ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Part 3
Part 4
“Tululu~” เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นปลุกร่างบางให้ตื่นจากความฝันโดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจนัก
มือบางเอื้อมไปคว้าเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กบนหัวเตียงทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาก่อนที่จะกดปุ่มรับสาย
“หวาดดีก๊าบ~” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงงัวเงียที่ปิดไม่มิด
“อ๊ะ! ขอโทษครับพี่ฮันเกิง ผมไม่รู้ว่าพี่ยังหลับอยู่” เสียงจากปลายสายละล่ำละลักด้วยความตกใจ
ร่างบางยิ้มออกมานิดๆเมื่อนึกถึงภาพของอีกฝ่ายในตอนนี้ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
“โทรมาทำไมแต่เช้าฮะ?! นี่มันเป็นเวลาพักผ่อนรู้มั้ย?!” ฮันคยองแกล้งทำเสียงดุแต่ก็ไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้าได้
“ผม...ผมขอโทษจริงๆครับพี่ ผมเห็นว่าตอนนี้มันจะเที่ยงแล้ว ไม่คิดว่าพี่ยังไม่ตื่นน่ะครับ”
ร่างบางสะดุ้งขึ้นมาดูนาฬิกาทันที่ที่อีกฝ่ายพูดจบ
ตายล่ะ สิบเอ็ดโมงห้าสิบแล้วจริงๆด้วย ตื่นสายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ยเรา อ๊ากกก! อายซีวอนชะมัดเลยอ่ะ ใจเย็นๆฮันเกิง อย่าเพิ่งสติแตก
แผนของเรายังไม่สำเร็จ
แผนของเรายังไม่สำเร็จ
“อะ เออ นั่นแหละ! จะกี่โมงก็ช่างมันเถอะ แต่ที่แน่ๆนายโทรมารบกวนเวลานอนอันแสนจะมีค่าของพี่ จะรับผิดชอบยังไงฮะ?!” ร่างบางขึ้นเสียง
อีกครั้ง
อีกครั้ง
“เอ่อ...พี่จะให้ผมทำอะไรล่ะครับ? ผมจะทำให้พี่ทุกอย่างเลย สัญญาครับ” เสียงอ่อยๆจากปลายสายทำให้ร่างบางหลุดหัวเราะออกมาในที่สุด
“ฮะๆๆ เสียงนายตลกมากเลยอ่ะซีวอน ฮะๆๆ เสียดายไม่ได้อัดเอาไว้”
“............”
“ซีวอน ทำไมเงียบไปล่ะ?” ฮันคยองหยุดหัวเราะแล้วเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่ออีกฝ่ายเงียบจนผิดสังเกต
“............”
“ซีวอน โกรธเหรอ?” ร่างบางเสียงอ่อย
“............”
“ซีวอนอ่า~ พี่ขอโทษ”
“ฮ่าๆๆ อย่าทำเสียงออดอ้อนแบบนั้นสิครับพี่ฮันเกิง ผมฟังแล้วใจจะละลาย ฮ่าๆๆ คราวนี้เราก็หายกันแล้วนะ เป็นไงครับ? ตาสว่างแล้วสิตอนนี้?”
ซีวอนพูดปนหัวเราะ
ซีวอนพูดปนหัวเราะ
“นายนี่น้า~ จะยอมให้พี่แกล้งฝ่ายเดียวสักครั้งไม่ได้เลยหรือไง?” ฮันคยองบ่นอุบดิบ
“ถ้าผมไม่แกล้งพี่ ผมจะได้ยินเสียงอ้อนๆ น่ารักๆแบบเมื่อกี๊เหรอครับ? แล้วพี่จะให้ผมทำอะไรเป็นการไถ่โทษล่ะครับ?”
“เอ๋? ไถ่โทษอะไรเหรอ?” หนุ่มชาวจีนถามอย่างงงๆ
“อ้าว ยังไม่ทันแก่เลย ทำไมเป็นโรคอัลไซเมอร์ซะแล้วล่ะ? ที่พี่บอกว่าผมโทรมากวนพี่แล้วผมจะรับผิดชอบยังไงไงล่ะครับ” ซีวอนขำกับความขี้ลืม
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวอีกอย่างของร่างบาง
ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวอีกอย่างของร่างบาง
“อ๋อ นึกออกแล้ว...โธ่เอ๊ย! ก็เพราะนายนั่นแหละที่ทำให้พี่ไขว้เขว ไม่งั้นพี่ก็ไม่ลืมหรอก” ร่างบางโยนความผิดให้รุ่นน้องหน้าหล่อซึ่งยอมรับ
ข้อกล่าวหาด้วยรอยยิ้ม
ข้อกล่าวหาด้วยรอยยิ้ม
“ครับๆ แล้วพี่คิดได้หรือยังว่าอยากให้ผมทำอะไร?” ซีวอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“อืม~ เอาไงดีน้า~ อ่ะ ถือว่าสงสารเด็กน้อยตาดำๆอย่างนายนะ ฉันจะให้ทำอะไรง่ายๆก็แล้วกัน วันนี้วันเสาร์ ฉันจะไปทำงานที่ร้านตั้งแต่บ่ายโมง
ถึงหนึ่งทุ่ม นายต้องไปช่วยฉันทำงานแบบไม่มีค่าแรง โอเคมั้ย?”
ถึงหนึ่งทุ่ม นายต้องไปช่วยฉันทำงานแบบไม่มีค่าแรง โอเคมั้ย?”
“โหย~ ทำไมโหดจังล่ะครับพี่?”
“นายเป็นคนผิดนะซีวอน ไม่มีสิทธิ์ต่อรองหรอก” ฮันคยองหัวเราะด้วยความสะใจที่แกล้งรุ่นน้องสุดเท่ห์ผู้ไม่เคยยอมใครคนนี้ได้สำเร็จ
“พี่ฮันเกิงอ่า~”
“อย่ามาทำเสียงแบบนี้นะซีวอน พี่ไม่ใจอ่อนหรอก” ร่างบางพยายามทำเสียงจริงจัง
“พี่ฮันเกิง~ ไม่สงสารผมจริงๆเหรอครับ” ซีวอนเพิ่มดีกรีความน่าสงสารขึ้นอีกสิบเท่า
“โอ๊ย~ ทำไมพี่ถึงต้องใจอ่อนกับเสียงแบบนี้ของนายด้วยนะ ก็ได้ๆ เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวเย็น พอใจหรือยัง?” ฮันคยองบ่น แต่ที่จริงก็คิดว่าจะเลี้ยงข้าว
รุ่นน้องหน้าหล่อเป็นการตอบแทนอยู่แล้ว
รุ่นน้องหน้าหล่อเป็นการตอบแทนอยู่แล้ว
เขาไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้นซะหน่อย แค่อยากแกล้งเท่านั้นแหละ
“พอใจที่สุดเลยครับ แล้วพี่จะออกจากบ้านกี่โมงครับ? ให้ผมไปรับมั้ย?” ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“เดี๋ยวพี่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็จะออกไปแล้วล่ะ แต่ไม่ต้องมารับพี่หรอกซีวอน พี่ไปเองได้” ร่างบางตอบเลี่ยงๆ ไม่อยากบอกว่าจะไปพร้อมกับคังอิน
เขาไม่ต้องการทำให้อีกฝ่ายเสียใจ
เขาไม่ต้องการทำให้อีกฝ่ายเสียใจ
“ครับ งั้นเจอกันที่ร้านนะครับพี่ฮันเกิง” ซีวอนยิ้มกว้าง รู้ว่าร่างบางห่วงความรู้สึกของเขามากเพียงใด
“อืม แล้วเจอกันนะซีวอน” ฮันคยองกดปุ่มวางสายแล้วยิ้มให้กับโทรศัพท์เครื่องเล็กก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปเตรียมตัวให้พร้อม
ร่างบางเดินออกมาจากห้องหลังแต่งตัวเสร็จ เขาเดินตรงไปยังห้องนอนของเพื่อนรัก
“ก๊อกๆๆ คังอิน ฉันเข้าไปนะ” ร่างบางเคาะประตูสองสามทีตามมารยาทก่อนที่จะเปิดเข้าไป
เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อไม่เห็นร่างของเพื่อนรักร่างหนาในห้อง มือถือและกระเป๋าสตางค์ของร่างหนาที่ปกติจะถูกวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
ก็หายไปด้วย
ร่างบางรีบวิ่งลงไปที่ชั้นล่างแต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของอีกฝ่ายอยู่ดี ไม่มีแม้กระทั่งกระดาษโน้ตสักแผ่น
หนุ่มชาวจีนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดปุ่มโทรด่วนหมายเลขหนึ่งอย่างร้อนรน ไม่นานนักอีกฝ่ายก็รับสาย
“คังอิน! นายอยู่ที่ไหนน่ะ?!” ฮันคยองกรอกเสียงลงไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้มีเวลาแม้แต่จะกล่าวทักทาย
“อยู่ที่ห้างฯ พาพี่ลีทึกมาซื้อของ ทำไมต้องทำเสียงตกใจขนาดนั้นด้วย?” เสียงจากปลายสายถามห้วนๆราวกับเด็กที่ถูกขัดใจ
“ก็ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นนาย เลยตกใจน่ะ” ร่างบางตอบด้วยเสียงสั่นเครือ
“นี่! นายไม่ใช่เด็กๆแล้วนะฮันคยอง! เลิกทำตัวติดฉันแจแบบนี้สักทีจะได้มั้ย?! ฉันจะไปไหน กับใคร จำเป็นต้องบอกนายก่อนด้วยเหรอ?!”
เสียงห้วนเมื่อสักครู่เริ่มกลายเป็นเสียงตะคอก
เสียงห้วนเมื่อสักครู่เริ่มกลายเป็นเสียงตะคอก
ร่างบางกัดฟันกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถและพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้
“ฉันแค่แปลกใจน่ะ ตั้งแต่มาอยู่เกาหลีหกปีก็เพิ่งจะมีวันนี้แหละที่ตื่นมาแล้วไม่เจอนาย ขอโทษนะที่โทรมารบกวน” น้ำเสียงตัดพ้อทำให้อีกฝ่าย
ได้สติขึ้นมานิด แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเสียงของใครอีกคนก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
ได้สติขึ้นมานิด แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเสียงของใครอีกคนก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“มีอะไรหรือเปล่าคังอิน? เสียงดังเชียว”
“เฮ้อ~ ไม่มีอะไรหรอกครับพี่ลีทึก เรื่องไร้สาระน่ะฮะ อย่าใส่ใจเลย” ประโยคที่ร่างหนาพูดทำให้คนที่ฟังอยู่ที่ปลายสายอีกข้างถึงกับน้ำตาร่วง
ร่างบางกดปุ่มวางสายด้วยนิ้วเรียวที่อ่อนแรงก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใครราวกับความรู้สึกหลากหลายที่อัดแน่นอยู่ในอกถูกระเบิดออกมา
นายเห็นฉันเป็นตัวอะไรกันแน่คังอิน? เมื่อวันก่อนนายทำเหมือนกับฉันเป็นคนสำคัญ แต่วันนี้ฉันกลับกลายเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับนายไปซะแล้ว
ฉันปรับตัวไม่ทัน นายเข้าใจมั้ย? แค่รู้ว่านายไม่รักฉันมันก็ทำให้ฉันเจ็บจนจะขาดใจอยู่แล้ว แล้วตอนนี้ แม้แต่มิตรภาพ แม้แต่คำว่าเพื่อน
นายก็ให้ฉันไม่ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?
ฉันปรับตัวไม่ทัน นายเข้าใจมั้ย? แค่รู้ว่านายไม่รักฉันมันก็ทำให้ฉันเจ็บจนจะขาดใจอยู่แล้ว แล้วตอนนี้ แม้แต่มิตรภาพ แม้แต่คำว่าเพื่อน
นายก็ให้ฉันไม่ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?
ร่างบางวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในร้านเบเกอรี่เล็กๆที่เขาทำงานอยู่
“พี่ฮันเกิง เป็นอะไรครับ? ทำไมถึงวิ่งมาแบบนี้ล่ะ?” เสียงทุ้มต่ำของรุ่นน้องหน้าหล่อเอ่ยถามขึ้นก่อนที่จมูกของร่างบางจะได้กลิ่นหอมของขนม
ในร้านเสียด้วยซ้ำ
ในร้านเสียด้วยซ้ำ
“พี่เผลอหลับต่อในห้องน้ำน่ะซีวอน กว่าจะได้ออกจากบ้านก็เกือบบ่ายโมงแล้ว เลยต้องรีบวิ่งมานี่แหละ” ร่างบางหัวเราะ แต่ดวงตาที่บวมแดงนั้น
ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของอีกฝ่ายไปได้
ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของอีกฝ่ายไปได้
“ทำไมตาพี่เป็นแบบนี้ล่ะครับ? แล้วนี่พี่คังอินไปไหน?” ซีวอนรีบเดินออกมาจากหลังเคาท์เตอร์ทั้งๆที่ยังสวมผ้ากันเปื้อนไม่เรียบร้อย
“พี่คงนอนมากไปน่ะ อย่าห่วงเลย คังอินพาพี่ลีทึกไปซื้อของ เดี๋ยวก็คงจะมาแหละมั้ง” ฮันคยองพูดพร้อมกับใส่ผ้ากันเปื้อนให้ร่างสูงไปด้วย
ซีวอนมองใบหน้าหวานที่ซีดเผือดของอีกฝ่ายอยางไม่วางใจนักแต่ก็ไม่อยากซักไซ้อะไร เขาพอจะรู้ว่าร่างบางตรงหน้าคงไม่อยากจะพูดถึงมัน
สักเท่าไหร่
สักเท่าไหร่
ร่างสูงเป็นฝ่ายใส่ผ้ากันเปื้อนให้รุ่นพี่ร่างบางบ้างก่อนที่จะพาอีกฝ่ายไปหลังร้านส่วนตัวเขาเองก็กลับออกมายืนหลังเคาท์เตอร์
เวลาผ่านไปพักใหญ่ร่างบางจึงเริ่มทยอยนำเค้กหน้าตาน่ารับประทานและขนมชนิดอื่นๆที่ทำเสร็จแล้วออกมาให้ร่างสูงนำไปจัดวางในตู้
“เอ้าๆ รีบเอาไปวางเลยนะซีวอน ก่อนที่น้ำลายของนายจะหกลงไป” ฮันคยองอดที่จะแซวไม่ได้เมื่อเห็นรุ่นน้องหน้าหล่อมองเค้กช็อกโกแลตชิ้นโต
ด้วยดวงตาที่เป็นประกายวิบวับ
ด้วยดวงตาที่เป็นประกายวิบวับ
ร่างสูงตัดใจวางเค้กก้อนนั้นลงในตู้โชว์อย่างเสียดาย เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่ารุ่นพี่ร่างบางที่เอ่ยปากแซวเขาเมื่อสักครู่นี้กำลังมองไปที่ประตู
หน้าร้านด้วยท่าทางกระวนกระวายที่ปิดไม่มิด
หน้าร้านด้วยท่าทางกระวนกระวายที่ปิดไม่มิด
ทันใดนั้นเองประตูกระจกบานใสก็ถูกเปิดออก ร่างหนาที่ฮันคยองกำลังรออยู่เดินเข้ามาพร้อมกับรุ่นพี่หน้าสวยที่ถือข้าวของอยู่เต็มไม้เต็มมือ
ชายหนุ่มร่างหนาทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นสายตาที่ร่างบางมองมาทางเขา ดวงตาบวมช้ำของเพื่อนรักทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
ร่างบางเองก็คงจะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังลำบากใจจึงรีบยิ้มออกมาแล้วเดินตรงไปหารุ่นพี่หน้าสวยก่อนที่จะคว้าของทั้งหมดในมือของอีกฝ่ายมาถือเอาไว้เอง
“เชิญทางนี้ครับพี่ลีทึก นั่งพักก่อนนะครับ มาเหนื่อยๆ คังอินก็ไปเอาน้ำมาให้พี่เขาสิ ยืนนิ่งเป็นหมีโดนสตัฟฟ์ไปได้” ร่างบางวางของของลีทึก
ลงบนเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่อย่างระมัดระวังแล้วเดินไปหาเพื่อนรักที่ยังยืนนิ่งอยู่ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อสักครู่นี้
ลงบนเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่อย่างระมัดระวังแล้วเดินไปหาเพื่อนรักที่ยังยืนนิ่งอยู่ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อสักครู่นี้
“ไปสิ เจ้าหมีทึ่ม! ปล่อยให้นางฟ้ารอนานๆน่ะมันไม่ดีนะ อ่อ เสร็จแล้วก็อยู่คุยกับพี่เขาข้างนอกนี่แหละ ฝากดูเคาท์เตอร์ด้วย เดี๋ยวฉันให้ซีวอน
มาช่วยหลังร้านเอง” ฮันคยองพูดเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน
มาช่วยหลังร้านเอง” ฮันคยองพูดเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ฮันคยอง ฉัน...” ร่างหนามีสีหน้าลำบากใจ
รู้สึกผิด...อยากขอโทษที่ทำเรื่องแย่ๆกับคนตรงหน้า อยากขอโทษที่ทิ้งให้ร่างบางอยู่คนเดียว
เป็นห่วง...ทั้งๆที่ก็เห็นแล้วว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไร แต่ความห่วงใยที่อัดแน่นอยู่ในอกกลับไม่ได้ทุเลาลงเลย แต่คังอินก็คือคังอิน...จนแล้วจนรอด
คำพูดสักคำก็ไม่หลุดออกมาจากปากของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกน่า นายอยู่ดูแลพี่เขาเถอะ” ร่างบางพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักเงียบไป
“แต่ฉันมาสาย แล้วยังจะปล่อยให้นายทำงานหลังร้านคนเดียวอีกเนี่ยนะ?”
“ฮะๆๆ ไม่เอาน่า คิดมากไปได้ ถือว่าเป็นการไถ่โทษแล้วกันที่ฉันโทรไปรบกวนเวลาของนายก่อนหน้านี้ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ทำงานคนเดียวด้วย
มีซีวอนอยู่ทั้งคน” ฮันคยองยิ้มกว้างทั้งๆที่หัวใจแทบจะแตกสลาย
มีซีวอนอยู่ทั้งคน” ฮันคยองยิ้มกว้างทั้งๆที่หัวใจแทบจะแตกสลาย
คังอินหันไปมองหน้ารุ่นน้องหน้าหล่อนิดนึงก่อนที่จะพยักหน้ารับแล้วเดินไปรินน้ำให้ลีทึก
ฮันคยองจูงมือร่างสูงไปหลังร้าน รอยยิ้มบนใบหน้าหวานจางลงเรื่อยๆทุกย่างก้าวที่เขาเดินจนรุ่นน้องร่างสูงออดเป็นห่วงไม่ได้
“พี่ฮันเกิงครับ พี่ไม่เป็นไรนะครับ?” ร่างบางยิ้มรับ
“ไม่เป็นไรหรอกซีวอน มานี่ ช่วยพี่ทำงานเร็วเข้า ไม่งั้นพี่ไม่เลี้ยงข้าวเย็นจริงๆนะ” ฮันคยองยิ้มทะเล้นๆให้ซีวอนแล้วหันมาสนใจกับเค้กก้อนโต
ที่รอรับการตกแต่งจากเขาอยู่
ที่รอรับการตกแต่งจากเขาอยู่
ซีวอนยิ้มบางๆ
“พี่นี่เป็นคนดีจังเลยนะครับ ทนได้ยังไงกัน?” ร่างสูงถามขึ้นอย่างลืมตัว
ร่างบางนิ่งไปสักพักก่อนที่จะเอ่ยตอบซีวอนด้วยเสียงแผ่วเบา
“พี่ไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอกซีวอน”
ใช่ ผมไม่ได้เป็นคนดีอะไรเลย การที่ผมทำแบบนี้ก็เพราะผมอยากให้เขาเห็นความดีของผมบ้าง อยากให้ความรู้สึกดีๆที่เขาเคยมีให้ผมกลับคืนมา
เท่านั้นเอง
เท่านั้นเอง
ร่างบางถอดถ้ากันเปื้อนออกแล้วบิดขี้เกียจเพื่อไล่ความเมื่อยขบ
ภาพของรุ่นน้องหน้าหล่อที่ฟุบอยู่บนโต๊ะทำขนมอย่างหมดสภาพทำให้เขาอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“เหนื่อยล่ะสิเรา หืม?” ฮันคยองถามด้วยความเอ็นดู
“ไม่หรอกครับพี่ แค่นี้สบายมาก” ซีวอนยิ้มพร้อมกับเบ่งกล้ามให้รุ่นพี่ร่างบางดู
“เหรอ~ งั้นพรุ่งนี้มาช่วยพี่ตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสองทุ่มเลยนะ คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนายใช่มั้ย?” ร่างบางพูดจบก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นปฏิกิริยา
ของอีกฝ่ายที่ดูจะลำบากใจสุดๆ
ของอีกฝ่ายที่ดูจะลำบากใจสุดๆ
“เพื่อพี่น่ะ อะไรผมก็ทำให้ได้ทั้งนั้นแหละครับ” ร่างสูงตอบอย่างหนักแน่นในที่สุด
“ฮะๆๆ ไม่ต้องหรอกซีวอน พรุ่งนี้พี่ไม่ทำงานหรอก อยากพักบ้างเหมือนกัน นายน่ะ หัดคิดถึงตัวเองซะบ้างก็ดีนะ” ร่างบางถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา
“บอกตัวเองก่อนเถอะครับพี่” ร่างบางถึงกับอึ้งเมื่อถูกย้อนกลับมาทันควันแบบนี้
“เดี๋ยวนี้กล้าย้อนพี่เหรอ? รู้งี้ไม่น่าเก็บเค้กไว้ให้กินเล้ย~”
ร่างสูงตาโตทันทีเมื่อได้ยินคำว้า ‘เค้ก’
“เค้กเหรอครับพี่ ไหนๆๆ?” ท่าทางร่าเริงราวกับเด็กที่ได้ของเล่นถูกใจซึ่งไม่ค่อยได้เห็นจากหนุ่มมาดเท่ห์อย่างซีวอนทำเอาร่างบางอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
เขาเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบเค้กช็อกโกแลตชิ้นโตออกมา
“เห็นนายทำท่าอยากกินมาก เลยทำเผื่อไว้ให้ชิ้นนึง กินรองท้องไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวพี่เก็บกวาดตรงนี้อีกแป๊บนึงแล้วจะพาไปกินข้าว”
ฮันคยองพูดแล้วหันไปสนใจถ้วยชามที่วางอยู่บนโต๊ะโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกอีกฝ่ายมองด้วยแววตาที่ปลาบปลื้มเพียงใด
ฮันคยองพูดแล้วหันไปสนใจถ้วยชามที่วางอยู่บนโต๊ะโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกอีกฝ่ายมองด้วยแววตาที่ปลาบปลื้มเพียงใด
ซีวอนหยิงกล่องสำหรับใส่เค้กกลับบ้านออกมาก่อนที่จะใส่เค้กชิ้นโตลงไปอย่างระมัดระวัง
“อ้าว เอาใส่กล่องทำไมล่ะ? หรือว่าไม่อยากกินแล้ว?” ร่างบางเอ่ยถามด้วยสีหน้าผิดหวังนิดๆ ร่างสูงจึงต้องรีบอธิบาย
“เปล่านะครับพี่! แต่ผมอยากเก็บไว้ดูน่ะ” ร่างบางส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูรุ่นน้องร่างสูง
ถึงจะดูเป็นผู้ใหญ่ยังไงแต่ลึกๆแล้วก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีสินะ
“ของเขามีไว้ให้กินก็กินไปเถอะน่า...ถ้าชอบเดี๋ยววันหลังพี่ทำให้ใหม่ก็ได้” ฮันคยองพูดพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้อีกฝ่ายใจเต้นรัว
“จริงๆนะครับพี่?” ซีวอนถามด้วยความดีใจ ร่างบางพยักหน้ารับ
“แต่พี่ไม่ทำให้ฟรีๆหรอกนะ นายต้องมาช่วยงานพี่ด้วย ตกลงมั้ยล่ะ?” ร่างสูงพยักหน้าจนหัวแทบหลุด
“ได้เลยครับพี่ แต่ว่าเค้กชิ้นนี้น่ะผมขอเก็บไว้ก่อนแล้วกันนะ วันนี้พี่จะเลี้ยงข้าวผมทั้งที เดี๋ยวผมกินไม่คุ้ม” ซีวอนยิ้มเจ้าเล่ห์
“นายนี่มัน...” ฮันคยองพูดได้แค่นั้นแล้วก็เงียบไป
“ขอบคุณมากนะครับพี่ฮันเกิง” ซีวอนยิ้มกว้างเผยให้เห็นลักยิ้มเด่นชัด
“ไม่เป็นไรหรอก เลี้ยงข้าวรุ่นน้องแค่มื้อสองมื้อ เรื่องเล็กน้อย นายเองก็ช่วยอะไรพี่ตั้งหลายอย่างแล้ว”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นครับพี่”
“หืม?” ร่างบางเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ซีวอนยิ้มกับความใสซื่อของอีกฝ่าย
“ขอบคุณมากนะครับพี่ฮันเกิงที่ไม่เปลี่ยนไป...หลังจากที่พี่รับรู้ความรู้สึกของผมแล้วน่ะ” ฮันคยองอึ้งไปพักหนึ่งเมื่อฟังซีวอนพูดจบ ก่อนที่จะยิ้มเศร้าๆ
ให้อีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้พูดอะไรตอบ
ให้อีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้พูดอะไรตอบ
อย่าขอบคุณพี่เลยซีวอน เพราะพี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างการทำตัวแปลกไปแล้วบอกให้นายรู้ว่าพี่ไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับนายเลยสักนิด
กับการทำตัวปกติ ทำดีกับนายเหมือนเดิมทั้งๆที่ในใจพี่ก็ไม่ได้คิดกับนายเกินกว่าคำว่าน้องชายเลยแบบนี้ อย่างไหนมันจะทำให้นายเจ็บปวด
มากกว่ากัน
กับการทำตัวปกติ ทำดีกับนายเหมือนเดิมทั้งๆที่ในใจพี่ก็ไม่ได้คิดกับนายเกินกว่าคำว่าน้องชายเลยแบบนี้ อย่างไหนมันจะทำให้นายเจ็บปวด
มากกว่ากัน
“ฮันคยอง~ เดี๋ยวฉันจะพาพี่ลีทึกไปกินข้าวเย็นนะ จะไปด้วยกันมั้ย?” คังอินที่จู่ๆก็เดินหน้าเข้ามาถามทำเอาร่างบางที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดสะดุ้งเฮือก
“นายไปกับพี่ลีทึกเถอะคังอิน” ฮันคยองตอบหลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว
ร่างหนาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ร่างบางจึงอธิบายต่อ
“ฉันจะพาซีวอนไปเลี้ยงข้าวเย็นด้วยน่ะ”
“แล้วทำไมไม่ไปด้วยกัน? ซีวอนมันอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือไง?” คังอินถามเสียงแข็ง ความหงุดหงิดเริ่มก่อตัวขึ้นโดยที่เขาไม่ทราบสาเหตุ
“เปล่าหรอก แต่นายคงอยากอยู่กับพี่ลีทึกสองคนมากกว่าใช่มั้ยล่ะ?” ฮันคยองถามพร้อมกับรอยยิ้มขมขื่นจนเขาต้องก้มหน้าลงเพื่อซ่อนมันเอาไว้
“แล้วนายจะกลับบ้านคนเดียวได้ยังไง?” ร่างหนาถามขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงแข็งกระด้างที่แทบจะไม่ต่างอะไรกับเสียงตะคอกเลย
“ได้สิ! ขามาฉันยังมาคนเดียวได้เลย ขากลับมันก็ทางเดียวกันนั่นแหละ ทำไมฉันจะกับคนเดียวไม่ได้?!” ความน้อยใจที่อัดแน่นอยู่ในอกทำให้
ร่างบางเผลอพูดประชดออกมา
ร่างบางเผลอพูดประชดออกมา
ร่างหนาถึงกับชะงักเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนรัก นี่เป็นครั้งแรกที่ฮันคยองพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้
ซีวอนที่เงียบอยู่นานเห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้าเริ่มตึงเครียดจึงเดินไปยืนข้างรุ่นพี่ร่างบางก่อนที่จะหันไปพูดกับคังอิน
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับพี่คังอิน เดี๋ยวผมพาพี่ฮันเกิงไปส่งเอง”
“............” คังอินไม่พูดอะไร ความรู้สึกหงุดหงิดยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อเห็นภาพรุ่นน้องหน้าหล่อโอบเอวฮันคยอง
ร่างหนาถอนหายใจออกมาแรงๆก่อนที่จะเดินออกไปหารุ่นพี่หน้าสวยที่ยืนรออยู่หน้าร้านแล้วพากันออกไปโดยที่ไม่แม้แต่จะหันมากล่าวลาอีก
สองชีวิตที่อยู่ในห้องครัว
สองชีวิตที่อยู่ในห้องครัว
ร่างบางน้ำตาคลอหน่วย แต่ไม่ยอมให้มันไหลออกมา เขารู้สึกว่าพักนี้ตัวเองอ่อนแอและร้องไห้ง่ายเกินไปแล้ว
“มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรานะ?” น้ำเสียงตัดพ้อเอ่ยถามขึ้นลอยๆ
ซีวอนสงสารคนตรงหน้ามากเสียจนเขาอดไม่ได้ที่จะดึงร่างบางๆของหนุ่มชาวจีนเข้ามากอด
เพียงแค่อ้อมแขนแกร่งก็ทำให้ร่างบางรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด แม้ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของร่างสูงเลยก็ตาม
“นายรักพี่จริงๆหรือเปล่าซีวอน?” ฮันคอยงเอ่ยถามด้วยเสียงเบาหวิว
“ครับ” ซีวอนตอบสั้นๆแต่ทว่าหนักแน่นแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเสมือนเป็นการยืนยัน
“แล้วนายทนได้ยังไงซีวอน? เวลานายเห็นพี่อยู่กับคังอิน เวลาที่นายรู้ว่าคนที่พี่รักรักคือคังอินไม่ใช่นาย นายทนได้ยังไงกัน? ทำไมนายถึงยัง
ยิ้มได้อีก? นายไม่เจ็บบ้างเลยเหรอซีวอน?” ร่างบางเงยหน้าขึ้นส่งสายตาที่ทั้งอ่อนไหวและสับสนราวกับเด็กหลงทางให้รุ่นน้องร่างสูง
ยิ้มได้อีก? นายไม่เจ็บบ้างเลยเหรอซีวอน?” ร่างบางเงยหน้าขึ้นส่งสายตาที่ทั้งอ่อนไหวและสับสนราวกับเด็กหลงทางให้รุ่นน้องร่างสูง
ซีวอนยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่จริงใจ บ่งบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขามีความสุขจริงๆ
“ผมไม่เจ็บปวดหรอกครับพี่ฮันเกิง” ร่างสูงตอบโดยไม่ลังเล
“เพราะภาพที่ผมเห็นไม่ใช่ภาพที่พี่กำลังอยู่กับคนอื่นหรือรักคนอื่น แต่เป็นภาพที่พี่กำลังมีความสุขต่างหากล่ะครับ” คำตอบของซีวอนทำเอาร่างบางอึ้ง
นั่นสินะ ทำไมผมถึงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจริงๆแล้วสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดก็คือการที่ได้เห็นคังอินมีความสุข ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน กับใคร
ตราบใดที่เขามีความสุข ผมก็น่าจะยินดีกับเขาไม่ใช่เหรอ?
ตราบใดที่เขามีความสุข ผมก็น่าจะยินดีกับเขาไม่ใช่เหรอ?
คังอิน...ตอนนี้ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว แต่ขอเวลาฉันสักพักนะ มันคงต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าที่ความเห็นแก่ตัวและความเจ็บปวดในใจของฉันจะ
หายไป เมื่อถึงวันนั้น ฉันคงจะมองภาพนายอยู่เคียงข้างกับเขาด้วยความสุขและยินดีจากใจจริง
หายไป เมื่อถึงวันนั้น ฉันคงจะมองภาพนายอยู่เคียงข้างกับเขาด้วยความสุขและยินดีจากใจจริง
ฮันคยองยิ้มให้รุ่นน้องร่างสูงที่ยืนรอเขาเงียบๆอย่างใจเย็น
“ขอบใจมากนะซีวอน นายดีกับพี่จริงๆ ถ้า...ถ้าพี่เจอนายก่อนเขา พี่อาจจะรักนายไปแล้วก็ได้” ซีวอนยิ้มกับคำพูดของรุ่นพี่ชาวจีน
“ก็ไม่แน่หรอกครับพี่ ผมเคยบอกพี่แล้วไง ขางสิ่งในชีวิตของเราได้ถูกกำหนดมาแล้ว และจิตใจของเราก็ไม่เข้มแข็งพอที่จะเปลี่ยนแปลงมันด้วย”
“...นั่นสินะ... ยังไงก็เถอะ พี่ขอบใจนายมากจริงๆซีวอน ถ้าไม่มีนายพี่คงคิดไม่ได้หรอก” ร่างบางยิ้มกว้าง
ซีวอนเห็นแบบนั้นก็สบายใจขึ้น
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นเค้กอีกสักชิ้นก็ดีนะครับพี่ ชิ้นเดียวไม่พอหรอก ผมน่ะกินจุ”
“นายนี่น้า~ เอาเถอะๆ พี่สัญญาว่าจะทำมาให้อีกแล้วกัน ตอนนี้ไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า หิวจนตาลายแล้วล่ะสิ?”
“ครับผม!”
ทั้งสองคนเดินออกไปจากร้านด้วยกันพร้อมรอยยิ้ม ต่างกับใครอีกคนที่เดินออกไปก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ร่างหนาก้มหน้าก้มตาเดินโดยแทบจะไม่ได้สนใจรุ่นพี่หน้าสวยที่เดินอยู่ข้างๆเลยสักนิด
สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเจ้าตัวอารมณ์ขุ่นมัวขนาดไหน
เขาหงุดหงิดมากที่เห็นเพื่อนร่างบางอยู่กับซีวอน หงุดหงิดที่ร่างบางขึ้นเสียงกับเขา และสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดที่สุดก็คือเขาไม่รู้ว่าตัวเองหงุดหงิดเพราะอะไร
พี่ลีทึกก็อยู่กับผมตรงนี้ ฮันคยองก็ไม่ได้เกาะติดผมแจแล้วแท้ๆ ผมควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมตอนนี้ผมกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยล่ะ?
เจ้าฮันคยองจอมเอ๋อ! นายทำอะไรกับหัวใจของฉันกันเนี่ย?!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น