ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ Yaoi] Dear Friend, Please Love Me (KangHan)

    ลำดับตอนที่ #5 : Part 4/1

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 53


    หลังจากวันนั้นเวลาก็ได้ผ่านไปจนเกือบจะครบหนึ่งเดือนแล้ว

     

    ฮันคยองปฏิบัติกับคังอินเหมือนเดิมทุกอย่าง จะแตกต่างก็ตรงที่เดี๋ยวนี้เขาไม่ได้ติดสอยห้อยตามคังอินไปทุกๆที่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

     

    เขาใช้เวลาอยู่กับคังอินน้อยลงในขณะที่ใช้เวลาอยู่กับซีวอนมากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าความรักที่เขามีให้คังอินลดน้อยลง


    ความรู้สึกของเขามีแต่จะเพิ่มขึ้นจนตัวเขาเองก็ยังสงสัยว่ามันจะมีวันที่เขาหมดรักคังอินไหม เพียงแต่ตอนนี้เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะเสียสละ


    ถึงแม้ว่าคังอินจะไม่ได้รักเขา แต่ถ้าคังอินมีความสุข เขาเองก็มีความสุขเช่นเดียวกัน

     
    แต่ขณะที่ฮันคยองกำลังมีความสุขกับการรักและดูแลคังอินอยู่ห่างๆ เพื่อนร่างหนากลับกระสับกระส่ายและหงุดหงิดอยู่บ่อยครั้งโดยที่เจ้าตัวก็ยัง
    หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด

     
    ก่อนหน้านี้เขาเคยผลักไสฮันคยอง เคยรำคาญที่อีกฝ่ายตามเขาไปทุกที่ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าอะไรบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต

     
    อะไรบางอย่างที่สำคัญและเขาคงอยู่ไม่ได้หากขาดมันไป

     
    ร่างหนาดึงกระดาษโน้ตสีเหลืองที่แปะอยู่หน้าตู้เย็นออกอย่างแรงด้วยความโมโห

     
    ฉันมีธุระด่วน ทำข้าวเช้าไว้ให้แล้ว อุ่นเอาเองนะ Ps.วันนี้ฉันไม่ไปทำงาน ฝากบอกพี่ที่ร้านด้วย ฮันคยอง

     
    ตลอดเวลาเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาได้รับกระดาษโน้ตแบบนี้สัปดาห์ละไม่ต่ำกว่าสามแผ่น

     
    เพื่อนร่างบางของเขามักจะบอกว่ามีธุระอยู่เสมอทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้

     
    ธุระอะไรกันนักหนานะ?!” คังอินบ่นอุบอินด้วยความโมโห

     
    ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

     
    เขากดรับโดยที่ไม่ดูเลยว่าใครโทรมา

     
    หวัดดี!” คังอินกระแทกเสียง


    คังอิน? เป็นอะไรน่ะ? ไปกินผึ้งที่ไหนมาเหรอ? เสียงหวานจากปลายสายเอ่ยถามปนหัวเราะ

     
    พะ...พี่ลีทึก เอ่อ ขอโทษทีครับ ผมไม่รู้ว่าเป็นพี่ ร่างหนาเสียงอ่อย

     
    ฮะๆๆ ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะโทรมาชวนนายไปกินข้าวเช้าด้วยกันน่ะ จะชวนฮันคยองมาด้วยกันก็ได้นะ

     
    หมอนั่นมันหายหัวไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เช้าแล้วล่ะครับ!” คังอินอารมณ์ร้อนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนรัก

     
    เฮ้ยๆ ใจเย็นๆสิ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย จริงๆฉันก็ตั้งใจจะโทรมาชวนนายแค่นั้นแหละ รุ่นพี่หน้าสวยพยายามเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่าย
    เย็นลง

     
    ให้ตายสิ คนอะไรโมโหน่ากลัวชะมัด

     
    ร่างหนาถอนหายใจยาวเพื่อระงับอารมณ์

     
    ทั้งๆที่เขาควรจะดีใจที่พี่ลึทึกโทรมาชวนไปกินข้าว แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่ามันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้น

     
    ตกลงครับพี่ลีทึก ให้ผมไปรับมั้ยครับ?

     
    ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้ งั้นอีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่ร้านอาหารเช้าหน้ามหาลัยนะ

     
    ครับ คังอินตอบสั้นๆแล้วกดปุ่มวางสายอย่างรวดเร็ว

     
    ร่างหนาปรายตามองอาหารเช้าจานใหญ่หน้าตาน่ากินที่อยู่บนโต๊ะ

     
    เขาหยิบจานขึ้นมาแล้วเดินตรงไปที่ถังขยะหมายจะเททิ้งแต่ก็ชะงักมือไว้ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะนำจานกลับไปวางที่โต๊ะ
    แล้วเริ่มลงมือกิน

     
    บ้าจริง! ทำไมฉันถึงต้องมานั่งกินอาหารฝีมือนายทั้งๆที่กำลังจะไปกินอาหารเช้ากับพี่ลีทึกแบบนี้ด้วยนะ?! คอยดูนะฮันคยอง ถ้าฉันกินอิ่ม
    จนกินอาหารกับพี่ลีทึกไม่ลงล่ะก็...นายเดือดร้อนแน่
    !

     

     

     
    ร่างหนาเดินเข้ามาในร้านอาหารเช้า

     
    กลิ่นหอมอบอวลจากอาหารนานาชนิดเป็นสิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้

     
    เขาหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหารุ่นพี่หน้าสวยที่นัดกันเอาไว้

     
    คังอิน~ทางนี้ๆ ลีทึกตะโกนพร้อมกับโบกมือให้อีกฝ่าย

     
    คังอินพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับลีทึก

     
    กินอะไรดีล่ะ? คนหน้าสวยถาม

     
    อะไรก็ได้ครับพี่ ร่างหนาตอบแบบขอไปที

     
    จริงๆเขาอิ่มมากจนไม่คิดว่าจะสามารถกินอะไรเพิ่มได้อีกแล้ว

     
    งั้น ขอข้าวผัดอเมริกันสองที่แล้วกันครับ ลีทึกหันไปพูดกับพนักงานเสิร์ฟก่อนที่จะหันกลับมาหาร่างหนา

     
    จริงๆแล้วที่ฉันชวนนายออกมาวันนี้น่ะ เพราะว่าฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับนายรุ่นพี่หน้าสวยเปิดประเด็น

     
    ร่างหนาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย


    ฉันคิดว่าเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเนี่ย น่าจะทำให้นายเข้าใจหัวใจของตัวเองบ้างแล้ว นายมีอะไรจะพูดกับฉันมั้ย?

     
    ร่างหนาทั้งอึ้งทั้งงงกับคำถามของรุ่นพี่ ก่อนที่จะตอบออกไปทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจความหมายนัก

     
    เอ่อ...ครับ คือ...ผมรักพี่ คบกับผมนะครับ

     
    ............

                   

    ............

     

    ฉันขอบอกอะไรนายอย่างนะคังอิน พร้อมที่จะรับฟังมั้ย? ลีทึกถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

     

    ครับ คังอินตอบกล้าๆกลัวๆ

     

    ...นายมันโง่! ซื่อบื้อมากๆด้วย! ให้ตายเถอะ จนป่านนี้แล้วนายยังไม่รู้ใจตัวเองอีกเหรอว่ารู้สึกยังไงกับใครน่ะ? ลีทึกตวาดเสียงดังจนคนทั้งร้าน
    หันมามองเขาเป็นตาเดียว แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว

     

    ลีทึกส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาก่อนที่จะพูดต่อ

     

    นายไม่ได้รักฉัน...คังอิน นายไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับฉัน...ชอบ ปลื้ม อาจจะใช่ แต่มันไม่ใช่...รัก...

     

    ทำไมพี่ถึงพูดแบบนี้ล่ะ? ผมรักพี่จริงๆนะ ร่างหนาเถียง

     

    รุ่นพี่หน้าสวยถอนหายใจ

     

    นายน่าจะเห็นแววตาของตัวเองตอนที่บอกรักฉันนะคังอิน แล้วนายจะรู้ว่าในนั้นมันไม่มีอะไรเลยนอกจากความสับสนกับความว่างเปล่า

     

    ผม...

     

    คนที่นายรักไม่ใช่พี่ แต่เป็นฮันคยองต่างหาก!”

     

    ร่างหนาถึงกับสะดุ้งเมื่อลีทึกพูดจบ

     

    ไม่ใช่นะครับ! ฮันคยองเป็นเพื่อนสนิทของผม!” คังอินเถียงทันควัน

     

    เขารู้สึกว่าจู่ๆหัวใจของตัวเองก็เต้นเร็วและแรงขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

     

    เพราะเป็นเพื่อนสนิทก็เลยรักไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?! นายรู้รึเปล่าว่าความคิดแบบนี้ของนายทำร้ายคนที่เขารักนายมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว?
    สายตาของรุ่นพี่หน้าสวยที่เคยอ่อนโยนอยู่เสมอ บัดนี้กลับฉายแววแข็งกร้าว

     

    ร่างหนาเริ่มหายใจติดขัด

     

    พี่ลีทึกพูดเรื่องอะไรน่ะ? แล้วความรู้สึกในใจองผมตอนนี้มันคืออะไรกันนะ?

     

    นายไม่รู้จริงๆหรือนายแกล้งไม่รู้หรือนายปฏิเสธที่จะรับรู้กันแน่ว่าฮันคยองเขาคิดยังไงกับนายน่ะ? ลีทึกยังจู่โจมถามเขาต่อ

     

    นั่นสินะ ผมไม่รู้จริงๆน่ะเหรอว่าฮันคยองคิดยังไงกับผม? ตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมา ความอ่อนโยน ความเอาใจใส่ รอยยิ้ม คำปลอบใจ
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำให้ผม เขาไม่เคยปิดบังความรู้สึกของตัวเองเลยสักครั้งถึงแม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูดก็ตาม แล้วทำไมผมถึงไม่รู้ล่ะ?
    หรือจริงๆแล้วผมปฏิเสธที่จะรับรู้มันมาโดยตลอดอย่างที่พี่ลีทึกว่า?

     

    ไม่ว่านายจะรู้ตัวหรือไม่นะคังอิน แต่ฉันดูออก ตั้งแต่วันแรกที่ฉันเห็นพวกนายสองคน ฉันก็รู้แล้วว่าพวกนายคิดยังไงต่อกัน แล้วก็รู้ด้วยว่าความคิดบ้าๆ
    ของนายมันทำให้ฮันคยองเขาต้องเจ็บปวดมากขนาดไหน ฉันถึงทำแบบนี้เพื่อช่วยเขาไงล่ะ
    !”

     

    ช่วย? ร่างหนาขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

     

    ใช่! ฉันคิดว่าถ้านายได้อยู่กับฉัน มันจะทำให้นายรู้สึกตัวว่าความรู้สึกมันต่างกันกับตอนที่นายอยู่กับฮันคยอง นายจะได้รู้สักทีว่านายรักใครกันแน่
    แต่ดูเหมือนว่ามันจะทำให้นายยิ่งสับสนไปกันใหญ่
    รุ่นพี่หน้าสวยถึงกับกุมขมับเมื่อพูดมาถึงตรงนี้

     

    แสดงว่าที่ผ่านมาพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลย? ร่างหนาได้โอกาสเปิดปากถามหลังจากที่เงียบอยู่นาน

     

    รู้สึกสิ! รู้สึกว่านายมันทั้งโง่ทั้งบื้อเลย! ให้ตายเถอะคังอิน ฉันไม่เคยคิดที่จะชอบผู้ชายด้วยซ้ำ!” ลีทึกขึ้นเสียงอีกครั้ง

     

    แววตาของร่างหนาฉายแววสับสนมากกว่าเดิมจนอีกฝ่ายอ่อนใจ


    นายแค่อยากปกป้อง อยากดูแลเอาใจใส่ใครสักคนเท่านั้นแหละคังอิน

     

    ............

     

    แล้วทำไม นายไม่ลองมอบสิ่งเหล่านั้นให้กับคนที่เขาต้องการมันจากนายดูก่อนล่ะ? ลีทึกพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาที่อ่อนลง

     

    ไม่จริงหรอก! ถ้าเจ้าบ้านั่นมันรักผมจริง แล้วทำไมเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่ามานี่มันถึงพยายามหลบหน้าผม? ทำไมมันถึงปล่อยให้ผมไปไหนมาไหน
    กับพี่แค่สองคนล่ะ?
    คังอินเถียงเหมือนเด็กพาล

     

    ลีทึกถอนหายใจด้วยความเหนื่อย

     

    ทำไมมันเข้าใจอะไรยากอย่างงี้เนี่ย~

     

    ก็เพราะว่าเขารักนายน่ะสิคังอิน เพราะรักก็เลยอยากให้นายมีความสุข ถึงแม้ว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวด เขาคิดว่านายรักฉันไง เขาถึงยอมปล่อยให้นาย
    มาอยู่กับฉันทั้งๆที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีนายมาก่อนเลยเหมือนกัน นายเห็นหรือยังว่าเขาต้องเสียสละมากขนาดไหน?
    เห็นหรือยังว่าเขารักนายมากขนาดไหนน่ะ?

     

    คังอินรู้สึกราบกับโดนค้อนขนาดมหึมาตีเข้าที่หัวอย่างจัง

     

    ภาพรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หยาดน้ำตาและทุกๆอิริยาบทของฮันคยองไหลบ่าเข้ามาในหัวของเขาพร้อมกับความรู้สึกหลากหลายที่เคยถูกปิดผนึกไว้
    ที่ก้นบึ้งของหัวใจ

     

    เขา...เขาจะยังรักผมอยู่อีกเหรอคับพี่? หลังจากที่ผมทำร้ายเขามาตลอดหกปี ตอนนี้เขาจะยังรู้สึกอย่างนั้นกับผมอยู่อีกเหรอครับ?

     

    ลีทึกยิ้มเมื่อได้ยินคำถาม

     

    เห็นถึกๆแบบนี้ ที่แท้ก็อ่อนไหวเป็นเหมือนกันนะเนี่ย

     

    ถ้าเรารักใครสักคนจริงๆนะคังอิน เราไม่มีทางเปลี่ยนใจได้หรอก แต่อย่าให้มันสายเกินไปก็แล้วกัน

     

    คังอินคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นทันทีที่รุ่นพี่หน้าสวยพูดจบก่อนที่จะโค้งให้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม

     

    ขอบคุณมากครับพี่ลีทึก ถ้าไม่ได้พี่ผมคงจะโง่ไปอีกนาน ร่างหนากล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มจริงใจที่ไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าของเขามา
    เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน

     

    อืม ฉันยินดีให้ความช่วยเหลือหมีไม่มีหัวคิด เอ๊ย! รุ่นน้องน่ารักๆอย่างนายอยู่แล้ว ถ้าเคลียร์กับฮันคยองเสร็จแล้วก็ฝากบอกเขาด้วยล่ะว่าฉัน
    ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด

     

    ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับพี่ ร่างหนาโค้งอีกครั้งก่อนที่จะวิ่งออกจากร้านด้วยความรวดเร็ว

     

     เอ่อ...ข้าวผัดอเมริกันสองที่ได้แล้วครับ เมื่อสักครู่เห็นคุณคุยกันอยู่ท่าทางเคร่งเครียด ผมเลยยังไม่กล้าเอามาเสิร์ฟน่ะครับ
    พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งพูดด้วยท่าทางหวาดๆ

     

    ลีทึกยิ้มแหยๆแกลับไป

     

    ซวยแล้วลีทึกเอ้ย~ ข้าวผัดตั้งสองจานจะไปกินหมดได้ยังไงกัน? ไอ้หมีทึ่มนั่นก็กลับไปแล้วด้วย ห๊ะ! กลับไปแล้ว! เฮ้ย มันยังไม่ได้จ่ายตังค์ค่าข้าวนี่หว่า กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้หมี!

     

     

     

     

    ปัง!” คังอินปิดประตูบ้านอย่างแรงด้วยความโมโห

     
    ทั้งโมโหตัวเองที่ทำอะไรโง่ๆจนฮันคยองต้องเสียใจ และโมโหฮันคยองที่ตอนนี้หายไปไหนก็ไม่รู้

     
    เขากดโทรศัพท์ไปหาอีกฝ่ายหลายสิบครั้งจนนิ้วแทบจะหักแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับสายเขาเลย

     
    เป็นห่วง...เป็นห่วงจนแทบบ้า เกิดอะไรขึ้นกับนายหรือเปล่านะฮันคยอง?

     
    หัวใจที่หนักอึ้งสั่งให้ร่างกายของเขาเดินขึ้นไปยังห้องของเพื่อนรัก

     
    เมื่อเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่ร่างหนาสัมผัสได้คือกลิ่นอายของร่างบาง

     
    มันไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมแต่เป็นกลิ่นหอมที่เกิดจากความรักและความอ่อนโยน...กลิ่นของฮันคยอง

     
    คังอินเดินตรงไปที่เตียงของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว

     
    มือแกร่งหยิบกรอบรูปบนหัวเตียงขึ้นมาอย่างทะนุถนอม...รูปของเขาสองคน...

     
    คังอินยิ้มบางๆก่อนที่จะวางมันลงแล้วเดินไปยังโต๊ะเขียนหนังสือที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย มีเพียงสมุดไดอารี่เล่มใหญ่ที่ถูกวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับ
    ปากกาด้ามหนึ่งราวกับว่าเจ้าของของพวกมันมีเรื่องเร่งด่วนต้องรีบไปจนไม่มีเวลาเก็บเข้าที่

     
    ร่างหนาถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาดู

     
    มันเป็นไดอารี่สีฟ้าสดใสซึ่งเป็นสีประจำตัวของฮันคยอง มุมด้านล่างขวาของหน้าปกถูกเขียนด้วยปากกาสีขาวว่า เล่มเจ็ด

     
    เล่มเจ็ดงั้นเหรอ? งั้นมันก็ต้องมีอีกหกเล่มสิ


    คังอินหันซ้ายหันขวาเพื่อดูให้แน่ใจว่าเพื่อนร่างบางผู้เป็นเจ้าของห้องจะไม่เข้ามาเร็วๆนี้

     
    เขาเปิดลิ้นชัดที่โต๊ะออกแล้วก็พบกับสมุดไดอารี่แบบเดียวกันนี้อีกหกเล่ม

     
    เขาหยิบเล่มที่ถูกเขียนที่หน้าปกว่า เล่มหนึ่งออกมาแล้วเริ่มลงมืออ่าน

     
    ข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษทำให้เขาอึ้ง

     

    12 กรกฎาคม 1998

     

    ถึงคังอิน

     

    วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนแล้วที่ฉันมาอยู่เกาหลี หนึ่งเดือนที่ฉันมีความรู้สึกแปลกๆกับนาย ตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วว่ามันคืออะไร ฉันรักนาย...คังอิน มันอึดอัดแหลือกันที่ต้องเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้คนเดียว แต่ฉันก็ไม่กล้าพอที่จะบอกนาย ฉันเลยต้องเขียนลงในไดอารี่เล่มนี้ ถ้านายรู้สึกแบบเดียวกับฉันก็คงดีสินะ งั้นต่อไปฉันจะภาวนาทุกวันเลย...ฉันรักนายนะคังอิน...ขอให้นายรักฉันเหมือนกัน

     
    คังอินพลิกหน้าต่อไปเมื่อเขาอ่านจบ

     
    ความรู้สึกมากมายโจมตีหัวใจเขามากขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนอักษรที่ผ่านตาไป

     

    เราช่วยกันย้ายของเข้ามาในบ้านหลังใหม่ของเรา รู้สึกเหมือนคู่รักที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆยังไงอย่างงั้นเลย อ๊ากกก ฉันพูดอะไร
    ออกไปเนี่ย เขินจัง
    >,<
    ฉันรักนายนะคังอิน...ขอให้นายรักฉันเหมือนกัน

     

     

    นายดุฉันที่ฉันพูดภาษาเกาหลีผิดอีกแล้ว ฉันรู้นะว่านายไม่ได้คิดอะไร รู้ว่านายแค่แซวเล่น แต่ไม่รู้ว่าทำไมเวลาได้ยินคำพูดแรงๆ
    จากปากนายมันถึงทำให้ฉันเจ็บปวดได้มากขนาดนี้ ต่อไปนี้ฉันจะพยายามนะ จะเรียนภาษาเกาหลีให้เก่งๆนายจะได้ชมฉันบ้าง 
    ฉันรักนายนะคังอิน...ขอให้นายรักฉันเหมือนกัน

     

     

    วันนี้ฉันไม่สบายเลยไม่ได้ไปเรียน เมื่อเช้าก่อนที่นายจะออกจากบ้าน นายย้ำนักย้ำหนาว่าให้ฉันพักผ่อนมากๆ แต่การกระทำ
    ของนายมันตรงกันข้ามเลยนะคังอิน นายโทรมาถามอาการฉันทุกๆสิบห้านาทีแบบนี้แล้วฉันจะพักผ่อนได้ยังไงล่ะ
    =_=” 
    แล้วตอนบ่าย
    นายก็โดดเรียนมาดูแลฉันอีก เอ่อ...แต่ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่นายทำมันเป็นการทรมานคนไข้มากกว่านะ ฉันจะหลับก็มาชวนคุยอยู่ได้
    สรุปแล้ววันนี้ฉันยังไม่ได้พักผ่อนเลย รู้สึกเหมือนโดดเรียนมานอนมากกว่า
    T-T
    แต่ฉันดีใจที่สุดเลยที่รู้ว่านายเป็นห่วงฉัน ฉันรักนายนะ
    คังอิน...ขอให้นายรักฉันเหมือนกัน

     

     

    เมื่อเย็นนายบอกว่าจะพาฉันออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารที่อร่อยที่สุดในกรุงโซลด้วยกัน ตอนแรกฉันดีใจมากเลย คิดว่าจะได้ใ
    ช้เวลาอยู่กับนายสองคนแบบโรแมนติกๆซะอีก แต่พอไปถึงแล้วเห็นซองมินนั่งรออยู่ หัวใจฉันแทบสลาย พักหลังมานี่นายให้เวลากับเขา
    มากเหลือเกิน ยิ่งเห็นนายคุยกับเขาด้วยคำพูดหวานๆ เห็นนายตักอาหารให้เขา ใส่ใจดูแลเขาดีแบบนั้น ฉันยิ่งเจ็บ เหมือนกับความสำคัญ
    ของฉันมันลดลงเรื่อยๆ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้ คราวหน้าถ้าจะทำแบบนี้ก็อย่าชวนฉันไปด้วยสิ
    !
    เฮ้อ~ แต่ยังไงฉันก็รักนายนะ
    คังอิน ได้โปรด รักฉันบ้างเถอะนะ

     

     

    นายเลิกยุ่งกับซองมินแล้ว แต่ดันไปจีบดงแฮแทน ให้ตายเถอะเจ้าหมี แค่นายไปจีบคนอื่นฉันก็กลุ้มจะแย่แล้ว ช่วยอย่าจีบเซเมะ
    ด้วยกันเองจะได้มั้ย
    =.=”
    ถึงจะหน้าหวานแต่น้องเขาแมนนะเว้ย ...อย่าถามนะว่าฉันรู้ได้ยังไง ฉันไม่อยากพูดถึงมัน แต่เอาเป็นว่าฉันรู้
    ก็แล้วกัน หวังว่านายคงจะตาสว่างเร็วๆนี้นะ เพื่อนดงแฮที่ชื่อซีวอนน่ะเท่ห์ดีเหมือนกันเนาะ
    ^o^
    ฮ่าๆๆ แต่ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจหรอก
    ฉันรักนายนะคังอิน...ขอให้นายรักฉันเหมือนกัน

     

     

    ในที่สุดนายก็ตาสว่างจนได้นะ ฮ่าๆๆ บอกแล้วไงว่าดงแฮน่ะแมน ทีนี้เชื่อหรือยังล่ะ? ^o^ ตอนนี้นายก็เลิกยุ่งกับดงแฮแล้ว
    แต่ซีวอนยังไม่เลิกยุ่งกับฉันแฮะ
    -.-
    ตอนแรกๆที่รู้จักกันก็คุยแต่เรื่องภาษาจีน(หมอนี่เก่งภาษาจีนขั้นเทพเลยแหละ) แต่ตอนนี้เราเริ่มสนิทกัน
    มากขึ้นแล้ว ฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองนะ แต่มองจากสายตาและการกระทำของเขา ฉันว่าเขารักฉันแหละ... แปลกจัง...ทั้งๆที่ซีวอนก็ทั้งหล่อ
    ทั้งรวย ทั้งฉลาด แถมยังเอาใจใส่ดูแลฉัน แล้วก็รักฉันมากขนาดนี้ ทำไมถึงถึงได้รักแต่นายนะ? ฉันจะรอคังอิน ฉันรักนาย...ขอให้นาย
    รักฉันเหมือนกัน

     

     

    วันนี้นายพารุ่นพี่คนนึงมาแนะนำให้ฉันรู้จัก พี่ลีทึกพี่เขาสวยจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่นายชอบพี่เขา แต่มันก็คงจะเหมือนครั้งก่อนๆ
    ใช่มั้ย? อีกไม่นานนายก็คงจะเลิกสนใจพี่เขาแล้วใช่มั้ยคังอิน? ฉันรักนายนะ รักฉันบ้างสิ

     

     

    ตั้งแต่วันที่นายรู้จักพี่ลีทึกครั้งแรก ตอนนี้เวลามันก็ผ่านมาได้พักนึงแล้ว แต่นายยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกสนใจพี่เขาเลย นายให้เวลากับพี่
    เขามากขึ้นเรื่อยๆในขณะที่ให้เวลากับฉันน้อยลง นายใส่ใจพี่เขามากเสียจนฉันอดน้อยใจไม่ได้ วันนี้ฉันแกล้งเดินหลงในมหา
    ลัย คิดว่าถ้า
    นายเห็นว่าฉันหายไปก็คงจะโทรตาม แต่ไม่เลย จนใกล้จะได้เวลากลับบ้านแล้วนั่นแหละฉันถึงเดินไปหานาย นายไม่ได้สังเกตเลยด้วยซ้ำ
    ใช่มั้ยว่าฉันหายไป? นั่นสินะ ก็นายอยู่กับพี่ลีทึกนี่ คนที่นายรักกับเพื่อนที่ไม่มีความสำคัญอย่างฉัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านายจะเลือกใคร
    แต่นายรู้อะไรมั้ยคังอิน? เพื่อนคนนี้ของนายร้องไห้ตลอดทางกลับบ้านเพราะเห็นภาพนายกับเขาเดินเคียงคู่กันอยู่ข้างหน้า เพื่อนคนนี้ของนายร้องไห้ตลอดเวลาที่เห็นนายกับเขาช่วยกันทำอาหารเย็น จนถึงตอนนี้ เพื่อนคนนี้ของนายก็ยังร้องไห้อยู่เลย มันเจ็บมากกว่า
    ครั้งก่อนๆ เจ็บจนพูดไม่ออกเลยจริงๆนะ ฉันรักนายมากนะคังอิน รักหมดใจ ขอร้องล่ะ ได้โปรด รักฉันบ้างเถอะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×