คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : The Perfect Boy Next Door Part 7 + ถามความเห็นท้ายตอนนิดนึงค่ะ ^^
Title: The perfect boy next door
Author: imazawa
Pairing: Kyuhyun/Hangeng
Rate: PG-13
Part 7
ร่างบางกวาดสายตามองหนังสือหลายเล่มที่ถูกวางอยู่อย่างเป็นระเบียบบนชั้นหนังสือที่อยู่ในห้องทำงานของตัวเอง เขาเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อหยิบหนังสือจากชั้นบนสุด
มือบางหยิบหนังสือเล่มหนาลงมา หน้าปกของมันเป็นรูปเปียโนสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งให้ความรู้สึกหรูหราสง่างาม ส่วนชื่อหนังสือถูกเขียนด้วยตัวหนังสือสีดำซึ่งเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง
‘The Piano Lyrics’
นิ้วเรียวยาวปัดฝุ่นที่เกาะอยู่บนสันหนังสือสองสามครั้ง แสงอาทิตย์อ่อนๆในยามเช้าที่สาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้สามารถมองเห็นผงฝุ่นได้อย่างชัดเจน
รอยยิ้มน่ารักปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียวได้รูปของชายหนุ่มชาวจีน
‘คิดถึงจังเลยแฮะ นี่ผมไม่ได้จับหนังสือเล่มนี้มากี่ปีแล้วนะ?’
มือบางเปิดหนังสือออก ค่อยๆพลิกกระดาษไปทีละหน้า นานๆครั้งก็จะหยุดเมื่อเปิดไปเจอโน้ตเพลงที่ตัวเองสนใจ
นิ้วเรียวยกขึ้นบนอากาศเบื้องหน้า เขาจินตนาการถึงภาพของคีย์เปียโนก่อนที่จะเริ่มขยับนิ้วอย่างพลิ้วไหว ทั้งๆที่บรรยากาศรอบข้างเงียบกริบแต่
ร่างบางกลับรู้สึกว่าเขาได้ยินเสียงเพลงที่เขากำลังบรรเลงอยู่ดังก้องอยู่ในหัว
ชายหนุ่มเพลิดเพลินไปกับการเล่นเปียโนในจินตนาการอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เสียงกริ่งหน้าบ้านจะดึงเขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ฮันคยองสะดุ้งเล็กน้อย เขาปิดหนังสือเล่มหนาลงแล้วส่ายหน้าไปมาช้าๆพร้อมรอยยิ้มเมื่อรู้สึกว่าเมื่อสักครู่นี้วิญญาณของตัวเองหลุดเข้าไปใน
โลกแห่งเสียงดนตรีจนลืมสนใจสิ่งรอบข้าง
เสียงกริ่งเริ่มรัวถี่มากขึ้นแสดงให้เห็นว่าตอนนี้แขกที่ยืนรออยู่หน้าบ้านคงใกล้จะหมดความอดทนแล้ว
“คร้าบๆ จะไปเปิดเดี๋ยวนี้แหละคร้าบ~” ร่างบางส่งเสียงตะโกน ขายาวเรียวพาตัวเองออกไปหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีครับคุณฮันคยอง~ ผมเอาแก๊สมาส่งครับ”
“ผมเอาน้ำดื่มมาส่งครับ”
ฮันคยองมองชายหนุ่มร่างใหญ่หน้าตาคุ้นเคยสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ แต่ผมว่าต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆเลย คือผมไม่ได้โทรไปสั่ง...” ร่างบางบอกชายร่างใหญ่ด้วยท่าทางงงๆ
“เอ~ ไม่น่าจะผิดนะครับ เมื่อสักครู่นี้มีคนไปสั่งแก๊สจากร้านของผมจริงๆ ผู้ชายคนที่ผมเคยเห็นอยู่ที่นี่กับคุณน่ะครับ เขาจ่ายเงินให้ผมเรียบร้อยแล้วด้วยนะครับ” ชายหนุ่มคนส่งแก๊สพูดพร้อมกับขยับหมวกแก๊ปของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง
“ของผมก็เหมือนกันครับ น่าจะเป็นผู้ชายคนเดียวกันนะครับ ที่ตัวสูงๆ หล่อๆ มีลักยิ้มด้วยน่ะครับ ใช่มั้ย?” ประโยคหลังชายหนุ่มคนส่งน้ำหันไปถามคนส่งแก๊ส แล้วก็ได้รับการพยักหน้ากลับมาเป็นคำตอบ
ร่างบางตาโตเมื่อรู้ว่าคนที่สั่งทั้งแก๊สและน้ำดื่มมาให้เขาเป็นใคร
‘แย่ล่ะ ผมลืมโทรบอกซีวอนไปเลยนี่นาว่าผมได้งานอื่นทำแล้ว แถมเงินดีเอามากๆเลยซะด้วยสิ’
“อ่ะ...งั้นก็รบกวนเอาไปไว้ในห้องครัวให้หน่อยนะครับ” ฮันคยองก้มหัวให้ชายร่างใหญ่ทั้งสองคนแล้วเดินนำพวกเขาเข้าไปในบ้าน
ร่างบางกล่าวขอบคุณชายหนุ่มทั้งสองคนอย่างสุภาพหลังจากที่พวกเขาช่วยกันยกถังแก๊สและน้ำดื่มหลายแพ็คเข้ามาไว้ในห้องครัวก่อนที่เขาจะพา
ตัวเองไปนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก
นิ้วเรียวสวยสอดไปตามเส้นผมสีดำขลับแล้วขยี้เบาๆสองสามครั้งให้กับความขี้ลืมของตัวเอง
‘ผมลืมโทรบอกซีวอนไปเลยว่าผมได้งานแล้ว เมื่อวานนี้ผมเพลียมาก ก็เล่นปั่นงานที่ควรจะใช้เวลาทำไม่น้อยกว่าสามวันเสร็จภายในหกชั่วโมง
ไหนจะต้องวิ่งเอางานไปส่ง แถมขากลับก็ดันต้องไปซื้อของกับเด็กกวนประสาทข้างๆบ้านอีก อ๊ะ แต่ตอนนี้เขาเป็นนายจ้างของผมนี่นา ผมคงต้องระวังคำพูดมากขึ้นซะแล้วล่ะ’
ชายหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาก่อนที่จะกดโทรออกหาเบอร์ปลายทาง คราวนี้เสียงสัญญาณรอสายไม่ได้ทำให้หัวใจของร่างบางเต้นถี่รัวเหมือนครั้งก่อนอีกแล้ว ไม่นานนักอีกฝ่ายก็รับสายของเขา
“ครับ? พี่เกิง เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ร่างสูงรับสายด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างปิดไม่มิด
ฮันคยองอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“นายคิดว่าฉันจะต้องมีเรื่องเดือดร้อนทุกครั้งที่โทรหานายหรือไงฮึ?” ร่างบางถามกลั้วหัวเราะ คนที่อยู่ปลายสายถอนหายใจเบาๆด้วยความโล่งอก
“ไม่ใช่อย่างงั้นครับ แล้ว...พี่โทรมามีอะไรล่ะครับ?” ซีวอนถามด้วยเสียงที่ดูสบายๆมากขึ้น
“จะโทรมาขอบคุณเรื่องแก๊สกับน้ำดื่ม” ฮันคยองพูดเสียงใส
“ครับ?” ซีวอนตอบรับด้วยเสียงสูงเป็นเชิงถาม เขารู้ว่าร่างบางไม่ได้โทรมาเพราะเรื่องนี้เรื่องเดียวแน่ๆ
“แล้วก็จะบอกว่าต่อไปนี้ไม่ต้องซื้ออะไรให้ฉันแล้ว ฉันได้งานแล้วล่ะ”
“ห๊ะ?!” อีกฝ่ายเผลออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ฮะๆๆ ทำไม? แปลกมากเหรอที่ฉันจะหางานอื่นนอกจากงานแปลเอกสารทำได้เนี่ย?” ร่างบางพูดแหย่อีกฝ่ายให้ร้อนรนเล่น
“เปล่าครับเปล่า!” ร่างสูงละล่ำละลัก นั่นไงล่ะ ได้ผลจริงๆด้วย
“ผมแค่แปลกใจ แค่วันเดียวพี่ก็หางานได้แล้ว มันเร็วกว่าที่ผมคิดเอาไว้น่ะครับ” เจ้าของเสียงหล่อรีบอธิบาย
“นั่นสิน้า~ ฉันเองยังแปลกใจเลย ตอนเช้ายังเป็นนักแปลเอกสารไส้แห้งอยู่เลย ตอนบ่ายกลายเป็นครูสอนเปียโนค่าตัวแพงลิบลิ่วไปซะแล้ว”
ฮันคยองพูดอย่างมีอารมณ์ขันแต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้รู้สึกตลกด้วย
“เป็นอะไรนะครับพี่?” ซีวอนถามย้ำ
“ครูสอนเปียโน”
“สอนใครครับ?”
“เด็กข้างบ้านน่ะ”
“เด็กข้างบ้าน?” ร่างสูงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะตลอดเวลาสามปีที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมา เขาไม่เคยเห็นว่าฮันคยองสุงสิงกับเพื่อนบ้านคนไหนเลย
“อื้ม ลูกชายตระกูลโจ เจ้าของบ้านหลังใหญ่ๆข้างบ้านฉันไง” ร่างบางขยายความ
“พี่สนิทกับพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับนี่?” ร่างสูงเอ่ยถาม พยายามซ่อนความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้อย่างมิดชิด
“เมื่อสองวันก่อนนี้” หนุ่มชาวจีนตอบเรียบๆราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“สองวัน?!” เป็นครั้งที่สองของวันนี้ที่คุณชายมาดนิ่งอย่าง เชว ซีวอน อุทานออกมาอย่างลืมตัว
“อื้อ แต่พวกเขาดีกับฉันมากเลยนะ คุณนายโจเป็นคนจ้างฉันเอง เขาบอกว่าอยากให้ลูกชายเรียนเปียโนอย่างจริงๆจังๆสักทีน่ะ เขาให้ค่าจ้างดีมากจนฉันลำบากใจเลยล่ะ” ฮันคยองบอกอีกฝ่ายไปตามความจริง
“เขาจ้างพี่เท่าไหร่ครับ?” ซีวอนถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ นิ่งเรียบอีกครั้งหลังจากที่ตั้งสติได้
“วันละหนึ่งแสนห้าหมื่นวอน แล้วก็ให้สอนทุกวัน”
“แสนห้า?! สอนทุกวัน?!” คุณชายหลุดเก๊กอีกครั้งและอีกครั้ง หัวสมองอันชาญฉลาดของเขาประมวลผลอย่างรวดเร็ว
“พี่เกิงครับ ค่าจ้างขนาดนั้นถ้าคิดเป็นเดือนแล้วนี่...มันมากกว่าเงินเดือนของผู้บริหารระดับสูงในบริษัทใหญ่ๆอีกนะครับ” ซีวอนบอกอีกฝ่ายด้วยความกังวล
“อืม ฉันรู้ นั่นแหละฉันถึงได้ลำบากใจไง” ร่างบางถอนหายใจ
“แล้ว...พี่จะไว้ใจพวกเขาได้เหรอครับ? ผมหมายถึง ค่าจ้างมันมากขนาดนี้ พี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าพวกเขาไม่ได้หวังอย่างอื่นจากพี่” เสียงเข้มถามอย่างจริงจัง
“หึๆๆ ฉันมีอะไรให้พวกเขาหวังที่ไหนกันล่ะซีวอน? เงินฉันก็ไม่มี แล้วฉันก็เป็นผู้ชายด้วย”
“ผมรู้ครับ แต่...” ร่างสูงนึกโมโหตัวเองที่ไม่สามารถสรรหาคำใดๆมาพูดได้ ตอนนี้เขาเป็นห่วงฮันคยองเหลือเกิน อยากจะบอกให้กลับมาคบกับเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตัวเขาเป็นคนตัดสินใจที่จะให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นไปอย่างนี้เอง
“นายอย่าทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแออย่างงั้นสิซีวอน” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเคย
“......”
“ฉันสัญญาว่าถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ฉันจะออกจากงานนี้ทันที สัญญาว่าจะไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน สัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด นายเชื่อฉันได้มั้ย?” น้ำเสียงว้ำวอนที่ร่างบางส่งมาทำให้ร่างสูงใจอ่อนยวบ
“ครับ ผมเชื่อ พี่สัญญากับผมแล้วนะ” ซีวอนยอมจำนนต่อความตั้งใจจริงของอีกฝ่ายในที่สุด
“คร้าบ~ คุณพ่อ~ ฮะๆๆ” ฮันคยองเอ่ยแซวร่างสูงก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง
“ต่อไปนี้คงจะไม่ค่อยได้โทรไปหาแล้วล่ะ ดูแลตัวเองดีๆนะซีวอน อย่าหักโหมทำงานมากเกินไปล่ะ” ร่างบางพูดด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่ายจากใจจริง
“โอ๊ะโอ ผมคิดว่าผมน่าจะเป็นฝ่ายพูดแบบนั้นกับพี่มากกว่านะครับ ฮะๆๆ” ซีวอนหัวเราะ แต่ในใจกลับรู้สึกวูบโหวง น้ำตาที่ไม่เคยมีใครได้เห็นรื้นขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
‘ผมจะต้องปล่อยพี่ไปจริงๆแล้วสินะ?’
“มีปัญหาอะไรก็โทรมานะครับพี่ ผมจะไม่เปลี่ยนเบอร์จนกว่ามือถือมันจะระเบิดตัวเองไปพร้อมซิมการ์ดนั่นแหละ” ร่างสูงพูดติดตลกทำให้ร่างบางอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“อื้ม ขอบใจมากนะซีวอน ตั้งใจทำงานล่ะ” ฮันคยองเองก็รู้สึกใจหายไม่น้อยเมื่อรู้ว่าใกล้จะต้องวางสายและคงจะไม่ได้ติดต่อกันอีก หากแต่ความ
เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่เคยสัมผัสเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมากลับทุเลาเบาบางลงอย่างน่าประหลาด
“ครับ พี่ก็เหมือนกันนะ แค่นี้นะครับ” ร่างสูงพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น เมื่อได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา เขาจึงค่อยกดวางสายโทรศัพท์
น้ำตาลูกผู้ชายของ เชว ซีวอน ที่ใครๆต่างก็คิดว่าเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งมั่นคงที่สุด กลับไหลออกมาจากดวงตาคมสวยอย่างห้ามไม่ได้
ตอนที่เขาบอกเลิกฮันคยองเมื่อสองวันก่อน เขายังไม่รู้สึกเจ็บปวดมากขนาดนี้ อาจเป็นเพราะลึกๆแล้วเขารู้ว่าตัวเองยังมีโอกาสดูแลร่างบางอยู่ห่างๆ แต่วันนี้ร่างบางที่เขาแสนจะรักกลับบอกเขาว่าสามารถยืนบนขาของตัวเองได้ และไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆจากเขาอีก เขาจึงรู้สึกได้ถึงรสชาติแห่งการจากลาอย่างแท้จริง
“ผมรักพี่มากนะครับ...พี่เกิง”
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
“คยูฮยอน เป็นอะไรของนายวะ? ทำไมทำหน้าบูดเป็นตูดหมาป่าอย่างงั้น?” เด็กหนุ่มร่างสูงจากแผ่นดินใหญ่นาม โจวมี่ เอ่ยถามเพื่อน
“เซ็งอ่ะเด่ะ ถามได้! สมองนายมีไว้คั่นหูอย่างเดียวใช่มั้ยเนี่ย?” คยูฮยอนตอกกลับอย่างเผ็ดร้อนเล่นเอาอีกฝ่ายหน้ามุ่ย
“ให้มันน้อยๆหน่อยนะ ผลการเรียนของฉันน่ะเป็นรองแค่นายกับคิบอมเท่านั้นนะเว้ย! มาหาว่าฉันมีสมองไว้คั่นหู เดี๋ยวปั๊ด...” โจวมี่พูดพร้อมกับกำหมัดขึ้นชูในอากาศแต่อีกฝ่ายหาได้กลัวเขาไม่ สายตาคมกลับจ้องมองเขานิ่งๆอย่างท้าทาย
“ฉันรู้ว่านายไม่กล้าทำหรอก” คยูฮยอนพูดเรียบๆ เด็กหนุ่มชาวจีนถอนหายใจอย่างหัวเสียก่อนที่จะนั่งลงข้างเพื่อนรัก(???)
“แล้วนายเป็นอะไรของนายเนี่ย? ปกตินายไม่เคยมานั่งรอที่ห้องเรียนนี่หว่า ทำไมวันนี้ไม่ไปแอบเล่นเกมที่ห้องคอมฯล่ะ? หรือว่าอินเตอร์เน็ตมหา’ลัยล่มอีกแล้ว?” โจวมี่สันนิษฐานไปต่างๆนานา
“ใช่ซะที่ไหน ฉันเซ็งจนไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยต่างหากล่ะ เย็นนี้ต้องเริ่มเรียนเปียโนเป็นวันแรก แค่คิดก็คลื่นไส้แล้ว” ร่างสูงพูดพร้อมกับทำหน้าวิงเวียนประกอบไปด้วย
“ถ้านายไม่อยากเรียนขนาดนั้น ให้ฉันไปเรียนแทนมั้ยล่ะ?” เด็กหนุ่มแก้มป่องถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแล้วนั่งลงที่โต๊ะตัวถัดออกไปจากจากที่ๆเพื่อนสองคนนั่งอยู่สองตัว
“อ้าว?! ไอ้เจ้าชายน้ำแข็ง มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?” โจวมี่หันไปถามเพื่อนรัก(???)อีกคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่
“เมื่อกี๊” คิบอมตอบด้วยท่าทางเย็นชาก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเล่มหนาของตัวเองและไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีกต่อไป
“เซ็งว้อย~ ยิ่งเห็นหน้าไอ้คิบอมยิ่งเซ็ง ฉันขอตัวไปเหล่สาวคณะอักษรฯก่อนล่ะนะ สนใจจะไปด้วยกันมั้ยโจวมี่?” คยูฮยอนคว้าเป้ของตัวเองขึ้นมาสะพายหลังแล้วหันไปชวนเพื่อน
“ไม่ล่ะ ฉันง่วง ขอนอนเอาแรงก่อนแล้วกัน นายไปคนเดียวเหอะ” โจวมี่ปฏิเสธ คยูฮยอนพยักหน้ารับก่อนที่จะก้าวขายาวๆออกจากห้องไป
เด็กหนุ่มชาวจีนมองเพื่อนคนหนึ่งที่กำลังส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับนักศึกษาสาวๆที่เดินผ่านไปมาอยู่หน้าห้องเรียน ก่อนที่จะหันกลับมามองเพื่อนอีกคนที่นั่งอ่านหนังสือด้วยท่าทางสงบนิ่ง ไม่ยี่หระต่อเสียงจ้อกแจ้กวอแวในห้องเลยแม้แต่น้อย
‘เพื่อนผมสองคนนี้มันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยครับ คยูฮยอนก็ร่าเริง พูดมากซ๊า~ คิบอมก็นิ่ง เงียบ สมกับฉายาเจ้าชายน้ำแข็งจริงๆ ผมล่ะสงสัยจังว่ามันมาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันได้ยังไง ผมเคยลองถามคิบอมมันดูแล้วนะครับ แต่คำตอบที่ได้คือสายตาเย็นชากับประโยคสั้นๆว่า...ไม่รู้... นั่นแหละครับ หลังจากนั้นผมก็เลยล้มเลิกความคิดที่จะถามมันไปเลย คนจีนกลัวคนเกาหลีที่สุด T-T เอ๋?! พวกคุณคิดว่าคิบอมเป็นคนร่าเริงเหรอครับ? ไม่จริง
สักนิดเลยนะ ไปเอามาจากไหนกัน? อ๋อ~ เมื่อวานนี้ตอนอยู่กับพี่ฮันเกิงน่ะเหรอครับ? ใช่ๆ ตอนนั้นคิบอมมันดี๊ด๊าผิดธรรมชาติจริงๆนั่นแหละ
ส่วนคยูฮยอนก็กลายเป็นคนเย็นชาไปซะอย่างงั้น ผมไม่รู้หรอกครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน แล้วก็ไม่ค่อยอยากจะรู้ด้วยล่ะ ถามไปเดี๋ยวก็โดนด่า
กลับมาอีก คนเกาหลีน่ากลัว ToT’
“มี่...โจวมี่...โจวมี่!” เสียงตะโกนของคิบอมทำให้เด็กหนุ่มชาวจีนสะดุ้งเฮือก
“อะไรของนายเนี่ย?! เรียกซะเสียงดัง” โจวมี่หันมาโวยเพื่อน
“นายนั่นแหละเป็นอะไร? เห็นเหม่อตั้งนานละ คิดถึงบ้านหรือไง?” คิบอมถามเรียบๆ ส่วนร่างสูงก็ได้แต่หัวเราะแหะๆตอบไป
‘ให้ตายเถอะ ไอ้บ้านี่มันหน้าตายมากเลยครับ ผมล่ะเกลียดจัง ไม่รู้ว่าที่มันถามผมเมื่อกี๊นี้มันถามจริงหรือมันเหน็บแนมผมกันแน่ พี่แกเล่นทำหน้าอยู่แบบเดียวตลอดเวลาเลย เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่าหมอนี่สดใสร่าเริงน่ะ ผมคอนเฟิร์มให้เลยว่าไม่จริง!’
“อาจารย์เข้ามาแล้ว เอาหนังสือขึ้นมาได้แล้วนายน่ะ อ่อ แล้วก็โทรตามไอ้หมาป่าเจ้าเล่ห์นั่นด้วย เดี๋ยวมันเข้าเรียนไม่ทันก็โวยวายอีก” คิบอมพูดกับเพื่อนร่างสูงด้วยน้ำเสียงเย็นชาอันเป็นเอกลักษณ์
โจวมี่พยักหน้ารับหงึกๆ จัดการหยิบหนังสือของตัวเองขึ้นมาหลังจากนั้นจึงโทรตามเพื่อนตัวดีที่หนีไปหลีสาวอยู่
‘อ๊าก~ ทำไมผมถึงต้องมาอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกมันสองคนด้วยนะ? แล้วนี่ผมกลายเป็นคนใช้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย? T0T’
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
เย็นวันนั้นเด็กหนุ่มหน้าหล่อพาร่างสูงๆของตัวเองเดินกลับบ้านอย่างหมดอาลัยตายอยาก วันนี้เขาจะต้องเรียนเปียโนเป็นวันแรก...เปียโน...
เครื่องดนตรีที่เขาคิดมาตลอดว่ามันเหมาะกับผู้หญิงอ่อนหวานมากกว่าผู้ชายเถื่อนๆอย่างเขา ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการทำให้ซองมินประทับใจล่ะก็ ชาตินี้
ทั้งชาติเขาก็จะไม่มีวันแตะมันเด็ดขาด แต่นี่อะไร? เขาจะต้องมานั่งเรียนเปียโน เครื่องดนตรีที่เขาเกลียด กับฮันคยองซึ่งเป็นคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าสุดๆเนี่ยนะ? แค่คิดก็คลื่นไส้แล้ว ตอนนี้เขาก็ได้แต่หวังว่าคุณครูร่างบางจะมาสายกว่าเวลาที่นัดกันไว้สักชั่วโมงสองชั่วโมง เขาจะได้ไม่ต้องทนทรมานกับการเรียนเปียโนที่เขาแสนจะเกลียดนานนัก
“หวัดดีคยูฮยอน กลับมาแล้วเหรอ?” เสียงหวานที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาร่างสูงฝันสลาย
คยูฮยอนหมุนตัวกลับไปแล้วก็ได้พบกับร่างบางที่กำลังยืนหอบหายใจน้อยๆ เหงื่อหยดเล็กๆผุดขึ้นทั่วใบหน้าหวานที่กลายเป็นสีแดงระเรื่อ ดูก็รู้ว่า
ชายหนุ่มรีบวิ่งมาเพื่อที่จะตามเขาให้ทัน
“ยังไม่กลับหรอก ตอนนี้ยังอยู่ที่ห้องน้ำมหา’ลัยอยู่เลย” ร่างสูงตอบคำถามอีกฝ่ายพร้อมกับยักคิ้วให้อย่างกวนประสาท
ฮันคยองหัวเราะ มือบางยกขึ้นปาดเหงื่อออกจากใบหน้า
“ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำทักทายก็แล้วกันนะ” ร่างบางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
คยูฮยอนไม่ได้ตอบอะไร เขาเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนาในมือของชายหนุ่มชาวจีน ดวงตาคมจ้องมองมันนิ่งๆอยู่นานจนร่างบางรู้สึกได้
“นี่แหละ ตำราเรียนของนายน่ะ” ฮันคยองส่งหนังสือสีขาวให้อีกฝ่ายดูชัดๆ
ถึงแม้ว่าคยูฮยอนจะไม่ใช่คนที่มีจิตใจอ่อนไหวกับความสวยงามของศิลปะ แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังสือเล่มนี้ดึงดูดสายตาของเขาเหลือเกิน
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับเป็นเชิงรับรู้ก่อนที่จะก้าวเท้าเดินต่อโดยที่แทบจะไม่หันไปมองร่างบางที่เดินอยู่ข้างๆเลยแม้แต่น้อย
ฮันคยองถอนหายใจออกมาเบาๆ การที่ร่างสูงทำแบบนี้มันทำให้เขาอดที่จะรู้สึกน้อยใจไม่ได้เหมือนกัน
วันนี้เขาอุตส่าห์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อที่จะมาหาหนังสือโน้ตเปียโนให้เด็กหนุ่มร่างสูงได้ใช้เรียน เขาใช้เวลาครึ่งค่อนวันทบทวนความรู้ที่ตัวเองมี
มองย้อนกลับไปว่าตอนที่เขาเริ่มเรียนเปียโนครูของเขาสอนอะไรเป็นอย่างแรก แล้วเขาควรจะสอนร่างสูงอย่างไรดี ทั้งๆที่เขาพยายามจะทำให้
บรรยากาศระหว่างเขากับนักเรียนตัวแสบคนนี้ดีขึ้น แต่ปฏิกิริยาตอบรับที่ร่างสูงมีให้เขากลับกลายเป็นความเย็นชาเดิมๆ
“นี่...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบระหว่างเขาทั้งคู่
“หืม? อะไรเหรอ?” ฮันคยองเงยหน้าสบตาเด็กหนุ่มด้วยแววตาเศร้าหมองที่ปิดไม่มิด
“เอ่อ...” ร่างสูงถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้เห็นความเศร้าในดวงตาคู่นั้น ไอ้ความรู้สึกสงสารนี่มันอะไรกันเนี่ย?
ฮันคยองเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรต่อ
“เอ่อ...เย็นนี้พ่อกับแม่บอกว่าให้นายอยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน” พูดจบเด็กหนุ่มหน้าหล่อก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเอง
‘พ่อแม่ผมยังไม่ได้ชวนอะไรสักคำเลยคร้าบ~ ผมเพิ่งจะโกหกออกไปสดๆร้อนๆ ไม่รู้อะไรเข้าสิงผม ผมถึงได้พูดออกไปแบบนั้น งานเข้าสองเด้งเลยผม ต้องอยู่กับเขานานขึ้นไปอีก แถมต้องไปเตี๊ยมกับพ่อแม่ก่อนด้วย ถ้าเขารู้ว่าผมเอาชื่อพ่อแม่มาอ้างเพื่อที่จะให้เขาอยู่กินข้าวด้วยกัน เขาต้องหัวเราะเยาะผมแน่ๆ แต่...เฮ้ย...ผมทำแบบนี้นี่มันเหมือนกับหนุ่มจีบสาวเลยนะเนี่ย!’
“เอาสิ วันนี้ฉันอยากทำอาหารให้คุณลุงกับคุณป้าทานบ้างน่ะ” ฮันคยองยิ้มหวานเมื่อได้รับมิตรภาพเล็กๆจากเด็กหนุ่มร่างสูง
“นายคงไม่ได้คิดจะวางยาครอบครัวฉันแล้วชิงทรัพย์ใช่มั้ย?” คยูฮยอนถามด้วยท่าทางหวาดระแวง
“บ้าน่า ใช้อะไรคิดเนี่ยพ่อคนอัจฉริยะ? คอยดูเถอะ ถ้านายได้ลองชิมฝีมือฉัน นายจะติดใจจนต้องเอ่ยปากขอให้ฉันทำให้กินทุกวันเลยล่ะ” ร่างบาง
ยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ
คยูฮยอนอดที่จะหัวเราะกับท่าทางที่เหมือนกับเด็กๆของคนตรงหน้าไม่ได้
“ก่อนหน้านั้นน่ะ ช่วยทำหน้าที่ครูสอนเปียโนให้ดีก่อนก็แล้วกัน เอ้า ถึงบ้านแล้ว เข้าไปสิ” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับเปิดประตูให้ร่างบางเดินเข้าไปก่อน
“ฉันขี้เกียจใช้ให้คนยกเปียโนลงมาน่ะนะ นายจะมีปัญหาอะไรมั้ย ถ้าฉันขอให้นายขึ้นไปสอนที่ห้องนอนฉัน?” ร่างสูงเอ่ยถามเรียบๆ
“ไม่มีปัญหา ห้องนายฉันก็เคยนอนมาแล้วนี่ ฉันรู้ว่านายไม่หน้ามืดจับฉันปล้ำหรอก” ชายหนุ่มชาวจีนพูดก่อนที่จะระเบิดหัวเราะออกมา
คยูฮยอนพยักหน้ารับแล้วเดินนำครูสอนเปียโนร่างบางขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง
ทั้งคู่เริ่มบทเรียนกันแทบจะทันทีที่เดินเข้าไปถึงในห้อง สิ่งแรกที่ฮันคยองสั่งให้ลูกศิษย์ตัวแสบทำคือการไล่โน้ตดนตรี แต่ร่างสูงกลับปฏิเสธเสียงแข็ง
“ฉันเล่นเพลงจบได้เป็นเพลงๆแล้วนะ จะให้ฉันมานั่งไล่โน้ตใหม่ทำไมกัน? งี่เง่าน่า” เด็กหนุ่มบ่น ถึงเขาจะไม่ได้เก่งกาจอะไรเรื่องการเล่นเปียโน แต่จะให้เขามานั่งไล่โน้ตใหม่ตั้งแต่ต้นเหมือนกับเด็กๆแบบนี้มันก็เกินไป
“เหรอ~ งั้นไหน นายลองเล่นให้ฉันฟังสักเพลงสิ” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะขอร้องมากกว่าสั่งให้อีกฝ่ายทำ
คยูฮยอนถอนหายใจด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอก
นิ้วเรียวสวยกดลงไปตามคีย์อย่างคล่องแคล่วไม่แพ้มืออาชีพ ท่วงทำนองของเพลงรักแสนหวานที่ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้เพื่อขอความรักจากรุ่นพี่หน้าหวานถูกบรรเลงให้ร่างบางที่ยืนฟังอย่างตั้งใจได้ยิน
“เป็นไง?” ร่างสูงถามด้วยความมั่นใจในฝีมือของตัวเองหลังจากเล่นจบเพลง
ร่างบางปรบมือพร้อมกับมอบรอยยิ้มน่ารักให้อีกฝ่าย เด็กหนุ่มรู้สึกว่าจู่ๆหน้าของตัวเองก็ร้อนผ่าวจนเขาต้องก้มหน้าลง
“เยี่ยมมากเลยล่ะสำหรับคนที่เพิ่งจะหัดเล่น แถมไม่มีคนสอนอีก” ฮันคยองกล่าวชมก่อนที่จะพูดต่อไป
“แต่ว่าถ้านายปรับปรุงอีกนิดนึงนะ มันจะสมบูรณ์แบบกว่านี้อีกรู้หรือเปล่า?”
คยูฮยอนเงยหน้าขึ้น เขาเลิกคิ้วราวกับจะถามว่าอะไรคือจุดบกพร่องของตัวเอง
“นิ้วกลางกับนิ้วนางข้างซ้ายของนายน่ะ มันไม่ค่อยมีพลังเลยนะ แล้วบางครั้งนายก็กดคร่อมคีย์ด้วย เสียงมันเลยไม่ค่อยนุ่มนวล” ร่างบางอธิบายอย่างใจเย็น เขาพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมากๆทำให้เด็กหนุ่มไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกตำหนิอยู่
“เฮ้อ~ แล้วฉันต้องทำยังไงบ้างล่ะ?” ร่างสูงยอมจำนนในที่สุด
“ลองไล่โน้ตทีละตัวนะ ใจเย็นๆ ถ้าติดขัดตรงไหนฉันจะช่วยแก้ให้” ร่างบางพูดพร้อมกับยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างใจดี
“ทำยังไง?” ร่างสูงหันมาถามซื่อๆทำให้ฮันคยองนึกได้ว่าเจ้าเด็กนี่ไม่เคยไล่โน้ตมาก่อน
มือบางวางทาบลงบนมือเรียวของอีกฝ่าย จับให้กดลงบนคีย์แต่ละตัวอย่างช้าๆ ก่อนที่จะหันมาถามอีกฝ่ายว่าเข้าใจหรือไม่
มืออุ่นๆที่กอบกุมมือของเขา ดวงหน้าหวานที่อยู่ห่างจากใบหน้าของเขาไม่ถึงหนึ่งคืบทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นผิดจังหวะได้ไม่ยาก
คยูฮยอนพยายามตั้งสมาธิกับการเรียนและทำเป็นไม่สนใจหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นโครมครามโดยที่เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร
To be continued
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
Talk: แง้ ขอโทษนะคะที่มาลงต่อช้าไปนิดนึงทั้งๆที่บอกไว้แล้วแท้ๆว่าปิดเทอมจะมาต่อให้สม่ำเสมอทุกอาทิตย์ T-T
ตอนนี้ตัดจบตอนแบบแปลกๆ แหะๆ ตอนจบของตอนนี้กับตอนเริ่มแรกของตอนหน้า(งงมั้ยนี่ชีวิตนี้ - -*)มันจะมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
(พูดอะไรของเธอเนี่ย?? ปั่นฟิคนานไป เริ่มใช้ภาษาต่างดาวแล้ว - -“) ตอนหน้าจะพยายามมาลงให้เร็วกว่านี้ ติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ ^^
เราอยากถามความคิดเห็นของคนอ่านหน่อยน่ะค่ะว่าอยากให้ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆแบบที่ผ่านๆมา เน้นความรักแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือว่าจะเน้นแต่ตอนสำคัญๆแล้วตัดจบเลยดีคะ?(เราคิดตอนจบไว้แล้วแหละ เหลือแต่การดำเนินเรื่องตรงกลางๆเรื่องเนี่ย ยากมากเลย T-T)
ช่วยกันแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^
Ps. ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ รักคนอ่านทุกคน ^3^
ความคิดเห็น