คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : The Perfect Boy Next Door Part 1
Title: The perfect boy next door
Author: imazawa
Pairing: Kyuhyun/Hangeng
Rate: PG-13
Part 1
สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อ “หานเกิง” แต่ทุกคนที่นี่เรียกผมว่า “ฮันคยอง” ยกเว้นคนคนนึงครับที่เรียกชื่อผมเป็นภาษาจีน
เขาเป็นคนรัก อ่ะ ขอโทษครับ เขาเป็นอดีตคนรักของผม เราเพิ่งจะเลิกกันเมื่อสามชั่วโมงกับอีกสิบนาทีที่ผ่านมานี่เองครับ
เขาเป็นคนดีครับ ดีไปหมดทุกอย่าง ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งฉลาด เป็นสุภาพบุรุษ อบอุ่น อ่อนโยนแต่ก็เข้มแข็งมากพอที่จะปกป้องผมได้
เคยมีคนบอกว่า “No one is perfect” ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ
ใช่ครับ อดีตคนรักของผมเองก็ไม่ได้ฝืนความจริงข้อนี้แต่อย่างใด
เขาไม่ใช่คนที่เพอร์เฟ็ค แต่ถ้าหากในโลกนี้จะมีใครสักคนที่ใกล้เคียงกับคำว่าเพอร์เฟ็คที่สุด...ก็คงจะเป็นเขานี่แหละครับ
ผมบอกพวกคุณไปหรือยังครับว่าผมเป็นเพียงผู้ชายชาวจีนธรรมดาๆคนนึง คนที่ดูยังไงก็ไม่คู่ควรกับอดีตคนรักของผมเลยแม้แต่น้อย
ผมเองก็ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ตั้งแต่ตอนที่เราสองคนตัดสินใจคบกันแล้วนะ
‘แล้วทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป’ ประโยคจบยอดฮิตในนิทานก่อนนอนหลายเรื่อง
ตำนานรักที่จบลงด้วยความสุข ฉากจบที่ผมกับอดีตคนรักไม่มีวันได้สัมผัส...ด้วยกัน
พูดกันตามตรงนะ ถึงผมจะรู้ว่าเราสองคนแตกต่างกันเพียงใด ถึงผมจะรู้ว่าสักวันผมคงต้องเสียเขาไปแต่บางครั้งผมก็แอบหวังลึกๆว่าเราจะรักกัน
ไปตลอดชีวิต...ความฝันลมๆแล้งๆของผมเอง
พวกคุณต้องลองมาเป็นผม แล้วจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงได้กล้าหวังสูงถึงขนาดนั้น
ตลอดเวลาที่เราคบกัน เขาดีกับผมมาก ถึงแม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่าผมแต่เขาก็เป็นฝ่ายดูแลและปกป้องผมตลอด
เขาไม่เคยทำให้ผมเสียใจเลยสักครั้ง แม้กระทั่งตอนที่เขาจะเลิกกับผม เขาก็ยังพยายามทำให้ผมเสียใจน้อยที่สุดโดยการห่างจากผมไปทีละนิด
ให้ผมค่อยๆปรับตัวกับชีวิตที่ไม่มีเขา
จนกระทั่งวันนี้ เขาคงเห็นว่าผมน่าจะทำใจได้แล้วมั้งครับ เขาเลยตัดสินใจพูดคำนั้นออกมา
“พี่เกิงครับ เราเลิกกันเถอะนะครับ” ถ้อยคำที่เขาพูดเสียดแทง บาดลึกเข้าไปในหัวใจของผม
น่าแปลกจังเลยนะครับ ทั้งๆที่ผมคิดว่าพร้อมแล้วที่จะฟังคำนี้จากปากของเขา แต่พอได้ยินเข้าจริงๆผมกลับเจ็บจนพูดอะไรไม่ออกซะอย่างงั้น
ผมเงียบไปนานมากจนเขาเริ่มทำหน้าไม่ถูก ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าเขากำลังรู้สึกผิด
ผมบีบมือเขาเบาๆ พยายามยิ้มให้เขาเห็นว่าผมไม่เป็นไร ผมอยู่ได้โดยที่ไม่มีเขา
“อืม” ผมตอบเขาสั้นๆก่อนที่จะเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยเพื่อประทับจูบลงบนริมฝีปากอุ่นของเขา
จุมพิตสุดท้ายของเรา...รสชาติหวานอมขมกลืน แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกดีจนไม่อยากให้มันสิ้นสุดลง
เขายังคงอ่อนโยนกับผมแม้กระทั่งวินาที่สุดท้ายของเรา
เขาดีกับผมมากจริงๆ เสียอยู่แค่นิดเดียวตรงที่ว่า...เขาไม่ได้รักผมอีกต่อไปแล้ว
เชว ซีวอน ไม่ได้รักผมอีกต่อไปแล้ว
ผมจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนั้น รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ตรงหน้าบ้านของตัวเองแล้ว
สิ่งแรกที่ผมสังเกตได้คือโรงจอดรถที่ว่างเปล่า รถยนต์คันหรูที่ปกติจะจอดอยู่ตรงนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงจักรยานสีน้ำเงินของผมเท่านั้น
ผมรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าผมเสียเขาไปแล้ว ต่อไปนี้ผมก็คงต้องอยู่คนเดียวเหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อนที่ผมจะเจอเขา
ผมเปิดประตูรั้วด้วยมือที่สั่นเทา ไม่ว่ามองไปมุมไหนผมก็เห็นแต่ภาพของเขา...ภาพของเรา
น้ำตาของผมไหลรินอย่างห้ามไม่ได้ จนในที่สุดผมก็ต้องรีบวิ่งออกมาจากบ้าน
ผมยังทำใจไม่ได้ ยังทำใจกับการเสียเขาไปไม่ได้จริงๆ
ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องดีๆระหว่างเราจะทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดได้มากถึงขนาดนี้ ที่เราสองคนไปด้วยกันไม่ได้ เพราะเราแตกต่างกันเกินไปสินะ
เราสองคนมีอะไรที่แตกต่างกันมากเหลือเกิน ทั้งอายุ ฐานะ นิสัย จะว่าไปก็ทุกๆอย่าง ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไหร่ ทั้งเหตุผลที่เขารักผม และเหตุผลที่เขาทิ้งผมไป
ต่อไปนี้ผมคงจะไม่กล้ารักเด็กอีกแล้วล่ะ โดยเฉพาะเด็กที่เกือบจะเพอร์เฟ็คอย่างซีวอน
ถ้าเขาไม่ดีพร้อมขนาดนี้ ถ้าเรื่องระหว่างเรามันไม่หอมหวานขนาดนี้ ผมอาจจะตัดใจจากเขาได้ง่ายกว่านี้ก็ได้
ผมนั่งลงหน้าประตูรั้วอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ก่อนที่จะหยิบบุหรี่ที่เพิ่งแวะซื้อจากร้านสะดวกซื้อเมื่อสักครู่ออกมาจากกระเป๋าสะพายยี่ห้อหรู
ที่ซีวอนเป็นคนซื้อให้แล้วเริ่มต้นสูบมัน
ปกติผมไม่ใช่คนติดบุหรี่หรอกครับ จะสูบก็แต่เฉพาะเวลาที่มีเรื่องกลุ้มใจมากๆเท่านั้น
จะว่าไปผมก็ไม่ได้สูบบุหรี่มาเกือบสี่ปีแล้วล่ะครับ ตั้งแต่ที่ผมรู้จักซีวอน
เวลาที่เขาอยู่ข้างๆ ไม่ว่าปัญหาจะหนักหนาแค่ไหน เขาก็สามารถทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล็กลงไปได้
ผมสูดควันสีขาวเข้าปอดอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่กลัวว่ามันจะส่งผลอย่างไรกับสุขภาพของผมบ้าง
นี่ผมกำลังประชดรักอยู่ใช่มั้ยครับเนี่ย?
“ฮันคยอง? มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะลูก? ทำไมถึงไม่เข้าบ้าน?” เสียงที่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงทำให้ผมต้องรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง
ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนส่อแววห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับหน้าของแม่เวลาที่เห็นผมมีเรื่องทุกข์ใจ
ข้างๆกันนั้นมีเด็กหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย เขายกมือขึ้นปิดจมูกพร้อมกับส่งสายตารังเกียจอย่างไม่ปิดบังมาให้ผม จนผมต้องรีบดับบุหรี่แล้วโยนมันทิ้งลงในถังขยะ
“เอ่อ...สวัสดีครับคุณนายโจ...คือผม...ผมมีปัญหานิดหน่อยน่ะฮะ...ยังไม่อยากเข้าบ้าน” ผมตอบ ‘คุณนายโจ’ เพื่อนบ้าน อ่ะ ไม่สิ เจ้าของคฤหาสน์ที่อยู่ข้างๆบ้านผมอย่างตะกุกตะกัก
ปกติแล้วเราไม่ค่อยได้คุยอะไรกันเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าจะอยู่บ้านหลังติดกันก็เถอะครับ แต่สภาพบ้านของพวกเขากับบ้านของผมนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว จนผมไม่กล้าแม้แต่จะเรียกพวกเขาว่าเพื่อนบ้าน
ตระกูลโจ เจ้าของธุรกิจใหญ่แห่งเกาหลี บ้านของพวกเขาใหญ่โตและสวยงามมากจนผมรู้สึกว่ามันเหมือนพระราชวังมากกว่าที่อยู่อาศัยของคนธรรมดา แต่ทว่าในบ้านกลับประกอบด้วยสมาชิกเพียงสามคน คุณ
“แปะ” น้ำหนักและความอบอุ่นของมือเรียวที่วางลงบนหัวของผมทำให้น้ำตาของผมเอ่อล้นออกมาอีกครั้ง
“ไม่ว่าปัญหาจะหนักหนาแค่ไหนหนูก็ไม่ควรหาทางออกด้วยการทำร้ายตัวเองแบบนี้นะ ยังมีคนอีกมากที่เขารักและเป็นห่วงหนู ทั้งพ่อแม่ที่จีน ญาติพี่น้อง ครอบครัวของป้าถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนิทกับหนูเท่าไหร่แต่พวกเราทุกคนก็เป็นห่วงหนูนะ”
เมื่อคุณนายโจพูดจบผมก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใครพร้อมกับโผกอด ‘คุณป้าข้างบ้าน’ เหมือนกับเด็กหลงทางที่ได้เจอกับพ่อแม่ จนในที่สุดน้ำตาของผมก็เริ่มเหือดแห้งไป
“เอ่อ...ขะ...ขอโทษนะครับที่จู่ๆก็ทำแบบนี้ ผม...ผม” ผมผละออกจากอ้อมกอดของคุณนายโจอย่างรวดเร็วเมื่อได้สติ เธอหัวเราะกับท่าทางของผม
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ถือว่าป้าเป็นญาติก็แล้วกันนะ”
“......”
ญาติเหรอครับ? คนธรรมดาๆอย่างผม จะให้เป็นญาติกับตระกูลดังอย่างพวกคุณน่ะเหรอครับ?
ผมคงไม่กล้าฝันสูงแบบนั้นอีกแล้วล่ะ
“ฮันคยอง เมื่อกี๊บอกว่าไม่อยากเข้าบ้านใช่มั้ยลูก? งั้นไปทานข้าวเย็นกับป้าที่บ้านมั้ย? ตั้งแต่หนูมาอยู่ที่นี่เรายังไม่เคยได้คุยกันจริงๆจังๆสักทีเลยนะ”
ผมหันไปมองหน้าของเด็กหนุ่มร่างสูงที่ยืนเงียบอยู่นานแล้วนิดนึง สีหน้าของเขาแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
คงไม่อยากให้ผมไปสินะ
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ คือผม...” ผมพยายามปฏิเสธแต่ก็หาเหตุผลอะไรไม่ได้เลย ผมอยากไป ไปที่ไหนก็ได้ ผมรู้แต่ว่าผมกลับเข้าไปอยู่ในบ้านไม่ได้จริงๆตอนนี้
“ไปเถอะจ้ะไม่ต้องเกรงใจหรอก คยูฮยอนมันก็เพิ่งจะอกหักมาเหมือนกัน ไปเป็นเพื่อนคุยให้มันหน่อยเถอะนะ”
“แม่!” คยูฮยอนมองผู้เป็นแม่ตาเขียว ผมพอจะเข้าใจเขานะ ไม่มีเด็กผู้ชายที่ไหนอยากให้แม่เอาความลับของตัวเองไปเปิดเผยหรอก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับหัวใจ
“นะฮันคยอง ไปด้วยกันนะลูก” คุณนายโจยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน จนในที่สุดผมก็ใจอ่อน
ฝืนทำตัวเข้มแข็งต่อไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา ถ้าไม่ไปกับพวกเขา ผมก็คงจะได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ ไม่รู้วันนี้จะกล้าเข้าบ้านหรือเปล่า
“ครับ” ผมพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินตามพวกเขาไปอย่างว่าง่าย
ผมรู้ว่าเด็กร่างสูงที่เดินหิ้วของพะรุงพะรังอยู่ข้างๆผมนี่ไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ แต่ทำไงได้ล่ะ ผมไม่อยากจมอยู่กับความเจ็บปวดคนเดียวนี่
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
สวัสดีครับทุกคน ผม “โจ คยูฮยอน” เด็กหนุ่มหน้าตาดี นิสัยเยี่ยม ไอคิวร้อยแปดสิบ ทายาทนักธุรกิจหมื่นล้านแห่งเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะมองมุมไหน
ผมก็ “เพอร์เฟ็ค”
เคยมีคนบอกว่า “No one is perfect” ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ
นั่นสินะ ผมอาจจะไม่สมบูรณ์แบบจริงๆก็ได้ แต่ผมก็คิดว่าผมเนี่ยใกล้เคียงกับคำว่าเพอร์เฟ็คที่สุดแล้วล่ะ
แต่พวกคุณเชื่อมั้ย คนที่เกือบจะเพอร์เฟ็คอย่างผมเนี่ยเพิ่งถูกคนธรรมด๊าธรรมดาคนนึงหักอกมาสดๆร้อนๆ
เขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของผม ถึงแม้ว่าเขาจะอายุมากกว่าแต่ก็ดูบอบบาง อ่อนหวาน น่ารัก น่าปกป้องเป็นที่สุด
ผมเฝ้าดูแลเขามาตั้งนานแล้ว เขาเองก็ดูเหมือนจะชอบให้ผมดูแลนะ สิ่งที่เขาทำกับผม มันทำให้ผมอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเขามีใจให้
จนในที่สุดผมก็ตัดสินใจสารภาพรักกับเขา ผมอุตส่าห์ลงทุนซื้อเปียโนซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่เขาชอบ ซ้อมเล่นเพลงเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาหลายอาทิตย์เพื่อใช้บอกรักเขา
แต่คำตอบที่ได้มากลับเป็นคำปฏิเสธสั้นๆ
“ขอโทษนะคยูฮยอน”
คนฉลาดอย่างผม ไม่ต้องให้เขาอธิบายผมก็รู้ เขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับผมสินะ
เขาเอาแต่ขอโทษผมอยู่อย่างงั้น พยายามบอกว่าเราสองคนแตกต่างกันมากแค่ไหน บอกว่าเรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้
ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเราสองคนแตกต่างกัน ผมรวยล้นฟ้า แต่เขาฐานะปานกลาง ผมหล่อ เขาน่ารัก ผมสอบได้ที่หนึ่ง เขาสอบได้ที่โหล่ ผมอยู่ปีหนึ่ง เขาอยู่ปีสี่ ผมใจร้อน เขาใจเย็น ผมเป็นหมาป่า เขาเป็นกระต่าย และอีกสารพัดเรื่องที่เราสองคนต่างกัน แต่ผมรักเขานี่
ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาจะต้องคิดมากนักในเมื่อความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าผมรักเขา เขารักผม แค่นั้นมันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงคิดอะไรจุกจิกเหลือเกิน?
ต่อไปนี้ผมคงจะไม่กล้ารักคนที่อายุมากกว่าอีกแล้วล่ะ โดยเฉพาะคนที่น่ารัก อ่อนหวาน น่าปกป้องอย่างพี่ซองมิน
คอยดูนะ ถ้าไม่ใช่ลูกนายก ลูกรัฐมนตรี ลูกนักธุรกิจหมื่นล้าน พ่อจะไม่ยุ่งเลย! ก็มันไม่คู่ควรใช่มั้ยล่ะ?
หลังจากที่โดนคนที่แอบรักมาตลอดสองปีหักอกอย่างไม่ใยดี ผมก็ถูกแม่ลากออกไปซื้อของ
ผมจำไม่ค่อยได้หรอกว่าทำอะไรลงไปบ้าง ดูเหมือนว่าสติของผมจะยังไม่กลับมา รู้ตัวอีกทีผมก็มายืนอยู่หน้าบ้านหลังเล็กข้างๆบ้านผมแล้ว ในมือมีของที่คุณหญิงแม่ยัดเยียดให้ถืออยู่เต็มไปหมด
กลิ่นควันบุหรี่ที่ลอยเข้ามาปะทะกับจมูกของผมเรียกสติสัมปชัญญะของผมกลับคืนมาได้อย่างน่าประหลาด คงจะเป็นเพราะว่ามันเป็นกลิ่นที่ผมเกลียดมากล่ะมั้ง ผมเลยทนไม่ได้ที่จะเดินผ่านไปเฉยๆโดยที่ไม่ต่อว่าคนที่มาสูบบุหรี่อยู่ตรงนี้
เอ๊ะ นั่นมันพี่ฮันคยอง เพื่อนบ้าน ไม่สิ เจ้าของบ้านข้างๆบ้านของผมนี่นา
ปกติผมไม่ค่อยได้คุยกับเขาสักเท่าไหร่หรอก แค่ยิ้มให้กันยังแทบไม่เคยทำเลยด้วยซ้ำ
เขามักจะอยู่ในโลกส่วนตัวกับผู้ชายอีกคน ชื่อซีวอนรึไงนี่แหละถ้าผมจำไม่ผิด ไม่เคยเห็นเขาจะสนใจคนข้างบ้านอย่างครอบครัวของผมเลย
ไอ้ผมก็ใช่ว่าจะมีเวลาว่างมาใส่ใจเรื่องของคนข้างบ้านมากมาย แต่ผมไม่เคยคิดเลยนะว่าคนคนนี้จะเป็นผู้ใหญ่มีปัญหา เที่ยวมานั่งสูบบุหรี่ข้างถนนแบบนี้ ไม่รู้หรือไงว่าสูบบุหรี่ในที่สาธารณะมันผิดกฎหมายน่ะ?
อ้าว แล้วนั่นแม่ผมเดินไปหาเขาทำไมกันล่ะ?
“ฮันคยอง? มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะลูก? ทำไมถึงไม่เข้าบ้าน?”
โห คุณแม่ครับ จะเป็นแม่พระไปถึงไหน เขาจะเป็นยังไงก็เรื่องของเขาเถอะครับ ลูกชายสุดหล่อของแม่ที่ยืนสูดควันบุหรี่อยู่ตรงนี้จะเป็นมะเร็งปอดตายอยู่แล้ว รีบๆกลับบ้านกันเถอะ
ผมวางของลงแล้วใช้มือข้างหนึ่งปิดจมูกพร้อมกับส่งสายตาตำหนิไปให้เขาอย่างไม่ปิดบัง ในที่สุดเขาก็รู้ตัวครับ รีบดับบุหรี่แล้วทิ้งถังขยะไปทันที
อย่างน้อยก็ยังมีจิตสำนึก ไม่ทิ้งลงพื้นล่ะนะ
“เอ่อ...สวัสดีครับคุณนายโจ...คือผม...ผมมีปัญหานิดหน่อยน่ะฮะ...ยังไม่อยากเข้าบ้าน”
มีปัญหา ไม่อยากเข้าบ้าน ในบ้านมันมีมนุษย์ต่างดาวอยู่รึไงคู๊ณ?
แค่เห็นดวงตาแดงช้ำของเขาแวบเดียว คนฉลาดอย่างผมก็รู้แล้วว่าเขาร้องไห้มา ก็สงสารอยู่หรอกนะ แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับครอบครัวผมนี่ ก็แค่ ‘คนข้างบ้าน’ จะเรียกว่าเพื่อนบ้านยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมผมถึงจะต้องไปสนใจเขาล่ะ?
แต่ดูท่าทางแม่ผมจะเป็นห่วงเขามากแฮะ
“ไม่ว่าปัญหาจะหนักหนาแค่ไหนหนูก็ไม่ควรหาทางออกด้วยการทำร้ายตัวเองแบบนี้นะ ยังมีคนอีกมากที่เขารักและเป็นห่วงลูก ทั้งพ่อแม่ที่จีน
ญาติพี่น้อง ครอบครัวของป้าถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนิทกับหนูเท่าไหร่แต่พวกเราทุกคนก็เป็นห่วงหนูนะ”
ผมเห็นด้วยนะที่แม่บอกไม่ให้เขาแก้ปัญหาด้วยการทำร้ายตัวเอง(และทำร้ายคนที่เดินผ่านไปมาอย่างผมด้วย) แต่ที่แม่บอกว่าพวกเราทุกคนเป็นห่วงเขาน่ะไม่จริงเลย ผมคนนึงล่ะที่ไม่รู้สึกอย่างนั้น
จู่ๆเขาก็โผกอดแม่ผมแล้วก็ร้องไห้ ผมไม่รู้หรอกนะว่าคำพูดที่แม่ผมพูดน่ะมันไปสะกิดโดนส่วนไหนของหัวใจเขา แต่พอเห็นน้ำตาของเขาแล้วผมก็อดที่จะรู้สึกสงสารไม่ได้
“เอ่อ...ขะ...ขอโทษนะครับที่จู่ๆก็ทำแบบนี้ ผม...ผม”
เขารีบผละออกจากอ้อมกอดของแม่ผมหลังจากที่เขาหยุดร้องไห้
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ถือว่าป้าเป็นญาติก็แล้วกันนะ”
“......”
เขาเงียบไปพักใหญ่ คนฉลาดอย่างผมบอกได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ พวกผู้ใหญ่ จะคิดอะไรได้อีกนอกจาก ‘อย่าเลยครับ ผมมันไม่คู่ควร พวกเราแตกต่างกันมาก’
ความสงสารที่เอ่อล้นอยู่ในอกของผมเมื่อสักครู่นี้หายวับไปทันที
คนตรงหน้านี่ ทั้งอายุมากกว่า ฐานะก็ต่ำต้อยกว่า ไม่ได้เป็นลูกคนใหญ่คนโต มิหนำซ้ำยังอ่อนไหว น่ารัก น่าปกป้อง...ครบสูตรคนที่ผมไม่อยากจะคบด้วยเลย
“ฮันคยอง เมื่อกี๊บอกว่าไม่อยากเข้าบ้านใช่มั้ยลูก? งั้นไปทานข้าวเย็นกับป้าที่บ้านมั้ย? ตั้งแต่หนูมาอยู่ที่นี่เรายังไม่เคยได้คุยกันจริงๆจังๆสักทีเลยนะ”
ห๊า?! เมื่อกี๊แม่ว่าไงนะ? ชวนเขาไปกินข้าวที่บ้านเหรอ? โอย ผมอยากจะบ้าตาย ทั้งๆที่ผมอยากจะหนีให้ห่างไกลจากคนประเภทนี้ แล้วทำไมแม่ถึงต้องลากเขาเข้ามาในชีวิตของพวกเราด้วยล่ะ?
เขาหันมามองหน้าผม ถ้าเขาไม่โง่มากนักเขาก็คงจะรู้แหละครับว่าผมอยากให้เขาปฏิเสธคำชวนของแม่ผมขนาดไหน เพราะใบหน้าของผมมันแสดงออกไปชัดเจนเลยนี่
“เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ คือผม...”
ฮ้า~ ค่อยยังชั่วครับ เขากำลังจะปฏิเสธแล้ว แต่ทว่าจู่ๆเสียงของแม่ผมก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ไปเถอะจ้ะไม่ต้องเกรงใจหรอก คยูฮยอนมันก็เพิ่งจะอกหักมาเหมือนกัน ไปเป็นเพื่อนคุยให้มันหน่อยเถอะนะ”
“แม่!” ผมตะโกนลั่นพร้อมกับหันไปมองแม่ตาเขียว
แม่พูดอะไรออกไปน่ะ? ชวนคนพรรค์นั้นมาที่บ้านไม่พอ ยังจะเอาความลับของลูกชายสุดหล่อไปแฉอีกเหรอ?
โอย คนหล่อเครียด วันนี้มันวันอะไรเนี่ย?
“นะฮันคยอง ไปด้วยกันนะลูก”
คุณแม่ที่แสนดีของผมเอ่ยชวนเขาอีกครั้ง เขาทำหน้าลำบากใจอยู่พักหนึ่ง คงรู้ตัวแหละว่าผมไม่ค่อยอยากจะต้อนรับเขาเท่าไหร่ แต่ในที่สุดเขาก็ตอบตกลงจนได้
เอาเถอะ เขาคงจะมีปัญหากับบ้านของตัวเองจริงๆนั่นแหละ ไม่อย่างงั้นเขาคงไม่อยากไปบ้านผมหรอก
ผมเองก็ทำใจได้แล้วล่ะ วันนี้เจอแต่เรื่องแย่ๆมาทั้งวันแล้ว จะเจอเรื่องแย่ๆต่อไปอีกหน่อยจะเป็นไรไป
คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยมีคนที่อายุใกล้ๆกันไว้คุยด้วย ก็คงจะดีกว่าคุยกับพ่อแม่อย่างเดียวล่ะนะ
To be continued
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
Talk: โห๊ะๆๆๆ ฟิคเรื่องนี้คิดพล็อตไว้ในหัวนานแล้วเหมือนกันค่ะ แต่เพิ่งจะได้เริ่มเขียน ขอบอกคนอ่านไว้ล่วงหน้าว่าฟิคเรื่องนี้คงจะไม่ได้ลงสม่ำเสมอเหมือนเรื่องที่แล้ว เรื่องที่แล้วเขียนจบแล้วถึงเริ่มลง แต่เรื่องนี้แต่งสดๆเลย เพราะฉะนั้นถ้าตอนไหนหายไปนานก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ
สำหรับคนที่ติดตามมาตั้งแต่เรื่องที่แล้วและรีเควสซีฮันมา แหะๆ เราก็อยากแต่งนะคะ แต่ยังหาพล็อตเหมาะๆให้คู่นี้ไม่ได้เลยอ่ะค่ะ ถ้านึกพล็อตดีๆได้แล้วจะรีบแต่งให้เลยนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ ^^
ความคิดเห็น