ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประสบการณ์ สอบโควตา ม.แม่ฟ้าหลวง 57 (NEW)

    ลำดับตอนที่ #4 : สอบข้อเขียน+สัมภาษณ์ภาษาและวัฒนธรรมจีน

    • อัปเดตล่าสุด 20 ธ.ค. 58


    บทความนี้ได้รับความอนุเคราะห์ เพื่อนพิมพ์มาให้เลยจ้า เยอะมาก ลองอ่านดูนะ 


    สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องบอกว่าตื่นเต้นมากกับการจะเล่าเรื่องต่อไปนี้ให้กับรุ่นน้องฟังกัน เพราะพี่ไม่คิดว่าตัวเองจะกลายเป็นหนึ่งในคนที่ไปสอบมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเลยจริงๆ =___=

    เหตุผลเพราะ พี่ห่วยแตกภาษาอังกฤษมากค่ะ

    แต่ก็อยากลองสนามด้วย สุดท้ายเลยตัดสินใจสมัครสอบรอบโควตา 17 จังหวัดภาคเหนือ คณะที่พี่เลือกเป็นอันดับหนึ่งคือ ภาษาและวัฒนธรรมจีนค่ะ  (สอบตามศิลป์ที่เรียนมา 555+)

    ตอนแรกที่เลือกก็พยายามหาข้อมูลที่เกี่ยวกับคณะนี้  แต่ก็หาไม่เจอ สุดท้ายก็เพิ่งมารู้ว่าเป็นคณะที่เพิ่งเปิดใหม่ เลยทำให้ไม่มีข้อมูลอะไรที่พอจะเก็บเกี่ยวได้  คราวนี้ก็ทำตัวชิวจ้า เรียนๆ เล่นๆ มาจนถึงกระทั้งวันที่จะไปสอบข้อเขียน  จำได้ว่าตอนเย็นยังมีอารมณ์นั่งดูซีรี่ย์เกาหลีกับแม่จนถึงสองทุ่ม  หนังสือไม่อ่านเล้ย พอสี่ทุ่มชักเริ่มนอนไม่หลับ กระวนกระวายใจ อ่านหนังสือก็ไม่เข้าหัวเลยอ่ะตอนนั้น ใจไปอยู่ที่วันพรุ่งนี้แล้ว สุดท้ายเลยลุกขึ้นมานั่งแต่งนิยายต่อระบายความเครียด  (อ้าวเฮ้ยยยยย  มึงจะชิวไปไหนน  =[]=)  สุดท้ายหลับตอนตีหนึ่งกว่าๆ  แล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนตีสี่ คราวนี้นั่งอ่านหนังสือยาวจนถึงตอนจะหกโมงเช้าเลยจ้า 555+ ประมาณว่าแรงฮึดครั้งสุดท้าย 

    ก็ไปถึงมหาลัยตั้งแต่เจ็ดโมงกว่าๆ เวลาลงทะเบียนคือ แปดโมงถึงแปดโมงครึ่ง ตอนที่กำลังจะเดินไปจุดลงทะเบียนมันเป็นอะไรที่สวยมากๆ อันนี้ยอมรับเลย อากาศหนาว แล้วก็จะมีหมอกลอยบังดอยอยู่อ่ะ เป็นภาพที่สวยจริงๆ เชื่อว่าทุกคนที่มาสอบที่นี่ก็คงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันแน่ๆ 

    เออ ขอเตือนอีกอย่าง อันนี้ไม่รู้ว่าพี่จะเป็นคนเดียวรึเปล่านะ แต่แบบห้องสอบหายากมากๆๆๆ คือเดินวนไปปีกนั้น ลงมาปีกนี้ก็ยังหาห้องสอบของตัวเองไม่เจอ ส่วนมากที่เดินสวนกันไปมาก็มีแต่เด็กนักเรียนที่มาสอบทั้งนั้นจะถามใครก็ไม่ได้ จะเข้าไปถามยามเพื่อนก็ไม่ให้ไปค่ะ มันบอกว่าอาย =__=!

    สุดท้ายกว่าจะหาเจอก็เกือบจะถึงเวลาเข้าห้องสอบแล้วอ่ะ เพราะงั้นเตือนน้องๆ นะคะ ว่าถ้ามาถึงก่อนเวลาควรเดินหาห้องสอบให้เจอโดยด่วน  มิฉะนั้นก็จะเป็นอย่างพี่นี่แหละคะ _ _^

    ตอนเข้าห้องสอบก็ไม่มีอะไรมากค่ะ บรรยากาศดี เปิดแอร์เย็นฉ่ำน่าหลับคาโต๊ะสอบมาก (แต่ก็ไม่มีใครทำนะ เพราะแต่ละคนมุ่งมั่นตั้งใจกันมาก) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย ข้อสอบวิชาแรกคืออังกฤษ ก็อย่างที่บอกว่าพี่ไม่ค่อยถนัด เลยไม่รู้จะบอกยังไงดี แต่ที่มั่นใจคือ คอนเวอร์ฯค่อนข้างง่าย นอกนั่นก็ตามมีตามเกิดทำเท่าที่พอจะจำหลักไวยากรณ์ได้ หนักสุดก็ต้องรีดดิ้ง อันนี้ให้บทความมาสามหรือสี่พี่ก็ไม่แน่ใจ ซึ่งมันยาวมากกกกกกก จนขี้เกียจอ่าน เวลาก็เริ่มกระชันชิดเข้ามาเรื่อยๆ สุดท้ายก็เลยต้องใช้วิชาเดาเข้าช่วยอย่างเร่งด่วน (แนะนำว่าควรเตรียมมาด้วยนะคะ วิชานี้ =__=)

    วิชาที่สองเป็นวิชา สังคมค่ะ ก็จะออก พระพุทธ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หน้าที่และพลเมือง คือข้อสอบก็ไม่ได้ยากมากนะ ถามไม่ลึก ถ้าอ่านมาก็ได้แน่ๆ (แนะนำให้ย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 1 ที่พี่เจ้าของบทความเขียนไว้แล้วกันนะคะ  พี่เข้าเขียนแนวไว้ชัดมาก และข้อสอบก็เหมือนกันกับพี่เลย) สรุป วิชานี้เลยเป็นวีชาที่มั่นใจมาก แอบสับสนนิดๆ ตรงประวัติศาสตร์ เพราะถามแบบชนิดที่เจาะจงมาก จำคำถามข้อหนึ่งได้แม่นมากค่ะ ว่า วันที่ 2 กันยายน 1945 เกิดเหตุการณ์ที่สำคัญต่อสงครามโลกครั้งที่สองคือ?

    นิ่งไปนิด เออ เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ? ลืมอ่ะ  สุดท้ายก็ตอบไปว่า ญี่ปุ่นลงนามยอมแพ้ =___= ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองตอบถูกรึเปล่า เพราะยังไม่ได้เข้าไปหาดูในเน็ต เอาตรงๆ ว่าไม่อยากรู้ล่ะ เกิดตัวเองตอบผิดขึ้นมาคงเฟลแน่ๆ 555+



        และก็มาถึงวันสอบสัมภาษณ์  มันเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากค่ะ ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง คือตื่นเต้นสุดๆ แล้วก็ไม่ได้เตรียมอะไรไปเยอะ เพราะเข้าหาดูในบทความตามตามอินเตอร์เน็ตแล้ว ทุกบทความก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า

    “พอร์ตไม่เตรียมไปก็ได้ ไม่เป็นไร สอบสัมภาษณ์ไม่ต้องเครียด ตอบไม่ได้ ขอตอบเป็นภาษาไทยได้”

    ณ จุดๆ นั้น พี่ก็โล่งใจขึ้นมาเยอะค่ะ คิดว่าเอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน ก็เตรียมคำถามแบบที่คิดว่าเขาน่าจะถามไปสองคำถาม  นอกนั้นก็ค่อยๆ ตอบไปล่ะกัน

    วินาทีที่เข้าไปในห้องสอบก็ตื่นเต้นมากค่ะ ครูที่สัมภาษณ์เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ สองคน คนแรกเป็นคนจีน คนที่สองเป็นพี่ไทยนี่แหละ คนจีนใจดีมากๆๆๆๆๆ ส่วนพี่ไทยเล่นรัวกระสุนใส่เชียว ตอนแรกก็ให้แนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ  พี่ก็ตอบตามที่เตรียมไปค่ะ พอเริ่มคำถามที่สองพี่ก็ชักเริ่มสะดุดแล้ว

    แปลไทยโดยความทรงจำในตอนนั้นค่ะ

    Q: ทำไมถึงอยากเข้ามาเรียนคณะนี้

    A: (คำถามตรงตามที่เตรียมมาเป๊ะค่ะ ตอบได้ชิวมาก)

    Q: เคยเรียนภาษาจีนมาก่อนรึเปล่า  ถ้าเคยเรียนมาลองพูดให้ฟังหน่อย

    A: ก็หว่อเจี้ยวไปค่ะ

    Q: เธอเคยไปจีนมาก่อนมั้ย?

    A: (ข้อนี้ตอนแรกพี่ฟังไม่ชัดค่ะ คิดว่าครูแกถามซ้ำข้อเมื่อกี้  ก็เลยตอบแบบเดิมไปแบบงงๆ ซึ่งพอมารู้ตัวทีหลังว่าตัวเองเข้าใจผิดก็นึกอยู่ในใจทันทีว่า โธ่ถัง!! ตายแล้วกู TOT แล้วก็รีบตอบไปว่า โนๆๆๆ = =;)

    Q: จะสอบเข้าคณะนี้แล้วรู้รึเปล่าว่าคณะนี้เป็นยังไง ได้ลองหาข้อมูลมาก่อนมั้ย?

    A: (เงิบจ้า ไม่ได้เตรียมมาเลย คือตอนนั้น หัวขาวโพลนไปหมดทันที่เลยที่ได้ยินคำถามนี้  ก็เลยถามไปว่า ขอตอบเป็นภาษาไทยได้มั้ย? คำตอบที่ได้กลับมาคือ NO แล้วก็บอกว่า SPAKE ENGLISH  OR CHINESE  วินาทีนั้นคือ ฉิบหายล่ะกู  ไหนในเน็ตเขาบอกว่าตอบได้ไงแว๊!!! YY) ก็เลยดำน้ำตอบไม่ว่า เคยพยายามค้นหาข้อมูลในเน็ตแล้ว แต่ก็ไม่มีเลย ครูแกก็พยักหน้าให้

    Q: คุณรู้อะไรเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีนบ้างมั้ย แล้วรู้อะไรบ้าง ช่วยยกตัวอย่างให้ฟังหน่อย?

    A: ณ จุดๆ นั้นนะคะ .....เอิ่มมนะ สมองขาวโพลนเลยค่ะ คิดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่ตัวเดียว จะพูดอะไรต่อดีว่ะ เฮ้ยยย ไม่รู้อะไรเลยอ่ะ ตายๆๆ วัฒนธรรมอะไรอ่ะ เฮ้ยยย คิดไม่ออกเว้ยยยย T^T สุดท้ายเลยส่ายหน้าค่ะ ตอบไปว่า  โน 

     

    ครูก็นิ่งไปค่ะ แบบเริ่มทำหน้าเครียดล่ะ พี่งี้บีบมือตัวเองแน่นมากอ่ะ  แล้วครูแกก็ถามว่า

     

    Q: รู้ตัวมั้ยว่าที่ผ่านมาสามนาทีเนี่ย ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?

    A: เงิงงงงงงงอ่ะ เฮ้ยยย ถามแบบนี้จริงเหรอ ฉันฟังผิดรึเปล่า? T^T  เลยส่วยหน้าแล้วตอบไปว่า ไอ ดอน โน TOT

    ครูแกก็หัวเราะแบบ เย็นๆ อ่ะ แล้วก็ถามต่อว่า

    Q: คิดว่าตัวเองมีจุดอ่อนจุดแข็งอ่อนอะไรบ้าง?

    A: ประโยคนี้พี่กำลังเบลอต่อจากคำถามข้อเมื่อกี้ เลยไม่รู้เรื่อง แต่คราวนี้ครูไทยแอบกระซิบว่า จุดอ่อน จุดแข็ง  พี่ก็พยักหน้ารับ คิดหาศัพท์ในหัว ก่อนจะตอบไปว่า พี่เป็นคนขี้กลัว แต่ก็เป็นคนที่มีความพยายามยามนะ ครูแกก็ยิ้มแล้วบอกว่า แดทกู๊ด

    Q: วัฒนธรรมจีนเป็นยังไงในความคิดของคุณ?

    A: ถึงเวลาเงิบอีกแล้วค่ะ เลยหลุดพูดไทยไปอีกครั้ง ซึ่งคำตอบที่ได้กลับมาก็ยังคงเหมือนเดิม SPAKE ENGLISH  OR CHINESE  สารภาพตรงๆ ค่ะว่า ตื่นเต้นจนลืมคิดถึงภาษาจีนไปเลย ทั้งที่ครูก็ย้ำอยู่ตลอดว่า  พูดจีนหรืออังกฤษก็ได้ แต่เพราะมัวแต่กังวลเรื่องภาษาอังกฤษไง เลยพลาดตรงนี้ไป เลยตอบแบบมึนๆ ไปว่า  ฉันคิดว่าวัฒนธรรมจีนเป็นอะไรที่สวยงามและมีความหลากหมายในด้านชนเผ่า  =___=! พระเจ้าช่วย  อยากกระโดดลงหล่าวมาก มึงตอบอาร้ายยยยย TOT

    แล้วครูก็มองหน้ากัน ก่อนจะบอกว่าจบแล้ว ขอบคุณ พี่ก็ลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องแบบขายังสั่นอยู่เลยอ่ะ เจ้าหน้าที่ที่พามาห้องสัมภาษณ์เห็นหน้าพี่ก็ถามว่า

    ตัวแข็งรึยัง?

    พี่ก็เลยตอบไปว่า แข็งแล้วค่ะ แข็งไปหมดทั้งตัวเลย T^T  

    แล้วก็กลับเข้ามาในห้องรอสอบสัมภาษณ์ค่ะ เพื่อนที่ยังไม่ได้สอบก็จะรุมถามกันเยอะมาก ตื่นเต้นไปตามๆ กัน พี่ก็นั่งเม้าท์ไป สักพักก็มีรุ่นพี่ของคณะมาหาที่ห้อง คือคณะอื่นจะมีรุ่นพี่มาเยอะนะ แต่คณะพี่มีมาแค่คนเดียว เพราะแกบอกว่าเพื่อนแกขี้เกียจตื่นกัน แล้วบางส่วนก็ยังไม่กลับเข้ามา เพราะเป็นช่วงปิดเทอม พี่เขาก็มานั่งชวนคุย พี่ก็ถามไปหลายคำถามมากเกี่ยวกับคณะ

    ขอแอบเม้าท์อีกอย่างว่าเฮียแกอย่างน่ารักอ่ะ ใจดีมาก เป็นกันเอง แล้วก็น่ารักมากจริงๆ หลังๆ ก่อนที่พี่จะกลับก็มีอ้อนๆ บอกว่า มาอยู่ด้วยกันนะ ที่นี่อบอุ่นมากจริงๆ 555+

    อยากจะบอกเหมือนกันค่ะว่า เชื่อแล้วว่าอบอุ่น แต่จะได้อยู่รึเปล่าอันนี้ก็ไม่รู้เน้อ 

    เอาล่ะๆ ม้อยส์มาเยอะมาก พี่สรุปเลยแล้วกันเน๊าะว่า  ถ้าคิดจะสอบคณะจีนนะ เตรียมอิ้งมาให้ดีๆ หรือไม่ก็เก่งจีนมาเลย ภาษาไทยช่วยคุณไม่ได้ในห้องสอบ แต่จะเป็นตัวฆ่าคุณต่างหาก อย่าเชื่อบทความเก่าๆ ที่เคยให้ข้อมูลไว้ เพราะมันจะทำให้คุณพลาด T_T

    ยังไงก็อวยพรให้พวกน้องโชคดีนะคะ 

    จากที่เพื่อนพี่เราโหดจริงๆ สู้ๆนะน้องๆ เตรียมตัวให้ดี เผื่อเจอจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×