คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : The Perfect Boy Next Door Part 8 ครบ 100% แล้วค่ะ
Title: The perfect boy next door
Author: imazawa
Pairing: Kyuhyun/Hangeng
Rate: PG-13
Part 8
สองหนุ่มใช้เวลากับการเรียนและการสอนเปียโนไปกว่าสองชั่วโมง โดยที่มีเสียงบ่นกระปอดกระแปดของเด็กหนุ่มร่างสูงดังคลอไปกับเสียงเปียโนแทบจะตลอดเวลา
“เฮ้ย! นายสั่งให้ฉันเล่นโน้ตตัวนี้ซ้ำๆมาตั้งครึ่งค่อนชั่วโมงแล้วนะ! เป็นโรคจิตย้ำคิดย้ำทำหรือเปล่าเนี่ย?!” คยูฮยอนพูดอย่างหัวเสียพร้อมกับทำท่าจะกระแทกมือลงบนคีย์เปียโนแต่มือบางก็รีบห้ามเอาไว้ก่อน
“อย่านะคุณชาย!” ฮันคยองเอ่ยห้ามพร้อมกับรั้งมือเรียวของอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ร่างสูงทำร้ายตัวเองได้อย่างที่ใจคิด
“คนที่จะเรียนเปียโนได้น่ะต้องมีความอดทนแล้วก็ใจเย็นมากนะ นายจะมางอแงแล้วก็ทำตัววู่วามแบบนี้ไม่ได้!” เมื่อวิญญาณครูเข้าสิง ร่างบางก็มีความกล้าพอที่จะดุคนตรงหน้า
“ฉันไม่ได้อยากเรียนเปียโนบ้าๆนี่ นายก็รู้!” ร่างสูงขึ้นเสียงจนร่างบางถึงกับสะดุ้งเฮือก มือบางที่จับมือของเด็กหนุ่มเอาไว้ถูกชักกลับโดยอัตโนมัติ
ท่ามกลางความเงียบที่ชวนให้อึดอัดภายในห้องนอนสีโมโนโทนของเด็กหนุ่ม ความรู้สึกที่แตกต่างก็เกิดขึ้นในหัวใจของคนทั้งคู่
คนหนึ่ง...น้อยใจ
‘นั่นสินะ...เขาไม่ได้อยากเรียนเปียโนตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ แต่ว่า...เขาคงไม่ได้เกลียดเปียโนหรอก เพราะตลอดเวลาที่ผมสอนเขาก็เชื่อฟังดี ถึงจะ
บ่นบ้างอะไรบ้างแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมทำตามที่ผมสอน ที่เขาทนไม่ได้คงเป็นเพราะว่าผมเป็นคนสอนมากกว่าล่ะมั้ง ที่เขาเกลียดน่ะไม่ใช่เปียโนแต่เป็นผมต่างหากล่ะ ผมเลิกสอนเขาตั้งแต่ตอนนี้เลยจะดีกว่ามั้ยนะ?’
อีกคนหนึ่ง...รู้สึกผิด
‘ให้ตายเถ๊อะ! เขาจะเป็นคนอ่อนไหวง่ายไปถึงไหนเนี่ย? ขึ้นเสียงนิดหน่อยทำมาเป็นซึม ชิ! เห็นแล้วมันอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้สิน่า ที่ผมตวาดเขาไปเมื่อกี๊นี้ไม่ใช่เพราะว่าผมจงเกลียดจงชังอะไรเขานักหนาหรอกนะ แต่เสียงนุ่มอ่อนโยนที่เขาใช้พูดกับผม แววตาใส่ซื่อบริสุทธิ์ของเขา รอยยิ้มหวานๆ แล้วไหนจะยังมือนิ่มๆที่กุมมือผมอยู่แทบจะตลอดเวลานั่นอีก มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกดีหรือไม่ดี แต่คงจะเป็นอย่างหลังมากกว่า ก็ผมไม่ได้ชอบเขานี่ จะไปรู้สึกดีกับเขาได้ยังไง? ที่แน่ๆ เขากำลังทำให้ผมสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป พอรู้อย่างงั้นแล้วผมก็รู้สึก
หงุดหงิดขึ้นมาซะเฉยๆ อ่า ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าผมกำลังขุดหลุมฝังตัวเองยังไงอย่างงั้นเลยแฮะ ก็เขาไม่ได้รู้นี่นาว่าผมคิดอะไรหรือรู้สึกยังไง อยู่ๆก็โดนผมว๊ากใส่ซะงั้น โอเค๊ คราวนี้ผมผิดเอง ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ขอโทษก็ได้’
“ขอโทษ” เด็กหนุ่มพูดสั้นๆ โชคดีเหลือเกินที่เขาเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน เพราะหากคนที่เริ่มเปิดประเด็นเป็นร่างบางที่กำลังนั่งซึมอยู่ตอนนี้ล่ะก็ วันนี้อาจจะเป็นวันแรกและวันสุดท้ายสำหรับการเรียนเปียโนของเขาก็เป็นได้
ฮันคยองพยักหน้ารับรู้เท่านั้นแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบ ไม่ใช่เพราะโกรธแต่เพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียซ้ำอีกมากกว่า
“ฉันหิวเลยอารมณ์ไม่ดี ขอโทษ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเงียบ คุณชายโจ คยูฮยอนจึงเอ่ยคำขอโทษออกมาเป็นครั้งที่สองภายในเวลาไม่ถึงห้านาทีซึ่งถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่แปดของโลกเลยก็ว่าได้
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันผิดเองที่ทำให้นายรู้สึกแย่แบบนั้น” ฮันคยองพูดยิ้มๆแต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายอยู่ดี
เด็กหนุ่มถอนหายใจพรืดด้วยความไม่สบอารมณ์
“ฉันโมโหหิวมันก็เป็นเรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนายสักหน่อย เลิกโทษตัวเองสักทีได้มั้ย? ฟังแล้วหงุดหงิดชะมัด” ร่างสูงบ่นอุบอิบ การที่ร่างบางพูดแบบนี้มันทำให้ความรู้สึกผิดที่อัดแน่นอยู่ในอกเขาเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ในที่สุดร่างบางก็เงยหน้าขึ้นมาจนได้
“งั้น...วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกันโอเคมั้ย? เดี๋ยวฉันไปทำข้าวเย็นให้กิน” ฮันคยองพูดพร้อมกับรอยยิ้มฝืดๆเพราะยังรู้สึกอึดอัดกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
“อืม” ร่างสูงตอบเรียบๆแล้วลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ
“เอ้อ แล้วคุณลุงกับคุณป้าล่ะยังไม่กลับมาเหรอ? พวกท่านเป็นคนชวนฉันให้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันนี่นา นายทนหิวไหวมั้ย? รอพวกท่านกลับมาก่อนได้หรือเปล่า?” ร่างบางถามเสียงอ่อย ทั้งรู้สึกกลัวร่างสูงตรงหน้า แต่ก็เกรงใจหากจะทานข้าวกันไปก่อนโดยที่ไม่รอผู้ใหญ่
สิ้นเสียงร่างบาง เด็กหนุ่มที่กำลังยืนบิดขี้เกียจอยู่ก็ถึงกับชะงัก เขาสาบานได้ว่าได้ยินเสียงกระดูกช่วงเอวของตัวเองบิดดัง “กึก” ซึ่งเกิดจากการที่เขาขยับตัวผิดจังหวะ
‘ถ้าต้องรอจนพ่อกับแม่กลับมาผมมีหวังหิวไส้ขาดตายก่อนแน่ๆครับ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ตอนกลับถึงบ้านนี่เองว่าวันนี้พวกท่านมีประชุมคณะกรรมการบริหารบริษัท กว่าจะกลับก็คงจะเหยียบๆเที่ยงคืนนู่นแหละมั้ง ดูเหมือนว่าคนจีนที่อยู่ตรงหน้าผมนี่เขาจะไม่ได้เอะใจสักนิดเลยนะว่าคนที่ชวนเขา
อยู่ทานเข้าวเย็นด้วยกันคือผมเอง ไม่ใช่พ่อกับแม่ของผมอย่างที่เขาเข้าใจ’
“เอ่อ...คือ...ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้พ่อกับแม่ฉันมีประชุมน่ะ กว่าจะกลับคงดึก ท่านบอกให้พวกเรากินไปก่อนได้เลย” คยูฮยอนพูดโดยที่ไม่ยอมมองหน้าคู่สนทนา เขารู้ตัวดีว่าสายตาของเขาจะต้องล่อกแล่กจนร่างบางจับได้แน่ๆหากได้สบตาเขาตอนนี้
ฮันคยองขมวดคิ้วด้วยความสงสัยกับท่าทางที่มีพิรุธของเด็กหนุ่มแต่ก็ไม่อยากซักไซ้อะไรมาก เขายอมรับว่าตัวเองรู้สึกปลอดภัยกว่าหากพ่อกับแม่ของเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ด้วย แต่ก็ใช่ว่าเขาจะรู้สึกอึดอัดมากเสียจนทนไม่ได้หากต้องอยู่กับเด็กหนุ่มเพียงสองต่อสอง
“อย่างงั้นเหรอ? งั้น...เราลงไปข้างล่างกันเลยมั้ย? นายอยากกินอะไรล่ะเดี๋ยวฉันทำให้?” ร่างบางถามพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้หัวใจของ
เด็กหนุ่มเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง
“อะ อะไรก็ได้ ในตู้เย็นมีอะไรก็ทำๆไปเถอะ แต่ทำให้มันอร่อยอย่างที่คุยไว้แล้วกัน” ร่างสูงยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงท้าทาย
“แน่น๊อน! รับรองนายจะต้องขอให้ฉันทำให้กินอีกบ่อยๆแน่” หนุ่มชาวจีนพูดอย่างมั่นใจก่อนที่จะวิ่งนำหน้าร่างสูงลงไปชั้นล่าง
คยูฮยอนส่ายหน้าเล็กน้อยกับท่าทางที่เหมือนเด็กๆของอีกฝ่าย
‘ได้ข่าวว่าเขาอายุมากกว่าผมตั้งเกือบๆห้าปีนะนั่น’
ขายาวของเด็กหนุ่มค่อยๆก้าวลงบนไดแต่ละขั้นด้วยท่วงท่าสง่างามซึ่งเกิดจากการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่แล้วเมื่อลงมาเกือบถึงชั้นล่าง ร่างสูงก็ต้องสะดุดกึกเมื่อได้เจอกับร่างบางของคนที่เพิ่งจะวิ่งลงมาก่อนหน้านี้ยืนขวางอยู่ที่บนไดขั้นสุดท้ายพร้อมกับหันซ้ายหันขวาอย่างเลิกลั่ก
“ทำอะไรของนายน่ะ?!” คยูฮยอนเอ่ยถามเสียงเข้มทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกราวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำความผิด
“อ้าวๆ สะดุ้งซะขนาดนี้นี่มันน่าสงสัยนะ นายคิดจะขโมยของจากบ้านฉันหรือเปล่าเนี่ย?” เด็กหนุ่มถามล้อๆ ส่วนร่างบางก็ได้แต่ค้อน
ประหลับประเหลือก
“นี่นาย...” ฮันคยองเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
“อะไร?” คยูฮยอนเลิกคิ้ว
“ห้องครัวไปทางไหน?” พูดจบฮันคยองก็แทบจะแทรกแผ่นดินหนี นี่มันน่าอายชะมัดเลยไม่ใช่เหรอ? มาทำตัวเป็นบ้านนอกเข้ากรุงต่อหน้าเจ้าเด็กคนนี้
‘โธ่เว้ย! จริงๆแล้วฉันไม่ได้ผิดนะ บ้านนายมันใหญ่เกินไปต่างหากล่ะ!’
“อุ๊บ ฮ่าๆๆๆ ไอ้ที่วิ่งลงมาอย่างมั่นใจเมื่อกี๊ สุดท้ายแล้วนายก็ไม่รู้ว่าห้องครัวไปทางไหนเนี่ยนะ? ติ๊งต๊องจังว่ะ ฮ่าๆๆ” เด็กหนุ่มระเบิดหัวเราะอย่าง
ไม่เกรงใจ
“หยุดหัวเราะได้เมื่อไหร่ก็โทรไปตามฉันด้วยละกัน ฉันจะกลับบ้านแล้ว!” ฮันคยองพูดพร้อมกับทำท่าจะวิ่งออกไปจริงๆแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยปากห้ามอย่างที่เขาคิดไว้
ร่างบางหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่ส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เดิมๆมาให้เขา
“ไม่คิดจะห้ามกันหน่อยเหรอ?” ร่างบางถามตรงๆ
“นายจำไม่ได้หรอกว่าทางออกอยู่ไหน” คยูฮยอนยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นต่อ ส่วนฮันคยองนั้นก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า
‘ผมล่ะหวังเหลือเกินให้เจ้าเด็กนี่มันฉลาดน้อยกว่านี้หน่อย! ทำไมเขาถึงได้รู้ไปหมดซะทุกเรื่องแบบนี้นะ? ใช่! ฉันไม่รู้ว่าทางออกอยู่ไหน
พอใจหรือยัง?! ทั้งหมดนี่ฉันไม่ผิดนะ ก็บอกแล้วไงว่าบ้านนายมันใหญ่เกินไป!’
“ทีนี้ จะเลิกทำตัวเป็นเด็กน้อยมีปัญหา เอะอะอะไรก็หนีออกจากบ้าน แล้วไปทำอาหารเย็นให้ผมทานได้หรือยังครับ? คุณครู?” น้ำเสียงเจ้าทุ้มต่ำที่พูดอยู่ใกล้ๆหูทำเอาร่างบางรู้สึกขนลุกแปลกๆ เสี้ยววินาทีหนึ่ง เขารู้สึกว่าอยากจะปล่อยหมัดเสยคางเด็กเจ้าเล่ห์ตรงหน้าให้สลบเหมือดไปซะให้มัน
รู้แล้วรู้รอด
“ก็บอกฉันมาดีๆสิว่าห้องครัวไปทางไหน?!” ปลายเสียงสะบัดห้วนบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“ทางนี้ ตามฉันมา” ร่างสูงพูดยิ้มๆ การที่ได้เห็นใบหน้าตอนกำลังโกรธของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกสนุกจนอยากจะแกล้งต่อไปอีกเรื่อยๆ แต่เขาก็ฉลาดมากพอที่จะรู้ว่าหากเขาทำแบบนั้น วันนี้คงจะไม่ได้กินข้าวเย็นฝีมือร่างบางแน่ๆ
ฮันคยองเดินตามเด็กหนุ่มไปยังอย่างว่าง่าย เมื่อไปถึง บรรยากาศของห้องครัวที่เรียบง่ายแต่ทว่าหรูหราและทันสมัยก็ทำให้ร่างบางยิ้มออกมา
ความรู้สึกขุ่นเคืองเมื่อสักครู่นี้หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดวงตาใสๆสะท้อนภาพอุปกรณ์ทำครัวที่วางเรียงรายตรงหน้าเหมือนกับเด็ก
ตัวน้อยๆที่ตื่นเต้นเมื่อได้เดินเข้าไปในมุมขายของเล่นไม่มีผิด
“จะใช้เวลาประทับใจอีกนานมั้ย? ฉันจะได้ต้มบะหมี่กินไปพลางๆก่อน” ร่างสูงประชดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสนอกสนใจของใช้ในห้องครัวจนลืมไปแล้วว่ายังมีเขาที่ยืนรออยู่ตรงนี้
ฮันคยองหันมายิ้มแหยๆให้อีกฝ่ายก่อนที่จะเดินตรงไปยังหน้าตู้เย็น
“งั้นฉันไม่เกรงใจล่ะนะ” ร่างบางพูดก่อนที่จะเปิดตู้เย็นออก สำรวจของสดที่อยู่ภายใน
ชายหนุ่มมองวัตถุดิบมากมายที่ถูกแช่อยู่อย่างใช้ความคิดก่อนที่จะหยิบเนื้อหมู ไข่ และผักสองสามชนิดออกมา จากนั้นก็ตรงไปเลือกอุปกรณ์ที่จะใช้ประกอบอาหารอย่างคล่องแคล่ว
“นี่นาย” ฮันคยองเอ่ยขึ้นพร้อมกับเปิดลิ้นชักหลายๆอันราวกับว่ากำลังหาอะไรบางอย่าง
“อะไร?” ร่างสูงถามห้วนๆ
“ที่นี่มีผ้ากันเปื้อนมั้ย?”
“มีสิ! ของแค่นี้ ก่อนถามนี่ได้คิดก่อนมั้ยเนี่ย?” คยูฮยอนกัด
“แล้วมันอยู่ไหนเล่า?!” ฮันคยองว๊ากออกมาบ้าง ร่างสูงถึงกับเงียบไปเลยทีเดียว
เขาไม่เคยเข้าครัว ไม่แม้แต่คิดจะช่วยแม่ทำกับข้าว อย่างมากที่สุดก็แค่ต้มบะหมี่ในไมโครเวฟเท่านั้น แล้วเขาจะเคยใช้ผ้ากันเปื้อนได้ยังไงกัน?
และในเมื่อไม่เคยใช้ เขาจะรู้มั้ยว่ามันอยู่ส่วนไหนของห้องครัว?
“เงียบทำไม? อย่าบอกนะว่าไม่รู้” ร่างบางถามด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ
เห็นแบบนั้นแล้ว คนที่ไม่เคยยอมแพ้ใครอย่างคยูฮยอนน่ะเหรอจะบอกความจริงว่าตัวเองไม่รู้? เฮอะ! ไม่มีทางหรอก!
เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไรเพียงแต่เดินไปเปิดตู้ใต้อ่างล้างจานด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจเต็มที่ แต่แล้วก็ต้องหน้าซีดเมื่อพบว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังมองหาไม่ได้
อยู่ในนั้น เขาปกปิดความตกใจเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน เรื่องอะไรจะยอมหน้าแตกต่อหน้าคนๆนี้กันเล่า?
มือเรียวเปิดประตูตู้ถัดไปราวกับไม่มีอะไรเกิดแต่ก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อไม่พบกับของที่มองหาอีกครั้ง ร่างสูงเริ่มร้อนรนขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดก็ถึงขั้นที่เรียกได้ว่า “สติแตก” เขาวิ่งวุ่นไปทั่วครัว เปิดตู้นู้นลิ้นชักนี้เสียจนเกือบหมดแต่ก็ยังไม่เจอผ้ากันเปื้อนสักผืน
“เอ่อ...ฉันว่าให้แม่บ้านช่วยหาดีกว่ามั้ย?” ฮันคยองถามพร้อมกับส่งรอยยิ้มปลอบใจมาให้อีกฝ่าย เขาเข้าใจความรู้สึกของเด็กหนุ่มดีว่าคงไม่อยากจะเสียหน้าต่อหน้าเขา จริงๆเขาเองก็รู้สึกขำไม่น้อยเหมือนกันเมื่อได้เห็นอาการของคนตรงหน้า แต่ก็ใจอ่อนเกินกว่าที่จะแกล้งอีกฝ่ายได้
“อยากหัวเราะใช่มั้ยล่ะ?” เด็กหนุ่มถามก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยความเหนื่อยล้า เขายอมแพ้แล้ว
“อืม อยากหัวเราะ” ร่างบางตอบตรงๆแล้วนั่งลงข้างอีกฝ่าย
ร่างสูงมองการกระทำของหนุ่มชาวจีนอย่างไม่เข้าใจ
“แต่ไม่หัวเราะหรอก สงสารเด็กแถวนี้ เดี๋ยวจะแทรกแผ่นดินหนีไม่ทัน” ฮันคยองพูดยิ้มๆแล้วตบไหล่ของอีกฝ่ายสองสามที
“ช่างมันเถอะผ้ากันเปื้อนน่ะ ไม่ต้องหาแล้ว ถ้าเสื้อเปื้อนเดี๋ยวค่อยซักก็ได้ ฉันทำกับข้าวให้นายกินก่อนดีกว่า หิวแย่แล้วล่ะสิ?” ร่างบางถามพร้อม
รอยยิ้มอ่อนโยนแล้วทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมอาหารต่อแต่ก็ถูกมือเรียวของคนที่ยังนั่งอยู่ฉุดเอาไว้
“รอแป๊บ เดี๋ยวฉันไปถามแม่บ้านให้” คยูฮยอนพูดแล้วลุกขึ้นเดินหายออกไปจากห้องสักพัก ก่อนที่จะกลับมาพร้อมกับผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแหววในมือที่ทำให้ร่างบางอดที่จะทำหน้ากระอักกระอ่วนไม่ได้เมื่อเห็นมัน
“คือว่าฉันก็ไม่ได้อยากจะเรื่องมากอ่ะนะแต่ว่า...” ร่างบางพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบ
“มีสีนี้สีเดียว แม่ฉันไปซื้อยกโหลมา” ร่างสูงตอบราวกับอ่านใจอีกฝ่ายได้
“...เอ่อ...อืม งั้นใช้ก็ได้...” ชายหนุ่มรับผ้ากันเปื้อนมาสวมอย่างปลงๆ
‘ก็ไม่ได้รังเกียจอะไรสีชมพูนักหนาหรอกนะ แค่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับตัวผมเท่านั้นเอง ผมไม่ใช่..ชื่ออะไรนะ อ่อ พี่ซองมินของเขานี่’
ฮันคยองหั่นผักและเนื้อหมูอย่างคล่องแคล่วก่อนที่จะหันไปตั้งกระทะแล้วเริ่มต้นผัดข้าวผัดแสนอร่อย เขาจดจ่ออยู่กับการทำอาหารจนลืมใส่ใจสิ่ง
รอบข้างรวมถึงการมีตัวตนของร่างสูงไปชั่วขณะ
คยูฮยอนมองใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบางๆของอีกฝ่ายแล้วก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ มีความสุขเหลือเกินนะ...คุณครู
“เฮ้! ใจลอยไปถึงไหนแล้วเนี่ยหนุ่มน้อย?!” ร่างบางพูดแล้วยื่นจานใบใหญ่ที่ใส่ข้าวผัดร้อนๆส่งกลิ่นหอมกรุ่นหน้าตาน่ากินให้คนตรงหน้า
“อ๊ะ! โทษที เสร็จแล้วเหรอ?” ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มเขินๆที่ร่างบางเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“อื้ม” ฮันคยองยิ้มกว้าง
“นายไปกินก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวฉันขอจัดการกับอุปกรณ์พวกนี้หน่อยแล้วจะตามไปทีหลัง” ร่างบางพูดเสริมก่อนที่จะพยักเพยิดให้อีกฝ่ายออกไปก่อน
“ไม่ต้องหรอก งานพวกนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของแม่บ้านเถอะ” คยูฮยอนพูดแล้วถือวิสาสะคว้าข้อมืออีกฝ่ายพร้อมกับออกแรงดึงให้ไปด้วยกัน
“แต่ว่า...”
“เป็นครูสอนเปียโนอย่างเดียวก็รวยแล้วน่า ไม่ต้องเป็นแม่บ้านพาร์ทไทม์อีกอย่างหรอก” เด็กหนุ่มทำแกล้งเสียงดุ จนในที่สุดอีกฝ่ายก็ต้องยอมเดินตามเขาไปยังโต๊ะกินข้าวอย่างว่าง่ายโดยปล่อยอุปกรณ์ทำครัวที่ใช้แล้วให้เป็นหน้าที่ของแม่บ้านเก็บกวาดต่อไป
ทันทีที่ทั้งคู่เดินมาถึงห้องอาหาร ร่างสูงก็รีบนั่งประจำที่แล้วลงมือกินข้าวผัดในจานทันทีด้วยความหิวโดยมีร่างบางนั่งลุ้นตัวโก่งอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“??!!” คยูฮยอนถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ลิ้มรสข้าวผัดฝีมือร่างบางเข้าไปคำแรก
ฮันคยองหน้าเสียเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าลำบากใจ มือเรียวก็ชะงักค้างไม่ยอมตักข้าวคำต่อไปเข้าปาก
“เอ่อ...รสชาติมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” ร่างบางกลั้นใจถามแต่ร่างสูงก็ยังคงนั่งนิ่ง ทำหน้าราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
‘ให้ตายเถอะ! ทำไมมันถึงได้อร่อยขนาดนี้เนี่ย?! หวังว่าผมคงไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกไปนะ ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะบอกว่าผมจะต้องติดใจฝีมือของเขาจนต้องขอร้องให้เขาทำให้กินอีกแน่ๆ ตอนนั้นผมทำหน้าไม่เชื่อสุดขีดเลย แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะรู้สึกอย่างงั้นขึ้นมาซะแล้วล่ะ ถ้าพูดออกไปตรงๆว่าอยากให้ทำให้กินอีก เขาคงจะหัวเราะเยาะผมแน่ๆ แต่ผมก็อยากกินอีกจริงๆนี่ ต้องพูดยังไงถึงจะไม่เสียฟอร์มนะ? อ๊ะ นึกออกแล้ว!’
“นี่!” ร่างสูงเอ่ยเสียงเข้ม
“อะ อะไรเหรอ?” ร่างบางถามอย่างหวาดๆ ฝีมือของเขามันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วนี่เขาจะโดนด่าหรือเปล่าเนี่ย?
“คราวหน้าทำอย่างอื่นให้กินบ้างสิ!” เด็กหนุ่มพูดเป็นเชิงสั่งก่อนที่จะก้มหน้าก้มตากินข้าวผัดจานใหญ่ต่อไป
“ฮะๆๆ แสดงว่าอร่อยใช่มั้ย? ฉันบอกนายแล้วว่าฝีมือทำอาหารของฉันน่ะมันสุดยอดขนาดไหน แม้แต่นายก็ต้องขอร้องให้ฉันทำให้กินอีก
เห็นมั้ยล่ะๆ?” ร่างบางพูดพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ใช่! ฉันไม่ได้ขอให้นายทำให้กิน ‘อีก’ ซะหน่อย คำว่า ‘อีก’ เนี่ยมันต้องใช้กับการทำอะไรซ้ำสองครั้งขึ้นไป แต่นี่ฉันให้นายทำอาหารอย่างอื่น
ให้กิน ไม่ใช่ข้าวผัด นายไม่ได้ทำอาหารอย่างเดิมซ้ำ เพราะฉะนั้นนายจะใช้คำว่า ‘อีก’ ไม่ได้ ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าฉันไม่ได้ติดใจฝีมือนายจนต้อง
ขอร้องให้นายทำให้กินอีก” คยูฮยอนร่ายยาวส่วนร่างบางก็ได้แต่นั่งอึ้ง
นี่ภาษาเกาหลีของเขาอ่อนแอมากจนเขาไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ร่างสูงพูดได้ หรือว่าจริงๆแล้วร่างสูงตรงหน้ามันกำลังแถอยู่กันแน่นะ?
“เอ่อ จะอะไรก็ช่างเหอะนะ แต่ช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่าตกลงข้าวผัดจานนี้มันอร่อยหรือเปล่า?” ฮันคยองถามงงๆ ยังสับสนกับคำพูดของร่างสูง
เมื่อสักครู่นี้ไม่หาย
“......” เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตากินต่อไม่ยอมตอบอะไร
“คุณชายคยูฮยอนสุดหล่อคร๊าบ~” น้ำเสียงออดอ้อนทำให้ร่างสูงต้องยอมเงยหน้าขึ้นมา แต่ก็ต้องพบว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ สายตาเว้าวอนร้องขอคำตอบจากเขาทำให้คยูฮยอนใจอ่อนในที่สุด
“อืม...ก็อร่อยดี” ร่างสูงตอบแล้วตักข้าวคำต่อไปเข้าปากอย่างรวดเร็วเพื่อปกปิดความเขิน
ฮันคยองมองคนตรงหน้าที่กำลังกินข้าวผัดจานใหญ่ที่เขาภูมิใจนำเสนอด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะตักข้าวจากจานของตัวเองใส่จานอีกฝ่ายเสียเกือบครึ่ง
“??!!” เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ
“ถ้าอร่อยก็กินเข้าไปเยอะๆ นายยังสูงได้อีก ส่วนฉันน่ะ กินเข้าไปก็ออกข้างอย่างเดียวแล้ว” ร่างบางอธิบายพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนที่จะลงมือกินข้าวส่วนที่เหลือในจานของตัวเองบ้าง
ร่างสูงมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆสักพัก
“ขอบคุณ” ริมฝีปากเรียวขยับเป็นคำว่าขอบคุณโดยที่เขาเองแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมถึงพูดคำๆนี้ออกไปได้อย่างง่ายดาย ในเมื่อปกติกว่าจะง้างปากให้เขาพูดคำๆนี้ได้นั้นต้องใช้เวลาเป็นครึ่งค่อนวันเลยทีเดียว
ฮันคยองพยักหน้ารับยิ้มๆ ความรู้สึกปลื้มใจเกิดขึ้นในอกโดยที่เขาไม่ห้ามมันได้
“เอ่อ...” ร่างสูงเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
“อะไรเหรอ?” ฮันคยองถามพร้อมกับเหลือบตาขึ้นมามองอีกฝ่าย
“กินข้าวเสร็จแล้วฉันไปส่งที่บ้านนะ” คยูฮยอนพูดรัวเร็วชนิดที่ไม่เกรงใจเลยว่าคู่สนทนาซึ่งเป็นคนต่างชาติอาจจะฟังไม่ทัน โชคดีที่ฮันคยองเคย
ทำงานเป็นล่ามหลายครั้ง เขาจึงได้มีโอกาสสัมผัสกับภาษาเกาหลีทุกรูปแบบ
“นายไม่มีการบ้านเหรอ? ฉันไม่รบกวนดีกว่ามั้ง” ร่างบางพยายามบ่ายเบี่ยง
“มีนิดเดียว ไปส่งนายแล้วค่อยกลับมาทำก็ได้ วันนี้ฉันเซ็งๆ ขอไปเปลี่ยนบรรยากาศที่บ้านนายหน่อยก็แล้วกัน หรือว่านายมีปัญหา?” ประโยคหลังร่างสูงถามเป็นเชิงขู่เล็กๆ
“เปล่าๆ ไม่มีหรอก อยากไปก็ไปสิ” ชายหนุ่มตอบแล้วหันไปจัดการข้าวผัดที่เหลือจนหมดทั้งๆที่ยังรู้สึกแปลกใจกับการกระทำของคนตรงหน้า
‘ผมคิดไปเองหรือเปล่านะว่าบรรยากาศรอบๆตัวเราสองคนมันดูอบอุ่นขึ้นกว่าตอนที่เราเจอกันเมื่อเย็น เขาดูเป็นมิตรกับผมมากขึ้นถึงการแสดงออกจะ.........นะ พวกคุณก็รู้ อ่า...แต่ผมฟันธงได้เลยว่าเขาต้องเป็นโรคจิตแน่ๆ เขาไม่ชอบผม แต่ก็ยังจะพาผมไปส่งที่บ้านทั้งๆที่พ่อกับแม่เขาก็ไม่ได้สั่งเนี่ยนะ? ชอบทรมานตัวเองแบบนี้มันโรคจิตชัดๆเลยนี่นา ฮ้า~ แต่ผมรู้สึกดีใจยังไงก็ไม่รู้สิที่ได้รับมิตรภาพจากเขา ถึงมันจะเล็กน้อยแล้วก็อาจจะฝืนความรู้สึกของเจ้าตัวก็เถอะ ผมอยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปหรือไม่ก็ให้มันดีกว่านี้จัง...ความรู้สึกระหว่างเราน่ะ’
‘ผมทำบ้าอะไรลงไปอีกแล้ว? วันนี้ผมดูจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไปหลายครั้งเลยนะ อย่างแรกก็ไปตวาดเขา หลังจากนั้นก็พูดคำว่าขอโทษติดๆกันถึงสองครั้ง แล้วไหนจะคำว่าขอบคุณเมื่อกี๊นี้อีก ล่าสุดผมเพิ่งจะอาสาไปส่งเขาที่บ้านทั้งๆที่ไม่ได้มีใครใช้ทำให้เลย เจ๋ง! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับสมองอัจฉริยะของผมเนี่ย? ทำไมผมถึงทำอะไรงี่เง่าๆลงไปได้มากมายขนาดนี้? ผมเรียนหนักเกินไปหรือเปล่านะ? ผมไม่ได้เกลียดเขา แต่ก็ไม่ชอบขี้หน้า เพราะงั้นผมก็ควรที่จะอยู่ห่างเขาเข้าไว้สิ แต่ไม่รู้ทำไม...ผมถึงไม่รู้สึกแย่เลยสักนิด กลับรู้สึก...เอ่อ...รู้สึกดีนิดนิ๊ดด้วยซ้ำ ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ’
To be continued
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
Talk: มาต่อครบแล้วค่ะ เมื่อคืนนี้เว็บมันมีปัญหา กดโพสต์แล้วมันขึ้นไม่ครบทั้งตอน แล้วหลังจากนั้นก็เข้าไปแก้ไขไม่ได้เลย =_=”
ตอนนี้สั้นหน่อยนะคะ เหมือนกับว่ามันเป็นส่วนเติมเต็มของตอนที่แล้วมากกว่าอ่ะค่ะ แหะๆ ^^”
ตอนนี้หมาป่าคยูกับฮันนี่เริ่มมีความรู้สึกดีๆให้กันและกันมากขึ้นอีกนิดนึงแล้วแหละ(เร็วไปมั้ยคะนี่?) อิๆๆๆ
ถ้าเห็นว่าเนื้อเรื่องมันเอื่อยเกินไป อยากให้รวบหน่อยหรืออยากให้ดำเนินเรื่องเร็วกว่านี้ก็บอกกันได้นะคะ ^^
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ มีความสุขมากที่ได้แต่งเรื่องนี้ แล้วก็ดีใจมากเลยที่มีคนอ่าน เจอกันตอนหน้าค่ะ ^^
ความคิดเห็น