คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 ขอโทษครับ...ผมไม่ใช่พระเอกหนังไทย...
บทที่ 2..ขอโทษครับ...ผมไม่ใช่พระเอกหนังไทย
“นี่จะนั่งให้รากงอกอยู่ตรงนี้เลยหรือไงยะ”......เสียงแหลม ๆ ดังข้นพร้อมกับการรองเท้าสานสีแดงปรากฏอยู่ตรงหน้าของฉัน ซึ่งไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองฉันก็รู้ว่าต้องเป็นลูกน้ำลูกสาวของป้าฉันเอง
ป้าน้อมมีลูกสองคน คนโตคือพี่นัทเป็นผู้ชายส่วนคนเล็กคือลูกน้ำซึ่งอายุ 17 ปีเท่ากับฉัน ส่วนพี่นัทเรียนมหาลัย ปี 3 แล้ว ส่วนฉันกับลูกน้ำเราอยู่ ม.ปลายปีสุดท้ายแล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่า ฉันจะได้เรียนต่อหรือเปล่า เพราะป้าแกเคยพูดจะส่งฉันแค่ม.ปลายเพราะแกภาระเยอะ แต่ฉันก็เข้าใจแกเพราะฐานะทางครอบครัวของแกก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ลุงชัยแกก็เป็นแค่หัวหน้าคนงานในโรงงานธรรมดาเท่านั้นเอง
ฉันค่อย ๆ เช็ดหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าของลูกน้ำด้วยสายตาเรียบเฉย การที่ฉันอาศัยอยู่บ้านนี้สอนให้ฉันรู้ว่าการแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมานั้นมันไม่เป็นผลดีกับตัวเองฉันจึงต้องฝึกการเก็บอารมณ์ของตนเองมาตั้งแต่อายุ 11 ปี...
“น้ำมีอะไรกับลีหรือเปล่า” ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย...
“เปล่าก็ไม่มีอะไรหรอก เราแค่อยากออกมาดูตัวกาฝากว่าหน้าตามันเป็นยังไง”....ลูกน้ำบอกออกมาก่อนที่จะยิ้มเยาะด้วยอารมณ์สะใจ
“งั้นน้ำก็เห็นแล้วนี่ว่าตัวกาฝากหน้าตามันเป็นอย่างไร...แต่ลีว่ามันก็คงหน้าตาคล้ายกับน้ำล่ะมั้งเพราะว่าเราสองคนมันก็ญาติกันไม่ใช่หรือ พูดง่าย ๆ ก็ตระกูลเดียวกัน”....
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...ลีขอเข้าบ้านก่อนนะ ต้องรีบไปทำงานพิเศษต่อ”....ฉันพูดหน้าตายก่อนเดินเข้าบ้านแล้วฉันได้ยินเสียงกรี๊ดตามหลังมา เฮ้ยได้ยินเสียงกรี๊ดของลูกน้ำอย่างนี้แล้ว เราก็รู้สึกดีเหมือนกันนะ ปาฏลี
...................................................................
“นี่คุณปัณณ์อยู่ไหม”....เสียงแหลม ๆ ใสดังขึ้นหน้าโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสารรายงานต่าง ๆ ทำให้คนที่กำลังง่วนกับการตรวจรายงานการประชุมเพื่อที่จะส่งให้กับเจ้านายของตนต้องจำใจมองเงยหน้าขึ้นมอง พร้อมกับคิดในใจว่า “อีกแล้วหรือว่ะ นี่เป็นรายที่เท่าไรแล้วว่ะ งานการไม่ต้องทำกันล่ะ”...
“สวัสดีครับ คุณวนาลี... บอสไม่อยู่หรอกครับ ออกไปรับรองลูกค้าตั้งแต่บ่ายแล้วครับ”ปริญญาบอกออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้ในใจจะเบื่อหน่ายเรื่องพวกนี้มากมายเพียงใดก็ตาม...
“อะไรนี่ คุณเลขา...นามากี่ทีคุณก็บอกว่า...นายคุณไม่อยู่..”
“เลี้ยงลูกค้าบ้างล่ะ ติดประชุมบ้างล่ะ นาชักจะเบื่อแล้วนะ...คุณโกหกนาหรือเปล่านี่...”วนาลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ เธอรู้สึกว่า ปัณณวัฒน์หลบหน้าเธอแล้ว หรือว่าเขาจะเริ่มเบื่อเธอแล้ว ไม่เธอจะไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้นเพราะว่ากว่าที่เธอจะทำให้เขาหันมาสนใจเธอนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ กับการที่เธอจะต้องฝ่าฟันกับผู้หญิงคนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้เขามาควง...
“จริง ๆ ครับคุณวนาลี ถ้าคุณไม่เชื่อผมจะให้คุณดูตารางงานของบอสก็ได้ครับ”...
วนาลีจ้องมองหน้าเลขาหนุ่มของปัณณวัฒน์อย่างจับผิด แต่ที่เธอเห็นนั้นไม่มีพิรุธแต่อย่างไร
“นาเชื่อคุณเลขาก็ได้ค่ะ ถึงจะไม่ค่อยหน้าเชื่อถือเท่าไรเถอะ”...วนาลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไมค่อยอยากจะเชื่อถือซะเท่าไร เพราะเธอรู้ว่าปริญญานั้นทำงานกับปัณณวัฒน์มาตั้งนานคงจะซึมซัมนิสัยเดียวกับนายของเขามาบ้างเรื่องที่ใครจะอ่านสีหน้าของปัณณวัฒน์ออกนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากเพราะเขานั้นไม่เคยที่จะให้ใครเข้าถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้ ..
“แหมคุณวนาลีพูดซะผมเป็นคนขี้โกหกเลยนะครับ” ปริญญากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“ก็หรือไม่จริงล่ะคะ..นากลับก่อนดีกว่าค่ะกวนคุณนานแล้ว..แล้วบอกคุณปัณณ์ด้วยนะคะว่านามาหา”
ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินออกไปด้วยสีหน้าที่หงอย ๆ จนคนที่มองตามหลังนั้นมองด้วยความสงสารแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ในเมื่อ บอสของเขานั้นเป็นคนเบื่อง่าย เมื่อเขาเบื่อใครแล้วนั้นอย่าหวังมา เขาจะหวนกลับไปหา
จะว่าไปมันก็ไม่ใช่ความผิดของนายเขาซะหน่อยในเมื่อ ผู้หญิงพวกนั้นเข้ามาหานายของเขาเอง ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่นายเขาเป็นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นความเจ้าอารมณ์ การเป็นคนเบื่อง่าย เอาแต่ใจตัวเอง ทำทุกอย่างที่ตนเองอยากจะทำ ไม่เคยแคร์ความรู้สึกของใครทั้งนั้น นอกจากความรู้สึกของตัวเอง อยากได้อะไรต้องได้ อะไรที่ใครว่าทำไม่ได้ ปัณณ์วัฒน์ทำได้ทุกอย่าง พูดง่าย ๆ ไม่มีคำว่าไม่ได้สำหรับ ปัณณวัฒน์ ปัณธร แต่จะว่านายของเขานิสัยไม่ดีก็ไม่ได้ ในเมื่อนายของเขานั้นเป็นถึงนักธุรกิจมือทอง มีกิจการในมือมากมายไม่ว่า จะเป็นธุรกิจบ้านจัดสรร โรงแรม บริษัทส่งออกเจลเวอรี่ อื่น ๆ อีกมากมาย รวยซะขนานนี้ ไหนจะเป็นลูกผู้ดีเก่าต้นตระกูล เป็นถึงเจ้าพระยาคอยรับใช้เจ้านายในวังอีก รูปร่างหน้าตาไม่ต้องพูดถึง ดารานายแบบยังสู้ไม่ได้เลย เขาไม่เคยเห็นใครที่จะเพอร์เฟคเท่าเจ้านายเขาอีกแล้ว คิดแล้วต้องอิจฉา ไม่รู้ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรถึงได้เกิดมาพร้อมทำอย่างขนาดนี้ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติหรือคุณสมบัติ...
“นั่งฝันหวานถึงสาวคนไหนอยู่ล่ะ คุณปริญญา” ..เสียงนุ่มทุ้มที่ทรงอำนาจที่ใครได้ยินแล้วต้องหยุดฟังแล้ว ต้องปฏิบัติตามที่ได้รับคำสั่งแต่โดยเร็วทำให้เลขาหนุ่มต้องสะดุ้ง
“อ้าวบอสจะกลับแล้วหรือครับ”.....ปริญญาถามออกไปด้วยความสงสัยเมื่อเห็นปัณณวัฒน์ออกมาจากห้องทำงานเร็วผิดปกติเพราะทุกที่ บอสของเขาทำงานดึกดื่นทุกวัน บ้างทีถ้างานยุ่งมากอาจจะนอนที่ออฟฟิศก็บ่อยไป..
“อืม พอดีวันนี้เรามีนัดน่ะ ไม่อยากให้เขารอนาน”...
“ ว่าแต่คุณเถอะยังไม่ตอบคำถามผมเลยนะว่าเมื่อกี้นั่งฝันถึงสาวคนไหน” เอ่ยด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ ซึงไม่มีใครได้เห็นบ่อยนักนอกจากคนสนิท จริง ๆ กับคนอื่น ปํณณวัฒน์ จะปฎิบัติตัวด้วยความสุภาพ ห่าง เหิน และค่อนข้างไว้ตัว...
“อ้อ เมื่อกี้หรือครับ พอดีผมคิดอะไรไปเรื่อย ๆ นะครับไม่สำคัญอะไรหรอก”...ปริญญาตอบออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ พร้อมกับคิดในใจว่าจะให้ตอบออกไปได้ไงว่ากำลังคิดเรื่องเจ้านายอยู่เดี๋ยวจะหาว่าเราเป็นเกย์ คุณปัณณวัฒน์ยิ่งคิดอะไรไม่เหมือนใครอยู่ด้วย....
“อย่ามัวแต่นั่งฝันหวานอยู่ล่ะ เดี๋ยวจะทำรายงานการประชุมให้เราไม่เสร็จ”....ปัณณวัฒน์บอกออกไปด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริงแต่ก็แฝงด้วยการปรามอยู่ในที่
“ครับบอส...เอ้อ..บอสครับเมื่อกี้คุณวนาลีเธอมาหาน่ะครับ แต่ผมบอกออกไปว่าบอสไม่
อยู่น่ะครับ เธอก็เลยเดินหน้าเศร้าออกไป แต่ฝากบอกไว้ว่าให้บอสโทรหาเธอบ้างครับ...”
“ผมว่าเธอน่าสงสารนะครับ เธอคงอยากเจอบอสจริง ๆ นะครับ”..ปริญญาบอกออกไปเพื่อว่าบอสเขาจะสงสารเธอบ้าง เขาช่วยได้แค่นี้จริง ๆ
“เหรอ...ขอบใจนะที่คุณช่วยบอกว่าผมไม่อยู่..”ปัณณวัฒน์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่บ่งบอกว่าเขารู้สึกอย่างไร
“บอสจะไม่โทรหาเธอหน่อยเหรอครับ”
“ไม่ล่ะ เราไม่ชอบให้ความหวังกลับใคร “.....
“ แต่ถ้านายสงสารเธอก็คอยปลอบใจกันเองแล้วกันเวลาเธอมาแล้วไม่เจอเรา”..
“ ถ้านายมัวแต่สงสารคนนั้นคนนี้ เราว่านายคงตั้งคอยปลอบใจอีกหลายคนแหละ”
ปัณณวัฒน์กล่าวอย่างหน้าตายแล้วเดินออกไปทิ้งให้เลขาหนุ่มต้องนั่งปลงตกกับกับชะตาชีวิตตัวเองที่ต้องคอยเป็นหนังหน้าไฟเรื่องสาว ๆ ของเจ้านายตัวเองที่เค้าเขี่ยทิ้งเมื่อยามตัวเองเบื่อ นี่ก็คงจะเป็นคู่ควงคนล่าสุดอีกล่ะสิ เฮ้ยเมื่อไรเจ้านายเค้าจะเจอคนจริงมาปราบซักที่นะเค้าล่ะอยากเห็นจริง ๆ จากคนที่มีแต่ผู้หญิงคอยวิ่งไล่จับกลับต้องมาคอยวิ่งไล่ตามคนอื่นซะบ้างจะรู้สึกอย่างไร...
...........................................................
“หวัดดีครับลูซี่รอผมนานไหมพอดีผมเพิ่งเคลียร์งานเสร็จ” ปัณณวัฒน์ถามออกไปเมื่อเห็นว่าคู่ควงคนล่าสุดของเค้ามานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ไม่นานหรอกค่ะ ลูซีเพิ่งมาไม่ถึง ห้านาที่เลย” นางแบบสาวกล่าวออกไปอย่างเอาใจชายหนุ่ม แม้ว่าเขาจะมาสายไปครึ่งชั่วโมงก็เถอะ
“ลูซี่ว่าเราสั่งอาหารกันเถอะค่ะ ลูซี่หิวแล้ว”
“ครับลูซี่อยากทานอะไรสั่งได้เลย น้องขอเมนูหน่อย” ชายหนุ่มหันไปสั่งกับเด็กที่เดินผ่านมาพอดี
“ปัณณ์ค่ะ ลู่ซี่ว่าถ้าเราทานข้าวกันเสร็จแล้วเราไปเต้นรำกันต่อดีไหมค่ะ จากนั้นเราก็ไปหาที่เงียบ ๆ คุยกัน”ว่าแล้วหญิงสาวก็เข้ามากอดแขนชายหนุ่มแล้วซบลงที่ไหล่อย่างไม่อายสายตาของคนรอบข้าง
ปัณณ์วัฒน์ก้มลงมองหญิงสาวอย่างรู้ทัน เขารู้อยู่แล้วว่าค่ำคื่นนี้เขากับเธอจะไปจบลงกันที่ไหน ซึ่งเขาไม่เกียงอยู่แล้ว
“ได้สิครับ ผมตามใจลูซี่อยู่แล้ว”... ปัณณวัฒน์กล่าวออกไปพร้อมกับก้มลงไปจูบเธออย่างไม่แคร์สายตาใคร แล้วเขาก็ไม่กลัวว่าเธอจะเสียงชื่อเสียงขนาดไหน
“หือ ปัณณ์น่ะเล่นไรก็ไม่รู้ลูซี่อายเขานะคะ” หญิงสาวกล่าวออกมาอย่ามีจริตเล็กน้อย เมื่อริมฝีปากของเธอถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ...
“เอ้อขอโทษนะคะ”เสียงหวานใสดังขึ้นขัดจังหวะของคนทั้งคู่ทำให้ปัณณ์วัตฒ์และลูซี่ต้องหันไปมองด้วยความรู้สึกต่างกัน ลูซี่นั้นค่อนข้างไม่พอใจที่มีคนเข้ามาขัดจังหวะ แตกต่างกับชายหนุ่มนั้นกลับทำหน้าเรียบเฉย แม้เขาจะแปลกใจก็ตามที่เห็นพนักงานเสิรฟร้านนี้มีเด็กหน้าตาที่สวยหวาน ซึ่งตอนนี้แดงไปหมดคงจะอายที่มาเห็นสิ่งที่เขากับลูซี่จูบกันเมื่อกี้ แล้วเขาก็มองหน้าหญิงสาวอย่างพินิจ แล้วเขาก็เห็นว่าดวงตาของสาวน้อยคนนี้กลมโตใสนักแถมยังหวาน อีกต่างหาก แม้จะมองเห็นความเศร้า ว้าเหว่อยู่ในนั้นก็เถอะ แล้วไม่ว่าจะเป็นคิ้วคาง จมูกที่รั้นนิด ๆ บ่งบอกถึงความหัวดื้อหัวรั้น ก็รับกับรูปหน้ายิ่งนัก ชายหนุ่มมองเรื่อยลงมาจนถึงริมฝีปากอิ่มที่แดงระเรื่อที่มองแล้วเขาอยากจะพิสูจน์นักว่ามันจะหวานขนาดไหน
“ขอเสริฟอาหารหน่อยนะคะ” และเสียงหวานในก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่เห็นมีใครพูดอะไร
“ว่างไว้ตรงนั้นยะแล้วจะไปไหนก็ไป..” ลูซี่บอกออกไปด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นพนักงานเสิร์ฟนั้นเป็นสาวน้อยที่สวยมากแล้วดูเหมือนว่าคนของเธอจะสนใจมองด้วย
ปาฏลีได้ยินอย่างนั้นจึงรีบว่าอาหารแล้วรีบเดินกลับมาเพราะเธอรู้สึกว่าลูกค้าคงไม่ค่อยพอใจเธอเท่าไรนัก คงเป็นเพราะเธอไปขัดจังหวะพวกเค้าแหละมั้งความจริงมันไม่ใช่ความผิดเราสักหน่อย พวกเขาแหละผิดที่ทำอะไรประเจิดประเจ้อไม่เกรงใจใคร คนพวกนี้มี่เงินมีการศึกษากันซะเปล่าแต่ไม่มีความเกรงใจกันซะเลย ปาฏลีคิดพลางถอนใจ...
..............................................
“ปัณณ์จะรีบลุกไปไหนล่ะค่ะ ไหนว่าจะอยู่กับลูซี่ทั้งคืนไงคะ”...ลูซี่ถามอออกไปทั้งที่ยังนอนอยู่บนเตียงร่างทั้งร่างมีเพียงผ้าห่มพืนเดียวที่คลุมอยู่
“ไม่ล่ะผมเปลี่ยนใจแล้ว เอ้านี่บัตรเครดิตของผมคุณอยากได้อะไรเอาไปรูดได้เลย”ปัณณวัฒน์โยนบัตรสีทองลงบนเตียงที่ตอนนี้ลุกขึ้นนั่งมองชายหนุ่มที่ตอนนี้แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“ลูซี่ไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะคะ..เวลานอนกับผู้ชายเพื่อต้องการเงินทองหรือสิ่งของ” นางแบบสาวกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกน้อยใจที่เขาเห็นว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงขายตัว..
“เอาเป็นว่าผมขอโทษแล้วกัน ที่ทำให้คุณรู้สึกอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงผมแค่อย่างขอบคุณคุณที่คอยให้ความสุขผมตลอดเวลาที่เราคบกัน”ชายหนุ่มกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกถึงความเสียใจเลยแม้แต่น้อย...
“ปัณณ์พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรคะ” ลูซี่พูดออกมาด้วยความรู้สึกกลัวเพราะว่าปัณณวัฒน์พูดเหมือนจะตัดความสัมพันธ์กลับเธออย่างนั้นนั่นแหละ
“ผมว่าเราควรหยุดความสัมพันธ์กันไว้แค่นี้เถอะ”แล้วปัณณวัฒน์ก็พูดออกมาในที่สุด
“ทำไมคะ เมื่อตอนเย็นคุณยังดี ๆ อยู่เลยแล้วทำไมตอนนี้ คุณถึงได้บอกเลิกกับลูซี่ล่ะคะ
ลูซี่ไม่ยอมนะ ยังไงลูซี่ก็ได้วื่อว่าเป็นเมียคุณแล้ว คุณต้องรับผิมชอบ” ลูซี่กล่าวออกมาอย่างไม่ยอมแพ้
ปัณณวัฒน์เมื่อได้ยินลูซี่พูดออกมาอย่างนั้นเขาได้แต่ยิ้มเยาะแล้วกล่าวออกไปว่า
“คุณหวังมากไปแล้วล่ะลูซี่ ผู้หญิงอย่างพวกคุณน่ะไม่เหมาะกับคำว่าเมียหรอก คงไม่ต้องให้ผมพูดหรอกนะว่าต้องใช้คำว่าอะไร เพราะผมยังอยากให้เกียรติคุณอยู่”
“แสดงว่าคุณจะไม่รับผิดชอบฉันใช่ไหม” หญิงสาวถามออกไปอย่างจริงจัง
“ผมคงไม่ต้องตอบหรอกนะ เพราะคำตอบมันอยู่ในตัวของมันอยู่แล้วคุณก็รู้นี่”
“งั้นฉันจะปล่าวประกาศให้คนทั้งสังคมรู้กันไปเลยว่าคุณ มันเลวทรามขนาดไหน นอนกับผู้หญิงแล้วไม่รับผิดชอบ” ลูวี่วางไม้ตายออกมา ซึ่งเธอหวังว่าปัณณวัฒน์จะเกรงกลัวบ้าง
“คุณจะทำอย่างนั้นก็ได้นะ ผมไม่ได้ว่าอะไร แต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิม” ชายหนุ่มว่าพลางจะเดินออกจากห้องก่อนที่เขาจะเปิดประตูนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของอดีตคู่ควงสของเขาร้องไห้ พร้อมกับคำถามที่ว่า
“ทำไมคะปัณณ์ ทำไมคุณถึงทำกับลูซี่อย่างนี้” เสียงที่ถามออกมานั้นสะอึกสะอื้นอย่างหมดอาย
“ขอโทษด้วยนะ ผมไม่ใช่พระเอกในหนังไทยที่เวลานอนกับใครแล้วต้องรับผิดชอบคนนั้น เพราะผมรู้ดีว่าเราก็สนุกด้วยกันทั้งคู่ เมื่อหมดเวลาสนุกเราก็ต้องแยกย้ายกันไป...” ปัณณวัฒน์พูดโดยไม่หันหน้ามามองหญิงสาว แล้วเดินออกจากห้องพักหรูในคอนโดของหญิงสาวเอง
ความคิดเห็น