คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : The Perfect Boy Next Door Part 9 100%
Title: The perfect boy next door
Author: imazawa
Pairing: Kyuhyun/Hangeng
Rate: PG-13
Part 9
“อ่ะ ของนาย” ร่างบางพูดพร้อมยื่นกระป๋องน้ำอัดลมให้อีกฝ่าย
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มหนาที่อ่านอยู่ พยักหน้าให้ร่างบางเป็นเชิงขอบคุณก่อนที่จะรับกระป๋องน้ำมาถือไว้ในมือ
หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คยูฮยอนก็เดินมาส่งชายหนุ่มชาวจีนตามที่บอกไว้ก่อนหน้า
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยตลอดระยะทางสั้นๆจากคฤหาสน์หลังใหญ่ของร่างสูงจนถึงบ้านของร่างบาง แต่ทั้งคู่กลับไม่รู้สึกว่าบรรยากาศช่วงหัวค่ำนั้นเงียบเหงาเลยแม้แต่น้อย
เสียงฝีเท้าของคนที่เดินเคียงข้างทำให้ทั้งสองคนรู้สึกอบอุ่นได้อย่างน่าประหลาด
“ระบบย่อยอาหารในร่างกายของนายนี่มันหน้าตาเป็นยังไงกันนะ? ดื่มน้ำอัดลมเป็นว่าเล่นแบบนี้ กระเพาะไม่ยักกะทะลุ แถมตัวนายก็ยังบาง
ได้ขนาดนี้อีก” คยูฮยอนพูดแล้วยิ้มเยาะอีกฝ่าย(ตามแบบฉบับของเจ้าตัวเขาล่ะ) ก่อนที่จะยกกระป๋องน้ำอัดลมสีน้ำเงินจรดริมฝีปาก
“อยากเห็นมั้ยล่ะ? เดี๋ยวจะเปิดให้ดู” ฮันคยองพูดแล้วเลิกชายเสื้อยืดตัวบางขึ้น เผยให้เห็นเอวคอดวับๆแวมๆ
เด็กหนุ่มถึงกับสำลึกน้ำหวานที่กำลังดื่มอยู่เมื่อได้เห็นการกระทำของคนตรงหน้า
“แค่กๆๆ นายคิดจะทำบ้าอะไรของนายเนี่ย?!” เด็กหนุ่มร่างสูงโวยวาย ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำไม่รู้ว่าเกิดจากการที่เขาสำลักหรือเพราะสาเหตุอื่น
กันแน่
“กร๊าก ฮ่าๆๆๆๆๆ ก็นายสงสัยไม่ใช่เหรอว่าระบบย่อยอาหารของฉันหน้าตาเป็นยังไง? ฉันก็กำลังจะเปิดให้ดูอยู่นี่ไงล่ะ หวา~ หน้านายแดงแจ๋เลยอ่ะ เขินเหรอหนุ่มน้อย?” ร่างบางถามพร้อมกับแกล้งส่งสายตายั่วยวนอีกฝ่าย
ฮันคยองรู้สึกประหลาดใจมากที่ตัวเองสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ จริงอยู่ที่ปกติเขาก็เป็นคนร่าเริงอยู่แล้ว แต่เขาก็ไม่เคยทำตัวเป็นเด็กๆและกล้าเล่น
มุขล่อแหลมแบบนี้กับใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนที่เขาเพิ่งจะรู้จักเพียงไม่กี่วันแล้วด้วย เขายิ่งสมควรที่จะรู้สึกเกร็งและระมัดระวังตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้สิ แล้วทำไมเขาถึงพูดจาเล่นหัวกับคนที่เพิ่งจะรู้จักกันได้อย่างสนิทใจถึงขนาดนี้นะ?
“บ้าเอ๊ย!” ร่างสูงสบถก่อนที่จะใช้แขนเสื้อเช็ดปากลวกๆแล้วหันไปสนใจหนังสือเล่มหนาที่อ่านค้างอยู่ พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองที่กำลัง
พลุ่งพล่าน โกรธเหรอ? อาจจะใช่ แต่คนที่เขาโกรธน่ะไม่ใช่ร่างบางที่นั่งตาแป๋วอยู่ข้างๆนี่หรอก หากแต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก ใช่ คยูฮยอนกำลังโกรธตัวเอง หงุดหงิดเหลือเกินที่เสี้ยววินาทีหนึ่งเมื่อสักครู่นี้ตัวเองรู้สึกว่า...ชายหนุ่มร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆนั้น...งดงาม
ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังกระวนกระวายกับความคิดแปลกๆของตัวเองอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือสีดำรุ่นใหม่ล่าสุดของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง เรียกสติเจ้าของของมันกลับคืนมาได้ในที่สุด
คยูฮยอนหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วกดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล?” เสียงทุ้มต่ำสั่นเล็กน้อยเนื่องจากอารมณ์ของเจ้าตัวที่ยังไม่กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
“คยูฮยอน? นี่แม่นะ เป็นอะไรหรือเปล่าลูก? เสียงแปลกๆ” หญิงวัยกลางคนถามด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าครับแม่ ผมโอเค แม่โทรมามีอะไรหรือเปล่าครับ?” ร่างสูงถาม พยายามปรับเสียงให้อยู่ในระดับปกติ
“อ๋อ แม่โทรมาเรื่องค่าจ้างของหนูฮันคยองเขาน่ะ ลูกอยู่กับพี่เขาหรือเปล่า?”
“ครับ ผมอยู่กับฮันคยอง” ร่างสูงตอบแล้วหันไปมองคนที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายก็หันมามองเขาเช่นกันพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามเมื่อ
ได้ยินชื่อของตัวเอง
“อื้ม งั้นให้แม่คุยกับพี่เขาหน่อยสิ”
คยูฮยอนยื่นมือถือให้ฮันคยอง ร่างบางรับมาด้วยท่าทางงงๆ
“แม่ฉันจะคุยด้วย” เด็กหนุ่มอธิบายสั้นๆ
ชายหนุ่มร่างบางพยักหน้ารับแล้วยกมือถือขึ้นแนบหู
“สวัสดีครับคุณป้า ฮันคยองพูดครับ” ฮันคยองเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“สวัสดีจ้ะฮันคยอง ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่ไม่ได้บอกเอาไว้ก่อนว่าวันนี้ป้าติดประชุมน่ะ แก่แล้วก็ขี้หลงขี้ลืมแบบนี้แหละ อย่าถือสาเลยนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรครับคุณป้า ผมอยู่กับคยูฮยอนสองคนได้ครับ” พูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกัน แต่อีกฝ่ายก็หลบตาเขาทันที
“เจ้าคยูมันไม่ได้ทำให้หนูลำบากใจแน่นะลูก?” แจวอนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
“ครับ เขาเป็นเด็กดีมากๆเลยล่ะ” ร่างสูงหันมาส่งสายตาอาฆาตใส่ร่างบางทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ราวกับจะประกาศให้คนพูดรู้ว่า
‘ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะเฟ้ย!’
ชายหนุ่มชาวจีนหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ก่อนที่จะก้มหัวให้เล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษ แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะยังไม่พอใจอยู่ดี
“งั้นก็ดีแล้วล่ะจ้ะ ป้าล่ะกลัวว่าเจ้าคยูมันจะเล่นอะไรแผลงๆ ถ้าถูกน้องรังแกล่ะก็รีบบอกป้าเลยนะ” หญิงวัยกลางคนพูดอย่างใจดี
“ครับ” ฮันคยองตอบยิ้มๆ
“โอ้ใช่! ป้าเกือบลืมไปจ้ะ มัวแต่นอกเรื่อง คือป้าจะโทรมาบอกหนูฮันคยองว่าค่าจ้างของวันนี้น่ะป้าจะจ่ายให้พร้อมกับส่วนของวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ คืนนี้กว่าป้าจะได้กลับบ้านคงดึก ไม่อยากให้หนูรอ ขอโทษด้วยนะจ๊ะหนูฮันคยอง แต่สบายใจได้จ้ะ พรุ่งนี้ป้าไม่เบี้ยวแน่ๆ”
“อ่ะ ไม่เป็นไรครับคุณป้า เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลเลย ผมเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร” ร่างบางพูดด้วยความเกรงใจเป็นที่สุด
“จ้ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะฮันคยอง ป้าจะต้องเข้าประชุมต่อแล้วล่ะ”
“ครับคุณป้า สวัสดีครับ” นิ้วเรียวกดปุ่มวางสายแล้วส่งมือถือเครื่องเล็กคืนให้เจ้าของ
“แม่ฉันว่าไง?” เด็กหนุ่มถามห้วนๆตามสไตล์
“คุณป้าถามว่านายทำให้ฉันลำบากหรือเปล่า แล้วก็บอกว่าถ้าถูกนายแกล้งให้รีบฟ้องคุณป้าเลย” ฮันคยองตอบแล้วส่งรอยยิ้มทะเล้นให้อีกฝ่าย
“เอาจริงๆ” คยูฮยอนเริ่มทำเสียงเข้ม
“ฉันก็พูดจริงๆนะนั่น” ร่างบางตอบกวนๆ
“นายนี่มัน...” คยูฮยอนกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด เห็นแบบนั้นแล้วฮันคยองจึงต้องล้มเลิกความคิดที่จะแกล้งอีกฝ่ายต่อ
“โอเคๆ ตอบดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องทำหน้าตาน่ากลัวอย่างงั้นเลยนี่ ชิ”
“......” ร่างสูงมองอีกฝ่ายนิ่งๆราวกับจะบอกว่า ‘ก็รีบๆพูดมาสิ’
“คุณป้าโทรมาบอกว่าจะจ่ายค่าจ้างของวันนี้พร้อมกับของวันพรุ่งนี้ เพราะคืนนี้คุณป้าจะกลับดึก พอใจหรือยังครับคุณชาย~” ร่างบางลากเสียงยาวประชดอีกฝ่าย
“ก็แค่นั้นแหละ” ร่างสูงพูดก่อนที่จะหันไปสนใจหนังสือเล่มหนาในมือต่อ
ร่างบางส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย
‘ให้ตายเถอะ เขาไม่คิดจะหันมาเสวนากับผมเลยจริงๆใช่มั้ยเนี่ย? ทำไมเขาถึงจะต้องถ่อมาสร้างโลกส่วนตัวถึงบ้านผมด้วยนะ? ถ้าอยากอยู่คนเดียวขนาดนี้ก็กลับไปอยู่บ้านตัวเองสิครับคุณช๊าย~’
ฮันคยองเบ้ปากเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย มือบางหยิบรีโมททีวีขึ้นมาก่อนจะกดปุ่มเปลี่ยนช่องหารายการที่
น่าสนใจ
“นี่” เสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยเรียกทำให้ร่างบางละสายตาจากจอสี่เหลี่ยมแล้วหันไปหาต้นเสียง
“เรียกฉันเหรอ?” ร่างบางเลิกคิ้วถามอย่างไม่แน่ใจ
“เปล่า ฉันเรียกผู้หญิงผมยาวใส่เสื้อสีขาวที่นั่งอยู่ข้างๆนายต่างหาก” ร่างสูงตอบแล้วยิ้มมุมปากอย่างท้าทาย
“นี่นาย...อย่ามากวนประสาทฉันนะ!” ฮันคยองแกล้งโวยวายเพื่อปกปิดความรู้สึก แต่เหงื่อหยดเล็กๆที่เริ่มซึมออกมาตามไรผมกับมือบางที่สั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้นั้นก็ทำให้ร่างสูงรู้ได้ไม่ยากว่าร่างบางกลัวมากแค่ไหน
“ก็นายอยากถามอะไรโง่ๆก่อนทำไม? นั่งกันอยู่แค่สองคนเนี่ย ถ้าไม่ได้เรียกนายแล้วจะให้ฉันเรียกใคร? ขอร้องล่ะ ก่อนจะพูดอะไรช่วยใช้สมองกลั่นกรองก่อนสักนิดเถอะ” พูดจบคยูฮยอนก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ ไม่สนใจร่างบางที่กำลังกัดฟันกรอดอยู่ข้างๆด้วยความเจ็บใจ
‘ฮือ เด็กนี่มันเป็นใครมาจากไหนอ่ะครับ? ทำไมผมถึงต้องนั่งเฉยๆให้เขาด่าด้วยเนี๊ยะ? โกรธก็โกรธ แต่บอกตรงๆว่าผมกลัวสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี๊มากกว่า แหะๆ ผมเคยบอกพวกคุณหรือยังฮะว่าผมกลัวผีขึ้นสมองเลย? ถ้ายัง ตอนนี้พวกคุณก็รู้แล้วนะครับ เมื่อก่อนนี้ยังมีซีวอนอยู่ด้วยก็เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่ตอนนี้ผมต้องอยู่คนเดียวแล้วนะ เฮ้อ~ สงสัยคืนนี้ผมคงต้องเปิดไฟนอนแน่ๆเลย’
“นี่นาย”
“ว๊ากกกก!” ร่างบางตะโกนลั่น สะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจที่จู่ๆก็ถูกเรียกขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่
เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากแล้วหัวเราะเยาะอีกฝ่าย
“หึๆๆ กลัวก็บอกมาเห๊อ~” ร่างบางค้อนควับใส่ร่างสูงก่อนที่จะพูดตอบ
“ไม่ได้กลัวสักหน่อย!” คยูฮยอนส่ายหน้าให้กับความดื้อของเด็กน้อยในสายตาของเขา
“นี่...” ร่างสูงเอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเดิม
“......” ชายหนุ่มสบตาอีกฝ่ายนิ่งๆรอให้ร่างสูงพูดต่อ
“ถ้ากลัวก็บอกกันตรงๆสิ คราวหน้าฉันจะได้ไม่ทำอีก”
หัวใจของร่างบางไหววูบ เขารู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นที่เปลี่ยนไปของก้อนเนื้อในอกข้างซ้าย
‘ผมคิดไปเองหรือเปล่า? สายตาของเขา น้ำเสียงของเขา รอยยิ้มบางๆนั่น ทำไมถึงได้ดูอ่อนโยนจัง?’
“เฮ้! ฟังฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย?” ร่างสูงถามพร้อมกับโบกมือตรงหน้าอีกฝ่าย รอยยิ้มกวนประสาทถูกส่งไปให้คู่สนทนาอย่างเคย
“ฟะ ฟังอยู่สิ!” ชายหนุ่มตอบก่อนที่จะก้มหน้าลงแล้วสะบัดหัวแรงๆเพื่อไล่ความคิดแปลกๆเมื่อสักครู่นี้
‘เมื่อกี๊ผมคงจะคิดไปเองจริงๆแหละครับ เจ้าเด็กนี่จะอ่อนโยนกับผมได้ยังไงกัน?’
“สรุป นายกลัว?” เด็กหนุ่มถามซ้ำอีกครั้ง
“.....” ฮันคยองยังคงมีสีหน้าลังเล จะยอมรับตรงๆว่ากลัวก็เสียหน้า แต่จะโกหกต่อไปก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น ในเมื่ออีกฝ่ายรู้อยู่เต็มอกว่าเขากลัวขนาดไหน
“ถ้ายอมรับตรงๆ ฉันสัญญาว่าคราวหน้าจะไม่เล่นแบบนี้อีก” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างจริงจัง นิ้วเรียวสามนิ้วถูกยกขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของคำสัญญา
ร่างบางถอนหายใจยาว ในที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้จนได้สินะ
“ใช่ ฉันกลัว กลัวความมืด กลัวผี กลัวเรื่องลึกลับทุกประเภท เชิญหัวเราะได้ตามสบายเลย” พูดจบฮันคยองก็หลับตาลง เตรียมใจฟังคำเยาะเย้ยถากถางจากอีกฝ่าย แต่สิ่งที่ได้รับกลับทำให้เขาต้องประหลาดใจ
“แปะ” มือเรียวของคยูฮยอนวางลงบนศีรษะของร่างบางก่อนที่จะเริ่มต้นลูบเบาๆโดยไม่เกรงใจคนอายุมากกว่า แต่ชายหนุ่มชาวจีนก็ไม่ได้ตำหนิ
การกระทำที่จาบจ้วงของเด็กหนุ่มเลย หรือจะพูดให้ถูก ตอนนี้เขาอึ้งจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีมากกว่า
ฮันคยองได้แต่นั่งนิ่งๆ ปล่อยให้คนที่อายุน้อยกว่าตัวเองเกือบห้าปีลูบผมอยู่อย่างนั้น
“มีอะไรก็พูดกันตรงๆสิ รู้สึกยังไง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เก็บไว้คนเดียวมันน่าอึดอัดจะตายไป หรือนายเป็นโรคจิต มีความสุขเวลาคนอื่นทำอะไร
ที่นายไม่ชอบ?” คำพูดแสบๆคันๆจากปากของร่างสูงนั้นช่างขัดแย้งกับการกระทำที่อ่อนโยนของเขาเสียเหลือเกิน
ฮันคยองขยับหนีมือของอีกฝ่ายหลังจากที่ตั้งสติได้
“นายไม่เข้าใจหรอกคยูฮยอน เรื่องบางเรื่องถ้าพูดออกไปตรงๆมันก็อาจจะทำให้คนอื่นเสียความรู้สึก ถ้าโพล่งออกไปโดยที่ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีๆล่ะก็ คนอื่นจะต้องเจ็บปวดแค่ไหนนายรู้มั้ย?”
คยูฮยอนยิ้มเยาะเมื่อได้ยินร่างบางพูดแบบนั้น
“นายคิดถึงคนอื่นมากเกินไป” เด็กหนุ่มพูดเรียบๆ คราวนี้เป็นฮันคยองที่ยิ้มเหนื่อยๆออกมาบ้าง
“นายก็คิดถึงตัวเองมากเกินไปเหมือนกัน” ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้หันไปสนใจรายการทีวีต่อ เด็กหนุ่มก็เอ่ยเรียกเขาอีกครั้ง
“นี่นาย” ฮันคยองหันไปหาต้นเสียงพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ ราวกับจะถามอีกฝ่ายว่า ‘นายจะเอายังไงกับฉันอีก?’
“ขอเบอร์หน่อย” คยูฮยอนพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาเตรียมจะกดบันทึกเบอร์ของอีกฝ่าย
“......”
“......” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากร่างบาง แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองเขาด้วยท่าทางตื่นๆ
“ฮันคยอง” ร่างสูงเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้เจ้าของชื่อตกใจได้แล้ว
“ห๊ะ?!”
“เบอร์โทรศัพท์นาย? ไม่มีหรือไง? อย่าบอกนะว่าบ้านนายยังใช้โทรเลขอยู่?”
“เอาไปทำไม?”
คยูฮยอนกรอกตาด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินคำถามจากร่างบาง
“อย่าเล่นตัวนักจะได้มั้ย? นายไม่ใช่เด็กสาวม.ปลายนะ”
ร่างบางทำปากยื่นเหมือนเด็กถูกขัดใจก่อนที่จะอธิบายตัวเอง
“ฉันไม่ได้เล่นตัวเฟ้ย! แล้วฉันก็รู้ตัวด้วยว่าฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิง แค่สงสัยว่านายจะเอาเบอร์ฉันไปทำไม ขนาดนั่งอยู่ใกล้กันแค่นี้นายยังแทบจะไม่คุยอะไรกับฉันเลย” ฮันคยองตัดสินใจถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกไปตรงๆ
เขาสงสัยตั้งแต่ตอนที่ร่างสูงบอกว่าจะมาส่งที่บ้านแล้ว ร่างสูงจะมาทำไมในเมื่อบ้านเขาไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเลย ไม่มีเกมให้เล่น ทีวีก็มีแค่ห้าช่อง แล้วเด็กหนุ่มก็ไม่ได้อยากคุยกับเขาด้วย คราวนี้ก็ยังมาขอเบอร์โทรศัพท์ของเขาอีก ขนาดอยู่กันตรงนี้ยังไม่ค่อยอยากจะคุย แล้วถ้าขอเบอร์ไปมันจะได้คุยมั้ย?
ร่างสูงเองก็ถึงกับไปไม่ถูกเหมือนกันเมื่อได้ยินร่างบางพูดเช่นนั้น เพราะเขาก็ไม่รู้จะให้คำตอบอีกฝ่ายว่ายังไงดี ตอนนี้เขาเองก็เริ่มจะรู้ตัวแล้วว่าเขาไม่ได้ ‘เกลียด’ ฮันคยอง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชอบหรือรู้สึกดีด้วย แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดคนๆนี้แน่ๆ เพียงแต่ความเจ็บปวดที่ได้รับจากความรักครั้งก่อน
ทำให้เขากลัวและไม่อยากเข้าใกล้คนแบบฮันคยอง คนที่น่ารัก อ่อนไหว น่าปกป้อง เพราะมันทำให้เขาคิดถึง...ลี ซองมิน
เขาไม่ได้อยากทำให้ชายหนุ่มร่างบางอึดอัดหรือเสียใจ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้ร่างบาง ตัวตนของเขาก็เหมือนจะหายไป เด็กหนุ่มที่มีนิสัยร่างเริงอย่างเขากลับกลายเป็นคนเย็นชา แถมคำพูดแต่ละคำที่ออกจากปากก็ทำให้คนฟังรู้สึกแย่อีกต่างหาก
‘ผมเป็นอะไรไปเนี่ย? แบบนี้มันไม่สมกับเป็นผมเลยนี่นา’
เด็กหนุ่มไอคิวร้อยแปดสิบกำลังใช้ความคิดอย่างหนักที่จะหาเหตุผลในการขอเบอร์โทรศัพท์อีกฝ่ายในครั้งนี้ ยิ่งเห็นสายตาของร่างบางที่มองมาอย่างคาดคั้นแล้วเขายิ่งลนลานไปกันใหญ่ แต่ในที่สุดเขาก็คิดข้ออ้างดีๆออกจนได้
“นายลืมไปแล้วเหรอว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร? นายเป็นลูกจ้างของแม่ฉันนะ แล้วก็เป็นครูสอนเปียโนของฉันด้วย ถ้าเกิดวันไหนแม่กับฉันมีธุระแล้วจะขอหยุดเรียนหรือขอเปลี่ยนเวลาเรียนขึ้นมา ฉันไม่ต้องวิ่งมาบอกนายถึงที่นี่เหรอ? แล้วถ้าเกิดนายไม่อยู่บ้านล่ะ? ฉันก็เหนื่อยฟรีสิ
มันเดือดร้อนคนอื่นเขานะเห็นมั้ยเนี่ย? เพราะฉะนั้นเอาเบอร์ของนายมาซะดีๆ” คยูฮยอนพูดรัวเร็วเพราะตัวเขาเองรู้ดีว่าเหตุผลที่อธิบายไปนั้นมันมีจุดอ่อนอยู่หลายจุดทีเดียว จึงต้องรีบพูดเพื่อให้อีกฝ่ายเก็บรายละเอียดไม่ทัน จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก...แผนสูงจริงๆ =_,=”
ฮันคยองฟังอีกฝ่ายพูดจนจบแล้วก็กระพริบตาปริบๆ
‘เมื่อกี๊รถด่วนขบวนไหนวิ่งผ่านหูผมไปครับเนี่ย?’
“สรุป ที่ขอไปนี่เพื่อคุยเรื่องงานใช่มะ?” ร่างบางถามทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเด็กหนุ่มร่างสูงพูดอะไรไปบ้าง
“อือ” คยูฮยอนพยักหน้ารับ
“08x-xxx-xxxx” ฮันคยองบอกหมายเลขโทรศัพท์ของตัวเองช้าๆให้อีกฝ่ายมีเวลากดบันทึก
“โทรเข้ามาด้วย ฉันจะได้เมมเบอร์นาย” ร่างบางเอ่ยเป็นเชิงสั่งเล็กๆทำให้ร่างสูงต้องละสายตาจากจอโทรศัพท์ของตัวเองมามองหน้าอีกฝ่าย
“เบอร์ที่ไม่รู้จักน่ะฉันไม่รับหรอกนะ” ชายหนุ่มอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของเด็กหนุ่ม
คยูฮยอนพยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่จะกดโทรออกไปยังเบอร์ที่เขาเพิ่งจะบันทึกไปเมื่อสักครู่นี้
ไม่กี่อึดใจต่อมาโทรศัพท์มือถือของร่างบางที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้น ไฟหน้าจอกระพริบเป็นจังหวะทำให้ร่างสูงสังเกตเห็นว่าภาพหน้าจอในมือถือเครื่องเล็กนั้นเป็นรูปคู่ของร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆกับอดีตคนรัก...เชว ซีวอน
“เฮ้! นายจะรอให้ฉันรับสายหรือไง? วางได้แล้ว” ฮันคยองเตือนสติเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่จ้องมือถือของเขาแล้วก็ไม่ยอมกดปุ่มวางสายเสียที
“อ่ะ! โทษที” คยูฮยอนพูดพร้อมกับกดวางสาย
มือถือเครื่องเล็กของร่างบางหยุดสั่นไปแล้วแต่ไฟหน้าจอนั้นยังคงติดอยู่ทำให้ร่างสูงสามารถมองภาพของคนสองคนบนหน้าจอต่อไปได้อีกสักพักก่อนที่แสงไฟจะดับลง
ทั้งคยูฮยอนและฮันคยองต่างก็เงียบกันไปพักใหญ่ จนในที่สุดเด็กหนุ่มร่างสูงก็เป็นฝ่ายที่ทนไม่ไหว ต้องเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
“นายเลิกกับเขาแล้วไม่ใช่เหรอ?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ตัวเองคิดว่านุ่มนวลและอ่อนโยนที่สุดเพื่อไม่ให้คนฟังต้องสะเทือนใจ
“อื้ม เลิกแล้ว” ร่างบางตอบสั้นๆ
“แล้วทำไมนายถึงยัง...” คยูฮยอนหยุดพูดแค่นั้น ร่างบางจึงต่อให้
“เรื่องรูปหน้าจอนั่นอ่ะเหรอ?”
ร่างสูงพยักหน้า
“ก็มันยังไม่มีรูปอื่นที่จะเอามาใส่แทนนี่นา แล้วรูปนี้ก็สวยดีออก ดูสิ ซีวอนล้อหล่อ” ฮันคยองพูดแล้วเผยรอยยิ้มกว้างราวกับว่าไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่กี่วันแล้ว
“ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลอะไรเลยนะที่เราจะทิ้งของทุกๆอย่างเกี่ยวกับแฟนเก่าหลังจากที่เลิกกันแล้วน่ะ ในเมื่อความทรงจำระหว่างซีวอนกับฉันมันก็มีแต่เรื่องดีๆทั้งนั้น ทุกครั้งที่ฉันเห็นของที่เขาให้มันก็ทำให้ฉันคิดถึงเขา และทุกครั้งที่ฉันคิดถึงเขาฉันก็มีความสุข แล้วอย่างงี้ฉันจะทิ้งของที่เขาให้หรือลบภาพของเขาไปเพื่ออะไรล่ะจริงมั้ย?” รอยยิ้มสดใสที่มาจากใจของร่างบางทำให้เด็กหนุ่มอดที่จะทึ่งไม่ได้
‘คนๆนี้...ทำไมถึงมองโลกในแง่ดีได้ขนาดนี้นะ? เขายังเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ แต่เขากลับแสดงออกเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่าง
แนบเนียนจริงๆ ถ้าไม่ได้เห็นความเศร้าในแววตาของเขา แม้แต่คนฉลาดอย่างผมเองก็คงจะเชื่อเหมือนกันว่าเขาไม่ได้รู้สึกเสียใจแล้ว’
“คยูฮยอน” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกเด็กนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกัน
“หืม?” ร่างสูงหันมาเลิกคิ้วให้อีกฝ่าย
“คือว่า เอ่อ ฉันไม่ได้ไล่นะ แต่ว่านี่มันก็จะสามทุ่มแล้ว พรุ่งนี้นายมีเรียนไม่ใช่เหรอ? เอ่อ ฉันว่า แบบว่านายกลับบ้านก่อนดีมั้ย?” ร่างบางพยายามสรรหาคำพูดให้ดูดีที่สุด กลัวว่าหากพูดอะไรให้คนฟังไม่พอใจจะโดนดุอีก
คยูฮยอนอดที่จะขำกับท่าทางของร่างบางไม่ได้...นี่คงจะกลัวว่าจะโดนเขาดุมากเลยสินะ อึกอักซะขนาดนั้นน่ะ...
“นั่นแหละ...แถวบ้านฉันเขาเรียกว่าไล่” เด็กหนุ่มพูดกลั้วหัวเราะก่อนที่จะลุกขึ้นจากโซฟา เขาเองก็พอจะรู้ตัวว่าได้เวลากลับบ้านแล้ว
เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวเมื่อนึกถึงภาพหนังสือกองโตที่เขาจะต้องกลับไปอ่านเพื่อเตรียมตัวสอบย่อยในวันพรุ่งนี้ เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียง
อ่อนโยนของร่างบางที่เอ่ยถามก่อนหน้านี้ว่าเขาไม่มีการบ้านเหรอ ซึ่งเขาก็ตอบไปว่ามีนิดเดียว
‘ผมไม่ได้โกหกนะ วันนี้ผมมีการบ้านนิดเดียวจริงๆ แต่พรุ่งนี้ผมมีสอบสองวิชาแค่นั้นแหละ อ่า~ แล้วคืนนี้ผมจะได้นอนมั้ยล่ะเนี่ย? ถึงผมจะเป็นอัจฉริยะก็เถอะนะ แต่ผมก็ไม่มีทางสอบได้คะแนนดีๆโดยที่ไม่แตะหนังสือหรอก’
“งั้นฉันกลับล่ะ” คยูฮยอนพูดเมื่อเขาเดินมาถึงประตูหน้าบ้านของร่างบาง
“อื้ม ขอบใจนะที่มาส่ง กลับบ้านดีๆล่ะ” ฮันคยองพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแล้วโบกมือลาอีกฝ่าย
“อ่าฮะ...เอ่อ...เจอกันพรุ่งนี้นะ ฝันดี” ร่างสูงพูดจบก็ปิดประตูใส่หน้าร่างบางอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนงงอยู่กับที่
เมื่อตั้งสติได้ ฮันคยองจึงคลี่ยิ้มออกมา
‘เจ้าเด็กคนนี้นี่ จะอ่อนโยนให้มันตลอดรอดฝั่งไม่ได้เลยหรือไงนะ?’
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
เช้าวันรุ่งขึ้น ฮันคยองได้รับโทรศัพท์จากบริษัทที่เขารับจ้างแปลเอกสารให้อยู่เป็นประจำ ขอให้เขาช่วยไปรับเอกสารจำนวนหนึ่งเพื่อนำมาแปลจากภาษาจีนเป็นภาษาเกาหลี
หลังจากที่ร่างบางเดินทางไปรับเอกสารเสร็จแล้ว เขาก็ตัดสินใจแวะดื่มกาแฟที่คอฟฟี่ช็อปใกล้ๆบริษัทพร้อมกับทานอาหารเช้าที่นั่นไปด้วยเลย
“พี่ฮันคยองครับ?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชื่อร่างบางอย่างกล้าๆกลัวๆเพราะไม่แน่ใจจะว่าใช่คนที่เขาคิดไว้หรือเปล่า
ร่างบางหันไปตามเสียงเรียกแล้วก็พบกับร่างสูงๆของเด็กชายแก้มป่องที่กำลังส่งยิ้มกว้างให้เขา ข้างๆกันนั้นมีเด็กหนุ่มร่างสูงท่าทางใจดีอีกคนยืนอยู่ด้วย
“พี่ฮันคยองจริงๆด้วย ตอนแรกคิดว่าจะทักคนผิดซะแล้ว” คิบอมพร้อมกับยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวสวย
“นาย...คิ...บอม?...คิบอมใช่มั้ย?” ฮันคยองถามออกไปอย่างไม่แน่ใจนัก เขาจำได้ว่าเด็กหนุ่มทั้งสองคนตรงหน้าเป็นเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกับคยูฮยอน แต่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจำชื่อของเด็กหนุ่มหนึ่งในสองคนนั้นถูกหรือเปล่า
“ครับ ดีใจจังที่พี่จำชื่อผมได้” เด็กหนุ่มพูดอย่างดีใจ ใบหน้าหล่อเหลาดูสดใสมากขึ้นไปอีก
“แล้วนาย...” ร่างบางหันไปมองเด็กหนุ่มร่างสูงอีกคนที่ยืนยิ้มอยู่ข้างคิบอม
“ผมโจวมี่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ฮันคยอง” ร่างสูงแนะนำตัวแล้วก้มหัวให้ร่างบางอย่างมีมารยาท
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ชื่อโจวมี่...นายเป็นคนจีนเหรอ?!” ฮันคยองถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยด้วยความดีใจ
“ครับ ผมเป็นคนจีน แต่ที่บ้านผมส่งมาเรียนมหา’ลัยที่นี่น่ะฮะ” โจวมี่ตอบกลับไปเป็นภาษาจีนทำให้ร่างบางยิ้มกว้างขึ้นไปอีก
“ดีใจจังเลยที่ได้เจอคนจีนที่นี่ พี่ขอเบอร์โทรศัพท์นายหน่อยสิโจวมี่ ว่างๆจะได้โทรคุยกัน นายไม่รังเกียจใช่มั้ย?” ฮันคยองที่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยที่เพิ่งได้เพื่อนใหม่เอ่ยถามร่างสูง
“ด้วยความยินดีครับพี่” ร่างสูงยิ้มกว้างก่อนที่จะบอกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองให้อีกฝ่ายกดบันทึก
“เอ่อ...” เด็กหนุ่มแก้มป่องที่ยืนเงียบอยู่นานส่งเสียงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนทั้งคู่ โดยเฉพาะรุ่นพี่ร่างบางที่ดูจะตื่นเต้นกับการได้พบ
เพื่อนร่วมชาติจนลืมไปแล้วว่าเขาก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
ร่างบางหันไปตามเสียงแล้วยิ้มเขินๆให้คิบอม
“เออใช่! พี่ขอเบอร์นายด้วยสิคิบอม เอาไว้ว่างๆจะได้คุยกัน” ฮันคยองพูดพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้คนแก้มป่องใจสั่น
“หา?! อ่ะ ครับ 08x-xxx-xxxx” คิบอมพูดรัวเร็วด้วยความตื่นเต้น
“เอ่อ...คิบอม พี่เป็นคนต่างชาตินะ พูดช้าๆหน่อยสิ” ร่างบางพูดแล้วยิ้มแห้งๆ
“โอ้ เอ่อ ขอโทษครับพี่ งั้นเอาใหม่นะฮะ 08x-xxx-xxxx” คิบอมพูดซ้ำอีกครั้งให้ช้ากว่าเดิม
“พวกนายไม่มีเรียนเหรอ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” ฮันคยองถามหลังจากที่แลกเบอร์โทรศัพท์กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“วันนี้พวกผมมีเรียนถึงสิบเอ็ดโมงแค่นั้นแหละครับ นี่ก็เพิ่งเรียนเสร็จ คิดว่าจะมาหาอะไรหวานๆทานสักหน่อย” คิบอมตอบพร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้ร่างบางตรงหน้าอย่างไม่คิดจะปิดบัง
‘ไอ้ของหวานๆที่ว่านี่ หมายถึงเค้กในร้านหรือว่าพี่ฮันคยองกันแน่เนี่ย? คุณชายคิม คิบอม’ โจวมี่คิดในใจ
“อ้าว แล้วคยูฮยอนล่ะ? ไม่ได้มาด้วยกันหรอกเหรอ?” ร่างบางถามด้วยความสงสัย ก็เมื่อวันก่อนเห็นอยู่ด้วยกันทั้งแก๊งค์เลยนี่นา
“ไอ้หมอนั่นมันกลับบ้านไปแล้วครับ บอกว่าจะรีบไปนอน ไม่รู้มันไปอดหลับอดนอนมาจากไหน เมื่อเช้ามันเกือบจะหลับในห้องสอบอยู่แล้ว”
โจวมี่พูดไปหัวเราะไปเมื่อนึกถึงภาพของเพื่อนรักหน้าหล่อที่ได้รับสมญานามว่าเจ้าชายหมาป่าที่กลายร่างเป็นหมีแพนด้าง่วงนอนเมื่อเช้านี้
“ดีแล้วล่ะครับที่มันไม่ได้มาด้วย ผมไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้มันเท่าไหร่หรอก คนอะไรก็ไม่รู้หลงตัวเองชะมัด ชอบพูดแต่เรื่องไร้สาระ ตลกฝืด
แถมจีบได้หมดทั้งผู้หญิงผู้ชายอีก ขอให้สวยน่ารักก็พอ” คิบอมพูดพร้อมกับทำหน้าเซ็งๆ
“แหะๆ ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ฮันคยองพูดแล้วยิ้มแห้งๆเมื่อได้ยินเด็กหนุ่มบรรยายถึงสรรพคุณของเพื่อนรัก(??)
‘เด็กวัยรุ่นเกาหลีสมัยนี้เขารักเพื่อนแบบแปลกๆนะครับ ผมล่ะตามไม่ทันจริงๆ =_=’
“นี่~ ไหนๆก็เจอกันแล้ว งั้นวันนี้ให้พี่เลี้ยงนะ อยากกินอะไรกันบ้างล่ะ?” ร่างบางถามอย่างใจดี
“อ๊ะ! ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ฮันคยอง” เด็กหนุ่มทั้งสองคนพูดขึ้นแทบจะพร้อมกันด้วยความเกรงใจ
“ฮะๆๆ ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า พี่ทำงานแล้วนะ เลี้ยงกาแฟเลี้ยงเค้กน้องแค่นี้ขนหน้าแข้งพี่ไม่ร่วงหรอก” ฮันคยองหัวเราะพลางคิดในใจ
‘พี่ได้ค่าจ้างตั้งวันละแสนห้าน้องเอ๊ย~ เลี้ยงน้องแค่นี้มันจะไปสะทกสะท้านอะไร?’
“แต่ว่า...” โจวมี่ยังคงมีสีหน้าลำบากใจ
“ตกลงครับพี่ฮันคยอง แต่คราวหน้าพี่ต้องให้ผมเลี้ยงพี่บ้างนะ” คิบอมพูดแล้วยิ้มกว้าง โจวมี่หันมามองเพื่อนอย่างงงๆ
“ได้เลย ป่ะ ไปหาที่นั่งกันเหอะ” ร่างบางพูดพร้อมกับคว้ามือเด็กหนุ่มทั้งสองคนแล้วออกแรงดึงให้ไปด้วยกัน
บรรยากาศที่โต๊ะของทั้งสามคนเต็มไปด้วยความสดใสและรอยยิ้ม โดยเฉพาะเด็กหนุ่มแก้มป่องที่ดูจะมีความสุขเป็นพิเศษและยิ้มกว้างกว่าใครๆ
ร่างบางเองก็มีความสุขมากเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามวันที่เขาได้หัวเราะอย่างมีความสุขขนาดนี้ ครั้งแรกในรอบสามวันที่เขาหัวเราะออกมาจากใจจริง
หลังจากที่ทั้งสามคนจัดการกับเครื่องดื่มและขนมหวานบนโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ร่างบางก็รับหน้าที่จ่ายเงินตามที่สัญญาเอาไว้แล้วขอตัวกลับบ้านไปก่อนเพื่อทำงานของตัวเอง
โจวมี่เหลือบตามองคิบอมที่เดินอยู่ข้างๆด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
‘เมื่อกี๊พวกคุณเห็นเหมือนผมใช่มั้ยครับ? คิม คิบอมมันยิ้ม ไอ้เจ้าชายน้ำแข็งคนนี้มันยิ้ม! ยิ้มกว้างชนิดที่ไม่กลัวเหงือกแห้งกันเลยทีเดียว
แถมหัวเราะไม่หยุดอีกต่างหาก มันเปลี่ยนไปอย่างกับเป็นคนละคนเลยครับ ผมชักจะสงสัยซะแล้วว่ากาแฟร้านนี้ผสมกัญชาหรืออะไรลงไปหรือเปล่า ทำไมเพื่อนผมถึงได้ทำตัวแปลกไปขนาดนี้?’
“โจวมี่” เด็กหนุ่มแก้มป่องเอ่ยเสียงเข้มจนคนที่ถูกเรียกถึงกับสะดุ้ง
“ห๊ะ?! มีอะไร?” โจวมี่ขานรับแล้วแอบปาดเหงื่อ
‘ขอย้ำอีกครั้งครับ คนจีนกลัวคนเกาหลี ยิ่งเป็นคนเกาหลีชื่อคิม คิบอม คนจีนยิ่งกลัว น้ำเสียงที่มันใช้พูดกับผมนี่ เหมือนมันจะฆ่าผมได้ทุกเวลาเลยอ่ะ’
“นายชอบพี่ฮันคยองหรือเปล่า?” คิบอมถามด้วยท่าทางจริงจัง ดวงตาคมเข้มสบตาของคู่สนทนาตรงๆเหมือนกับตำรวจที่กำลังสอบสวนผู้ต้องสงสัยยังไงอย่างงั้น
“หา?? พี่ฮันคยองอ่ะนะ? ชอบสิ ถามทำไม พี่ฮันคยองน่ารักขนาดนั้นใครจะไม่ชอบบ้างล่ะ?” โจวมี่ตอบซื่อๆแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายจ้องมองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ตอนนี้เองที่โจวมี่เริ่มจะเข้าใจอะไรมากขึ้น ทั้งสาเหตุที่เพื่อนตัวดีเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่ออยู่ต่อหน้ารุ่นพี่ร่างบางและสาเหตุที่เขาถูกอีกฝ่ายมองด้วยสายตาอาฆาตอยู่ในตอนนี้
“ฉันไม่ได้ชอบพี่ฮันคยองแบบนั้น ฉันหมายถึงว่าฉันชอบในฐานะที่เขาเป็นพี่ชายที่น่ารัก แล้วก็เป็นคนจีนเหมือนกับฉันเท่านั้นแหละ” ร่างสูงรีบอธิบาย
ได้ยินดังนั้นแล้วคิบอมก็มีท่าทางที่อ่อนลงทันที รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะเย็นชาอยู่ตลอดเวลา
“ถ้าอย่างงั้นก็ดี เพราะว่าฉันน่ะ...ตกหลุมรักพี่ฮันคยองเข้าแล้วล่ะ”
To be continued
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
Talk: จบตอน100%แล้วค่ะ ตอนนี้ยาวกว่าตอนอื่นๆหน่อย เพราะว่ากว่าจะได้ต่อตอนหน้าก็คงอีกสักพัก(ใหญ่ๆ =_=”)
อาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมแล้วอ่ะค่ะ อยู่ม.6แล้วด้วย ต้องจัดการเรื่องมหาวิทยาลัยค่ะ คงจะมาลงฟิคได้ไม่บ่อยเหมือนเดิม
(จะพยายามมาต่อภายในเวลาไม่เกิน2สัปดาห์ แต่อาจจะต้องลงทีละครึ่งตอนอะไรแบบนี้อ่ะค่ะ T-T )
ช่วยติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า~ >w<
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ พวกคุณทำให้ไรเตอร์มีกำลังใจจริงๆ ^^
รักคนอ่านทุกคนคะนะ เจอกันตอนหน้าค่ะ ^3^
ความคิดเห็น