปพักหนึ่ง
ก่อนจะตั้งสติได้ ตอนนี้น้ำตาเธอหยุดไหลแล้ว รอยยิ้มถูกเผยให้เห็นออกมาแทน
“งั้นตอนนี้ ฉันยืนอยู่นี่แล้ว
อยากพูดอะไรก็พูดมาสิ”
“กะว่าจะเซอร์ไพรส์ซะหน่อย
แต่ก็เอาเถอะ” ไนออลคุกเข่าลง และคว้ามือเจดมาไว้ตรงหน้า
ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของอีกสามสาวที่เหลือ
“เจด...คือฉัน...
โธ่เว้ย!” ไนออลสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างหัวเสีย
“เป็นอะไรไป ไนออล”
เจดถามขึ้นอย่างงุนงง
“ก็เธอ เธอทำให้ฉันลืมบทพูดที่ซ้อมมาเมิ้อกี้หมดเลยน่ะสิ”
จบประโยคนั้นสาวๆก็หัวเราะเสียงดังลั่น
“งั้นคิดใหม่เลยสิ
เอาแค่ประโยคเดียวสั้นๆ ฉันอยากรู้ความรู้สึกจริงๆของเธอตอนนี้มากกว่า”
ไนออลมองอย่างลังเล
แต่เมื่อเห็นใบหน้าหน้ายิ้มแย้มของผู้หญิงเจ้าของมือที่เขากุมอยู่ ก็นั่นแหละ
เธอทำให้เขายิ้มตามเสมอ
“งั้นเอาเป็นว่า เจด! ฉันชลอบเธอ เป็นแฟนกันนะ”
สิ้นประโยคนั้น สาวๆสามคนที่เตรียมกรี๊ดกับต้องตกใจ เช่นเดียวกันไนออล
เมื่อเห็นฝ่ายหญิงน้ำตาไหล
“เฮ้ย! เธอเป็นอะไร” ไนออลรีบลุกขึ้นทันที
“ก็มันดีใจอ่ะ
ให้ตายเถอะ! มิสเตอร์ฮอแรน ทำไมไม่รีบบอกให้เร็วกว่านี้เล่า”
เจดหัวเราะทั้งน้ำตา ไนออลยิ้มแล้วเอามือขยี้หัวคนที่ตัวเล็กกว่าเบาๆอย่างเอ็นดู
“แล้วเธอล่ะ
ทำไมไม่รีบบอก”
“ก็ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ
ว่าเราจะใจตรงกันมาเป็นสิบปีแล้ว” เจดหัวเราะอีกครั้ง
ลีห์แอนน์กุมมือตัวเองไว้แนบอก เจซี่มองด้วยรอยยิ้ม
มีเพียงแต่เพอร์รี่ที่หน้านิ่งไปด้วยสาเหตุบางอย่าง
“แล้วคำตอบ...”
“ยังต้องถามอีกเหรอ”
ไนออลกระโดดตัวลอย ก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเจดหมุนไปมา
เสียงหัวเราะของทั้งคู่อาจจะสร้างความอบอุ่นและสุขใจให้ใครหลายๆคนที่ผ่านมาได้ยิน
เพอร์รี่
เอ็ดเวิร์ดมองภาพตรงหน้าอย่างมีความสุข แต่อารมณ์อีกอย่างหนึ่งกลับผุดขึ้นมา
วันนี้เธอรู้แล้วว่า มันถึงเวลาที่ต้องพูดความจริง...
ทั้ง 5 คน เดินลงมาจากดาดฟ้า
โดยมีเสียงไนออลที่บ่นเป็นเด็กๆว่าเจดทำให้เขาไม่ได้กินเค้กแสนอร่อย
พวกเขาพบกับใครคนหนึ่ง คนที่เพอร์รี่อยากเจอและไม่อยากเจอเป็นที่สุด
“ไงเพอร์ เฮ้!” เซนละสายตาจากเพอร์รี่มายังมือที่เกาะกุมกันอยู่ของคู่รักคู่ใหม่
“ยินดีด้วยนะ”
“ขอบใจ
แล้วเจอกันที่งานพรอมนะ” ไนออลและอีกสองสาวเดินจากไป
ลีห์แอนน์บีบไหล่เพอร์รี่เบาๆอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเดินตามหลังพวกเขาไปด้วย
“ฉันว่าจะมาชวนเธอไปงานคืนนี้”
เซนเริ่มเปิดประเด็น
“ตอบอย่างไม่ต้องคิดเลยล่ะ
แน่อยู่แล้ว” เพอร์รี่ยิ้มบางๆให้
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
อีกฝ่ายถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเธอไม่ร่าเริงเหมือนเคย
“เปล่า...
อันที่จริง คืนนี้ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอด้วย แล้วเจอกันที่งานนะ” ว่าแล้วก็เดินจากไป
ทิ้งความสงสัยให้เซน
____________________
บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างมีความสุข
ปีนี้งานพรอมจัดอยู่ที่โรงยิม ประดับประดาด้วยลูกโป่งสีสวย
หนุ่มสาวในโรงเรียนต่างพากันมางานนี้
เริ่มจากจีจี้ซึ่งควงคู่มากับผู้ชายคนใหม่ที่ไม่ใช่แฮร์รี่ เจดที่มากับไนออล ลูอิสมากับเอเลนอร์
และคนทั้งโรงเรียนก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงไม่คบกันเสียที
ส่วนเจซี่กับลีห์แอนน์มาพร้อมกัน ในใจนึกเป็นห่วงเพอร์รี่
เพอร์รี่มองหาคนที่เธอนัดไว้ไปทั่วงาน
สงสัยว่าเซนจะยังไม่มา นั่นก็ดีจะได้มีเวลาทำใจเพิ่มมากขึ้น
ตอนนี้คุกกี้ที่ใส่ยาถอนเสน่ห์ของลีห์แอนน์อยู่ในมือของเธอแล้ว
และในตอนนั้นเอง
เซนก็เดินเข้ามาในงาน วันนี้เขาดูดีมากขึ้นกว่าวันอื่นๆ
แม้ปกติเขาจะหล่อจนต้องละลายอยู่แล้วก็ตาม เพอร์รี่ก้มหน้า
พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้และเดินเข้าไปหาเซน
“เฮ้!”
“เฮ้!
ว่าไง มาถึงนานหรือยัง โทษทีนะ โดนิย่าจับฉันแต่งตัวซะนานเลย”
เซนกำลังพูดถึงโดนิย่า มาลิค น้องสาวคนสวยของเขา
“ไม่นานหรอก...
เธอมากับฉันทางนี้หน่อยสิ” เพอร์รี่สบตากับสามสาว แล้วเข้าไปจับมือเซนไว้อย่างแน่นที่สุด
ก่อนจะพาเดินออกไปจากโรงยิม โดยมีอีกสามสาวและไนออลตามไปด้วย
พวกเขาทั้งคู่เดินเข้ามาในอาคารเรียน
ขึ้นบันไดมาเรื่อยๆจนถึงสวนบนดาดฟ้า เพอร์รี่ดันตัวเซนให้หันมาประจันหน้ากัน
เธฮจ้องมองตาสีเฮลเซนคู่นั้น เพราะมันคงจะเป็นครั้งสุดท้าย
“พามาที่นี่ทำไมล่ะ
ทำไมเราไม่อยู่ในงาน” เซนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ
ลองกินนี่ดูสิ” เพอร์รี่ยื่นกล่องกระดาษใส่คุกกี้สีน้ำตาลให้เขาช้าๆ
คล้ายๆกับว่ามันจะทำให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันนานกว่านี้
“คุกกี้เหรอ
กินทำไม” มือหนารับมาอย่างงงๆ
“อย่าเพิ่งถามอะไรฉันตอนนี้เลยนะ
กินเถอะ” เพอร์รี่เอ่ยขึ้นอย่างขอร้อง
ทันทีที่ชายหนุ่มตรงหน้ากัดคุกกี้เข้าไป
น้ำตาของเพอร์รี่ก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ มันคงไม่เหลือแล้วสินะ วันของเรา
“เพอร์รี่
นี่มันอะระ-” เสียงของเซนขาดหายไปจากนั้น
เมื่อหญิงสาวตรงหน้าร่ายมนต์สะกดนิ่งใส่เขา มีเพียงดวงตาสีเฮลเซนที่สั่นไหวไปมา
“อย่า- อย่าเพิ่งพูดอะไรทั้งนั้น ฉันจะปล่อยเธอทันทีเมื่อฉันอธิบายจบ...แล้ว...”
เพอร์รี่เอื้อนเอ่ยคำแต่ละคำออกมาอย่างยากลำบากเพราะน้ำตาที่ไหลเอ่อ “แล้วฉันจะปล่อยเธอไป”
“ฉัน...วางยาเสน่ห์เธอ
วางเพื่อจะแก้แค้นจีจี้” ดวงตาของเซนดูอึ้งไป แต่เพอร์รี่ยังคงจ้องมองมันนิ่ง
ปากก็ยังพูดต่อไป “เธออาจจะไม่เชื่อเรื่องเวทมนต์นะ แต่ฉันมีเวทมนต์จริงๆ ที่เธอขยับไม่ได้ตอนนี้ก็เป็นเพราะเวทมนต์
รวมถึงเรื่องที่ฉันสวยขึ้น เรื่องที่ซูชิฉันหายไป
หรือเรื่องแปลกทั้งหมดที่เกิดขึ้น”
“ฉันคิดแค่ว่าฉันอยากทำเพราะแก้แค้นยัยนั่น
เพราะหล่อนทำให้ฉันเจ็บมาก แต่พอวันนั้น เดตแรกของเรา ฉันถึงได้รู้ ได้รู้ว่า...รู้ว่าฉันรักเธอจริงๆ
แต่มันเจ็บปวดนะที่รู้ว่าเธอรักฉันเพราะฤทธิ์ของยาเสน่ห์
เจ็บปวดที่รู้ว่าเธอไม่ได้รักฉันจริงๆ”
“ดังนั้น
ฉันจึงเห็นแก่ตัว ฉันลบความจำของตัวเองชั่วคราว และกำหนดไว้ว่าให้จำได้เมื่อวานนี้
ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ฉันมีความสุขมาก เพราะไม่มีอะไรมากวนใจฉัน
จนกระทั่งเช้าวันนี้ ให้ตายเถอะเซน! ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว
และฉันรู้ว่าวันนี้ฉันคงต้องบอกเธอ”
“มันยากนะ
ฉันรู้สึกว่ากว่าฉันจะพูดได้แต่ละคำ มันยากลำบากมาก แต่... ตอนนี้ เธอเป็นอิสระแล้ว
และฉันอนุญาตให้เธอต่อว่าอะไรก็ได้ หรือเธอจะเกลียดฉันเลยก็ได้ ฉันแค่อยากให้เธฮร็ไว้ว่า
ที่ผ่านมามันไม่ใช่ความเสแสร้ง ฉันทำมันออกมาจากใจทั้งหมด” ว่าเพียงเท่านั้น
เพอร์รี่จัดการคลายมนต์ให้เซน หญิงสาวก้มหน้ารอรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น
อะไรจะเกิดมันก็คงต้องเกิด
“เงยหน้าขึ้นมามองฉันเพอร์รี่”
เสียงของเซนมันไม่เหมือนเดิม มันไม่ได้อบอุ่นและนุ่มนวล แต่มันกลับฟังดูดุและเย็นชา
เพอร์รี่เงยหน้าขึ้นช้า
แต่เซนกับทำสิ่งที่เธอไม่คาดฝันขึ้น เขา...
เขากอดเธอ!!!
“เธอยังขี้แยไม่เปลี่ยนเลยจริงๆสินะ”
เซนพูดพลางหัวเราะ มือหนาลูบผมคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู
ซึ่งนั่นทำให้เพอร์รี่ไม่เข้าใจเลย อะไรกันอีกล่ะ!
“หมายความว่ายังไง
เธอไม่โกรธ ไม่เกลียดฉันเหรอ” เธอถามหลังจากผละออกจากกัน
“อันที่จริง ฉันรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว”
เซนหัวเราะอีกครั้ง ทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ ก่อนที่อะไรบางอย่างจะเดินเข้าประตูมายังสวนบนชั้นดาดฟ้า
“พวกเธอก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”
เพอร์รี่ถามเจด เจซี่ ลีห์แอนน์ และไนออล ซึ่งเดินมาอย่างร่าเริง ก่อนจะกลับมามองต้นเหตุที่ทำให้เธอเสียใจ
ร้องไห้ และงุนงงในเวลาเดียวกัน
“อธิบายเดี๋ยวนี้เลยคุณมาลิค”
คิ้วสวยขมวดมุ่น พลางจ้องหน้าคมนั้นอย่างเอาเรื่อง คราบน้ำตายังเปรอะอยู่บนหน้า
“แหม! อันที่จริงมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก วันนั้นที่เป็นเดตแรกของเรา
เธอจำเรื่องตำนานของทะเลสาบได้มั๊ย” เซนถาม เพอร์รี่พยักหน้าช้าๆและนึกถึงคำพูดของเซน
‘เขาว่ากันว่า ที่ตรงนี้เป็นทะเลสาบแห่งเวทมนต์
เคยมีหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่ง ทั้งคู่รักกันมาก
แต่ฝ่ายชายเป็นคนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า พ่อแม่ฝ่ายหญิงจึงกีดกัน และจะให้เธอแต่งงานกับเศรษฐีคนหนึ่ง
ในเมื่อรู้ว่าทำยังไง ก็ขัดพ่อแม่ไม่ได้ เธอจึงอธิษฐานว่า
ใครก็ตามที่มานั่งเรือชมทะเลสาบที่นี่ ขอให้สมหวังในความรัก อย่าให้ต้องเสียใจเหมือนกับเธอ
และเธอก็ตัดสินใจกระโดดลงทะเลสาบนี้ไป’
“นั่นแหละ
มันเป็นเรื่องจริง เพราะจะทำให้สมหวังในความรัก
เขาก็เลยทำให้ฉันรู้ว่าฉันโดนยาเสน่ห์ พอหลังจากกลับมาถึงบ้าน
ฉันก็ลองโทรไปถามเจซี่ และเธอก็บอกว่าเธอวางเสน่ห์ฉันเพราะอยากแก้แค้น
แต่เธอดันหลงเสน่ห์ฉันซะเอง” พูดถึงตรงนี้ เซนยิ้มกว้าง แต่เพอร์รี่กลับหน้าแดง
เธอหันไปมองผู้ที่ถูกพูดถึง
“ทำไมเธอไม่บอกฉัน”
เจซี่ยิ้มแหยๆ
“ฉันไม่ให้บอกเองนั่นแหละ
ฉันอยากรู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะบอกความจริงฉัน” ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ก่อนที่เพอร์รี่จะตัดสินใจเอ่ยถาม
“ในเมื่อเธอรู้แล้วเธอเล่นตามน้ำไปเหรอ”
เพอร์รี่ไม่เข้าใจว่าจะถามให้ตัวเองเจ็บทำไม
“เธอก็เหมือนเจดนั่นแหละ
ดูไม่ออกเลยหรือไงว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยเสแสร้งเลย”
คำตอบนั้นทำให้เพอร์รี่ยิ้มกว้าง
“จำได้ไหม
ที่ฉันเคยบอกว่ามีอีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันพาเธอไปที่ทะเลสาบ เพราะว่า มันเป็นที่แรกที่ฉันพบเธอ”
เพอร์รี่งุนงงเป็นอย่างมาก
ที่แรกที่เขาพบเธอไม่ใช่ตอนที่เขาชนเธอล้มหรือ
“วันนั้นฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่
แล้วเห็นที่นี่มีทะเลสาบ ฉันก็เลยลองไปดู แล้วฉันก็เห็น ผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่งตัวเฉิ่มๆเชยๆ ใส่แว่นหนาเตอะ กำลังนั่งอ่านหนังสือด้วยความตั้งใจ
จนไม่รู้แม้กระทั่งว่าฉันอยู่ห่างเพียงไม่กี่เมตร อยู่ๆ ก็มีลูกมาตกน้ำ
เธอละสายตาไปจากหนังสือ ก่อนจะวิ่งไปหากิ่งไม้มาให้ลูกหมาเกาะ
และพามันกลับไปที่บ้าน ” เพอร์รี่จำวันนั้นได้
“พูดจริงๆนะเพอร์รี่
ฉันไม่ได้เริ่มชอบเธอเพราะเธอสวย
เราไม่ได้บังเอิญเดินมาเจอกันพอดีตอนไปโรงเรียนทุกวัน แต่มันเป็นฉัน
ที่พยายามอยากเข้าใกล้เธอ เป็นฉันที่คอยเธอ เผื่อว่าจะมีโอกาสได้เดินไปด้วยกัน”
ไม่ใช่แค่เพอร์รี่ที่อึ้งไปกับคำบอกเล่าของเขา
แต่คนอื่นๆก็เหมือนกัน
“เธอชอบฉันเพราะ
ช่วยลูกหมาตกน้ำเนี่ยนะ” เธอถามหลังจากที่ได้สติคืนมาแล้ว
“มันจะแปลกตรงไหนล่ะ”
อยู่ๆเซนก็คุกเข่าลง ภาพเหตุการณ์ที่ไนออลขอเจดเป็นแฟนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
เพอร์รี่ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอฉีกยิ้มกว้างแค่ไหน รู้แต่ว่าเธอเข้าใจเจดแล้วว่าทำไมต้องดีใจขนาดนั้น
“เพอร์รี่” เซน
มาลิค พูดด้วยเสียงนุ่ม “ฉันรู้ว่าฉันพูดมันไปรอบนึงแล้ว แต่ ณ ตอนนั้น
ฉันไม่มีสติ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่ว่าตอนนี้...”
เขาดึงมือเธอมากุมไว้ตรงหน้า เจดเอาหัวซบไหล่ไนออล ลีห์แอนน์และเจซี่ยิ้มกว้าง
“ฉันมีสติครบถ้วน”
และคำที่เพอร์รี่อยากได้ยินมากที่สุดก็มาถึง
“เป็นแฟนกันนะ”
___________________
มาแล้ววววววววว มาครบแล้วค่าาาาา สวัสดีรีดเดอร์ทุกๆคนนะคะ ไม่รู้ว่าจะมีคนรออ่านอยู่มั๊ย แต่ก็ต้องขอโทษจริงๆนะคะ ที่หายไปนานมากกกกกก แล้วก็มาลงทีละครึ่งๆกลาง และขอบคุณคนที่นังรออ่านอยู่ค่ะ ขอบคุณจริงๆจากใจเลย
จริงๆไรท์กะจะให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้น แต่ดันกลายเป็นเรื่องสั้นที่ยาวมากกกกกกกก 37 หน้ากระดาษ A4 ด้วยจำนวนคำ 15375 คำค่ะ อาจจะมีเนื้อหาบางช่วงที่ไม่สมูทหรือบรรยายงงๆยังไงก็ต้องขออภัย ณ ที่นี่ด้วยนะคะ
ส่วนที่ไรท์สัญญาไว้เมื่อวานว่าจะเอาตัวอย่างเรื่องใหม่มาให้ดู ก็นี่เลยค่ะ
“ไม่ต้องตกใจนะครับ
เราคือคนที่พาตัวพวกคุณมาที่นี่ และล้างความจำพวกคุณเองครับ” เจ้าของเสียงที่ฟังดูเหมือนผู้ชายอายุประมาณ
30 ปี พูดอย่างร่าเริง
“นี่! จะดูร่าเริงไปมะ แล้วนี่คุณทำแบบนี้ทำไม”
เป็นฝ่ายหญิงที่เริ่มพูดก่อน
“แหม! ก็พวกคุณเป็นคนที่เราเลือกให้มาเป็นหนูทดลอง เอ้ย!
ผมหมายถึงทดลองปฏิบัติภารกิจของเราดูน่ะครับ”
“ภารกิจ คุณหมายความว่าไง
เราจะทำภารกิจอะไรได้ยังไงในเมื่อเราจำอะไรไม่ได้สักอย่างแม้แต่ตัวเอง” หนุ่มผมหยิกถามขึ้นมาบ้าง
“พวกคุณต้องใช้สัญชาตญาณครับ”
“นี่ ช่วยพูดอะไรให้มันชัดเจนหน่อยได้ไหมคะคุณปรัศนี บุคคลปริศนา
เราต้องทำอะไรก็ว่ามา”
“พวกคุณก็แค่ต้องอยู่ด้วยกัน
5 วันในห้องๆนี้ และทำภารกิจอย่างหนึ่ง
หลังจากครบกำหนดแล้ว เราจะส่งคุณกลับ ความทรงจำก่อนหน้านี้ของคุณจะกลับมา แต่...”
ชายปริศนาเว้นวรรค
“แต่อะไร”
“แต่ความทรงจำ
5 วันนี้จะหายไป”
ยังไม่บอกหรอกเนอะว่าเป็นเรื่องของใคร แต่ก็อาจจะรู็กันอยู่แล้ว ไรท์รับปากไม่ได้นะคะว่าจะลงได้เมื่อไหร่ แต่ลงคราวนี้จะครบร้อยแน่นอน
ส่วนใครที่มีเรื่องอะไรอยากจะคุย อยากแนะนำฟิคหรือนิยายให้ไรท์อ่าน หรืออยากระบายเรื่องเพื่อน ครอบครัว เรื่องเรียน เรื่องแฟน ก็ทวิตมาหาได้เลยนะคะ @pcmulan ส่วนถ้าจะพูดเรื่องฟิค (ซึ่งไม่น่าจะมี 5555) ก็อย่าลืมติดแท็ก #มนต์ดำของเซอร์รี่ มาด้วยน้าาาา แล้วเจอกันใหม่เรื่องหน้านะคะ สวัสดีค่าาาาาาา
ความคิดเห็น