ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ Yaoi] Dear Friend, Please Love Me (KangHan)

    ลำดับตอนที่ #3 : Part 2

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 53


    Part 2

    วันพรุ่งนี้เป็นวันที่นักศึกษากลุ่มหนึ่งในมหาวิทยาลัย
    SMจะเดินทางไปเข้าค่ายอาสาพัฒนาชายหาดเกาหลีใต้ หรือพูดง่ายๆก็คือค่ายอาสาเก็บขยะ
    ตามชายหาดนั่นแหละ คังอินกับฮันคยองก็เป็นหนึ่งในนั้น

    ร่างบางคว้าเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นออกมาก่อนที่จะยัดใส่กระเป๋าเป้คู่ใจอย่างเร่งรีบ ผิดกับเพื่อนร่างหนาที่มองดูเขาอยู่ที่ประตูห้องอย่างสบายใจ

    นี่! ไม่ต้องหัวเราะเลยนะคังอิน! ที่ฉันต้องมารีบจัดของตอนตีหนึ่งแบบนี้ก็เพราะนายนั่นแหละ กว่าจะเลิกงานก็หกโมงเย็นเข้าไปแล้ว ยังจะ
    มีอารมณ์ลากฉันไปซื้อของต่ออีก กลับมาแล้วยังจะให้ฉันทำกับข้าวให้กินอีก กว่าจะอาบน้ำเสร็จ กว่าจะได้จัดของ ฉันต้องนอนไม่พอแน่ๆเลย

    ฮันคยองบ่น มือก็พยายามยัดเสื้อกล้ามสีขาวใส่เป้ที่ตอนนี้แน่นจนไม่สามารถยัดอะไรเข้าไปเพิ่มได้อีกแล้ว แต่ทว่าข้าวของจำเป็นมากมายยัง
    กองอยู่ข้างนอก

    ร่างบางดันทุรังออกแรงยัดเสื้อตัวนั้นเพิ่มขึ้นอีกจนเหงื่อเริ่มไหลออกมาตามไรผม ในที่สุดร่างหนาก็ทนไม่ไหว ต้องเดินเข้าไปให้
    ความช่วยเหลือ
    เพื่อนรักที่ตอนนี้สติแตกไปเรียบร้อยแล้ว

    นี่พับก่อนสิ แล้วค่อยใส่ ยัดลงไปมั่วๆแบบนั้นจะใส่หมดได้ยังไงกันเล่า? ทำอะไรไม่เรียบร้อยแบบนี้น่ะ ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ มือใหญ่
    วางลงบนไหล่บางของฮันคยองพร้อมกับบีบเบาๆเพื่อให้อีกฝ่ายใจเย็นลงบ้าง

    นายก็พูดได้สิ นายจัดของเสร็จแล้ว แต่ฉันยังนี่ ไม่ช่วยก็ถอยไปเลยไป ร่างบางเบี่ยงตัวหลบอีกฝ่ายด้วยความรำคาญ แต่ในที่สุดก็ยอมแพ้
    คังอินพูดถูก เขาไม่มีทางจัดของเสร็จแน่ถ้าทำแบบนี้ 

    ฮันคยองตัดใจเทของในกระเป๋าออกมาทั้งหมดเพื่อที่จะจัดมันให้เรียบร้อย โดยที่คราวนี้มีร่างหนาเป็นผู้ช่วย

    นายนี่ก็น้า~ มีเวลาตั้งถมเถ ทำไมไม่ยอมจัดไว้ตั้งแต่เนิ่นๆฮะ? คังอินพูดขึ้นขณะที่กำลังพับเสื้อยืดสีขาวตัวเก่งของอีกฝ่าย               

    ก็วันนี้ฉันไม่ว่างทั้งวันเลยนี่ เพราะนายนั่นแหละ!” ยังไม่วายโยนความผิดไปให้เพื่อน

    หึๆๆ ก็ใช่ วันนี้นายไม่ว่าง แต่เมื่อวาน เมื่อวานซืน เมื่ออาทิตย์ที่แล้วล่ะ นายมัวทำอะไรอยู่? เขาบอกกำหนดการล่วงหน้าตั้งหนึ่งเดือน ยังจะอุตส่าห์
    จัดของไม่ทันอีก
    ร่างหนาส่ายหน้าไปมา เอือมระอากับนิสัยของเพื่อนรัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกเอ็นดูด้วย

    ร่างบางนิ่งเมื่อรู้ว่าแก้ตัวต่อไปไม่ได้แล้ว ก่อนที่จะถอนหายใจเบาๆแล้วยิ้มออกมา

    นั่นสินะ ฉันมันไม่รู้จักเตรียมตัวเองแหละ...เอ้อ! แล้วนายไม่ไปนอนรึไง?! นี่มันตีหนึ่งเข้าไปแล้วนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลุกไม่ไหวหรอก 
    ยิ่งขี้เซาอยู่ด้วยนายอ่ะ
    ร่างบางบ่น แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาห่วงอีกฝ่าย ไม่อยากให้ต้องเหนื่อยเพราะเรื่องของเขา

    ฉันลุกไหวน่า ตั้งนาฬิกาปลุกไว้รอบห้องตั้งห้าเรือน แต่ละเรือนเสียงดังกระหึ่ม ถึงฉันไม่ตื่นนายก็ต้องตื่นอยู่ดี เดี๋ยวนายก็มาปลุกฉันเองแหละ
    คังอินยิ้มตาหยี มือก็คว้าเสื้อผ้าชิ้นต่อไปของร่างบางมาไว้ในมือเพื่อที่จะพับต่อ แต่มือบางก็รีบคว้าผ้าชิ้นนั้นกลับไปพับเสียเองด้วยใบหน้าแดงก่ำ

    ร่างหนาหัวเราะออกมาเมื่อพบว่าผ้าชิ้นเมื่อกี๊คือกางเกงชั้นในสีขาวบริสุทธิ์ของเพื่อนรัก

    ฮ่าๆๆ ถึงว่าสิ ว่าทำไมถึงได้อายนัก

    นี่! หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลยนะ! ให้ตายเถอะ จะหยิบอะไรก็ดูตาม้าตาเรือหน่อยสินายน่ะ ร่างบางตาขวาง ทั้งโกรธ ทั้งอาย ง่วงด้วย

    โอย~ คืนนี้จะได้นอนมั้ยเนี่ย?

    จะอายไปทำไมเล่า? เป็นเพื่อนกันมาตั้งหกปี ฉันน่ะรู้ไส้รู้พุงนายหมดแล้ว อาบน้ำด้วยกันก็เคยทำมาแล้ว แค่กกน.ตัวเดียวทำเป็นอายไปได้
    คังอินยังไม่เลยแซว มิหนำซ้ำยังส่งรอยยิ้มทะเล้นมาให้ร่างบางอย่างเป็นต่อ

    ฮันคยองหน้าแดงมากกว่าเดิม เขาอ้าปากทำท่าจะเถียงแต่ก็ต้องล้มเลิกความตั้งใจเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

    ทั้งคู่ช่วยกันจัดของเงียบๆต่อไปอีกสักพัก จนในที่สุดสัมภาระทั้งหมดของฮันคยองก็ลงไปอยู่ในเป้ใบใหญ่ได้อย่างเรียบร้อย 

    ร่างหนาลุกขึ้นบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยล้าแล้วเดินตรงไปที่ประตู

    ขอบใจนะ ร่างบางกล่าวสั้นๆพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจก่อนที่อีกฝ่ายจะออกจากห้อง ร่างหนายิ้มรับแล้วปิดประตูห้องนอนของเพื่อนรัก
    อย่างเบามือ มุ่งสู่ห้องนอนของตัวเอง

     
               
     
    ร่างบางไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงดังขึ้น ความอ่อนเพลียทำให้เขารู้ว่าตัวเองคงได้พักผ่อน
    เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง เพื่อนร่างหนาที่นอนอยู่อีกห้องก็คงรู้สึกเช่นเดียวกัน
     
    ฮันคยองลุกขึ้นจากเตียง จัดที่นอนของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินออกจากห้อง ประตูห้องนอนของเพื่อนรักที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยังคงปิดสนิท
    บ่งบอกว่าอีกฝ่ายจังไม่ตื่น
     
    เขาตัดสินใจปล่อยให้ร่างหนานอนพักผ่อนต่ออีกสักนิดจึงเดินลงไปชั้นล่างอย่างเงียบที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนอีกฝ่าย
     
    หนุ่มชาวจีนร่างบางทำอาหารอย่างพิถีพิถันแล้วนำใส่กล่องที่เขาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เขาไม่ลืมที่จะเตรียมอาหารเผื่อเพื่อนรักด้วย อันที่จริงแล้ว
    เขาตั้งใจทำอาหารของคังอินมากกว่าอาหารของตัวเขาเองเสียอีก
     
    หลังจากที่จัดแจงเรื่องอาหารและธุระส่วนตัวเสร็จแล้วฮันคยองจึงเดินไปปลุกคังอินที่ห้อง แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าอีกฝ่ายอาบน้ำแต่งตัว
    เสร็จเรียบร้อยแล้ว
     
    อ้าว...ตื่นแล้วเหรอ? ร่างบางถามอย่างงงๆ ก็ปกติเพื่อนเขาคนนี้ตื่นยากจะตาย กว่าจะแซะออกจากเตียงได้ต้องใช้เวลาเป็นครึ่งค่อนชั่วโมง
    นาฬิกาปลุกกี่สิบเรือนก็ไม่เคยช่วยอะไรได้เลย แล้วทำไมวันนี้...
     
    พี่ลีทึกโทรมาปลุกน่ะ เมื่อวานฉันแค่แซวพี่เขาเล่นๆว่าวันนี้ให้โทรมาปลุกด้วย ไม่คิดว่าจะโทรมาจริงๆ คังอินพูดพร้อมรอยยิ้ม แค่ดูก็รู้ว่า
    มีความสุขมากแค่ไหน
     
    ผิดกับอีกฝ่ายที่แสร้งยิ้มได้อย่างแนบเนียนทั้งๆที่ในใจไม่ได้รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย เขาคงจะฝืนยิ้มบ่อยเกินไปแล้วล่ะมั้ง มันถึงได้ดูเหมือนจริงเสียขนาดนี้
     
    มิน่าล่ะ นางฟ้าโทรมาปลุกนี่เอง หมีขี้เซาอย่างนายถึงได้ตื่นเร็วนัก ร่างบางเอ่ยปากแซวพร้อมกับชกหัวไหล่แกร่งของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนรักเบาๆ
    เบามากเสียจนอีกฝ่ายรู้สึกว่ามันไม่ต่างอะไรกับปุยนุ่นที่พัดผ่านมากระทบกับไหล่ของเขาเลย
     
    ถึงแม้ว่าจะฝืนยิ้มออกมาได้ แต่การฝืนร่างการไม่ให้หมดเรี่ยวแรง ฝืนใจไม่ให้เจ็บปวดยังคงเป็นสิ่งที่ยากเกินไปสำหรับฮันคยองอยู่ดี
     
    งั้นเราไปมหาลัยกันเลยมั้ย? ออกจากบ้านเร็วๆจะได้ไม่ต้องรีบเดิน คังอินคว้าเป้ที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมาพาดบ่า
     
    ฮันคยองพยักหน้าก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเองอีกครั้งเพื่อหยิบกระเป๋า
     
    มือบางปิดประตูห้องนอนแล้วพิงหลังกับบานประตูอย่างเหนื่อยล้า ดวงตาคู่สวยมองไปที่กรอบรูปสีฟ้าที่วางอยู่บนหัวเตียง รูปเด็กผู้ชายสองคน
    กอดคอกันส่งยิ้มหวานให้กล้องถ่ายรูป
     
    วันเวลาเก่าๆ สมัยที่ฮันคยองเพิ่งมาเกาหลี สมัยที่โลกของเขาไม่มีใครนอกจากคังอิน สมัยที่คังอินไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากการดูแลนักเรียน
    คนใหม่จากเมืองจีน
     
    เข้าไปหลับต่อหรือไงฮันคยอง? รีบออกมาได้แล้ว ไม่งั้นฉันทิ้งไว้ที่นี่นะ คังอินตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง
     
    อื้มๆ จะไปเดีย๋ยวนี้แหละ รอด้วย!” ฮันคยองกระโจนไปคว้าเป้ของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วหันไปยิ้มให้กับกรอบรูปนั้นก่อนเดินออกจากห้อง
     
    คิดถึงจังเลย...คังอิน
     
     
                
                   
    นักศึกษากลุ่มใหญ่ยืนออกันอยู่บริเวณนอกรั้วมหาวิทยาลัยทำให้บรรยากาศยามเช้าตรู่ของวันนี้ดูวุ่นวายเป็นพิเศษ
     
    พี่ลีทึกครับ ขอบคุณมากนะครับที่โทรไปปลุกผมเมื่อเช้านี้ ไม่งั้นผมต้องตื่นสายแน่ๆเลย คังอินยิ้มจนตาปิด ส่วนรุ่นพี่หน้าสวยก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ
    ด้วยความเอ็นดู
     
    ไม่หรอกน่า ฉันเชื่อว่าฮันคยองน่ะไม่ปล่อยให้นายสายหรอก ลีทึกพูดแล้วหันมายิ้มให้ฮันคยองบ้าง
     
    ถ้าเป็นผมปลุกก็คงอีกนานนั่นแหละครับกว่าหมอนี่จะตื่น ผมก็เห็นว่ามีแต่พี่ลีทึกนี่แหละที่เอาชนะความขี้เซาของเจ้าหมีนี่ได้น่ะ 
    หนุ่มชาวจีนพูดพร้อมรอยยิ้ม
     
    เออใช่! ฉันทำอาหารกลางวันมาเผื่อนายด้วยแหละ อ่ะนี่ รับไปสิ ลีทึกยื่นกล่องข้าวสีเขียวสดในให้รุ่นน้องร่างหนาที่ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความอึ้ง
     
    ขะ ขอบคุณครับพี่ลีทึก ต้องเป็นอาหารกลางวันที่อร่อยที่สุดในโลกแน่ๆเลย คังอินยิ้มกว้าง นี่มันมากกว่าที่เขาหวังไว้อีกนี่นา
     
    ไม่ใช่แค่ร่างหนาคนเดียวเท่านั้น ฮันคยองเองก็อึ้งไปเมื่อเห็นว่าลีทึกทำอาหารกลางวันมาเผื่อคังอินด้วยเหมือนกัน ยังไม่ทันจะหายอึ้งก็ต้อง
    รู้สึกปวดใจเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของเพื่อนรัก
     
    เฮ้อ~ ทำอะไรไร้ค่าได้อีกนะฮันเกิงเอ้ย~ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าคังอินอยากกินข้าวกล่องอันไหนมากกว่ากัน ถึงฉันจะบอกว่าตั้งใจมากเพียงใด หรือว่า
    จะต้องตื่นเช้าสักเท่าไรเพื่อที่จะมาทำอาหารกลางวันกล่องนี้ นายก็คงจะไม่เห็นค่าของมันอยู่ดี อึดอัดชะมัดเลย อยากออกไปจากตรงนี้เร็วๆจัง
     
    พี่ฮันเกิงคร๊าบ~” เสียงทุ้มตะโกนทักเป็นภาษาจีนอย่างคล่องแคล่ว
     
    ฮันคยองรีบหันไปหาต้นเสียงทันที แล้วก็พบกับรุ่นน้องหน้าหล่อยืนโบกมือให้เขาอยู่ที่อีกฝั่งของถนน
     
    เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับพี่ลีทึก เดี๋ยวเจอกันที่นู่นเลยนะคังอิน ร่างบางพูดจบแล้วก็ทำท่าจะวิ่งออกไปให้พ้นๆจากบรรยากาศหวานชื่นที่
    กลับทำให้เขารู้สึกขมขื่นตรงหน้าเสียที แต่ก็ถูกคังอินคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
     
    แล้วนายจะไปนั่งรถคันไหน? ไม่ไปนั่งด้วยกันเหรอ? ร่างหนาขมวดคิ้ว
     
    ก็...นายคงอยากนั่งกับพี่ลีทึกมากกว่าใช่มั้ยล่ะ? ฉันไปนั่งกับซีวอนก็ได้ ฮันคยองยิ้มบางๆเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
     
    ไม่เอาอ่ะ ไปนั่งด้วยกันเนี่ยแหละดีแล้ว เดี๋ยวแยกกันแล้วก็หาไม่เจออีก คังอินพยายามอ้างเหตุผล
     
    มือถือก็มีจะกลัวอะไร? อีกอย่างฉันก็อยู่กับซีวอน ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกน่า
     
    ถ้าเกิดมือถือไม่มีสัญญาณล่ะ? แล้วน้องเขาก็ต้องไปทำกิจกรรมของเขา ไม่มีเวลามานั่งดูแลนายหรอก เจอกันที่รถนะ คังอินสรุปง่ายๆแล้วดันหลัง
    เพื่อนรักให้ไปหารุ่นน้องที่ยืนรออยู่โดยไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสแม้แต่จะเปิดปากเถียง
     
    ฮันคยองหันมาพยักหน้ารับในที่สุดก่อนที่จะเดินแยกออกไป
     
    อรุณสวัสดิ์ครับพี่ฮันเกิง มาถึงนานหรือยังครับ? ร่างสูงคว้ามือบางของรุ่นพี่ไปกุมไว้หลวมๆ
     
    สักพักแล้วล่ะ วันนี้พี่ตื่นเช้า ออกจากบ้านเร็ว ซีวอนล่ะ?ร่างบางบีบมือของอีกฝ่ายเป็นการตอบรับ
     
    ผมเพิ่งมาถึงนี่แหละครับ ตื่นสายน่ะ อ้อ! เดี๋ยวผมจะไปซื้อข้าวกล่องสักหน่อยนะครับ ลืมเอามาจากบ้าน พี่ฮันเกิงจะไปกับผมมั้ยครับ? 
    ซีวอนถามพร้อมรอยยิ้ม
     
    ร่างบางนิ่งไปชั่วครู่ราวกับว่ากำลังใช้ความคิด ก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
     
    เอ่อ...คือว่าพี่ทำข้าวกล่องมาสองกล่องน่ะ จริงๆแล้ว...ตั้งใจจะทำมาให้คังอินแต่ว่า...คือถ้านายไม่รังเกียจ...
     
    ร่างสูงยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทางของรุ่นพี่ร่างบาง
     
    ผมไม่รังเกียจหรอกครับพี่ ดีซะอีก ของฟรีด้วย ผมชอบ ซีวอนพูดพร้อมรอยยิ้มทะเล้น แต่อีกฝ่ายยังคงมีสีหน้าลำบากใจ
     
    ไม่ใช่ไม่รู้ว่าซีวอนรู้สึกอย่างไรกับเขา แล้วการที่เขาทำแบบนี้ซีวอนจะคิดอย่างไร เหมือนเขาเอาของเหลือมาให้ ของที่ใครอีกคนไม่ต้องการ
    ซีวอนจะเจ็บปวดหรือเปล่านะที่เขาทำแบบนี้
     
    ฮันเกิงเอ๊ย~ ไม่น่าถามออกไปเลย รู้งี้เอาไปให้หมากินตั้งแต่แรกซะก็ดีหรอก
     
    ร่างสูงหัวเราะเบาๆกับท่าทางของคนตรงหน้า แค่มองก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
     
    ไม่ต้องคิดมากหรอกครับพี่ฮันเกิง ผมไม่ถือจริงๆนะ เอางี้ คิดซะว่าพี่ทำบุญเลี้ยงข้าวเด็กตาดำๆอย่างผมก็แล้วกันนะครับ ซีวอนทำหน้าตาน่าสงสาร
    เต็มที่พร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้า
     
    ฮันคยองยิ้มออกมาบ้างก่อนที่จะยื่นกล่องข้าวให้รุ่นน้องหน้าหล่อ
                   
    ขอบคุณครับพี่ ต้องเป็นข้าวกล่องที่อร่อยที่สุดในโลกแน่ๆเลย ร่างสูงยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ส่วนฮันคยองก็ได้แต่ก้มหน้าด้วยความเขิน
     
    ถ้าเขาเห็นความสำคัญของสิ่งที่ฉันทำเหมือนกับนายก็คงจะดีสินะ
     
    อ๊ะ! ได้เวลาขึ้นรถแล้วล่ะครับ ไปนั่งกับผมมั้ยพี่ฮันเกิง? ซีวอนถามขณะที่กำลังเก็บข้าวกล่องใส่กระเป๋า
     
    เอ่อ...คือพี่ต้องไปนั่งกับคังอินน่ะซีวอน เขาบอกว่ากลัวจะหาพี่ไม่เจอถ้าแยกกัน ขอโทษทีนะ ร่างบางปฏิเสธด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
     
    ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ ผมเข้าใจ ไม่เอาน่า...อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ เดี๋ยวผมอดใจไม่ไหวอุ้มพี่ไปนั่งด้วยกันซะหรอก ร่างสูงเอ่ยปากแซว
    จนรุ่นพี่ร่างบางเขินอีกครั้ง ซีวอนหัวเราะ
     
    ไปเถอะครับพี่ เดี๋ยวพี่คังอินจะเป็นห่วงเอานะ พูดพร้อมกับดันหลังร่างบางเบาๆ ฮันคยองพยักหน้ารับ
     
    เจอกันที่นู่นนะ เดินทางปลอดภัยล่ะซีวอน
     
    ครับ พี่ก็ระวังตัวนะฮะ ซีวอนยิ้มอย่างสุภาพอีกครั้งแล้วมองตามจนเห็นร่างบางๆของอีกฝ่ายขึ้นรถไปกับเพื่อนร่างหนาคนสนิทเรียบร้อยแล้ว
    เขาจึงก้าวขึ้นรถบ้าง
     
    ซีวอนเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง หลังจากที่นั่งลงเรียบร้อยแล้วเขาก็หยิบกล่องข้าวที่เพิ่งได้รับออกมาดู รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของเขาทันที
     
    ถึงแม้ว่าพี่จะไม่ได้ตั้งใจทำให้ผมตั้งแต่แรก แต่ผมก็ยินดีรับมันไว้นะครับ ผมดีใจด้วยซ้ำที่อย่างน้อยพี่ก็ยังคิดถึงและเป็นห่วงผม
    อย่าคิดมากเลยครับพี่ ผมไม่เป็นไรหรอก อย่าให้เรื่องของผมต้องทำให้รอยยิ้มของพี่มัวหมองเลยนะ
     
     
               
     
    ข้าวกล่องนั่นน่ะ...ซีวอนขอให้นายทำให้เหรอ? ร่างหนาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างทันทีที่ร่างบางไปถึง
     
    เปล่านี่ ฉันทำให้เขาเองแหละ ฮันคยองตอบอย่างงงๆกับท่าทางของเพื่อนรัก
     
    คังอินทำหน้าเหมือนเด็กถูกขัดใจ ก่อนที่จะพูดต่อ
     
    ขนาดนอนไม่พอ ยังอุตส่าห์ตื่นมาทำให้มันอีกนะ ตกลงนายหลงเสน่ห์มันแล้วใช่มั้ย? ร่างบางขมวดคิ้วเมื่อร่างหนาพูดจบ
     
    ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะคังอิน? เรียกซีวอนเขาว่ามันได้ยังไง? นายดูแปลกไปนะ เป็นอะไรหรือเปล่า? คังอินถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมา
     
    โทษที ฉันคงตื่นเช้าไปหน่อยเลยเบลอๆน่ะ ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง ร่างบางพยักหน้ารับแล้วก้าวขึ้นรถไปก่อน

    ร่างหนาก้าวตามขึ้นมาติดๆพร้อมกับสอดส่ายสายตาหาที่ว่าง เมื่อพบแล้วก็ลากมือบางไปทันที
     
    จะนั่งไหน? คังอินถามสั้นๆ
     
    ฉันนั่งติดทางเดินก็ได้ นายเข้าไปก่อนเถอะ ฮันคยองเบี่ยงตัวให้ร่างหนาเข้าไปนั่งก่อน
     
    จริงๆแล้วที่เขาเลือกนั่งติดทางเดินไม่ใช่เพราะอยากนั่ง แต่เป็นเพราะเขารู้ดีว่าอีกฝ่ายชอบนั่งริมหน้าต่างมากกว่าต่างหาก
     
    ทั้งคู่นั่งกินไปเงียบๆ สักพักความง่วงก็เริ่มโจมตีฮันคยอง เมื่อคืนเขาเข้านอนดึกมาก แถมวันนี้ยังต้องตื่นแต่เช้ามืด นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขา
    มีอาการสัปหงกอยู่ในตอนนี้
     
    คังอินขำเมื่อเห็นคอของเพื่อนรักเอนไปทางซ้ายทีทางขวาที จนเขาอดไม่ได้ที่จะจับหัวของอีกฝ่ายเข้ามาซบกับไหล่กว้างของตัวเอง

    ร่างบางที่อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นเมื่อสักครู่นี้ใจเต้นโครมครามเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากร่างกายของคังอิน
    เขาเกร็งจนไม่กล้าทิ้งน้ำหนักลงบนไหล่แข็งแกร่งอย่างเต็มที่ และก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะเมื่อยด้วย


    คังอินรู้ว่าฮันคยองคงจะเกรงใจเขาจึงใช้มือแนบหัวของอีกฝ่ายลงกับไหล่ของตัวเองแล้วก็เอนหัวของตัวเองไปซบร่างบางด้วยเพื่อล็อคไม่ให้
    อีกฝ่ายดิ้น


    ฮันคยองใจเต้นแรงกว่าเดิมจนเขากลัวว่าร่างหนาจะได้ยินเสียงของมัน แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีความง่วงก็มีอิทธิพลเหนือทุกอย่าง
     
    เมื่อรู้สึกถึงจังหวะการหายใจที่สม่ำเสมอของร่างบาง คังอินก็ยิ้มออกมาก่อนที่จะกระซิบข้างหูเพื่อนรักอย่างแผ่วเบา
     
    ฝันดีนะ...ฮันคยอง
     
     
     
    นักศึกษาหลายสิบคนต่างพากันยืนบิดขี้เกียจเพื่อไล่ความเมื่อยขบหลังจากที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน
     
    โอย~ เมื่อยชะมัดเลย อาจารย์โหดอ่ะ ใช้นักศึกษาน่ารักบอบบางอย่างพวกเราเก็บขยะทั้งชายหาดตลอดทั้งวันแบบนี้ ถ้าฉันเป็นลมเป็นแล้งไป
    จะว่ายังไง
    ชายหนุ่มที่ดูอย่างไรก็ไม่ใกล้เคียงคำว่า น่ารักบอบบางเลยแม้แต่น้อยบ่นกระปอดกระแปด
     
    เพื่อนร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆอดขำไม่ได้
     
    บ่นเป็นคนแก่ไปได้ งานใช้แรงงานน่ะ เรื่องถนัดของนายไม่ใช่เหรอ? ฮันคยองที่ตอนนี้มอมแมมไปทั้งตัวแซวเพื่อนพร้อมรอยยิ้มทะเล้น
     
    คังอินยิ้มออกมาบ้าง
     
    เอ้อ! เดี๋ยวฉันจะไปกินข้าวเย็นกับพี่ลีทึกนะ ไปด้วยกันมั้ย? ร่างหนาถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง แต่คนที่ถูกถามกลับนิ่งไป
     
    จะให้ฉันไปนั่งดูว่านายรักเขามากเท่าไหร่อีกน่ะเหรอคังอิน?...ไม่ดีกว่า...วันนี้ฉันเหนื่อยมาก...ไม่อยากเหนื่อยไปมากกว่านี้อีกแล้ว
     
    ไม่ล่ะ นายไปกับพี่ลีทึกเถอะ ฮันคยองฝืนยิ้มสุดความสามารถ
     
    คังอินทำหน้าผิดหวังก่อนที่จะยื่นกุญแจห้องพักให้อีกฝ่าย
     
    ร่างบางรับมาด้วยสีหน้างงงๆแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
     
    เผื่อนายกินข้าวเสร็จก่อน จะได้เข้าห้องได้ไง คังอินตอบโดยที่ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากถาม
     
    ฮันคยองยิ้มแล้วยื่นกุญแจคืนให้คังอิน คราวนี้เป็นทีของร่างหนาบ้างที่เป็นฝ่ายงง
     
    นายนอนห้องเดียวกับพี่ลีทึกก็ได้ เดี๋ยวฉันย้ายไปนอนห้องซีวอนเอง คงไม่ขืนใจเขาเท่าไหร่หรอก หนุ่มชาวจีนยิ้มอีกครั้ง แต่คังอินกลับทำหน้า
    ไม่พอใจก่อนที่จะดันมือบางที่ถือกุญแจห้องไว้กลับไปแล้วพูดกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
     
    เขาต้องพูดว่า ผืนใจไม่ใช่ ขืนใจถึงเสียงมันจะคล้าย แต่ความหมายห่างกันเยอะเลยนะ ภาษาเกาหลีง่ายๆแค่นี้ยังพูดผิด แล้วยังจะกล้าไปนอน
    ห้องคนอื่นอีกหรอ? อย่าดีกว่ามั้ง ฉันสางสารเด็กมันน่ะที่จะต้องมาปวดหัวกับนายทั้งๆที่ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
     
    ร่างบางยอมเก็บกุญแจไว้ ก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆราวกับสิ่งที่เพื่อนรักพูดออกมานั้นเป็นการแซวกันเล่นตามปกติ ทั้งๆที่ในหัวใจกลับ
    รู้สึกตรงกันข้าม
     
    คังอินหน้าเสียไปเมื่อรู้สึกตัวได้ว่าคำพูดของเขาคงทำให้ร่างบางตรงหน้ารู้สึกไม่ดี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ตบไหล่บางสองสามครั้ง
    แล้วเดินจากไป

    ฮันคยองฝืนยิ้มกับตัวเองทั้งๆที่น้ำตาคลอดเบ้า
     
    ฉันรู้ว่าภาษาเกาหลีของฉันมันแย่ นายเองก็เคยพูดแบบนี้กับฉันหลายครั้งแล้ว ฉันรู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจทำให้ฉันเสียใจ แต่พอได้ยินนายพูดบ่อยๆเข้า
    มันก็อดคิดไม่ได้เหมือนกัน ฉันมันโง่มากขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมนายถึงต้องทำเหมือนฉันเป็นตัวน่ารำคาญแบบนี้ด้วย?
     
    พี่ฮันเกิง...ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะครับ? พี่คังอินไปไหน? ซีวอนถามด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหันมายิ้มให้ก็สบายใจขึ้น
     
    คังอินไปกินข้าวกับพี่สีทึกน่ะซีวอน ฉันไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอเขา ก็เลยคิดว่าเดินเล่นอยู่แถวนี้ดีกว่า
     
    แล้วพี่ไม่ไปกินข้าวเหรอครับ? นี่ก็เย็นมากแล้วนะ
     
    ก็รอนายมาชวนไปกินเนี่ยแหละ อิๆๆๆ ฮันคยองหัวเราะออกมาอย่างน่ารัก ทำเอาอีกฝ่ายอดที่จะยิ้มไม่ได้
     
    ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆผมคงจะดีใจมากเลยครับ ไปกันเถอะครับพี่ฮันเกิง
     
    ร่างบางพยักหน้ารับแล้วเดินตามหลังร่างสูงไปอย่างเงียบๆ
     
     
     
                   
    หลังจากที่รับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ซีวอนก็พาฮันคอยงมาส่งที่ห้องพัก คังอินยังไม่กลับมาตามที่ร่างบางคาดเอาไว้
     
    เข้ามาคุยกันในห้องก่อนมั้ยซีอวน? ง่วงนอนรึยังเนี่ย? ฮันคยองถามยิ้มๆ รู้ว่าอีกฝ่ายคงเพลียไม่น้อยไปกว่าเขาหลังจากการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน
    แต่เขาก็ไม่อยากอยู่คนเดียวในที่แบบนี้

    รุ่นน้องหน้าหล่อส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างทุกครั้ง
     
    ไม่ง่วงหรอกครับพี่ ผมอยู่เป็นเพื่อนพี่จนกว่าพี่จะคังอินจะกลับมาก็ได้
     
    ขอบใจนะซีวอน พูดจบฮันคยองก็เดินออกไปที่ระเบียงโดยมีซีวอนเดินตามไปด้วย
     
    ร่างบางแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำสนิท

    ดวงดาวที่พร่างพราวบนท้องฟ้าสะท้อนในดวงตาใส่ซื่อของฮันคยอง ช่างเป็นภาพที่น่าหลงใหลเหลือเกินในสายตาของซีวอน

    คืนนี้ดาวสวยจังเลย ร่างบางเอ่ยเบาๆพร้อมรอยยิ้ม ร่างสูงอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

    ครับ ไม่เคยเห็นดาวเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย...สวยมากเลยครับ ซีวอนหันมาพูดประโยคหลังกับร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆ จนอีกฝ่ายไม่แน่ใจว่า
    เขาหมายถึงอะไรกันแน่
     
    ซีวอน...นายว่าพี่น่ารำคาญมากรึเปล่า? จู่ๆร่างบางก็เอ่ยถามขึ้น
     
    น่ารำคาญ? พี่พูดถึงเรื่องอะไรกันครับ? ร่างสูงขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
     
    เวลาที่พี่พูดภาษาเกาหลีผิด เวลาที่พี่คุยกับนายไม่รู้เรื่อง นายรำคาญพี่มั้ย? แววตาและน้ำเสียงเศร้าสร้อยทำเอาร่างสูงถึงกับทำอะไรไม่ถูก
     
    เขารีบคว้าร่างบางเข้ามากอดแนบอกอย่างทะนุถนอม
     
    ผมไม่รู้หรอกนะว่าอะไรหรือใครทำให้พี่คิดแบบนี้ แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่าพี่น่ารำคาญเลยสักนิด ต่อให้ผมไม่เข้าใจภาษาจีนแล้วต้องสื่อสารกับพี่ด้วย
    ภาษาเกาหลี ผมก็ไม่คิดว่าพี่น่ารำคาญอยู่ดี ผมกลับรู้สึกดีซะอีกที่ได้เป็นฝ่ายดูแลพี่ ก็ผมบอกแล้วไงว่าพี่น่ะน่ารักน่าเอ็นดูออกจะตายไป
    ซีวอน
    เผยยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มเด่นชัด 


    ฮันคยองชกต้นแขนแกร่งของอีกฝ่ายด้วยความเขิน
     
    ถ้าพี่กังวลเรื่องภาษาเกาหลี ผมช่วยสอนก็ได้นะฮะ ถือว่าตอบแทนที่พี่สอนภาษาจีนผมไง
     
     ร่างบางยิ้มพลางนึกถึงใครอีกคนที่เคยพูดประโยคทำนองนี้มาแล้ว
     
    คังอินเขาก็เคยสัญญาว่าจะสอนพี่เหมือนกัน แต่เขาคงไม่ได้จริงจังอะไรหรอก
     
    ซีวอนพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นร่างบางยิ้มเศร้าๆก่อนที่จะแหงนหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง
     
    นายรู้อะไรมั้ยซีวอน? จริงๆแล้วพี่ไม่เคยคิดจะมาใช้ชีวิตที่เกาหลีเลย ตั้งแต่เด็กๆความฝันของพี่คือการเป็นนักเต้น แต่ครอบครัวของพี่ไม่เห็นด้วย
    เท่าไหร่ตอนแรก พี่ก็เลยสอบชิงทุนแล้วใช้การเต้นพื้นเมืองของจีนเป็นความสามารถพิเศษ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าการเต้นของพี่มันไม่ใช่เรื่องไร้สาระ
    จนในที่สุดพี่ก็ได้ทุนของรัฐบาลมาเรียนที่นี่ หลังจากนั้นครอบครัวของพี่ก็ยอมรับและอนุญาตให้พี่เรียนเต้นได้ พี่เองก็คิดว่าจะเรียนที่นี่แค่ปีเดียว
    ตามที่รัฐบาลให้ทุนมา แล้วก็จะกลับไปเรียนเต้นอย่างจริงจังที่ประเทศจีนตามที่ฝันเอาไว้ แต่ใครบางคนก็ทำให้ความคิดของพี่เปลี่ยนไป 
    พี่ขอเรียนต่อที่นี่โดยบอกพ่อกับแม่ว่าอยากเรียนภาษาเกาหลีต่ออีกหน่อย แล้วพี่ก็อยู่เกาหลีมาจนถึงทุกวันนี้
     
    ซีวอนยืนฟังร่างบางพูดอย่างตั้งใจโดยที่พูดอะไรตอบแม้แต่คำเดียว เขาปล่อยให้ร่างบางระบายความในใจต่อไป
     
    มันน่าแปลกนะซีวอน นายว่ามั้ย? ฮันคยองพูดพร้อมรอยยิ้มขมขื่น สายตายังคงจับจ้องผืนนภาสีดำสนิท
     
    บนโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้มีคนเป็นพันล้านคน แต่มีแค่ไม่กี่คนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา มันเหลือเชื่อนะที่พี่ได้มาพบกับคนคนนั้น
    เราอยู่คนละประเทศและไม่มีอะไรเหมือนกันเลยแท้ๆ แต่บางสิ่งมันก็ทำให้พี่ได้มาพบกับเขา และพี่ก็ปล่อยให้เขามีอิทธิพลเหนือชีวิตของพี่
    ทั้งๆที่สำหรับเขาแล้วพี่แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลยด้วยซ้ำ
     
    ร่างสูงใช้แขนแกร่งโอบไหล่บางไว้แน่น รู้สึกสงสารคนอ่อนแอที่ยืนอยู่ข้างๆจับใจ
     
    เรื่องบางเรื่องมันก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรานะครับพี่ฮันเกิง บางครั้งโชคชะตาก็ไม่ให้โอกาสเราเลือกหรือตัดสินใจด้วยตัวเอง ผมเชื่อว่า
    บางสิ่งในชีวิตเราได้ถูกกำหนดมาแล้ว และจิตใจของเราก็ไม่เข้มแข็งพอที่จะเปลี่ยนแปลงมันด้วย
    น้ำเสียงทุ้มอบอุ่นทำให้เกราะบางๆที่ฮันคยอง
    สร้างเอาไว้พังทลาย น้ำตาของร่างบางไหลพรากออกมาอย่างไม่อายใคร แรงสะอื้นทำให้ซีวอนต้องดึงรุ่นพี่ร่างบางเข้ามากอดเอาไว้แน่นพร้อมกับ
    ลูบแผ่นหลังของอีกฝ่ายเบาๆเป็นการปลอบ
     
    พี่ตัดใจไม่ได้...ซีวอน ฮึก พี่เลิกรักเขาไม่ได้ ฮันคยองพูดปนสะอื้น ซีวอนพยักหน้ารับรู้
     
    ผมรู้ครับ ผมเข้าใจ ถ้าเรารักใครสักคนด้วยใจจริง ถ้ามันเป็นรักแท้ เราจะไม่มีวันเลิกรักเขาได้ เหมือนที่ผมเองก็เลิกรักพี่ไม่ได้ยังไงล่ะครับ
     
    คำสารภาพของซีวอนทำให้ร่างบางตกใจไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าร่างสูงคิดยังไงกับเขา แต่พอได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาตรงๆแบบนี้
    มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
     
    ฮันคยองก้มหน้าลง พูดอะไรไม่ออก
     
    ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่ดี หวังว่าพี่ก็คงจะเข้าใจผมเหมือนกันนะครับ
     
    ร่างบางเงยหน้าขึ้นเมื่อร่างสูงพูดจบ เขาถอนหายใจยาวก่อนที่จะพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
     
    พี่เข้าใจ ซีวอน แต่พี่ขออะไรอย่างนึงได้มั้ย?
     
    ร่างสูงพยักหน้ารับ ร่างบางจึงพูดต่อ
     
    นายอย่าปิดกั้นตัวเองนะ ถ้ามีใครคนอื่นเข้ามาในชีวิต อย่าปิดกั้นโอกาสของตัวเองได้มั้ย? สัญญากับพี่สิซีวอน ฮันคยองพูดพร้อมกับชูนิ้วก้อยขึ้นมา
     
    ซีวอนยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนที่จะยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกับร่างบาง
     
    สัญญาครับ แต่ผมจะสนใจใครที่ผ่านเข้ามามั้ยน่ะอีกเรื่องนะครับ
     
    ฮันคยองยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ซีวอนดึงร่างบางเข้าไปกอดอีกครั้งโดยที่ไม่ได้ให้อีกฝ่ายตั้งตัวแล้ว
     
    ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงความรู้สึกของผม ก็พี่น่ารักซะขนาดนี้ จะให้ผมตัดใจได้ยังไงกันล่ะ? ซีวอนกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
    ทำเอาร่างบางหน้าแดง
     
    ก๊อกๆๆ ฮันคยอง~ เปิดประตูหน่อย~” เสียงเคาะประตูทำให้ฮันคยองผละออกจากอ้อมแขนแกร่งของซีวอนทันทีแล้วเช็ดคราบน้ำตาออกอย่างลวกๆ
     
    ซีวอนพยักหน้าให้อีกฝ่ายไปเปิดประตูโดยที่ตัวเขาเองก็เดินตามออกไปด้วย
     
    คังอินตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขาไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
     
    ผมกลับห้องก่อนนะครับ ฝันดีครับพี่ฮันเกิง ซีวอนกล่าวลาร่างบางและหันไปโค้งอย่างสุภาพให้ร่างหนาที่เพิ่งจะเข้ามา
     
    คังอินพยักหน้ารับแล้วปิดประตูทันทีที่รุ่นน้องหน้าหล่อเดินออกไป
     
    ฉันคงเข้ามาขัดความสุขของพวกนายล่ะสิ ที่นายอยากให้พี่ลีทึกมานอนที่นี่เพราะนายจะได้ไปจู๋จี๊กับซีวอนมันสินะ คังอินพูดทีเล่นทีจริง
    แต่น้ำเสียงก็เย็นชาจนอีกฝ่ายรู้สึกได้
     
    ฮันคยองยิ้มเหนื่อยๆไม่ได้พูดอะไรตอบราวกับว่าเขาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเพื่อนร่างหนา ก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไป
     
    คังอินทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า
     
     ทำไมฉันถึงพูดแบบนั้นออกไปนะ ฉันทำร้ายความรู้สึกของนายอีกแล้ว ถึงนายจะยิ้มแต่ฉันก็รู้ว่านายไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น วันนี้ฉัน
    เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้
    แค่เห็นนายอยู่กับซีวอนมันก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ให้ตายเถอะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ย?
    !
     
    คังอิน ไปอาบน้ำสิ อาบดึกๆเดี๋ยวจะยิ่งหนาวนะ ฮันคยองพูดด้วยรอยยิ้มน่ารักอย่างเคย คังอินพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
     
    ฮันคยองทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง เขารู้สึกอ่อนแอและเหนื่อยล้าเหลือเกิน เหตุการณ์ในวันนี้มันหนักหนามาก
    สำหรับเขา ทั้งความเมื่อยล้าทางร่างกาย คำพูดและการกระทำของคังอิน คำสารภาพของซีวอน ความรู้สึกต่างๆนานาที่อัดแน่นอยู่ในอกทำให้เขา
    ต้องระบายมันออกมาในรูปแบบของหยดน้ำใสจากดวงตาจนกระทั่งเจ้าตัวหลับไป
     
    เมื่อร่างหนาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จและเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าเพื่อนรักได้จมดิ่งสู่ห้วงนิทราเรียบร้อยแล้ว
     
    เขาเดินไปนั่งข้างเตียงของร่างบางอย่างเงียบที่สุดแล้วค่อยๆทรุดตัวลงนั่ง คราบน้ำตาบนใบหน้าและแพขนตาที่ยังคงเปียกชื้นของร่างบางทำให้
    หัวใจของร่างหนากระตุกวูบ ความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยรู้จักแล่นเข้ามาในหัวใจ น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มทั้งๆที่เขาเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มือแกร่ง
    เกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปรกหน้าเพื่อนรักอย่างระมัดระวังก่อนที่จะเลื่อนลงมาเช็ดคราบน้ำตาออกจากดวงหน้าหวานด้วยความอ่อนโยน
     
    ถ้าฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายต้องเสียน้ำตา ฉันก็ขอโทษนะฮันคยอง คังอินกระซิบข้างหูร่างบางอย่างแผ่วเบาโดยที่น้ำตาของเขายังไม่หยุดไหล
     
    ขอโทษนะฮันคยองที่ทำให้นายต้องเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า ขอโทษที่ไม่กล้าพูดคำว่า ขอโทษต่อหน้านาย
     
    ร่างหนาเดินไปที่เตียงของตัวเอง เขาล้มตัวลงนอนแล้วยกมือขึ้นก่ายหน้าผากด้วยความรู้สึกสับสนก่อนที่ความอ่อนล้าทางร่างกายจะดึงเขาให้
    จมดิ่งสู่ห้วงนิทรา
     
     
     
                     
    แสงแดดร้องแรงและเสียงคลื่นกระทบฝั่งรบกวนการนอนของร่างบางจนเจ้าตัวต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนัก
     
    อี๊อ~ กี่โมงแล้วเนี่ย~ สำเนียงภาษาเกาหลีแปร่งๆเอ่ยถามขึ้นด้วยความงัวเงีย
     
    จะสิบโมงแล้ว นอนกินบ้านกินเมืองชะมัดเลยนายเนี่ย เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นทำเอาร่างบางสะดุ้งเพราะไม่คิดว่าเพื่อนร่างหนายังอยู่ในห้อง

    คังอินขำกับท่าทางตื่นๆของอีกฝ่าย
     
    สายป่านนี้แล้วทำไมถึงไม่ปลุก? แล้วนี่จะไปทำกิจกรรมทันเหรอเนี่ย? ฮันคยองลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียงหลังจากที่ได้สติแล้ว
     
    นี่ ถามจริงเหอะ นายได้อ่านกำหนดการที่เขาให้มารึเปล่า? กระเป๋าก็จัดไม่ทัน แล้วยังไม่รู้อีกว่ากิจกรรมแต่ละวันมีอะไรบ้างเนี่ย คังอินพูดกลั้วหัวเราะ
    ขณะที่อีกฝ่ายมองงกลับมาอย่างงงๆ
     
    เวรกรรม ตกลงนายไม่รู้กำหนดการจริงๆเหรอ? วันนี้กับพรุ่งนี้อาจารย์ให้ศึกษาปัญหาสิ่งแวดล้อมบริเวณชายฝั่งตามอัธยาศัย แล้วให้กลับไป
    ทำรายงานส่ง จริงๆแล้วก็คืออาจารย์ปล่อยให้เที่ยวตามสบายก่อนกลับโซลนั่นแหละ
    ร่างหนาทรุดตัวลงลงนั่งเป็นเตียงของเพื่อนรัก
     
    ถ้ายังเพลียอยู่จะนอนต่อก็ได้นะ นายคงเหนื่อยมาก น้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนของคังอินทำให้ฮันคยองรู้สึกว่าหัวใจของเขาพองโตขึ้น
    ด้วยความสุข
     
    ไม่ล่ะ หายง่วงแล้ว เดี๋ยวกินข้าวเช้าแล้วจะไปเดินเล่นหน่อย จะไปด้วยกันมั้ย? ร่างบางถามเสียงแผ่วเบาเพราะไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะอยากไป
    กับเขาหรือเปล่า
     
    ไปสิ ฉันรอฟังคำนี้มาตั้งนานแล้วรู้มั้ย? หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว ร่างหนาบ่นอุบอิบ
     
    เฮ้ย! นี่นายยังไม่ได้กินข้าวเช้าอีกเหรอ? หนุ่มชาวจีนถึงกับตาโตเพราะรู้ว่ามื้อเช้าเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับเพื่อนของเขา แล้วตอนนี้ก็เลย
    เวลาปกติที่ร่างหนากินอาหารเช้ามาเกือบสองชั่วโมงแล้วด้วย
     
    เออ ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นด้วย? กินข้าวไม่ตรงเวลาสักมื้อสองมื้อไม่เป็นโรคกระเพาะหรอกน่า นายรีบไปอาบน้ำแต่งตัวซะสิ ร่างหนาพูด
    แล้วผลักอีกฝ่ายลงจากเตียงก่อนที่จะจัดการพับผ้าห่มให้เรียบร้อย ร่างบางยิ้มแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
     
    คังอินทรุดตัวลงนั่งกุมท้องทันที เสียงท้องที่ร้องประท้วงในตอนนี้บ่งบอกได้ดีว่าเขารู้สึกอย่างไร ร่างหนาขำกับสภาพของตัวเองในตอนนี้
     
    ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่ปฏิเสธคำชวนของพี่ลีทึกที่บอกให้ผมลงไปกินข้าวด้วยกันเมื่อเช้านี้ เพียงเพราะกลัวว่าฮันคยองจะตกใจถ้าตื่นมาแล้วไม่เจอผม
    กลัวว่าเขาจะไปไหนไม่ถูกถ้าไม่มีผม ผมรู้ว่าเขาไม่ใช่เด็กๆแล้วและก็คงจะดูแลตัวเองได้ แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงทำให้ผมรู้สึกเป็นห่วงเขามากขึ้น
    ทุกวันๆ บางที...ผมอาจจะรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำไปเมื่อคืนล่ะมั้ง ถึงต้องเอาใจเขาเพื่อไถ่โทษแบบนี้
     
     
     
     
    นี่ รายงานที่อาจารย์สั่งน่ะ จะเอายังไงดี? ร่างบางถามขึ้นขณะกินข้าว
     
    ตามใจนายสิ เรื่องเนื้อหานายเป็นคนจัดการอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? คังอินตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะวินาทีนี้อาหารตรงหน้าสำคัญกว่ารายงาน
    เป็นไหนๆ
     
    ได้ งั้นนายจัดการเรื่องรูประกอบไปก็แล้วกันนะ เดี๋ยวฉันทำเนื้อหาเสร็จแล้วจะเอามาให้นายแก้ภาษาให้อีกที ฮันคยองพูดแล้วหันมาสนใจ
    อาหารตรงหน้าของตัวเองต่อ
     
    จริงสิ! พูดถึงเรื่องภาษา วันนี้อาจารย์ว่าง คุณนักเรียนพร้อมที่จะเรียนมั้ยครับ? คังอินดัดเสียงให้ดูสุขุมขึ้น ร่างบางอดขำไม่ได้
     
    จำได้ด้วยเหรอเนี่ย? ฮันคยองถามแล้วก้มหน้าลงเพื่อซ่อนรอยยิ้มกว้าง
     
    อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะความจำสั้นเหมือนตัวเองสิ คังอินพูดแล้วก็หัวเราะออกมาเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าจากจานข้าวมาทำตาขวางใส่เขา
     
    หลังจากที่ทั้งคู่ทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ร่างหนาก็ช่วนเพื่อนรักไปที่ชายหาดโดยบอกว่าจะสอนภาษาเกาหลีให้
     
    นายบอกว่าจะสอนภาษาเกาหลีให้ฉันไม่ใช่เหรอ? แล้วพาฉันมาที่นี่ทำไมกันเนี่ย? ฮันคยองถามออกมาด้วยน้ำเสียงหวั่นๆจนคังอินอดขำไม่ได้
     
    ทำไมต้องกลัวขนาดนั้นฮะ? ฉันไม่จับนายโยนให้ฉลามกินหรอกน่า แห้งจนาดนี้ เนื้อก็ไม่ค่อยมี ฉลามมันกินไม่อิ่มหรอก
     
    แล้วพามาที่ชายหาดแบบนี้จะสอนยังไงล่ะ? ร่างหนาไม่ตอบ เขามองไปรอบๆแล้วหยิบกิ่งไม้ที่ตกอยู่แถวนั้นขึ้นมา
     
    ฉันจะเขียนคำถาม แล้วนายต้องเขียนตอบ โอเค๊? คังอินถามพร้อมกับส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ร่างบาง
     
    นายไม่ถามอะไรแปลกๆแน่ะนะ? ร่างบางถามอย่างไม่เชื่อใจ
     
    เออน่า เริ่มเลยนะ ร่างหนาเริ่มใช้ไม้ขีดเขียนลงบนพื้นทรายสีขาวสะอาด
     
    อ่านซิ คังอินพูดขึ้นเมื่อเขียนเสร็จแล้ว
     
    ไหนบอกว่าให้เขียนตอบไง ทำไมต้องอ่านด้วยล่ะ? ฮันคยองหน้างอ
     
    เอ๊า! ถ้าไม่อ่านจะรู้ได้ยังไงล่ะว่านายอ่านออกเสียงถูกรึเปล่าน่ะ? ร่างหนายิ้มอย่างเป็นต่อ ในที่สุดร่างบางก็ยอมแพ้
     
    นายชื่ออะไร? ฮันคยองอ่านออกเสียงอย่างเซ็งๆ ง่ายขนาดนี้จะอ่านผิดได้ยังไงกันเล่า?
     
    ดีมาก อ่านถูก สำเนียงเป๊ะ เพอร์เฟ็ค เอ้า ตอบซิ เขียนเสร็จแล้วก็พูดด้วยนะ ร่างบางยิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อได้รับคำชมก่อนที่จะคว้าไม้จากมือ
    ร่างหนามาเขียนคำตอบอย่างคล่องแคล่ว เสร็จแล้วก็อ่านด้วยความมั่นใจ
     
    ฮันคยอง!” คังอินยิ้มกับท่าทางที่เหมือนกับเด็กๆของคนตรงหน้า
     
    เห็นมั้ยล่ะ? วิธีของผมน่ะดีจะตาย
     
    ข้อแรกผ่าน ต่อไป ร่างหนาเริ่มเขียนอีกครั้ง
     
    นายอยู่เกาหลีมากี่ปีแล้ว? ร่างบางอ่านเมื่ออีกฝ่ายเขียนเสร็จ ร่างหนาพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร ร่างบางจึงเริ่มลงมือเขียนคำตอบ
     
    แน่ใจนะว่าเขียนถูกแล้ว? คังอินถามขึ้น ร่างบางที่ตอนแรกดูมั่นใจเริ่มสับสน
     
    ก็ว่าเขียนถูกแล้วนี่นา ผิดตรงไหนหว่า? อ๋อ! คงจะเป็นตรงนี้สินะร่างบางคิดในใจก่อนที่จะใช้เท้าลบคำตอบเดิมออกแล้วเขียนใหม่
     
    หกปี เมื่อฮันคยองพูดจบ ร่างหนาก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันที ร่างบางมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
     
    ฮะๆๆ นายนี่เชื่อคนง่ายชะมัดเลยอ่ะ ที่เขียนตอนแรกน่ะถูกแล้ว เขียนแบบนี้ก็อ่านว่า หดน่ะสิ คังอินยังคงหัวเราะต่อไปจนร่างบางทนไม่ได้
    เอาไม้ตีขาอีกฝ่ายไปหนึ่งที ร่างหนาจึงยอมหยุดหัวเราะแล้วแย่งไม้มาเขียนต่อ ทั้งสองเล่นกันต่อไปโดยที่มีเสียงวิจารณ์จากอาจารย์เจ้าเล่ห์
    และเสียงบ่นนักเรียนจอมเอ๋อดังขึ้นเป็นระยะๆ
     
    อื้อ อ่านถูกแล้วแต่สำเนียงเห่ยมาก พูดใหม่สิประโยคนี้อ่ะ
     
    หนอย ก็รู้ว่าสำเนียงมันเพี้ยงแล้วก็เพิ่งจะมาบอกนะ คนอื่นเขาคงหัวเราะกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วมั้งที่ฉันไปพูดสำเนียงแบบนี้ใส่เขาอ่ะ
     
     
    สำเนียงดีมากแต่เรียงคำได้มั่วโคตร ไอ้เอ๋อเอ้ย~ ฉันล่ะแปลกใจจริงๆที่คุยกับนายรู้เรื่องมาตลอดหกปีเนี่ย
     
    โอ๊ย~ แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่บอกฉันก่อนล่ะห๊า?
     
     
    เอ๊า! ทำไมไม่ตอบซะทีล่ะ? อ่านคำถามไม่ออกรึไง?
     
    ...อ่านออกเว้ย แต่มาถามว่า วันนี้ใส่กางเกงในสีอะไร?เนี่ยนะ? ให้ตายฉันก็ไม่ตอบหรอก!”
     
     
    เอ่อ...ไอ้ที่นายเขียนนี่มันอะไรอ่ะ? สับสนทางความคิดรึไงฮะ?
     
    ก็ฉันเหนื่อยแล้วอ่ะ นายจะเอาอะไรนักหนา ฉันเป็นคนจีนนะ!”
     
     
    เวลาผ่านไปพักใหญ่ ร่างหนาเห็นว่าลูกศิษย์ตัวดีเริ่มจะเหนื่อยแล้วจึงตัดสินใจว่าจะชวนอีกฝ่ายไปทานอาหารกลางวัน
     
    วันนี้พอแค่นี้ก่อนดีมั้ย? ท่าทางนายจะเริ่มเพลียแล้วนะ น่าจะได้เวลาอาหารกลางวันพอดี คังอินเอ่ยขึ้น
     
    ร่างบางหัวเราะออกมาทันทีทำให้อีกฝ่ายเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
     
    อาหารกลางวันอะไรล่ะ นี่มันจะสี่โมงเย็นแล้ว เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคนเกาหลีเขาดูนาฬิกากันไม่เป็นน่ะ ฮันคยองแซว วันนี้โดนกัดมาทั้งวันแล้ว
    ได้โอกาสเอาคืนทั้งทีจะปล่อยให้หลุดมือได้ยังไง
     
    เฮ้ย! จริงอ่ะ?! งั้นฉันก็ต้องรอจนถึงเย็นเลยอ่ะดิ่กว่าจะได้กินข้าว ไม่ยอมนะ ฉันหิวอ่า~” คังอินโวยวายราวกับเป็นเด็กๆทำเอาฮันคยองถึงกับ
    ทนดูไม่ได้
     
    หยุดเถอะ เดี๋ยวคนแถวนี้เขาก็แตกตื่นกันหมดหรอก คิดว่าหมีอดอยากต้องออกจากป่ามาจับปลาแถวชายหาด ฮะๆๆ ร่างบางลูบหลังอีกฝ่าย
    ให้ใจเย็นลง
     
    เอางี้ละกัน เดี๋ยวฉันทำข้าวผัดปักกิ่งให้กินก่อนดีป่ะ? ถือว่าเป็นการตอบแทนที่นายสอนฉันวันนี้
     
    จริงนะ เย้~ ไม่อดตายแล้ว นายนี่มันน่ารักที่สุดเลยฮันคยอง ไปกันเลยดีกว่า ฉันหิวจนทนไม่ไหวแล้ว~” พูดจบคังอินก็คว้าข้อมือของฮันคยอง
    แล้วลากร่างบางไปโดยไม่สนใจเสียงประท้วงของอีกฝ่าย
     
    ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะลืมเวลาไปได้ขนาดนี้ เขาบอกว่าเวลาที่เรามีความสุข เวลาจะผ่านไปเร็วใช่มั้ยฮะ? แสดงว่าผมก็กำลังมีความสุขน่ะสิ
    เพราะอะไรกันนะ?
     
    ผมไม่อยากให้เวลาผ่านไปเลยฮะ ผมตกใจมากตอนที่ดูนาฬิกาแล้วพบว่ามันเป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ผมคิดว่าอีกไม่นานคังอินคงต้องบ่นว่าหิว
    แล้วเลิกสอนผมแน่ๆ แต่เขากลับทำเหมือนไม่รู้สึกหิวหรือเหนื่อยเลย เขายังคงยิ้มแย้มแล้วสอนผมต่อไปจนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ เขาสอนผม
    จนลืมหิวไปเลยเหรอเนี่ย? เพราะอะไรกันน้า
    ~?
     
     
     
     
    ร่างบางโยนเป้ใบใหญ่ลงบนพื้นแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างอย่างเหนื่อยล้า การเข้าค่ายตลอดสามวันที่ผ่านมานี่หนักหนาสาหัสจริงๆ
    ถึงแม้ว่าสองวันสุดท้ายเขาจะหมดพลังไปกับการเล่นกับเพื่อนร่างหนามากกว่าการทำกิจกกรมก็เถอะ
     
    พี่ลีทึกกลับถึงบ้านหรือยังครับ? ครับ งั้นพี่ไปพักผ่อนเถอะ ฝันดีนะครับพี่ เสียงคุยโทรศัพท์ที่ดังแว่วเข้ามาทำให้ร่างบางที่นอนเหยียดอยู่
    บนเตียงรีบคว้าหมอนขึ้นมาปิดใบหน้า
     
    ฉันขอหนีความจริงสักพักเถอะนะ ขอเวลาให้ฉันจมอยู่ในห้วงความฝัน ให้ฉันได้มีความสุขบ้างเถอะ
     
    ก๊อกๆๆ ฮันคยอง~ ฉันหิวข้าวอ่ะ ทำอะไรให้กินหน่อยสิ ร่างหนาเคาะประตูพร้อมกับส่งเสียงเรียกเพื่อนรัก
     
    ............
     
    ฮันคยอง หลับไปแล้วเหรอ? ร่างหนาเรียกอีกครั้งด้วยเสียงที่เบาลง
     
    ............
     
    หลับไปแล้วจริงๆเหรอเนี่ย? แย่จัง เฮ้อ~ ทำบะหมี่กินไปก่อนก็ได้วะ ร่างหนาบ่นอุบอิบก่อนที่จะเดินจากไป
     
    เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆของเพื่อนร่างหนาเดินห่างออกไป ร่างบางจึงหยิบหมอนที่ใช้ปิดหน้าไว้เมื่อสักครู่นี้ออก เผยให้เห็น
    ใบหน้าหวาน
    ที่เปื้อนเปรอะไปด้วยรอยน้ำตา
     
    ขอโทษนะคังอิน แต่ตอนนี้ฉันยังทำใจไม่ได้ ให้เวลาฉันสักหน่อยเถอะนะ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะกลับไปเป็นฮันคยอง เพื่อนที่แสนดี
    คนเดิมของนาย
    ฉันสัญญา
     
     
     
     
    Writer Talk : Partนี้writerพาคังอิน ฮันนี่ แอนด์ ซีวอน ออกทะเล 555+ ตอนแต่งฮามากๆเลยอ่ะค่ะ แต่งให้ไปเที่ยวกันได้ แต่แต่งให้กลับมาไม่ได้ กว่าจะแต่งให้กลับโซลกันได้ใช้เวลานานมาก - -*

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ทุกๆคอมเม้นท์นะคะ เป็นกำลังใจที่ดีมากๆเลย แล้วว่างๆจะมาตอบทีละคอมเม้นท์นะคะ ^^"

    Ps. น้องเฟียตจ๋า ขอโทษทีน้าที่มาลงแล้วไม่ได้บอก เพราะว่าตอนแรกๆน้องเฟียตอ่านไปแล้ว เลยกลัวว่าจะเบื่อซะก่อนน่ะจ้ะ
    ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะจ๊ะ ^o^ (ฟิคของน้องเฟียตพี่ก็รออ่านอยู่เน้อ ไม่ต้องรีบมาต่อก็ได้จ้ะ แต่พี่รออ่านอยู่แหละ ฮ่าๆๆๆ XD )
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×