คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : : Chapter 1
ความโกรธเกลียดที่มีอยู่ในใจนั้น ถ้าเปลี่ยนให้มันเป็นความทรงจำก็ดีไป
แต่คนส่วนใหญ่มักจะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นความแค้นที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
และไม่กล้าที่จะเริ่มต้นมันใหม่อีกครั้ง คิดว่าทุกอย่างต้องลงเอยแบบเดิม
สุดท้ายแล้วความโกรธเกลียดนั้นก็จะทำให้คนเรากลายเป็นคนขี้ขลาดหวาดกลัว
ที่จะเริ่มต้นใหม่...และจมปลักกับสิ่งเดิม
♥ ♥ Chapter 1
“เดลลี่เสร็จยัง...จะ8โมงแล้วนะโว้ย!”
“น่าพี่เดลต้า..เร่งอยู่ได้” ฉันตอบแบบคนง่วงนอนกลับไป อ๊ะ! ลืมแนะนำตัวไป ฉันชื่อ เดลลี่ แต่เพื่อนมักเรียกว่า เดล เฉย ๆ ฉันมีพี่ชายคนหนึ่ง ชื่อเดลต้าร์ ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ม.5 ส่วนพี่ชายเรียนอยู่มหาลัยฯแล้ว พี่ชายฉันมีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะเชียวนะหน้าตานี่ยอมรับว่าดูดีเลยแหละ แถมยังฮอตมากๆอีกด้วย แต่ถ้าใครมาเจอนิสัยแบบฉันคงเลิกกรี๊ดกันเป็นแถบๆ สาเหตุที่ฉันต้องอยู่กับพี่ชาย 2 คนก็เป็นเพราะ คุณพ่อกับคุณแม่ทำธุรกิจอยู่ที่อเมริกา นานที่พวกท่านจะกลับมาสักครั้งนึง
“เร็วหน่อย ฉันมีสอบตอนเช้านะโว้ย ขืนแกชักช้าอยู่แบบนี้ แกขึ้นรถไปเองเถอะเพราะฉันจะไปแล้ว!” พี่เดลต้าร์บ่นเป็นคนแก่อีกหละ
“รู้แล้วน่าพี่ก็บ่นอยู่ได้” ฉันพึมพำตอบกลับไป ไม่กล้าบ่นดังเพราะเดี๋ยวไม่มีรถไปโรงเรียน
เอี๊ยด!!!
“เบาๆหน่อยดิพี่เดลต้าร์ หัวฉันจะโขกกับกระจกรถอยู่แล้วเนี่ย” ฉันบ่นกระปอดกระแปดหลังจากที่พี่เดลต้าร์ขับรถมาส่งฉันที่หน้าโรงเรียนของฉันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่เป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นของเมืองนี้เลยก็ว่าได้ ชื่อว่าเซนต์ลูน่า
“เพราะแกนั้นแหละชักช้าน่ารำคาญ ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้สอบ พรุ่งนี้อย่าหวังว่าแกจะได้ขึ้นเหยียบมาบนรถฉันอีกแน่!” แงๆพี่เดลต้าร์ทำไมต้องตะโกนด้วยหละ เดลลี่สายนิดสายหน่อยเอง หลังจากที่ฉันโดนพี่ชายสุดที่รักตะเพิดลงมาจากรถ ฉันก็รีบเดินเข้ามาภายในเซนต์ลูน่าอย่างรีบเร่งกว่าจะมาถึงห้องเรียนได้เล่นเกือบตาย
“โอ้โห้! ยัยเดลลี่กว่าแกจะมาได้นะย่ะ ทำไมไม่มาตอนเลิกเรียนเลยหละ” พอฉันก้าวเท้าเข้าไปในห้องปุ๊ปก็ได้ยินเสียงพูดจาแดกดันของยัยมิลล์เพื่อนสนิทปั๊ป
“ตื่นสาย..นิด..หน่อย” ฉันตอบกลับด้วยอาการหอบกิน ”หลีกดิ๊ ง่วงขอหลับซักงีบหน่อยนะ ครูมาบอกด้วยหละ” ฉันบอกพร้อมกับนั่งกระแทกลงที่โต๊ะแล้วฟุบหลับ
“อ้าว เฮ้ย! อย่าเพิ่งหลับซิ เดลลี่ ฉันมีของดีมาให้แกดู รับร้องแกจะตื่นเต้นจนหายง่วงเลยหละ” ยัยฟอร์เร้นเพื่อนสนิทอีกคนทำเสียงดี๊ด๊า
“อืม ” ฉันตอบพวกมันทั้งที่ยังก้มหน้าหลับอยู่
“จะให้ ดีไหมน่าแกคงไม่อยากเห็นมั้ง”
“งั้นดี ไม่ต้องให้ไม่อยากเห็น -^-”
“โห้ย! เดลลี่ใจร้ายอะ ขอเวลาเล่นตัวนิดหน่อยก็ไม่ได้ อะนี่ ๆฉันเอามาให้แกเลือก หล่อกว่าคราวที่แล้วอีกนะเนี่ย ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลยนะเนี่ย ฮิฮิ ^^ ” ยัยฟอร์เร้นพูดพลางเดินไปเปิดกระเป๋าที่ไม่เคยมีหนังสืออยู่ในนั้นเลยแม้แต่เล่มเดียวนอกจาก... นิตยายสารประจำโรงเรียนสุดห่วยแตกที่วางขายอยู่ในร้านค้ามากมายภายในโรงเรียน นิตยาสารเล่มนี้เป็นนิตยาสารที่ฮอตฮิตที่สุดในโรงเรียนเซนต์ลูน่าเลยก็ว่าได้เพราะว่าในนิตยาสารเล่มนี้เป็นของชมรมคนหาคู่ ดูแม่หมอ(เป็นชมรมได้ยังไงเนี่ย -*-) เป็นชมรมสำหรับพวกที่อยากมีคู่จนตัวสั่นและหนึ่งในสมาชิกชมรมนั้นก็มีเพื่อนฉันอยู่ในนั้นด้วย
“มาแล้วคอลแลคชั่นหาคู่สุดเยินฉบับใหม่ที่ไม่เคยมีคนหล่ออยู่ในนั้นเลยซักกะคน” ยัยมิลล์พูดขึ้นอย่างรู้ทัน
“น้อย ๆ หน่อย ยัยบ้า เล่มนี้เป็นเล่มพิเศษรายรอบเดือนสำหรับสมาชิกในชมรมเท่านั้นนะย่ะเล่มนี้จะพิเศษกว่าเล่มที่วางขายตามร้านค้าก็คือจะรวมเหล่านักเรียนชายที่หล่อที่สุดใน 3 โลกเลยนะและที่สำคัญไม่ค่อยมีใครได้เห็นหรอกนะ โฮะๆ แค่พูดก็รับรู้ได้ถึงความพิเศษของมันแล้ว โฮะ ๆๆ *O*” ยัยฟอร์เร้นทำท่ายืดอกตัวตรงอย่างมั่นใจว่าในหนังสือนิตยาสารประจำโรงเรียนสุดเยินเล่มนั้นจะมีคนหน้าตาดีอยู่เป็นจำนวนมหาศาล
“โอเค ฉันเชื่อก็ได้เห็นกับที่แกเป็นเพื่อนฉันนะ ว่าแต่ทำไมมันดูเยินจัง” มิลล์ที่พูดเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งรีบคว้าหนังสือไปจากมือฟอร์เร้นแล้วถือวิสาสะเปิดมัน
“เอ่อ ชั่งมันเถอะน่า อ่านได้ก็แล้วกัน ^^” ยัยฟอร์เร้นพูดพลางยืนหน้าเข้าไปใกล้แล้วยิ้มตาหยี
“ก็งั้นๆแหละย่ะ แต่เดี๋ยวนะคนนี้คุ้นๆ...เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ ” ยัยมิลล์ขมวดคิ้วพรางจ้องหนังสือตาไม่กระพริบ
ก่อนที่ยัยมิลล์จะใช่ความคิดไปมากกว่านี้ป้าแว่นจอมโหดสอนภาษาไทยที่ไม่เคยเข้าสู่สมองของฉันเลย ก็เดินเข้าห้องเรียนมาพอดี ทำให้นักเรียนทุกคนที่อยู่ในห้องเงียบกริบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ
“เอาหละค่ะ นักเรียนทุกคนวันนี้เราจะมาเรียนเรื่อง .....” หลังจากที่หัวหน้าห้องบอกทำความเคารพแล้วป้าแกก็เริ่มสอนตอนแต่ปล่อยป้าแกพูดไปเถอะ ยังไงก็ไม่เข้าหัวเดลลี่อยู่ดี ขอหลับซักงีบนะ ที่ฉันหลับเนี่ยฉันไม่ได้เป็นคนไม่ดีอะไรหรอกนะก็เมื่อคืนนะสิฉันต้องถ่างตาตื่นมารอพี่เดลต้าร์ที่ออกไปสังสรรค์ตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืนแล้วยังไม่กลับแถมยังลืมกุญแจประตูรั้วไว้อีก เลยทำให้เช้านี้ฉันตื่นสายยังไงหละ
“นางสาวปนิศรา นางสาวปนิศรา! นางสาวปนิศรา!! ”
“ได้ยินแล้วจะอะไรนักหนาเนี่ย” ฉันพูดแบบคนง่วงนอน ใครมันบังอาจมาขัดจังหวะการนอนของฉัน
“นี่! เธอพูดจาสามหาวกับอาจารย์ได้ยังไง เธอยังไม่รู้ตัวหรือไงว่าโอกาสติดเอฟของเธอมันกำลังเพิ่มขึ้นนะ” นี่มันไม่ใช่เสียงเพื่อนฉันนี่หว่า แต่เสียงมันคุ้นๆนะขอดูหน้าหน่อยเถอะ ว้ากกก ป้าแว่นนี่นา นรกชัดๆเลยฉัน
“ครูค่ะ คือว่าหนูไม่ได้ตั้งใจหลับนะค่ะ คือว่าหนูกำลังใช้ความคิดอยู่นะค่ะ” ฉันรีบแก้ตัวแต่มันฟังไม่ขึ้นเลย
“เธออยากใช้ความคิดมากซินะ งั้นเชิญเธอไปคิดนอกห้องเรียนตามสบาย” เจ้แกผายมือให้ฉันแล้วชี้ไปที่ประตูห้องเรียน
“ยัง ยังจะนั่งซื่อบื้ออยู่อีกออกไปได้แล้ว!!”แงๆT__T ป้าใจร้ายตะโกนทำไมค่ะเนี่ย แค่นี่หนูก็อายพอแล้วนะจะต้องให้หนูเอาขยะคุมหัวเดินรอบโรงเรียนเลยหรือไงกัน สุดท้ายฉันก็ต้องจำใจย้ายสังขารจากเก้าอี้มายืนคาบไม้บรรทัดทำท่ากระต่ายขาเดียวที่หน้าห้องเรียนอย่างจำใจ
ออด ออด
เย้! เสียงจากสวรรค์ที่ทำให้ฉันไม่ต้องยืนอับอายอยู่หน้าชั้นเรียนอีกต่อไป หลังจากที่ป้าแว่นออกจากห้องไปเหล่านักเรียนชายหญิงต่างพากันเดินไปทานอาหารกลางวันกันอย่างร่าเริงแถมยังหัวเราะใส่ฉันอีก หนอย! ทีใครทีมันก็แล้วกัน
“เป็นไงบ้างแก ฮ่าฮ่าฮ่า”
จ๊ะยัยเพื่อนรักเธอไม่โดนก็พูดได้นิย่ะ เสียงตอกย้ำเมื่อกี้ไม่ใช้เสียงใครหรอกมันเป็นเป็นเสียงของยัยมิลล์นั้นเอง ยัยเพื่อนนิสัยไม่น่าคบคนนี้นี่ ฉันไม่น่าคบแกมาเลย
“พอเถอะน่ามิลล์ ฉันหิวแล้วไปทานข้าวกันดีกว่านะ” ฟอร์เร้นคงรู้ว่าฉันกำลังอ้าปากเตรียมที่จะด่ายัยมิลล์เลยพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“อืม ใช่หิวละ” เปลี่ยนเรื่องทันทีเลยนะย่ะ ยัยมิลล์ -^-
“วันนี้ฉันหวังว่าที่ห้องอาหารจะมีสลัดด้วยนะ เพราะช่วงนี้ฉันไดเอทอยู่”
“งั้นพวกแกไปกันก่อนเลยพอดีว่าฉันไม่ค่อยหิวนะ” ฉันยิ้มแห้งให้ เพราะว่าวันนี้ฉันต้องกลับไปทำอาหารที่บ้านนะสิให้ใครอีกหละ ก็พี่เดลต้าร์นั่นแหละนึกยังไงก็ไม่รู้อยากกินสปาเก็ตตี้ขึ้นมาและฉันก็ทำไม่เป็นอีกด้วย เลยกะว่าจะยืมหนังสือวิธีการทำสปาเก็ตตี้ไปทำนะสิ
“แกไม่หิว หรือว่า...แอบซุกผู้ชายไว้ที่ไหนกันแน่”ยัยมิลล์พูดพรางทำสายตาไม่ไว้วางใจใส่ฉัน
“นี่ถ้าแกไม่เชื่อนะไปกับฉันเลยดีไหม”
“ก็ได้ๆ ฉันหิวหรอกนะถึงไม่อยากไปด้วยนะ” ยัยมิลล์เบ้ปากใส่ฉันก่อนจะเดินออกไป
“งั้นฉันกับมิลล์ไปก่อนนะ ส่วนแกก็รีบๆตามมาหละ” ฉันพยักหน้าตอบรับให้ฟอร์เร้นและรีบวิ่งไปยังห้องสมุดประจำโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกลจากตรงที่ฉันยืนนัก ใช้เวลาพอสมควรและแล้วฉันก็มาถึงยังห้องสมุดจนได้ แล้วหนังสือทำอาหารมันอยู่ตรงไหนและเนี่ย ทำไมหนังสือมันเยอะอย่างนี้ฟะ
“เอ่อ..พี่ค่ะ ชั้นหนังสือทำอาหารอยู่ตรงไหนเหรอค่ะ” ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปถามพี่ผู้หญิงที่เป็นบรรณารักษ์ที่นั่งอยู่ในเคาเตอร์ด้านใน
“น้องเดินตรงไป ชั้น 3 แล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นไปอีก 2 ชั้น แล้วเลี้ยวขวาขึ้นไปอีก 1 ชั้น เดินตรงไปอีก 3 ก้าวถ้าเห็นป้ายเขียนไว้ก็แสดงถึงแล้วหละจ้ะ”พี่บรรณารักษ์อธิบายให้ฉันพร้อมทำท่าทางประกอบส่วนฉันได้แต่ยืนยิ้มให้กับพี่เขา นี่ฉันสมองช้าหรือไอ้ชั้นหนังสือนั้นมันอยู่ไกลเกินไปนะ เพราะฉันจำที่พี่เขาบอกไม่ได้เลยซักอย่างเดียว
“อย่าบอกนะค่ะ ว่าน้องจำไม่ได้”
“เอ่อค่ะ” ฉันยืนยิ้มแห้งๆให้พี่เขาพร้อมก้มหัวขอโทษ
“งั้นเอาใหม่อีกรอบนะค่ะ น้องต้องเดินขึ้นบันไดไปชั้น3 ยกมือขึ้นค่ะชู3 นิ้ว ตามพี่ด้วยนะเผื่อมันจะช่วยทำให้น้องจำได้บ้าง -_- ” ฉันต้องจำใจยกมือขึ้นตามที่พี่บรรณารักษ์บอก นี่พี่เขาประชดฉันหรือเปล่าเนี่ย
“เฮ้อ ... พี่ว่าน้องจำไม่ได้ชัวร์ งั้นโจอี้ โจอี้มาหาฉันหน่อยสิ” พี่บรรณรารักษ์คงเห็นว่าฉันยืนทำหน้าเอ๋อจ้องพี่เขาอย่างเดียวหละมั้ง เลยตะโกนเรียกพี่โจอี้...ฮะพี่โจอี้! อย่าบอกนะว่าเป็นพี่โจอี้ สูง ยาว ขาว ตี๋ ม.6 ห้อง B ที่ฉันแอบปลื้มมาเป็นเวลา 2 ปี คนนั้นนะ กรี๊ด! ฝันฉันจะเป็นจริงแล้วเพราะหลังจากที่ฉันวิ่งชนพี่เขาตอนที่ฉันอยู่ม.4 ฉันก็ไม่ได้คุยกับพี่เขาอีกเลยวันนี้แหละโอกาสของฉันหละ ^-^
“เรียกฉัน มีไรเหรอ?” ใช่จริงๆด้วย พี่โจอี้วิ่งหน้าตาตื่นแถมยังมายืนข้างๆฉันอีกด้วย กรี๊ด! ยั่วกันชัดๆ
“คือฉันจะให้นายพาน้องคนนี้ไปชั้นหนังสือทำอาหารหน่อยนะ พอดีว่าฉันต้องกรอกข้อมูลหนังสือที่เพิ่งจะมาใหม่เลยไปส่งไม่ได้ OK นะ”
“อืมๆ งั้นเราเดินตามพี่มาเลยนะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง” พี่โจอี้หันมาพูดกับฉันแถมยังยักคิ้วให้ฉันอีกหนึ่งที แล้วเดินนำออกไป ที่จริงแล้วฉันน่าจะหาโอกาสคุยกับพี่โจอี้นะแต่ทำไมฉันยังหุบปากเงียบเดินตามอยู่อย่างนี้เนี่ย
“ชอบทำอาหารเหรอ?”
“เอ่อ..อ๋อค่ะ ชอบมั้งค่ะ” จู่ๆพี่โจอี้ก็ถามฉันขึ้นมาระหว่างทางเดิน
“พี่ก็ชอบอาหารนะ แต่พี่ชอบกินมากกว่าทำหนะ ฮะฮะ ^-^”
“ฮะฮะ งั้นเองเหรอค่ะ”
“แล้วนี่กินไรมายังเนี่ยครับ?”
“ยังเลยค่ะ”
“ไม่กินเดี๋ยวระวังเป็นโรคกระเพาะนะครับ รู้มั๊ย แม่พี่บอกไว้นะ^-^”
“เอ่อค่ะ >//<” นี่พี่เขาพูดไปตามมารยาทหรือเป็นห่วงฉันเนี่ย ฮิฮิ ^-^ สรุปฉันขอมโนว่าพี่เขาเป็นห่วงฉันก็แล้วกันนะ
“อะ ถึงซะที นี่ไงหละชั้นหนังสือทำอาหารที่น้องอยากมาไงครับ^-^”
“ฮะ ถึงแล้วเหรอ-_-” ทำไมถึงไวจังอ่ะ ฉันยังคุยกับพี่โจอี้ได้นิดเดียวเอง
“มีอะไรหรือเปล่าครับ^-^”
“อุ๊ย เปล่าค่ะ คือฉันหมายถึงว่า เรามาถึงกันแล้วดีใจจังเลยนะค่ะ” ฉันยิ้มแหย่ๆไปให้พี่โจอี้ โชคดีนะที่พี่เขาไม่ได้ยินไม่งั้นฉันคงจะไม่ได้คุยกับพี่เขาอีกเลย T__T
“^__^” พี่โจอี้ยิ้มอีกแล้ว กรี๊ด! ฉันละลายแล้วนะเนี่ย แค่ได้คุยด้วยวันนี้ฉันก็ประทับใจสุดๆแล้วนี่ยังมาแจกยิ้มให้ฉันอีก ฉันขอสลบตรงนี้เลยได้ไหมเนี่ย >//< ไม่ได้การหละฉันจะต้องทำอะไรซังอย่างเพื่อให้พี่เขาจำฉันได้ *___*
“งั้น น้อง...”
“เดลลี่ค่ะ เดลลี่ แต่พี่จะเรียกเดลเฉยๆก็ได้นะค่ะ ฉันไม่ว่าอะไร^+++^”
“ฮึ ฮึ ฮะ ฮ่า ฮ่า คือพี่จะบอกว่าพี่จะไปแล้วนะให้เราเลือกหนังสือตามสบายเลย^-^”
จึก! จึก! เพลง!! หน้าแตกค่ะ นี่ฉันปล่อยไก่ออกไปตัวเบ้อเริ้มเลยนะT___T ฉันก็นึกว่าพี่เขาจะถามชื่อฉันซะอีกก็ในนิยายที่ฉันชอบอ่านพระเอกชอบใช้มุขแบบนี้นี่น่า โฮ ฮฮฮ
“งั้นพี่ไปก่อนนะ บ๊ายบาย^-^/” ฉันได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ตอนนี้หน้าฉันชาไปหมดแล้วเนี่ย เดลนะเดล ฉันนี่มันโง่จริงๆแล้วพี่โจอี้จะคิดว่าฉันเป็นคนยังไงเนี่ย โอกาสที่ฉันจะกล้าแบกหน้าไปคุยกับพี่เขาอีกลดลงมาเกินครึ่งแล้วนะ T__T
“เอ่อ พี่ลืมบอกไป ชื่อเราน่ารักดีนะ เดลลี่ น่ารักจัง งั้นพี่ไปจริงๆแล้วนะ ^-^”
พี่โจอี้เดินกลับมาพูดกับฉันอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มกว้างมาให้แล้วเดินจากไป แต่เมื่อกี้พี่เขาเรียกชื่อฉันด้วย กรี๊ด!แถมยังชมว่าชื่อฉันน่ารักอีก ชมชื่อฉัน ชมชื่อฉัน แอ๊ะหรือชมฉันกันนะยังไงก็ชั่งเถอะ ฉันว่าฉันตกหลุมรักพี่เขาจริงๆแล้วหละนะ
ฉันเริ่มเดินหาหนังสือวิธีทำสปาเก็ตตี้ต่อ ที่ชั้นหนังสือนี้มีหนังสือวิธีทำอาหารเยอะแยะจังเลยนะ แต่ทำไมฉันยังหาวิธีทำสปาเก็ตตี้ไม่เจอซักเล่มเดียวเจอแต่อาหารไทย งั้นเอาเป็นว่าทำแกงเขียวหวานไก่แทนหละกันขี้เกียจหาแล้ว -_- ฉันเดินลงมาเพื่อที่จะเอาหนังสือมาปั้มวันที่ต้องส่งคืน โชคดีนะที่ฉันยังพอมีสมองจำทางลงมาได้
“อ้าว จำทางลงมาได้ด้วยนะเนี่ย ^-^” เสียงพี่บรรณารักษ์พูดเชิงแซวฉัน เมื่อเห็นฉันเดินลงบันไดมา
“ฉันพอจำทางได้อยู่นะค่ะ ถึงสมองฉันจะใช้เวลาในการจำมากไปหน่อยก็ตาม” ฉันพูดพรางส่งหนังสือให้พี่เขา
“อ่ะนี่จ๊ะ แล้วไม่มีเรียนเหรอเรา”
“มีค่ะ เดี๋ยวก็จะไปแล้วหละค่ะ”
“แต่มันเลยมา 20 นาทีแล้วนะจ๊ะ”
“ฮะ จริงเหรอค่ะ”
ฉันรีบก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง ซวยอีกแล้ว นี่ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ ชั่วโมงนี้เป็นของป้าแว่นคนเดิมอีกด้วย ซวยซ้ำซวยซ้อนอะไรอย่างนี้เนี่ย โดนทำโทษชัวร์เลยฉัน T___T
ความคิดเห็น